Friday, January 09, 2009

อันดามันใต้….ดินแดนปะการังอ่อน(1)







หากพูดถึงจุดดำน้ำในทะเลอันดามันของประเทศไทย ด้านหนึ่ง คือ อันดามันเหนือ ประกอบไปด้วยจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงในจังหวัดพังงา เช่น หมู่เกาะสิมิลัน กองหินริเชลิว หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะบอน เกาะตาชัย เป็นต้น


อีกด้านหนึ่ง เรียกว่า อันดามันใต้ ประกอบไปด้วยจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงในจังหวัด กระบี่ ตรัง สตูล และภูเก็ต เช่น หินแดง หินม่วง หมู่เกาะพีพี หมู่เกาะรอก หมู่เกาะตะรุเตา และหมู่เกาะในจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น

เรียกว่า หากฤดูกาลอันดามันเปิดขึ้นแล้ว นักดำน้ำย่อมไม่พลาดที่จะเดินทางไปยังสถานที่เหล่านี้อย่างแน่นอนเนื่องจากความสวยงามแห่งท้องทะเลที่ยากจะปฎิเสธได้


พูดถึงอันดามันใต้ ผมยังไม่เคยไปดำน้ำบนเรือ Liveaboard เลยครับ มีเหตุที่ต้องไปไม่ได้ๆทุกๆที ล่าสุดที่พลาดไปช่วงเดือนเมษายน ผมก็ได้ไปนอนบนเกาะหลีเป๊ะแทน ออกมา Fun Dive บนเรือหางยาว แม้จะแค่ 2 ไดฟ์ แต่ก็ทำให้ผมตื่นตะลึงกับความสวยงามของปะการังอ่อนไม่น้อยเลยล่ะ(รายละเอียดติดตามเรื่อง หมู่เกาะตะรุเตา…กับวันมหัศจรรย์ของผม”)


ปีใหม่นี้ มีวันหยุดยาวหลายวัน คุณแม่ยังไม่ต้องทำคีโม เนื่องจากคุณหมออยากให้พักก่อนในช่วงนี้หลังปีใหม่ค่อยว่ากัน เมื่อมีคุณพ่อและพี่ชายคอยอยู่ดูแลแทน ผมจึงมีโอกาสที่จะไปดำน้ำบนเรือ Liveaboard ได้ แต่การดำน้ำในช่วงปีใหม่ หากจะไปอันดามันใต้ ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะเรือส่วนใหญ่ ไปอันดามันเหนือกันหมด


เท่าที่ทราบก็มีของบริษัท มนุษย์กบไทย ที่จัดทริปอันดามันใต้ในวันปีใหม่ทุกๆปี(ผมเคยคุยกับครูจุ๋มและพี่อำนาจบ่อยๆ เพราะเคยยกเลิกการจองของที่นี่ไม่ต่ำกว่าสามครั้ง จนผมเลิกจองล่วงหน้ากับทุกๆบริษัทไปแล้วครับ รอดูใกล้ๆดีกว่า แม้จะไม่อยากยกเลิกการจอง แต่ด้วยหน้าที่ จนตอนนี้เขายังเก็บเงินมัดจำของผมอยู่เลยครับ บอกว่าถ้าผมว่างเมื่อไรค่อยนำเงินส่วนนี้มาหักได้เลย)


พูดถึงบริษัทนี้เป็นบริษัทแรกๆในการดำน้ำของบ้านเรา(หลายสิบปีก่อน) เรื่องความเชี่ยวชาญจุดดำน้ำและความปลอดภัย รับประกันได้เลยครับ จุดดำน้ำอย่างหินแปดไมล์(กองหินสคูบ้าเน็ต) ก็ของที่นี่ล่ะ ที่ไปบุกเบิกมา (ผมยังอ่านหนังสือของพี่เจี๊ยบ อภินันท์ บัวหภักดี ตอนไปอันดามันใต้กับมนุษย์กบไทย สนุกดีครับ)


พี่ป้อมไม่มีทริปช่วงปีใหม่ครับ ผมเลยลองหาเรือลำอื่นดู อยากไปลำไหนก็ได้ที่ไม่เคยไปมาก่อน ถ้าได้ไปอันดามันใต้คงจะดีไม่น้อย แต่หนทางมืดมิด เพราะทริปนี้เต็มไปตั้งแต่ก่อนเดือนธันวาคมอีกครับ

ก่อนวันเดินทางไม่ถึง 2 อาทิตย์ ผมลองโทรไปหาครูจุ๋ม และลงชื่อไว้เป็น Waiting list(เผื่อมีคนยกเลิก) ซึ่งก็ค่อนข้างจะยากอยู่เหมือนกัน


และแล้วหลังจากวันนั้นไม่กี่วัน โชคก็เข้าข้างผมแล้ว


“ภพ มีคน cancel สองที่ ไปอันดามันใต้ไหมครับ” เสียงพี่อำนาจบอก


ใช้เวลาคิดตัดสินใจไม่นาน(เนื่องจากทุกอย่างก็พร้อม เดินทางได้แบบไม่ต้องมีห่วงอะไร แถมพอหักมัดจำที่จ่ายไปแล้ว ราคาอยู่ในขั้นรับได้เสียด้วย)


ผมรอคอยการไปดำน้ำที่นี่มาสองถึงสามปีแล้ว แม้จะไปเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ได้กลัวอะไรครับ ทริปนี้มีพี่ตุ๋งและพี่ตาล สองทันตแพทย์ ที่ผมเคยเจอบนเรือเจ้าหญิงน้อย ทริปอันดามันเหนือ เมื่อปลายปี 2548 ไปด้วยครับ(เห็นพี่ๆบอกว่าจองมาตั้งนานแล้วล่ะ)


ได้ไปเรือ Scubanet ด้วยครับ ยอดเลย เป็นอีกลำที่ยังไม่เคยไปและอยากไปครับ(ปีก่อนที่ไปเรือโชคศุลี ได้มีโอกาสขึ้น Scubanet เล็กน้อย เรือใหญ่ ดาดฟ้ากว้างดีครับ)


โอกาสที่จะได้ไปดำน้ำในช่วงเทศกาลแต่มีคนน้อยๆแบบนี้ ก็หายาก การได้เห็นสัตว์ใหญ่ก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย(เหมือนทริปร้านเป็ด ร้านไก่ ต้นเดือนตุลาคมที่มีเรือออกลำเดียวนั่นแหละครับ)


ก่อนเดินทางผมเตรียมเมมโมรี่การ์ด แบตเตอรี่ ของกล้องถ่ายรูปให้พร้อมและเพียงพอ(ซื้อมา ทั้งทีต้องใช้ให้คุ้มครับ) ร่วมทั้งให้พี่ป้อมช่วยเปลี่ยนถ่านไดฟ์คอมพิวเตอร์ให้


ไม่ว่าจะเห็นสัตว์ทะเลชนิดไหนบ้าง ใหญ่ที่สุดจนถึงเล็กที่สุดก็ตาม ได้ทั้งนั้นครับ(ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก) ผมนึกถึงปะการังอ่อนสวยๆ สัตว์ทะเลที่อันดามันใต้ รวมถึงจุดดำน้ำที่ผมไม่เคยไปมาก่อน ตื่นเต้นจริงๆ


เพื่อไม่ให้เสียเวลา เดินทางไปพร้อมๆกับผมเลยดีกว่าครับ^^



30 ธันวาคม 2551

ช่วงเช้าพาคุณแม่มาตรวจที่โรงพยาบาลครับ พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีเวลามากไปกว่า การออกไปทานข้าวกลางวัน เรียกแท๊กซี่เข้ามาที่บ้าน ขนสัมภาระไปสนามบินดอนเมือง


ขาไปผมไปสายการบินวันทูโกครับ รอบบ่ายสามโมง(ที่ไปเร็วหน่อยเพราะได้ราคาถูกครับ แถมเป็นรอบสุดท้ายซะด้วย ถ้าไปบ่ายโมงก็ยิ่งถูกกว่านี้อีก หมดเที่ยวนี้ก็ต้องไปสายการบินอื่นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางจากบ้านไกลกว่าเยอะ) อย่างที่รู้กันว่า ตั๋วเครื่องบินช่วงปีใหม่ Charge กันสุดๆ ถ้าเป็นรอบหนึ่งทุ่มลงไป การบินไทย 3800 แอร์ เอ เชีย 4400 แพงกว่าของผมตั้งเกือบสองพันบาทแน่ะ(ดูซิครับ Low Cost แพงกว่า การบินไทยได้อย่างไร 5555) ( นก แอร์ ไม่มีลงที่ภูเก็ตแล้วครับ ทางเลือกก็ยิ่งน้อยลง ส่วนบางกอกแอร์เวย์ ตั๋วไม่แพงครับ แต่เต็มไปแล้วเช่นกัน )


ส่วนขากลับ ตั๋วเครื่องบินเต็มครับ(ถ้ามีก็รอบเย็นๆกับดึกๆ) แต่ไม่มีปัญหาครับ ความโชคดีของการเดินทางมาดำน้ำที่อันดามันใต้ คือ ขากลับจะสามารถเข้าฝั่งได้เร็ว นั่งรถทัวร์กลับรอบเย็นได้ทันที(ถ้าไปอันดามันเหนือ จะเข้าฝั่งภูเก็ตประมาณตีสอง นั่งรถทัวร์กลับไม่ทันครับ)


มาว่ากันต่อดีกว่า คนขับTaxi อยากจะพาภริยาขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก ผมแนะนำข้อมูลให้กับเขา พร้อมอวยพรให้เขาทำให้ได้(ถ้าเป็นช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล Low Cost บางสายการบิน ราคาแพงกว่ารถทัวร์ไม่กี่บาทเองครับ ประหยัดเวลากว่าด้วยนะ)


ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสนามบินดอนเมืองครับ ผมนำกระเป๋าเข้าเครื่องตรวจ โหลดสัมภาระที่จะขึ้นเครื่อง แสดงหลักฐานการชำระเงินและบัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่(กระเป๋าของผมแค่ 9 กิโลเองครับ วันทูโก ให้ 30 กิโล สบายมาก 555)


เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ผู้คนก็เริ่มทยอยกันมาแล้วครับแต่ไม่วุ่นวาย(ยังไม่มีพวกนักดำน้ำแน่ๆครับ ต้องเป็นช่วงทุ่มนึง ถึงจะเยอะ) ว่าแล้วก็เดินเข้าไปด้านในเลยดีกว่า ผ่านเครื่องตรวจร่างกายป้องกันการพกพาอาวุธ


ผมต้องออกไปทาง Gate 10 ครับ อยู่ชั้นล่าง คนนั่งรอแน่นเลยล่ะ ไม่เหมือนด้านบนที่ยังมีที่ว่างอีกเพียบ(ว่าแล้ว ไปห้องน้ำ แต้มคีนาลอคที่ปากหน่อยครับ ปากเป็นแผลน่ะ แสบน่าดู)


ไม่นานนักประตูก็เปิดออก ผู้โดยสารทยอยขึ้นรถ จากนั้นรถก็ค่อยๆเคลื่อนๆออกไปจนถึงเครื่องบิน มีสามสาวผมทองชาวต่างชาติ ผิวขาว ดูน่ารักดี เห็นแล้ว อยากเป็นไกด์ อาสาพาทัวร์ภูเก็ตจัง 555


“Exciting” เสียงสาวผิวคล้ำชาวไทยที่นั่งข้างๆผม ครับ พูดกับชายชาวต่างชาติ ท่าทางคงเป็นแฟนกัน จับมือกันแน่นเลยน่ะ 555(เดาว่า เธอน่าจะเคยขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกครับ)


ส่วนสามสาวชาวต่างชาติ นั่งอยู่ด้านหน้าผมเลย เท่าที่ดูใกล้ๆ แอบมองแบบพวกโรคจิตเห็นขนตาเธอเด้งมากเลยครับ ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ใช้ขนตาปลอมหรือเปล่า(ดูแล้ว นึกถึง หนูแหวน ดาราไฮโซ เลยล่ะ 55)


ผมนั่งติดประตูฉุกเฉินเลยครับ ก็ต้องศึกษา วิธีดึงประตู ตามที่แอร์ โฮสเตส สอน(แต่ดูแล้ว ผมมองหน้าแอร์ โฮสเตส สาธิต วิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ก็เคลิ้มแล้วครับ) ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกนะ ผมมองเห็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง มองแอร์ โฮสเตสไป ก็ยิ้มแฉ่งไปด้วย 555


กัปตัน คาร์ลอส วันเดอร์รามา(คาร์ลอส เฉยๆครับ55) พาผู้โดยสารขึ้นในความสูง 32,000 ฟุต สมัยก่อนขึ้นเครื่องผมจะหูอื้อ เดี๋ยวนี้จากที่ดำน้ำมา หูตายด้านไปแล้วครับ แค่กลืนน้ำลายก็เคลียร์หูได้แล้ว บางครั้งก็ไม่อื้อเลยก็มีนะ)


แอร์ โฮสเตส แจกอาหารและเครื่องดื่มครับ มีข้าวห่อสาหร่ายปูอัดของโออิชิ รสชาดดีทีเดียว ตามด้วยถั่วลิสงรสไก่ของวันทูโก รสชาดเหมือนมารูโจ้ ส่วนเครื่องดื่มมีเยอะ แต่ผมเลือกสไปร้ทครับ เพราะชอบสไปร้ทในตัวเธอ(อืม เริ่มฝืดแล้วเนี่ย 555)


ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ตครับ เดินออกมารอกระเป๋า ที่สายพานระหว่างนั้นเจอสาวภูเก็ตกำลังรอกระเป๋าอยู่เช่นกัน อายุไล่เลี่ยกับผม ใบหน้าคล้ายเพื่อนคนหนึ่งมากๆ ดูแล้วนึกถึงความหลังเลยล่ะ


เดินเข็นกระเป๋าออกมา พึ่งจะห้าโมงเย็นเองครับ(ทดสอบเปิดทีวีในโทรศัพท์แล้ว ไม่มีสัญญาน จะดูเป้าบุ้นจิ้นน่ะ กำลังสนุก) ถ้าผมรอพี่ตุ๋งกับพี่ตาลมาถึง ก็น่าจะประมาณสี่ทุ่ม ที่นั่งตรงนี้ก็เต็ม ร้านอาหารที่เห็นอยู่ก็ยังไม่เปิด ดูท่ารอตรงนี้ต่อไป ไม่ Work แล้วนะ ผมว่า ผมไปที่เรือเลยดีกว่า (พี่ป้อมบอกเหมาไปท่าเรือรัษฎา ประมาณ 500 บาทครับ)


เดินออกมาด้านนอก ลองดูรถโดยสารอย่าง Airport Bus ซึ่งมีออกตามเวลา แต่ถ้าหากถึงที่หมายแล้ว จะไปท่าเรือรัษฎาก็ต้องเหมาไปอีกอยู่ดี กระเป๋าก็มีหลายใบ ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินตะลอนครับ


“ลุงครับ ไปท่าเรือรัษฎาเท่าไรครับลุง คนเดียวไปไหม” ผมถามลุง ผู้มีอาชีพรับจ้างขับรถส่งนักท่องเที่ยว


“คนไทย 450 ชาวต่างชาติ 500 ไอ้หนุ่ม จะไปเกาะพีพีเหรอ” ลุงตอบ


“ผมไปดำน้ำครับ เรือจอดอยู่ที่นั่นน่ะ


ราคาพอไหวครับ ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆนะ ลุงเชาว์ พาขึ้นรถเก๋งญี่ปุ่น ขับออกจากสนามบิน เนื่องจากมีคนเดียวเลยไปรถเก๋ง หากมีหลายคน ก็จะไปรถตู้กัน


ผมถามถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ว่าน้อยลงไปเยอะไหม หลังจากเหตุการณ์ปิดสนามบิน


“โอย ไม่น้อยลงไปหรอกครับ เยอะกว่าเดิมอีก ฝรั่งมันอยากมาภูเก็ตจะตาย ที่นี่เป็นสวรรค์ของมัน” ลุงเชาว์ยิ้ม


ลุงเชาว์ชี้ให้ผมดู ทางเข้า Boat Lagoon สถานที่จอดเรือยอร์ท ของเหล่ามหาเศรษฐี ลำหนึ่งก็หลายร้อยล้าน ถ้ามีโอกาสคราวหน้า อยากเข้าไปดูเหมือนกันครับ(มอเตอร์ไซด์ต้องจอดแล้วเดินเข้าไป แต่รถเก๋งเข้าไปได้ครับ)


ผมมาเที่ยวภูเก็ตกับครอบครัวสี่ถึงห้าครั้ง สมัยที่พี่ชายทำงานเป็นแพทย์อยู่ที่นี่ เลยถามเกี่ยวกับบริษัทเรือที่ไปเกาะพีพี รวมถึงที่พัก เพราะต้องยอมรับว่าหลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ข้อมูลที่พักในเกาะพีพี ทางเว็บไซด์บางที่ ก็ใช้ไม่ได้อีกแล้ว(โดนคลื่นซัดไปเยอะเลยล่ะ) (เพื่อนถามผมก็ตอบไม่ได้น่ะครับ เพราะที่เคยพักก็พังไปแล้วซะด้วย ถามไว้เป็นข้อมูล ซึ่งลุงเชาว์ก็แนะนำมาครับ)


ส่วนเรื่องร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็น “เบือทอด” ที่ป่าหลายซีฟู๊ด(ก็คือ หญ้าทะเล นั่นแหละครับ) ยังมีอีกร้านที่ผมชอบมากๆ ชื่อว่า “บังหมุดซีฟู๊ด” ต้องนั่งเรือออกไปกินในแพกลางทะเล อากาศดีมาก อาหารทะเลก็สด อร่อยจริงๆ ราคาไม่แพง(ลุงเชาว์บอกว่า ชาวต่างชาติพอได้มากินร้านแบบนี้ ตื่นเต้นและชอบมากๆด้วย)


มาถึงท่าเรือรัษฎาที่คุ้นเคยดีครับ เรือที่ไปเกาะพีพีก็ต้องมาขึ้นที่นี่ เรือที่ผมไปดำน้ำก็จอดที่นี่ทุกครั้ง ว่าแล้ว ผมขอบคุณลุงเชาว์ก่อนที่เดินต่อไป


ยังไม่โทรหาครูจุ๋มครับ ผมหาที่นั่ง เปิดทีวีในโทรศัพท์สัญญานชัดดีมาก ขอนั่งดู เป้า บุ้น จิ้น
ก่อนดีกว่า มาพอดี(อะไรจะติดขนาดนั้น 55)


จากที่โทรคุยกับครูจุ๋ม ลำสว่างๆด้านหน้าผม ก็คือ เรือ สคูบ้าเน็ต นั่นเอง ผมเดินไปรอเด็กเรือ เอาดิงกี้มารับ ก็พบพี่อำนาจที่มาถึงพอดี


“สวัสดีครับพี่อำนาจ พึ่งมาถึงเหรอครับ”


“สวัสดีครับภพ พี่พึ่งมาถึงเลยละ ออกจาก กรุงเทพตั้งแต่เช้าแล้ว”


นั่งดิงกี้มาที่เรือครับ หญิงร่างเล็กด้านหน้าผม คือ ครูจุ๋ม ที่ผมเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว จากในนิตยสารท่องเที่ยว ที่สำคัญๆ ใครๆก็บอกว่า ครูจุ๋มใจดี ทำขนมและอาหารอร่อยมากๆ


“สวัสดีครับ ครูจุ๋ม ผมมาถึงซักพักแล้วครับ แต่ดูทีวีอยู่ด้านนอกน่ะ”


“สวัสดีค่ะ คราวหลังมาดูด้านในเรือก็ได้นะคะ” เธอยิ้มแย้มดีครับ ดูก็รู้ว่าใจดี เธอพาผมมาเก็บสัมภาระที่ห้อง ซึ่งในห้อง รูมเมทของผมมาถึงแล้ว แต่ออกไปทานข้าว ชื่อคุณมนตรีครับ


“ที่นี่พอมีที่ทานข้าวที่ไหนบ้างครับ”


“ทานในเรือได้เลยค่ะ ทานเนื้อได้หรือเปล่าคะ”


“ได้ครับ”


ลาภปากครับ มีกระเพราเนื้อ คะน้าหมูกรอบ ไข่เจียว และข้าวสวยร้อนๆ ตบท้ายด้วยเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดและส้มอีกหนึ่งลูก(ทานอาหารเสร็จ มีตู้เปิด ปิด สำหรับ กวาดเศษอาหารเข้าไปในถัง สะดวกดีครับ)


ผมสังเกตดูด้านบน มีของกินเพียบเลยครับ ทั้งนม ขนมปัง มาม่า น้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว เยลลี่แช่เย็น ผลไม้ เป็นต้น เรียกว่าอุดมสมบูรณ์ดีจริงๆ


กรอกข้อมูลการดำน้ำและบันทึกการยินยอม เรียกว่า การมาดำน้ำ ก่อนเราจะดูแลคนอื่นได้ ตัวเราเองต้องรับผิดชอบตัวเราเองให้ดีด้วยนะครับ


ลงด้านล่าง จะมาประกอบอุปกรณ์ครับ ปรากฎว่า เขาประกอบให้เสร็จหมดแล้ว ดีจริงๆ เลยมาคุยกับพี่อำนาจและพี่ตู่(มาพร้อมพี่อำนาจครับ พี่ตู่ เป็น Divemaster ให้กับกลุ่มที่ห้า(ของผมอยู่กลุ่มแรกเลยครับ มี Leader ชื่อพี่สมนึก)


ผมคุยกับพี่ตู่ เรื่องการดูเข็มทิศ เพราะก่อนมา ผมได้เข็มทิศมาฟรีๆ จากพวงกุญแจสนามเดินป่า ที่มีอยู่แล้ว เลยเอามาติดกับ Dive Computer ซะ จะได้รู้กันว่าพรุ่งนี้น้ำจะเข้าไหม(พี่ตู่บอกว่าน่าจะใช้ได้ครับ แต่อาจจะต้องจำทิศก่อนลงให้ดี เพราะเข็มทิศของผมไม่มีฟันหนูล๊อคทิศไว้น่ะ)


ใกล้ๆพี่ตู่ มีไอ้หนุ่มผมยาวอีกคนครับ(จำชื่อไม่ได้แล้วน่ะ) แต่ไม่ได้ไปสคูบ้าเน็ตครับ จะไปเป็น Staff บนเรือยอร์ทน่ะ


ปกติหน้ากาก ผมจะเอามาติดไว้กับ BCD ครับ แต่พี่อำนาจบอกให้ผมแขวนเอาไว้ก็ได้(มีที่แขวน) ว่าแล้วแกก็เอาฟิน มาให้ผมลอง ก็พอดีครับ สบายมาก


ขึ้นไปสำรวจบนดาดฟ้าครับ ชอบมาก ลมเย็นดี จากนั้น ลงมาเปิดหนังสือสัตว์ทะเลของบนเรือครับ มีปลากับกุ้งอย่างละเล่ม เคลือบด้วยพลาสติค กันเปียกน้ำ(ครูจุ๋มบอกว่า ค่าเคลือบแพงกว่าซื้ออีกครับ) ผมชอบเพราะละเอียดดี ถ้าจำไม่ผิด เคยเห็นบนเรือ เจ้าหญิงน้อยครับ กลับไปผมต้องหาซื้อมาบ้างแล้วล่ะ เห็นว่า Asia Book ก็มี(เล่มกุ้ง ชื่อว่า Crustacea Guide of the World Shrimp , Crabs, Lobsters ,Mantis Shrimps ,Amphipods ผู้แต่งชื่อว่า Helmut Debellus)


ครูจุ๋มบอกว่าควรสนใจสัตว์ทะเลทุกชนิดเพราะมีชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งตรงกับผมพอดีครับ ผมก็ชอบดูทุกชนิด แต่ละไดฟ์ที่ผมลง จึงไม่มีคำว่าผิดหวังครับ เรียกว่ามีอะไรให้ดูอย่างแน่นอน


เท่าที่ผมเห็นส่วนใหญ่ นักดำน้ำบนเรือที่มา จะรู้จักกันหมด(ตรงกับที่พี่อำนาจบอกว่า ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่า) ว่าแล้วก็เปิดอ่านหนังสือปลาไปครับ


บนเรือมีเด็กด้วยครับ คงมาแบบ Non Dive แน่ๆ(พ่อแม่มาดำน้ำ พาลูกมาด้วย) ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นเด็กๆขึ้นเรือมาแบบนี้ครับ


ซักพักชายคนหนึ่งก็เข้ามาคุยกับผม ซึ่งก็คือ รูมเมทของผมนี่เอง


“ชื่อภพ ใช่ไหม ผมมนตรีนะ ขอนอนด้านล่างไม่เป็นไรนะ”


“สวัสดีครับพี่มนตรี ตามสบายเลยพี่”


อ่านหนังสือต่อพักใหญ่ๆ ไปอาบน้ำดีกว่าครับ นั่นรูมเมทผมหลับไปแล้ว เลยปิดไฟดวงใหญ่และเปิดเฉพาะไฟตรงหัวเตียง ระหว่างอาบน้ำ เหมือนผมจะได้ยินว่า พี่ตุ๋งกับพี่ตาลจะมาถึงแล้ว ซึ่งออกไปก็เจอจริงๆครับ


“สวัสดีครับพี่ตาล สวัสดีครับพี่ตุ๋ง ไม่ได้เจอกันตั้งสามปีแน่ะ”


พี่ๆ ดูหน้าใสกันทั้งคู่ครับ ผมแต่งตัวและขึ้นไปด้านบน ทานข้าวต้มหมูร้อนๆ ได้รู้จักกับพี่สมนึก Leader ของผมเอง


“สวัสดีครับพี่สมนึก ผมอยู่กลุ่มพี่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”


อีกคน คือ พี่ป้อม(หนุ่มร่างใหญ่สวมแว่นตาขอบดำท่าทางใจดี และพี่แอ๊นท์(สาวร่างเล็ก เป็นทันตแพทย์)


พี่ตุ๋งบอกว่า พี่สมนึกเป็นตำนานของการดำน้ำ เห็นว่าดำน้ำมานานมาก เชี่ยวชาญ Dive Site และการหาของเป็นอย่างดีเลยล่ะ(พี่ตุ๋งบอกว่าเป็นลูกศิษย์พี่สมนึกด้วยครับ)


นี่ก็เที่ยงคืนแล้วครับ หลายคนทยอยไปพักผ่อน ดูในตาราง พรุ่งนี้ มี Briefing ตอน 07:20 น(ค่อนข้างเช้าครับ) ผมว่าผมรีบไปนอนพักผ่อนดีกว่านะ(ยังมีคนที่ยังมาไม่ถึงด้วยล่ะครับ)


ก่อนนอนก็คุยกับครูจุ๋มและพี่สมนึก อีกเล็กน้อยครับ(มองเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังจะขึ้นเรือ Speed Boat ด้วย อาจไปเกาะพีพีก็ได้นะ)


31 ธันวาคม 2551

ตื่นก่อน 7 โมง เช้า ครับ นอกจากจะมี Briefing แล้ว ต่อไปนี้ เวลามาดำน้ำ ผมจะต้องตื่นเช้ากว่าทุกครั้ง เพราะมีกล้องและ Housing ที่จะต้องมาประกอบกัน


ขนหนังสือมาหลายเล่มครับ จุดประสงค์นอกจากจะอ่านเอง ก็อยากให้เพื่อนๆบนเรือได้อ่านกันด้วย เอาใส่เป้ แล้วขนขึ้นไปด้านบนดีกว่า


เริ่มจากนำยาง โอ-ริง ออกมา ทาซิลิโคน ลูบไปลูบมา สังเกตว่า ไม่มีเส้นผมและเม็ดทราย จากนั้นนำมาประกอบกับกล้อง จากนั้นก็นำกล้องมาใส่ ปิดให้สนิท แล้วลองไปแช่ถังน้ำด้านล่าง


เหมือนมีฟองอากาศขึ้นมานิดๆครับ ไม่แน่ใจว่าน้ำจะเข้าไหม เลยให้พี่ตู่ช่วยดูให้ พี่ตู่บอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผ่านฉลุยแบบนี้ ก็ขึ้นไปด้านบนดีกว่า


กลุ่มดำน้ำจะแบ่งเป็น 5 กลุ่มครับ กลุ่มแรกมี พี่สมนึก เป็น Leader ตามด้วยพี่แดง พี่กอลฟ์ พี่อู๊ด นัท ผม และพี่มนตรี


กลุ่มที่สอง จะมี พี่ป้อม พี่แอ๊นท์ พี่ตุ้ม


กลุ่มที่สาม มีครูตุ๋ม เป็น Leader ตามด้วย พี่ตุ๋ง พี่ตาล หยก พี่บิ๊ก พี่พัช


กลุ่มที่สี่ มีพี่อำนาจ เป็น Leader ตามด้วย พี่หมอพี พี่ตา เฮียหมี พี่ตุ๊ก เฟิร์ส พี่ป๊อก เฮียช๊วนและพี่แอ๋ว


กลุ่มที่ห้ามีพี่ตู่ เป็น Leader ตามด้วย พี่เล้ง พี่ขวัญ เจี๊ยบและฮิเดกิ


โดยกลุ่มพี่สมนึก จะลงพร้อมกับกลุ่มพี่ป้อม(กลุ่มหนึ่งลงพร้อมกลุ่มสอง) กลุ่มครูตุ๋มลงพร้อมกลุ่มพี่ตู่(กลุ่มสามลงพร้อมกลุ่มห้า) ปิดท้ายด้วยกลุ่มพี่อำนาจ (เหมือนจะเยอะครับ จริงๆก็มีลงกันสามกลุ่มแหละ)


แต่ไดฟ์แรกของแต่ละวัน จะให้กลุ่มของพี่อำนาจลงก่อนครับ เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องขึ้นมากินยาก่อนอาหาร ส่วนไดฟ์ต่อไปก็เป็นกลุ่มพี่สมนึก(กลุ่มผมนี่แหละ)ที่ต้องลงก่อนทุกไดฟ์


“Briefing ค่ะ” เสียงหวานๆ และยิ้มแย้มของครูตุ๋มครับ


ครูตุ๋มบอกว่า ไดฟ์แรกเราจะลงดำน้ำกันที่เกาะห้าใหญ่ ให้ดำไปทางทิศตะวันออก ไหล่ซ้ายอยู่ติดแนวปะการัง สัตว์ทะเลก็เช่น กัลปังหา ปะการังอ่อน และ ปลาหิน โดยมี Max Depth อยู่ที่ 25 เมตร และ Max Time อยู่ที่ 50 นาที


พูดถึงเกาะห้าใหญ่ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะห้า ผมเคยได้ยินชื่อมานานครับ อยากมาดำน้ำแถบนี้มากๆ คราวนี้สมใจซะที มองจากด้านบนแล้ว ตัวเกาะก็ใหญ่สมชื่อจริงนะ


ลงมาด้านล่าง ผมถึงทราบว่า การที่นำหน้ากากมาแขวนไว้นั้น มีความหมายครับ เพราะบนเรือ Scubanet มีการ Clean mask ให้ด้วยล่ะ(ไม่เคยเจอมาก่อนเลยครับ) หลายคนอาจคิดว่า แค่นี้ทำเองไม่ได้หรือยังไง ทำเองก็ได้ครับ แต่สำหรับผมที่เป็นคนแต่งตัวช้า การทำแบบนี้ ช่วยให้เร็วขึ้นเยอะเลยล่ะ(จุ่มน้ำ ล้างอย่างเดียว)


ส่วนเข็มขัดตะกั่ว ดีมากเลยครับ เพราะจะมีเลขติดอยู่ แค่จำเลขให้ได้ว่าเราใช้เลขอะไร ก็ใช้เลขนั้นไปตลอด ไม่ปนกับของคนอื่น ไม่ต้องนั่งหาให้ปวดหัว ไม่ต้องให้พี่ๆ Staff ช่วยใส่ตะกั่วให้ใหม่


ขณะที่ผมกำลังหา Fin พี่อำนาจก็หยิบให้ทันทีเลยครับ สะดวกจริงๆ(แกเป็นคนจัดอุปกรณ์ให้ผม ทำไมจะไม่รู้ล่ะ)


กลุ่มพี่อำนาจลงไปแล้ว ผมไปประจำการที่ชุด โดยมีพี่ Staff ช่วยเปิดแขน BCDให้(มีน้ำมา เสริฟด้วยครับ ดีจริงๆ)


ผมติดที่เกี่ยวกล้องไว้ที่ BCD และที่ข้อมือ พร้อมแล้ว เราลงไปสำรวจความงามของเกาะห้าใหญ่กันเลยครับ

3 Comments:

At 11:36 PM, January 27, 2009, Anonymous Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความที่นำมาแบ่งปันให้กัน

 
At 10:05 AM, February 02, 2010, Blogger Unknown said...

เคยไปกินเหมือนกันมีอยู่ร้านหนึ่งเปิดล่าสุดอาหารอาหร่อย ส่วนราคาก็ถูกด้วย คือ ร้านคุณหนูชมซีฟูต ชอบมาก อยู่หน้าร้านบังหมุดซีฟู๊ต

 
At 9:29 PM, February 02, 2010, Anonymous Anonymous said...

ยินดีครับ คุณศึกษาต่อต่างประเทศ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ คุณ nava

ผมจะจำไว้ครับ ผมอาจเคยผ่านร้านนี้แล้วก็ได้

 

Post a Comment

<< Home