ทริปถ่ายรูป อุทยานหินเขางู-ตลาดน้ำอัมพวา
ครั้งล่าสุดที่ได้ไปทริปถ่ายรูปกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ กลุ่มดำน้ำ ต้องย้อนหลังไปเกือบสองปีเลยครับ ตอนนั้นไปวัดพระนอน-ตลาดสามชุก-พิพิธภัณฑ์บ้านควาย ที่ จ. สุพรรณบุรี
พี่โก้แห่ง www.fundive.biz ซึ่งตอนนี้ได้มาเป็น Instructor เต็มตัวแล้ว ได้จัดทริปแบบนี้ขึ้นมาอีกครับ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ อุทยานหินเขางู จ. ราชบุรี โดยมีพี่หมอหมู(Suriyanun) เจ้าถิ่น เป็นคนเลือก Location
พูดถึงเขางู ผมเคยได้ยินชื่อมานาน ได้แต่ผ่านๆครับ ไม่ได้มีโอกาสมาเยือนที่นี่เลย
ทริปถ่ายรูปครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะเป็นทริป Portrait ซะด้วย จะมีนางแบบไปให้ถ่าย Portrait ครับ ผมไม่เคยมีโอกาสถ่ายรูปแบบนี้มาก่อนเลย
แม้จะไม่ใช่กล้อง DSLR เหมือนคนอื่น แต่ผมก็จะลองดูครับ ถ่ายๆขำๆ ทดสอบไปเรื่อยๆ การได้มาเปลี่ยนบรรยากาศในสถานที่ใหม่ๆ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้พบปะพี่ๆเพื่อนๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน นั่นเป็นเรื่องที่ดีซะยิ่งกว่าอะไรซะอีก
ว่าแล้ว ก็ออกเดินทางกันดีกว่าครับ
14 มิถุนายน 2552
“ภพ ประมาณเที่ยงๆ ออกมาเจอพี่ที่ปั้มน้ำมันนะ” เสียงพี่โหน่งพูด
นานครับ จะว่าไป ผมก็ไม่ได้เจอแก มานานล่ะ ครั้งล่าสุดก็ตุลาคมปีก่อน ที่เจอฉลามวาฬครั้งแรกในชีวิต ที่ทะเลชุมพรนั่นแหละ
ตอนแรกว่าจะไม่ไปครับ แต่ไปๆมาๆ ก็คิดว่าน่าจะไปได้แล้วน่ะ
วิ่งมาทางเส้นสะพานพระราม 5 ตรงไปเรื่อยๆ พอถึงสะพานที่จะไป จ. สุพรรณบุรี ก็ไม่ต้องขึ้น(แล้วจะบอกทำไมเนี่ย) ก็ออกมาทางซ้าย ตรงไปทางตลิ่งชัน ไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกเส้นทางไป จ . นครปฐม(ก็ไปทางศาลายา นั่นแหละครับ)
จากนี้ไปก็ไม่ยากแล้วครับ ตรงไปเรื่อยๆ ไปตามป้ายบอกทางไป จ. ราชบุรี แล้วค่อยโทรหากัน
แวะกินข้าวที่ปั้ม Jet พี่โหน่งบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า ผมชอบข้าวกล่องที่นี่ครับ ไม่ใช่เป็น Frozen Food เป็นของที่ทำขึ้นในตอนเช้า เวลาจะกินก็แค่เอามาอุ่น(กดเบอร์ 4) รสชาดก็เหมือนกับอาหารตามสั่งเลยล่ะ
ใช้เวลาสองชั่วโมงเป๊ะ ก็มาถึงที่ จ. ราชบุรีครับ ที่ช้าเพราะมัวแต่หลงเข้าไปใน ตัวเมือง ถามลุงคนหนึ่งว่า
“เขางู ไปทางไหนครับลุง” ผมถาม
“ออกไปทางซ้ายเลย เดี๋ยวจะเจอป้ายเอง” ลุงตอบอย่างยิ้มแย้ม
เยี่ยมครับ โดนลุงวางยาซะแล้ว เลี้ยวซ้ายตรงมา นี่มันลงใต้ไปเพชรบุรี ไปประจวบคีรีขันธ์ นี่หว่า ผมก็อยากไปครับ แต่ไม่ใช่วันนี้ ต้องลองถามใหม่ จึงทราบว่า ต้องกลับรถ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปทาง อ.จอมบึง น่ะ
พี่หมอหมู บอกว่า จากปากทางถนนเพชรเกษม ตรงมาไม่ไกล ก็จะมีป้ายเข้าไปที่อุทยานหินเขางูครับ
เขางูมีหลายส่วนครับ ส่วนที่เป็นค่ายก็มี ถ้ามาถูกทางจะต้องผ่านร้านอาหาร เป็นทางที่จะต้องขึ้นเขาไปนั่นแหละ
ถึงแล้วครับ อุทยานหินเขางู
อุทยานหินเขางู
Location เป็นเขาหินปูนครับ สวยมากทีเดียว พี่หมอหมู เข้าใจหาสถานที่นะ เนี่ย
มองเห็นพี่โก้ พี่เอ พี่หมอหมู กำลังถ่ายนางแบบอยู่ด้านล่าง ก็ตะโกนมาว่า ให้หยิบร่มมาด้วย
โชคดีว่าพี่โหน่ง ติดร่มมาด้วยครับ เดินผ่านลงมาเจอน้องยุ้ย เคยเห็นแต่ในรูปครับ ตัวจริงน่ารักมากๆ
ตรงนี้เป็นหนองน้ำตื้นๆครับ มีหญ้าขึ้นบางๆ สลับกับเขาหินปูน นี่ถ้าเห็นทะเล ผมถึงว่า ได้มากระบี่นะ ที่ไหนได้อยู่ที่ จ. ราชบุรีนี่เอง
เคยคิดว่า เขางู จะเป็นเขาที่ค่อนข้างแห้ง และแล้ง ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ครับ
ก็แนะนำตัวกัน นอกจากที่รู้จักอยู่แล้ว ก็มีน้องนอร์ท พี่หน่อย พี่ดา ส่วนนางแบบที่กำลังสู้แดดอยู่นั้น ชื่อ นิ้วนาง ครับ(นี่ก็น่ารัก)
ผมเห็นน้องนอร์ทกับพี่หมอหมูกำลังถือ Reflex(เป็นอุปกรณ์สำหรับสะท้อนแสง ให้การถ่ายรูปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น) เท้าเปล่าเหยียบบนหนองน้ำ(ลงทุนน่าดู) แต่ละคนก็มีกล้อง DSLR กันทุกคน ในขณะที่มีผมใช้คอมแพค เพียงคนเดียว
ความรู้สึกบอกว่า ผมอยากช่วยพี่ๆ ถือ Reflex ครับ เพราะผมได้มาที่นี่ก็ถือว่าดีใจแล้ว เรื่องถ่ายรูปน่ะ ผมเป็นคนถ่ายเร็วอยู่แล้ว เอามาประกอบเรื่องก็พอ เรื่องถ่ายรูปจึงเป็นเรื่องรองครับ
“ให้ผมช่วยถือ Reflex นะครับพี่”
“ดีเลยครับ”
เก็บรูปแนวเขาหินปูนได้พอประมาณครับ ถอดรองเท้าลุยลงไปเลย(ถ้ารู้ล่วงหน้า ไม่ใส่ผ้าใบมาหรอกครับ รองเท้าแตะดีกว่า 555)
เป็นการถือ Reflex ครั้งแรกครับ ก็ค่อนข้างเกร็งๆ ไม่รู้ว่าต้องขยับตรงไหน แสงก็ยังมองไม่ออก ว่าจะสะท้อนยังไง ก็เลยให้พี่เอ พี่หมู ช่วยบอกครับ จะให้ผมขยับยังไง ตรงไหน ก็บอกได้เลย
ฟ้าสวย แดดดี ในวันนี้ นิ้วนางยิ้มแย้มน่าดูครับ แม้แดดจะร้อน การจะเป็นมืออาชีพก็ต้องแบบนี้ล่ะ ต้องมีความอดทนเป็นอันดับแรก
เปลี่ยนมาถ่ายที่สะพานกลางน้ำดูบ้างครับ ตรงนี้ก็สวยมากๆ มีภูเขา มีสะพาน มีน้ำ และมีนางแบบ perfect จริงๆ แต่ผมไม่ต้องถือ Reflex ในจุดนี้ครับ เพราะถ้าเข้าไปก็ต้องถ่ายติดคนถือ Reflex ด้วย(เกิดพี่ๆบอกว่าให้ผมเข้าไปถ่ายกับนางแบบด้วยเหมือนในนิตยสาร จะรีบถอดเสื้อแล้ววิ่งเข้าไปเลยล่ะ 555)
พอครับ เริ่มเลอะเทอะ นิ้วนางไปเปลี่ยนชุด คราวนี้น้องยุ้ยมาถ่ายบ้าง เธอมาในชุดคล้ายชุดราตรี เริ่มจากกลางสะพานก่อนครับ กล้องผมซูมลำบากมากๆ ก็เลยเข้ามาซุ่มโจมตีอยู่ตรงชะง่อนหิน ที่ยื่นออกไป พี่โหน่งก็อยู่ตรงนั้นเหมือนกันครับ
ตรงจุดนี้ดีครับ เพราะค่อนข้างใกล้นางแบบมาก ขนาดกล้องของผมก็ยังพอถ่ายได้เลยน่ะ
นี่ก็มืออาชีพครับ น้องยุ้ยโพสท่าได้เป็นธรรมชาติ ยิ้มได้เป็นธรรมชาติอีกด้วย
พอเดินเข้ามาตรงต้นสะพาน ก็เป็นหน้าที่ของผมแล้วครับ เด็กถือ Reflex
มีช่วงพักด้วย เพราะเป็นช่วงแสงหาย เห็นชาวบ้านพาวัวมากินหญ้าเพียบเลย เดินย่องเข้าไป แต่มันก็รู้ตัวอยู่ดีครับ ถ่ายรูปวัวดีกว่า
พอแสงมาผมก็มาถือ Reflex ใหม่ แต่ตอนนี้ ผมเริ่มเป็นงานแล้วครับ เริ่มมองเห็นแสงว่าจะสะท้อนไปที่หน้าของนางแบบได้อย่างไร ขยับตรงไหนถึงจะดี
ได้มองทั้งน้องยุ้ยและนิ้วนางใกล้ๆ บอกตรงๆครับ ว่า สวย น่ารัก มีเสน่ห์(เพราะแบบนี้ล่ะครับ ผมถึงชอบการถือ Reflex เฮ้ย ไม่ใช่ 555) คิดเล่นๆว่า จะมีตากล้องแข่งกันจีบนางแบบ แล้วต่อยกันเรื่องแย่งผู้หญิงไหมนะ ผมว่าก็ต้องมีบ้างแหละ
“เขายิ้มให้กำลังใจนางแบบมากๆเลยน่ะ หันไปแล้วขำ” นิ้วนางบอก
จริงๆ อาจไม่ใช่ครับ ผมอาจกำลังตกอยู่ในห้วงความพึงพอใจล่ะมั้ง เลยยิ้ม แต่ถ้านางแบบบอกว่า ถ้ายิ้มแล้วจะทำให้นางแบบยิ้มได้ ก็คงต้องทำล่ะครับ ช่วยๆกันทำงานหน่อย(อยู่ใกล้ๆ เลยได้คุยบ้างครับ อายุเท่าผมเลยน่ะ หน้าตาทำไมเด็กจัง)
สลับไปถือ Reflex ตามคำเรียกร้องของช่างกล้องในแต่ละจุด ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ได้ถ่ายรูปนะครับ บอกแล้วว่าผมมีความสามารถในการถ่ายรูปเร็ว(สวยไม่สวยอีกเรื่องนะ) ระหว่างที่มือซ้ายผมถือ Reflex สะท้อนแสงไปที่หน้านิ้วนาง มือขวาผมก็หยิบกล้องออกมาถ่ายได้ด้วย
เท่าที่สังเกต มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนที่นี่ พอสมควรครับ ส่วนใหญ่มาถ่ายรูปกัน เดินข้ามสะพาน(ระวังครับ) เดินไม่ดีก็อาจตกได้น่ะ
ผมสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่าเขางู นอกจากที่ภูเขามีรูปร่างคดเคี๊ยวเหมือนงูแล้ว พี่หมอบอกว่าเพราะที่นี่เมื่อก่อนมีงูเยอะครับ(พี่เอบอกว่า ให้ผมตั้งชื่อเรื่องว่า “พาหัวงูไปเที่ยว” 55555)
แค่จุดแรก ยังไม่ได้ขึ้นไปไหนเลย แต่ฝนก็ทำท่าจะตก แสงหมดซะแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องย้ายสถานที่กันครับ
พี่หมอหมูจะพวกเรา ไปกินข้าวเย็นที่ตลาดน้ำอัมพวา จ. สมุทรสงคราม
ดีครับ ผมยังไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย
ตลาดน้ำอัมพวา
ใช้เวลาพักใหญ่ครับ ฝนตก ถนนลื่น ก็เลยต้องขับช้าๆ พี่หมอพาลัดเลาะเข้าไปในซอยเล็กๆ ผ่านวัดอยู่หลายที่ คงจะเป็นทางลัดน่ะ
มาถึงแล้วครับ มีที่จอดรถข้างทาง เจ้าของที่มาโบกรถให้เข้าไปจอดกันเป็นแถว ก็แล้วแต่สะดวกครับ ว่าอยากจะจอดตรงไหน ราคาใกล้เคียงกัน
ได้ที่จอดแล้วครับ เดินเข้าไปเรื่อยๆ ภาพที่ผมเห็นคือ ตลาดน้ำ มีเรือหางยาวทั้งใช้เครื่องยนต์ และใช้ไม้พาย มีปลาหมึกย่าง ก๋วยเตี๋ยวเรือขาย ในขณะที่สองฝาก มีร้านขายของ และมีนักท่องเที่ยวเดินเที่ยว
นี่ล่ะครับ ตลาดน้ำที่ผมอยากมาสุดๆ ต้องมีลักษณะแบบนี้แหละ
ฝนตกปรอยๆ ครับ ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินเที่ยว ต่อให้ตกหนักกว่านี้ ผมว่าคงกระทบไม่มากนัก เพราะที่เดินอยู่ในร่ม ต่อให้แดดแรงก็ไม่มีปัญหา
เริ่มจากร้านขายกระปุกออมสิน แบบมีแนว เสื้อผ้าหลากหลายแบบ ของกิน เดินมาถึงบ้านครูเอื้อ(สุนทราภรณ์) มีร้านขายของจุกจิกเยอะครับ หลายอย่างเป็นของย้อนยุค หลายๆคนน่าจะชอบ
ที่สำคัญ ที่นี่มีที่พักอยู่หลายที่ใว้ให้บริการ บรรยากาศเย็นๆ อยู่ใกล้แม่น้ำ ก็ดูไม่เลวนะครับ คลาสสิคดี
มาหยุดที่ “บ้านทองโบราณ” อันเป็นร้านอาหารที่พี่หมอหมูแนะนำ อาหารอร่อย ดนตรีเพราะซะด้วย
เปิดเพลงแนวเก่าๆ เข้าบรรยากาศ ยุคสมัยคุณพ่อ คุณแม่ก็มี ที่สำคัญ ผมชอบเพลงแนวนี้มากๆซะด้วย มีเพลงโปรดอย่าง How deep is your love เพลงบรรเลงอย่าง Kenny G ก็มี และเพลงดีๆ อีกเพียบ
นักร้องเป็นผู้หญิง แต่เสียงมีพลังมากครับ(ตอนแรกนึกว่าผู้ชายร้อง) เสียงคล้ายๆ สุกัญญา มิเกล น่ะ
ตกค่ำๆ หน่อย มีคุณสุเมธ(แอนด์ เดอะ ปั๋ง) นักร้องดังมาร้องเพลงให้ฟังด้วยครับ(แต่ ปั๋ง ไม่มานะ 55)
ถึงเวลาต้องแยกย้ายครับ ทริปวันนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน เป็นกันเอง เหมือนได้มาเที่ยวกันในกลุ่มพี่ๆน้องๆมากกว่า(พี่โก้ ถึงเรียกว่า Fun Portrait)
ขอขอบคุณพี่โก้ พี่เอ พี่ดา พี่หน่อย พี่หมอหมู น้องนอร์ท และนางแบบ น้องยุ้ยและนิ้วนาง ที่มาสนุกด้วยกัน
ขอขอบคุณพี่โหน่งกับยานพาหนะ คู่ใจ ที่ชวน
และขอบคุณท่านผู้อ่าน อีกครั้งหนึ่ง
สวัสดีครับ แล้วพบกันใหม่
Phop Payapvipapong
16 June 2009
12.47 Pm
0 Comments:
Post a Comment
<< Home