ผ่อนคลาย สบายใจไป….เกาะสุรินทร์(2)
ได้เวลาเรือออกแล้วครับ ผมไม่ชอบไปนั่งด้านล่างน่ะ ถึงจะอยู่ด้านบนแต่ไม่มีที่นั่งหรือจะโดนแดดบ้างก็ยอมครับ(แต่คราวนี้มีครับ โชคดี)
มีตำรวจน้ำมาตรวจด้วยครับ บอกให้ผู้โดยสารทุกท่าน สวมชูชีพ ไม่เช่นนั้นจะไม่ให้ออกเรือ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ แม้ว่าผมจะไม่อยากสวมก็ตาม แต่ก็ดีกว่าวัวหายล้อมคอกครับ ทำไปก่อนเลยดีกว่า
ใครไม่สันทันเรื่องการนั่งเรือออกทะเล หายาแก้เมาคลื่นทานก็ดีครับ แม้ทะเลจะเรียบมาก ข้างๆผมก็มีสาวอาเจียนจนได้ เห็นแล้วสงสารครับ ผมว่าขึ้นอยู่กับชั่วโมงบิน ใครออกทะเลบ่อยๆ เจอคลื่นแรงมากๆอาจจะไม่เมาเรือก็เป็นไปได้เหมือนกัน อย่างลูกเรือชาวประมงที่ต้องอยู่ในทะเลเป็นเดือนๆ นั่นล่ะครับ ตัวอย่างที่ดีเลย
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครับ มองเห็นแหลมแม่ยายอยู่ด้านหน้า ลึกเข้าไปก็เป็นอ่าวช่องขาด ความทรงจำของผมเริ่มกลับมาอีกครั้ง กับเกาะที่ผมมาเป็นประจำกับสมาชิกที่ผมเจอและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจครับ มีฝนตกเม็ดเล็กๆ ซึ่งผมหวังว่าวันต่อๆไป คงจะไม่มีฝนและอากาศดีทุกๆวันนับจากนี้ไป(ขนาดมีฝน นักท่องเที่ยวก็อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายความสวยงามของสีเขียวอ่อนของแนวปะการังน้ำตื้นครับ)
“ไม้งามครับ ใครไปไม้งามลงเรือได้เลย” เสียงเจ้าหน้าที่บอก
จากนี้ไปต้องถ่ายผู้โดยสารลงเรือหางยาว เพราะเรือใหญ่เข้าไปไม่ได้ อาจจะทำให้แนวปะการังเสียหายได้ครับ
ลงเรือได้ไม่นาน แดดก็มาครับ แน่นอนว่าเมื่อแดดมาก็เริ่มแสดงถึงความสวยงามของสีน้ำทะเล ที่มีมากขึ้นตามไปด้วย สีเขียวอ่อนจัดๆ แบบนี้ ใครเล่าจะทนไว้ ต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายกันหมดครับ
เรือผ่านอ่าวช่องขาด ผ่านอ่าวกระทิง ผมมองไปที่อ่าวกระทิงมองเห็นเหมือนมีบ้านครับ หรือว่าไอ้โครงการบ้านทาร์ซานจะทำสำเร็จแล้ว ไม่นะ ถ้าทำสำเร็จอ่าวที่สงบเงียบแห่งนี้จะเปลี่ยนไปในทันที
มาถึงที่จุดสองร้อยเมตรครับ รอซักพักเรือหางยาวจะขนกระเป๋ามาให้เราตรงจุดนี้ หากใครไม่ต้องรอก็สามารถเดินตรงเข้าไปที่หาดไม้งามได้เลยครับ
ผมได้เห็นภาพที่น่าดูและน่ารักมากๆมากของนักท่องเที่ยวทุกๆคน(ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ) ต่อแถวเรียงกัน รับกระเป๋าและส่งต่อกันมาจากเรือหางยาวโดยไม่เกี่ยงว่ากระเป๋าเป็นของใครและไม่มีใครสั่งให้ทำแบบนั้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะต้องไปช่วยด้วยครับ(เรื่องของน้ำใจเป็นเรื่องดีครับ ถ้าช่วยได้ก็ควรจะช่วยนะ)
“หวัดดีครับพี่นิพนธ์ จำผมได้หรือเปล่าครับ ที่มาดำScuba กับพี่ ไม่ได้มาสองปีแล้ว”
“หวัดดีครับภพ จำได้ซิ ดีใจที่ได้เจอครับ” พี่นิพนธ์ตอบ
ผมเจอพี่นิดด้วยครับ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำผมไม่ได้(ก็ตั้งสองปีครับ ทุกวันก็ต้องเจอนั่งท่องเที่ยวหน้าใหม่ จะลืมก็คงไม่แปลกนัก555)
เมื่อได้ของครบแล้ว ก็เดินเข้าไปเลยครับ ดูเหมือนว่าถุงน้ำดื่มของผมจะขาดวิ่น เวลาถือก็ลำบากหน่อยครับ
ตรงจุดที่เป็นรากไม้ซึ่งจะเป็นพื้นต่างระดับ สาวเกาหลีดูท่าจะลากกระเป๋าไปไม่ได้ครับ ไม่มีคนช่วยเธอซะด้วย(เธอใช้กระเป๋าเดินทางแบบลากน่ะ คงไม่ทราบล่วงหน้าว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นอย่างไร)
“I will help you” ภาษาประกิดแบบดาดๆนี่แหละ ผมช่วยเธอยกกระเป๋าขึ้น ยกมาเรื่อยๆจนเห็นว่าเป็นพื้นที่เรียบแล้ว สามารถลากกระเป๋าได้ จึงวางลง
“Thank you very much” เธอขอบคุณผม(เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นเบอร์อีเมลได้ไหมครับ555) ก็พูดไปแบบนั้นแหละครับ มันดูเจื่อนๆน่ะ แปลกด้วย ช่วยถือกระเป๋าเสร็จแล้วบอกว่าขอเบอร์อีเมลหน่อยครับ มันตลกไหมล่ะ ต้องได้เจอกันบ่อยๆก่อน
มาถึงอ่าวไม้งามแล้วครับ เหงื่อท่วมตัวเลย ร้อนก็ร้อน เดินไปติดต่อเรื่องเต๊นส์ก่อน แต่คิวเยอะน่าดูเลยครับ
“เต๊นส์เล็กครับ ขอติดหาดเลยได้ไหมครับ” ผมจำได้ครับ ก็ป้าคนเดิมที่กวาดเต๊นส์ให้ผมนั่นแหละ
“ไม่มีแล้วจ๊ะ มีแต่ถัดลงมาหน่อยน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ตรงไหนก็ได้ ” จริงๆมีว่างติดหาดอยู่หนึ่งที่ แต่ผมให้ชาวต่างชาติคู่สามี ภริยาไปครับ เลยพูดแซวนิดหน่อย ดูท่าทางเขาและเธอจะดีใจใหญ่เลยล่ะ (ใครๆก็อยากนอนติดหาด ผมคิดแบบนั้นนะ )
ก่อนไปทานข้าวกลางวัน ขอเปลี่ยนกางเกงก่อนเลยครับ ต้องใส่กลับด้วย ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเตรียมกางเกงที่ใช้สำหรับลงน้ำทะเลมาใส่
บ่ายนี้ผมจะไปดำน้ำเลยครับ กะว่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ดำน้ำเสร็จผมค่อยไปสำรวจแล้วกัน คราวนี้เวลามีน้อย ว่าแล้วก็เตรียมกล้องและ Housing ไปประกอบที่โรงอาหาร
คิดว่าคงไม่มีใครอยู่เต๊นส์หรอกครับ เตาอบดีๆนี่เอง ออกมานอนหาดแบบชิวๆหรือไปดำน้ำ น่าจะดีกว่านะ
ข้าวหมูทอดไข่เจียวเป็นอาหารกลางวันครับ ระหว่างรอก็ไปติดต่อเรื่องดำน้ำก่อนเลย ไปลงชื่อก่อนครับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดนักท่องเที่ยวลงเรือ ส่วนอุปกรณ์ค่อยมาดูทีหลัง ผมเช่าชูชีพอย่างเดียวอยู่แล้ว
ใกล้เวลาแล้ว ขืนรับประทานช้า เดี๋ยวลงน้ำไปจะยิ่งลำบาก ผมนำซิลิโคนมาทารอบๆโอริง เช็คดูว่าไม่มีเส้นผมหรือเม็ดทราย(จริงๆไม่น่ามีปัญหาครับ เพราะแค่ผิวน้ำ แต่เพื่อความไม่ประมาททำให้ถูกต้องดีกว่าครับ)
พี่เหมียวกับพี่บิ๊กยังไม่ไปดำน้ำครับ ว่าจะนอนที่ริมหาด พี่เหมียวบอกว่ายังเหนื่อยอยู่ครับ ขอพักก่อน ผมบอกว่างั้นรอผมกลับมาแล้วกันพี่ อาจจะชวนเดินไปอ่าวช่องขาดซะหน่อย
ผมมีหน้ากากกับท่อหายใจเป็นของตัวเองอยู่แล้วครับ ก็เช่าชูชีพอย่างเดียวพอ หากไม่มีชูชีพคงดำไม่ได้นานครับ เพราะการ Free Diving นั้น(การดำน้ำแบบกลั้นหายใจ ลงไปโดยไม่มีชูชีพ นอกจากจะเสี่ยงกับอาการปวดหูมากๆแล้ว เวลาเหนื่อย หรือเป็นตระคริว ก็ต้องลอยตัวให้ได้ครับ การไปเหยียบปะการังเพื่อพักเหนื่อย แบบนั้นผมว่าใส่ชูชีพดีกว่านะ)
เรือออกที่หน้าหาดเลยครับ คราวนี้ผมใส่เสื้อแขนยาว คราวก่อนที่หลีเป๊ะ ผิวหนังลอกอย่างรุนแรงเหมือนงู เข็ดไปเลยครับ(ตอนใส่เสื้อกล้ามดำน้ำก็เท่ดีครับ แต่ตอนผิวลอกแล้วแสบนี่ซิ 555)
ดูเหมือนเรือจะดีเลย์ครับ(เฮ้ย ไม่ใช่เครื่องบิน) เขากำลังรออะไรซักอย่างอยู่ครับ ผมเลยนั่งรอที่ใต้ต้นไม้พร้อมกับถ่ายรูปสวยๆของหาดแห่งนี้ไปพลางๆ ได้ยินเสียงคนไทยด้านหลัง นินทาเรื่อง Housing ของผมอยู่ด้วยล่ะ(แพงแบบนั้น ลงได้ลึกแบบนี้ ผมว่ามันแล้วแต่ความชอบของบุคคลครับ ผมชอบถ่ายใต้น้ำมากกว่าบนบกน่ะ จะให้ผมไปซื้อกล้อง DSLR เพื่อมาถ่ายบกบก ผมก็ไม่เอาหรอกครับ แต่ถ้าซื้อแล้วหา Housing ใส่ เพื่อเอามาลงน้ำ มันก็ไม่แน่นะ 555)
ได้ขึ้นเรือแล้วครับ ลำของผมมีแต่ชาวต่างชาติมีทั้งเด็ก สาวรุ่น หนุ่มวัยกลางคนและคนแก่ ทุกคนไม่ใช้เสื้อชูชีพครับ เดาได้ว่าก็ต้องลงแบบ Free Diving ทุกคน
มีคนไทยเพียงคนเดียวครับ ชื่อ เป็ด มาเที่ยวทะเลคนเดียวเหมือนกัน
นั่งเรือค่อนข้างนานครับ ประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงจุดดำน้ำแรก ผมคุ้นเคยมากๆ เห็นหัวเกาะก็คลับคล้าย คลับคลา และด้วยระยะทางที่ไกลแบบนี้
“ตรงนี้ เกาะสตอร์คใช่ไหมครับ”
“ครับ” คนขับเรือชาวมอแกนบอกผม
เป็นอันว่า จุดแรก คือ เกาะสตอร์คครับ เป็นจุดดำน้ำที่ไกลที่สุด มองไปด้านนอกก็เป็นเขตพม่าแล้วครับ มักจะมีคนเจอสัตว์ใหญ่อย่างฉลามวาฬและกระเบนราหูที่นี่ ผมเคยเจอเต่ากระ ปลาสากฝูงใหญ่ และลูกปลาวัวจมูกยาวตัวจิ๋วที่นี่แหละครับ
พร้อมแล้วลงไปสำรวจกันเลยดีกว่า
มีตำรวจน้ำมาตรวจด้วยครับ บอกให้ผู้โดยสารทุกท่าน สวมชูชีพ ไม่เช่นนั้นจะไม่ให้ออกเรือ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ แม้ว่าผมจะไม่อยากสวมก็ตาม แต่ก็ดีกว่าวัวหายล้อมคอกครับ ทำไปก่อนเลยดีกว่า
ใครไม่สันทันเรื่องการนั่งเรือออกทะเล หายาแก้เมาคลื่นทานก็ดีครับ แม้ทะเลจะเรียบมาก ข้างๆผมก็มีสาวอาเจียนจนได้ เห็นแล้วสงสารครับ ผมว่าขึ้นอยู่กับชั่วโมงบิน ใครออกทะเลบ่อยๆ เจอคลื่นแรงมากๆอาจจะไม่เมาเรือก็เป็นไปได้เหมือนกัน อย่างลูกเรือชาวประมงที่ต้องอยู่ในทะเลเป็นเดือนๆ นั่นล่ะครับ ตัวอย่างที่ดีเลย
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครับ มองเห็นแหลมแม่ยายอยู่ด้านหน้า ลึกเข้าไปก็เป็นอ่าวช่องขาด ความทรงจำของผมเริ่มกลับมาอีกครั้ง กับเกาะที่ผมมาเป็นประจำกับสมาชิกที่ผมเจอและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจครับ มีฝนตกเม็ดเล็กๆ ซึ่งผมหวังว่าวันต่อๆไป คงจะไม่มีฝนและอากาศดีทุกๆวันนับจากนี้ไป(ขนาดมีฝน นักท่องเที่ยวก็อดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายความสวยงามของสีเขียวอ่อนของแนวปะการังน้ำตื้นครับ)
“ไม้งามครับ ใครไปไม้งามลงเรือได้เลย” เสียงเจ้าหน้าที่บอก
จากนี้ไปต้องถ่ายผู้โดยสารลงเรือหางยาว เพราะเรือใหญ่เข้าไปไม่ได้ อาจจะทำให้แนวปะการังเสียหายได้ครับ
ลงเรือได้ไม่นาน แดดก็มาครับ แน่นอนว่าเมื่อแดดมาก็เริ่มแสดงถึงความสวยงามของสีน้ำทะเล ที่มีมากขึ้นตามไปด้วย สีเขียวอ่อนจัดๆ แบบนี้ ใครเล่าจะทนไว้ ต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายกันหมดครับ
เรือผ่านอ่าวช่องขาด ผ่านอ่าวกระทิง ผมมองไปที่อ่าวกระทิงมองเห็นเหมือนมีบ้านครับ หรือว่าไอ้โครงการบ้านทาร์ซานจะทำสำเร็จแล้ว ไม่นะ ถ้าทำสำเร็จอ่าวที่สงบเงียบแห่งนี้จะเปลี่ยนไปในทันที
มาถึงที่จุดสองร้อยเมตรครับ รอซักพักเรือหางยาวจะขนกระเป๋ามาให้เราตรงจุดนี้ หากใครไม่ต้องรอก็สามารถเดินตรงเข้าไปที่หาดไม้งามได้เลยครับ
ผมได้เห็นภาพที่น่าดูและน่ารักมากๆมากของนักท่องเที่ยวทุกๆคน(ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ) ต่อแถวเรียงกัน รับกระเป๋าและส่งต่อกันมาจากเรือหางยาวโดยไม่เกี่ยงว่ากระเป๋าเป็นของใครและไม่มีใครสั่งให้ทำแบบนั้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะต้องไปช่วยด้วยครับ(เรื่องของน้ำใจเป็นเรื่องดีครับ ถ้าช่วยได้ก็ควรจะช่วยนะ)
“หวัดดีครับพี่นิพนธ์ จำผมได้หรือเปล่าครับ ที่มาดำScuba กับพี่ ไม่ได้มาสองปีแล้ว”
“หวัดดีครับภพ จำได้ซิ ดีใจที่ได้เจอครับ” พี่นิพนธ์ตอบ
ผมเจอพี่นิดด้วยครับ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจำผมไม่ได้(ก็ตั้งสองปีครับ ทุกวันก็ต้องเจอนั่งท่องเที่ยวหน้าใหม่ จะลืมก็คงไม่แปลกนัก555)
เมื่อได้ของครบแล้ว ก็เดินเข้าไปเลยครับ ดูเหมือนว่าถุงน้ำดื่มของผมจะขาดวิ่น เวลาถือก็ลำบากหน่อยครับ
ตรงจุดที่เป็นรากไม้ซึ่งจะเป็นพื้นต่างระดับ สาวเกาหลีดูท่าจะลากกระเป๋าไปไม่ได้ครับ ไม่มีคนช่วยเธอซะด้วย(เธอใช้กระเป๋าเดินทางแบบลากน่ะ คงไม่ทราบล่วงหน้าว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นอย่างไร)
“I will help you” ภาษาประกิดแบบดาดๆนี่แหละ ผมช่วยเธอยกกระเป๋าขึ้น ยกมาเรื่อยๆจนเห็นว่าเป็นพื้นที่เรียบแล้ว สามารถลากกระเป๋าได้ จึงวางลง
“Thank you very much” เธอขอบคุณผม(เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นเบอร์อีเมลได้ไหมครับ555) ก็พูดไปแบบนั้นแหละครับ มันดูเจื่อนๆน่ะ แปลกด้วย ช่วยถือกระเป๋าเสร็จแล้วบอกว่าขอเบอร์อีเมลหน่อยครับ มันตลกไหมล่ะ ต้องได้เจอกันบ่อยๆก่อน
มาถึงอ่าวไม้งามแล้วครับ เหงื่อท่วมตัวเลย ร้อนก็ร้อน เดินไปติดต่อเรื่องเต๊นส์ก่อน แต่คิวเยอะน่าดูเลยครับ
“เต๊นส์เล็กครับ ขอติดหาดเลยได้ไหมครับ” ผมจำได้ครับ ก็ป้าคนเดิมที่กวาดเต๊นส์ให้ผมนั่นแหละ
“ไม่มีแล้วจ๊ะ มีแต่ถัดลงมาหน่อยน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ตรงไหนก็ได้ ” จริงๆมีว่างติดหาดอยู่หนึ่งที่ แต่ผมให้ชาวต่างชาติคู่สามี ภริยาไปครับ เลยพูดแซวนิดหน่อย ดูท่าทางเขาและเธอจะดีใจใหญ่เลยล่ะ (ใครๆก็อยากนอนติดหาด ผมคิดแบบนั้นนะ )
ก่อนไปทานข้าวกลางวัน ขอเปลี่ยนกางเกงก่อนเลยครับ ต้องใส่กลับด้วย ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อและเตรียมกางเกงที่ใช้สำหรับลงน้ำทะเลมาใส่
บ่ายนี้ผมจะไปดำน้ำเลยครับ กะว่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ดำน้ำเสร็จผมค่อยไปสำรวจแล้วกัน คราวนี้เวลามีน้อย ว่าแล้วก็เตรียมกล้องและ Housing ไปประกอบที่โรงอาหาร
คิดว่าคงไม่มีใครอยู่เต๊นส์หรอกครับ เตาอบดีๆนี่เอง ออกมานอนหาดแบบชิวๆหรือไปดำน้ำ น่าจะดีกว่านะ
ข้าวหมูทอดไข่เจียวเป็นอาหารกลางวันครับ ระหว่างรอก็ไปติดต่อเรื่องดำน้ำก่อนเลย ไปลงชื่อก่อนครับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่จัดนักท่องเที่ยวลงเรือ ส่วนอุปกรณ์ค่อยมาดูทีหลัง ผมเช่าชูชีพอย่างเดียวอยู่แล้ว
ใกล้เวลาแล้ว ขืนรับประทานช้า เดี๋ยวลงน้ำไปจะยิ่งลำบาก ผมนำซิลิโคนมาทารอบๆโอริง เช็คดูว่าไม่มีเส้นผมหรือเม็ดทราย(จริงๆไม่น่ามีปัญหาครับ เพราะแค่ผิวน้ำ แต่เพื่อความไม่ประมาททำให้ถูกต้องดีกว่าครับ)
พี่เหมียวกับพี่บิ๊กยังไม่ไปดำน้ำครับ ว่าจะนอนที่ริมหาด พี่เหมียวบอกว่ายังเหนื่อยอยู่ครับ ขอพักก่อน ผมบอกว่างั้นรอผมกลับมาแล้วกันพี่ อาจจะชวนเดินไปอ่าวช่องขาดซะหน่อย
ผมมีหน้ากากกับท่อหายใจเป็นของตัวเองอยู่แล้วครับ ก็เช่าชูชีพอย่างเดียวพอ หากไม่มีชูชีพคงดำไม่ได้นานครับ เพราะการ Free Diving นั้น(การดำน้ำแบบกลั้นหายใจ ลงไปโดยไม่มีชูชีพ นอกจากจะเสี่ยงกับอาการปวดหูมากๆแล้ว เวลาเหนื่อย หรือเป็นตระคริว ก็ต้องลอยตัวให้ได้ครับ การไปเหยียบปะการังเพื่อพักเหนื่อย แบบนั้นผมว่าใส่ชูชีพดีกว่านะ)
เรือออกที่หน้าหาดเลยครับ คราวนี้ผมใส่เสื้อแขนยาว คราวก่อนที่หลีเป๊ะ ผิวหนังลอกอย่างรุนแรงเหมือนงู เข็ดไปเลยครับ(ตอนใส่เสื้อกล้ามดำน้ำก็เท่ดีครับ แต่ตอนผิวลอกแล้วแสบนี่ซิ 555)
ดูเหมือนเรือจะดีเลย์ครับ(เฮ้ย ไม่ใช่เครื่องบิน) เขากำลังรออะไรซักอย่างอยู่ครับ ผมเลยนั่งรอที่ใต้ต้นไม้พร้อมกับถ่ายรูปสวยๆของหาดแห่งนี้ไปพลางๆ ได้ยินเสียงคนไทยด้านหลัง นินทาเรื่อง Housing ของผมอยู่ด้วยล่ะ(แพงแบบนั้น ลงได้ลึกแบบนี้ ผมว่ามันแล้วแต่ความชอบของบุคคลครับ ผมชอบถ่ายใต้น้ำมากกว่าบนบกน่ะ จะให้ผมไปซื้อกล้อง DSLR เพื่อมาถ่ายบกบก ผมก็ไม่เอาหรอกครับ แต่ถ้าซื้อแล้วหา Housing ใส่ เพื่อเอามาลงน้ำ มันก็ไม่แน่นะ 555)
ได้ขึ้นเรือแล้วครับ ลำของผมมีแต่ชาวต่างชาติมีทั้งเด็ก สาวรุ่น หนุ่มวัยกลางคนและคนแก่ ทุกคนไม่ใช้เสื้อชูชีพครับ เดาได้ว่าก็ต้องลงแบบ Free Diving ทุกคน
มีคนไทยเพียงคนเดียวครับ ชื่อ เป็ด มาเที่ยวทะเลคนเดียวเหมือนกัน
นั่งเรือค่อนข้างนานครับ ประมาณเกือบชั่วโมงก็มาถึงจุดดำน้ำแรก ผมคุ้นเคยมากๆ เห็นหัวเกาะก็คลับคล้าย คลับคลา และด้วยระยะทางที่ไกลแบบนี้
“ตรงนี้ เกาะสตอร์คใช่ไหมครับ”
“ครับ” คนขับเรือชาวมอแกนบอกผม
เป็นอันว่า จุดแรก คือ เกาะสตอร์คครับ เป็นจุดดำน้ำที่ไกลที่สุด มองไปด้านนอกก็เป็นเขตพม่าแล้วครับ มักจะมีคนเจอสัตว์ใหญ่อย่างฉลามวาฬและกระเบนราหูที่นี่ ผมเคยเจอเต่ากระ ปลาสากฝูงใหญ่ และลูกปลาวัวจมูกยาวตัวจิ๋วที่นี่แหละครับ
พร้อมแล้วลงไปสำรวจกันเลยดีกว่า
เกาะสตอร์ค(เกาะไฟแว๊บ)
ดูไม่เหมือนเดิมครับ ปะการังดูจะพังไปมาก แนวปะการังน้ำตื้นก็หายไปหมดแต่ยังพอมีปะการังเขากวางให้เห็นครับ ผมพยายามว่ายไปจุดที่ตื้นเพื่อหาปลาวัวจมูกยาวแต่ก็คว้าน้ำเหลวครับ นอกจากไม่เจอ ผมยังคิดว่า นี่ใช่จุดเดิมที่ผมเคยลงหรือเปล่านะ?
ถ่ายรูปยากครับ ผมยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับการถ่ายจากด้านบนลงไปแบบนี้ นอกจากระยะจะไกลแล้ว แน่นอนว่ารูปแบบในการถ่ายก็จะไม่หลากหลายเหมือนกับการดำน้ำแบบ Scuba ครับ ยิ่งไม่ได้ลงไป Free Diving ด้วย(พี่หมีเคยบอกว่า ห้ามซูมครับ บางทีมันก็อดไม่ได้จริงๆนะ )
ผมพยายามหายใจให้เบาครับ ไม่ได้กลัวปลาตื่นนะ แต่ว่าท่อหายใจไม่ดี ถ้าหายใจแรงๆน้ำเข้าปากก็ต้องพ่นน้ำออกเป็นประจำ ขนาดหายใจอย่างเบาก็ยังเข้าเลยครับ(ได้ ฤกษ์ซื้อใหม่ งาน TDEX แน่ๆ)
เจอเป้าหมายแล้วครับ ผมกำลังตามปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) บ้างก็เรียกว่าปลาวัวอำมหิต ปลาวัวยักษ์ บ้างล่ะ แต่จะโหดหรือเปล่า เป็นบางตัวครับ ไม่ใช่ว่าว่ายไล่กัดทุกตัวไป สำหรับตัวนี้ ผมไม่ได้เป็นเป้าหมายสำหรับมัน ยังไม่เข้าระยะปลอดภัยด้วยครับ ก็ตามถ่ายรูปอย่างเงียบๆ ดีกว่า
ในท่ามกลางเศษปะการังที่พังนั้น ยังมีปลาปากขลุ่ย(Smooth Flutemouse) ปลาที่มีรูปร่างยาว ลำตัวค่อนข้างผอม ผมพยายามถ่ายรูปครับ แต่อยู่ไกลเหลือเกิน(เพราะว่าเราห่าง ไกลกันเหลือเกิน คิดถึงแต่เธอนั้น… 555)
ผมเจอหินก้อนใหญ่อยู่สองก้อนครับ ระดับค่อนข้างตื้นน่าจะถ่ายรูปโอเค เลยลอยว่ายเข้าไป
บนก้อนหินมีสาหร่ายซึ่งเป็นอาหารของปลาครับ ผมเห็นเจ้าปลาขี้ตังเบ็ดลาย(Striped Surgeonfish) ลำตัวมีสีเหลือง มีแถบสีฟ้าพาดผ่านอยู่หลายแถบครับ เห็นสีสดใสแบบนี้ บริเวณหางมีพิษนะครับ
ผมลองใช้โหมดธรรมดาดูบ้างครับ เพราะน้ำก็ตื้นนะ แต่การถ่ายลงไปทำให้สีหายอยู่ดีครับ สรุปใช้โหมดใต้น้ำน่าจะดีที่สุดสำหรับกล้องที่ผมใช้อยู่ สีจะไม่ซีดจนเกินไป(ปรับ Manual ไม่ได้ด้วยซิ)
นอกจากนั้นก็มี ปลาการ์ตูนส้มขาว( False Clown Anemonefish) ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) ปลานกแก้ว(Parrotfish) ปลาวัวหางพัด(Scrawled Leatherjacket) และฝูงปลากล้วยฟ้าหลังเหลือง(Yellowtop Fusilier) ครับ
ขึ้นมาบนเรือ มีฝรั่งคนหนึ่ง ที่ขึ้นมาช้าที่สุด เขาเจอกระเบนราหู(Manta Ray) ด้วย สร้างความอิจฉาให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ต้องโชคดีจริงๆครับ ถึงจะได้เห็น
ฝรั่งอีกคนเป็นนักเขียนครับ ชื่อ ทอม มาเกาะสุรินทร์หลายครั้ง ยังไม่เคยเจอแมนต้าซะที แต่เท่าที่คุยทราบเลยครับ ว่าดำน้ำแบบ Scuba ด้วยแน่ๆ เพราะมีความรู้เรื่องปลาพอสมควร เคยเขียนบทความลงนิตยสารเกี่ยวกับเรื่อง Bull Shark ที่เกาะเต่าด้วย
ทอมขอให้ผมส่งข้อมูลการดำน้ำที่ชุมพร ให้ด้วย เพราะทะเลชุมพร อย่างที่บอกครับ ว่าส่วนใหญ่จัดไปเกาะเต่ากันหมด ผู้ประกอบการที่จัดไปดำน้ำแบบ Liveaboard ในทะเลชุมพร เท่าที่ผมทราบก็มีแต่ชุมพรคาบาน่า โรงเรียนสอนดำน้ำที่ผมเรียนจบมานั่นเอง
เรือแล่นออกไปยังจุดดำน้ำต่อไปครับ
อ่าวจาก
ที่นี่ผมเคยชอบมากๆครับ เพราะแนวปะการังน้ำตื้นนั้นหลากหลายเหลือเกิน ปะการังหลายชนิด อาศัยอยู่ที่อ่าวนี้ แต่วันนี้ที่ผมลงสำรวจ เห็นได้ชัดว่าเปลี่ยนแปลงไปครับ
ปะการังอยู่ห่างกันเป็นหย่อมๆ เหมือนไม่ใช่อ่าวจากที่ผมรู้จัก หรือผมลงผิดที่นะ เลยลองว่ายไปในที่ตื้นซึ่งก็ไม่แตกต่างกันครับ(ผมคิดว่า ก่อนกลับกรุงเทพฯ จะต้องทราบถึงสาเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงให้ได้)
แต่โดยรวมก็ยังหนาแน่นกว่าที่สตอร์คครับ ผมมองเห็นดาวมงกุฎหนาม ศัตรูตัวสำคัญที่ชอบกินปะการัง หรือนี่จะเป็นหนึ่งในสาเหตุนั้นนะ
เยี่ยมครับ ผมเจอสัตว์ทะเลที่อยากเจอมากๆนั่น คือ ปลาวัวจมูกยาว(Beaked Leatherjacket) ฝูงนี้มีประมาณสี่ตัวครับ อยู่บนปะการังเขากวาง อาหารของพวกเขานั่นเอง ลักษณะลำตัวยาว จะงอยปากยื่นยาว ลำตัวสีฟ้ามีจุดสีส้มกระจายทั่งตัว ที่ผมเห็นยังไม่ใช่ขนาดโตเต็มวัยครับ ประมาณ 6 ซม เท่านั้น ก็ประมาณนิ้วก้อยน่ะครับ(ปลาวัวชนิดนี้โตต็มที่ 12 ซม ครับ ก็เล็กอยู่ดีน่ะ)
มีปะการังแผ่นตั้ง(Coral foliose)เยอะแยะเลยครับ ถ่ายรูปออกมาก็ดูสวยทีเดียว
ปลาผีเสื้อไข่(Redfin Butterflyfish)ครับ มาเป็นคู่ตามสไตล์ เป็นปลาผีเสื้ออีกหนึ่งชนิดในหลายชนิด ที่พบได้ในทะเลอันดามัน อ่าวไทยไม่มีครับ
ผมกำลังตามถ่ายฝูงปลานกแก้ว ที่กำลังขบกัดปะการัง มีหลายชนิดครับ เริ่มจากชนิดที่เราเห็นเป็นประจำ จนไปถึงชนิดที่มีลำตัวเป็นสีดำทั้งหมด(จริงๆอาจเป็นเรื่องการแปรผันของสีก็ได้ครับ ผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่มองเห็นเป็นสีดำน่ะ)
นอกจากนั้นที่จำได้ก็มี ปลากะรังลายนกยูง(Peacock Grouper) ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) และ ปลาโนรี(Longfin Bannerfish) ครับ
นั่งเรือกลับอ่าวไม้งามครับ คราวนี้ไปจอดหน้าหาด(โชคดีไป) ไม่ต้องเดินจาก 200 เมตร ครับ ผมเอาของไปเก็บ เอาชูชีพไปคืน เตรียมตัวออกไปเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เตรียมไฟฉายไปด้วยครับ ป้องกันเวลากลับมาแล้วมืด เดี๋ยวจะมองไม่เห็นทาง
ลองชวนพี่เหมียวกับพี่บิ๊ก แต่ดูแล้วยังนอนหลับสบายกัน เลยไปคนเดียวดีกว่าครับ
0 Comments:
Post a Comment
<< Home