Monday, October 27, 2008

ปิดฤดูกาลอ่าวไทยที่…ร้านเป็ด ร้านไก่(3)







Dive 3 ครั้งแรกกับ “ฉลามวาฬ” ประสบการณ์ยอดเยี่ยม ไม่มีวันลืม

“ฉลามวาฬ ฉลามวาฬ” เสียงพี่วิลลี่ตะโกนดังลั่น


ผมได้ยินครับ แต่ยังนอนต่อ และเฉื่อยๆเพราะคิดว่าคงเป็นเสียงกระตุ้นให้ผมรีบแต่งตัว เพื่อลงในไดฟ์ต่อไป (หลอกคนอื่นได้แต่หลอกผมไม่ได้หรอก 555)



“ฉลามวาฬ ฉลามวาฬ” คราวนี้เป็นเสียงของพี่เอครับ ท่าทางดีใจเอามากๆ(น่าแปลก น้อยครั้งที่จะได้ยินเสียงพี่เอดังๆแบบนี้) ฟังดูแล้วมีเสียงตึงตังของคนจำนวนมากบริเวณใกล้ๆที่ผมนอนอยู่ด้วยครับ ผมลืมตาขึ้นแล้วหันไปดู “เฮ้ย ท่าทางจะมีอะไรว่ะ” ผมคิดในใจ


“ฉลามวาฬ ฉลามวาฬ !!!” เสียงของผมดังขึ้นบ้าง น้ำเสียงบ่งบอกถึงความดีใจสุดขีด เมื่อเห็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งปรากฎกายอยู่บริเวณข้างเรือ เป็นสัตว์ทะเลที่ผมตามหามานาน อยากพบเป็นที่สุด ซึ่งนักดำน้ำหลายๆคนก็อยากพบครับ


เจ้ายักษ์ใหญ่ ใจดีหรือเจ้าหัวบุ๊งกี๋ เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มาก กินแพลงตอนเป็นอาหาร พบได้ยากมากๆ(ต้องพกดวงมาด้วย) อย่างที่บอกครับ พวกเขาไม่ได้อยู่นิ่ง ว่ายน้ำไปเรื่อยๆและไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า พวกเขาจะมาเมื่อไร


จากที่รู้สึกง่วงนอน มึนหัว ความรู้สึกนั้นหายไปทันทีครับ(สดชื่นขึ้นทันที) ลงมาชั้นล่าง ทุกคนรีบแต่งตัวอย่างไม่รีรอ แต่ก็ได้เพียงบางคนครับเพราะถังอากาศของบางคน(รวมทั้งผมด้วย) ยังอัดไม่เสร็จเลยน่ะ


รอไม่ได้แล้วครับ ผมขอลงไป Snorkeling ก่อนก็ได้น่ะ อยากเห็นจริงๆ พี่ป้อมบอกให้ผมอย่าลืมใส่ฟินด้วย


“เดี๋ยวครับ ภพยังไม่เคยเห็นเลยใช่ไหม ชุดของภพอยู่ตรงไหน เดี๋ยวพี่เปลี่ยนแท๊งค์ให้เลย” พี่แจ้บอก


“ตรงนี้ครับพี่” ผมชี้ไปที่ชุดของผม


“ปกติ ถ้าเขามาแล้วจะอยู่นานไหมครับพี่แจ้” ผมถามด้วยความตื่นเต้น


“ถ้ามาแล้ว ก็อยู่นานครับ” พี่แจ้กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม


“ตูม” เสียงผมกระโดดลงด้วยท่า Giant Stride(ยังเหลือนักดำน้ำอีกไม่เกินสามคน ที่ยังรออัดอากาศอยู่ครับ ส่วนใหญ่กระโดดลงไปหมดแล้ว)

แม้จะอยู่กลางน้ำแต่น้ำค่อนข้างใส ผมมองเห็นฉลามวาฬกับนักดำน้ำอยู่ห่างจากตัวผมประมาณแปดเมตร ผมค่อยๆเคลียร์หูลงไป แม้บางจังหวะจะปวดหู(รีบลง) แต่ในใจกลับอยากที่จะลงไปให้ใกล้ๆกว่านี้


ไม่ฝืนดีกว่าครับ ผมตีขาขึ้นไปเล็กน้อย แล้วค่อยๆเคลียร์หูลงไปใหม่แม้จะช้าและห่างไกลจากคนอื่นๆอยู่บ้างก็เถอะ จากนั้นเหตุการณ์สุดยอดอันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น


ฉลามวาฬ ว่ายจากด้านล่างมาสู่ผิวน้ำ และตรงมาที่ผมแล้ว!!!!!


“เธออยากเห็นใช่ไหม ไม่ต้องว่ายเข้ามาหาเพราะฉันมาแล้ว” เหมือนเธอจะรู้ว่าผมอยากเจอเธอมากๆ และเธอก็ทราบดีว่าผมและนักดำน้ำเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู จึงว่ายเข้ามาหา อ้าปากกว้างใหญ่เพื่อกินแพลงตอน ตรงเข้ามา ผมนึกถึงภาพถ่ายที่พี่นัท สุมนเตมีย์ ได้ถ่ายไว้ขณะเธออ้าปากเป็นอันดับแรกเลยครับ


มหึมา บอกได้คำเดียวว่า มหึมามากๆ มองดูแล้วประมาณ 6 เมตร มีเหาฉลาม(Shark Sucker)ว่ายติดตามด้วย ผมสเต็บหลบออกด้านข้างเพื่อป้องกันการปะทะโดยไม่ตั้งใจ ถึงตอนนี้ห่างจากเธอเพียงครึ่งช่วงแขน ลำตัวสีเทาปนฟ้า มองเห็นลวดลายจุดสีขาวบนตัวเธออย่างชัดเจน ครีบหลัง ครีบหาง ช่างสง่างามอะไรอย่างนี้นะ(มีเหาฉลามเกาะติดอยู่หลายตัวด้วยครับ)


ใครจะไปคิดครับว่าจะมีโอกาสเจอสัตว์ทะเลที่ใหญ่ขนาดนี้ใต้ทะเล หากเปรียบเทียบบนบก เธอมีขนาดใหญ่เหมือนรถบรรทุก ในขณะที่มนุษย์ตัวจิ๋วเดียว เต็มที่ก็สองเมตรกว่า (เธอยังมีขนาดใหญ่ได้มากกว่านี้อีกครับ)


ผมมองดูเธอบนผิวน้ำ โดยไม่ว่ายขึ้นตามไป แต่มองดูและเก็บรายละเอียด เก็บประสบการณ์ที่ประทับใจให้มากที่สุด จากนั้นเธอว่ายลงไปด้านล่าง ซึ่งผมค่อยๆเปลี่ยนระดับลงไปอีก


อีกแล้วครับ!!! เธอว่ายตรงเข้ามาที่ผมอีกแล้ว คราวนี้ผมสเต๊บลงมาด้านล่างเล็กน้อย แหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นท้องขาวๆ ของเธอได้อย่างชัดเจน (เฮ้อ ยิ่งแพ้ความขาวซะด้วยซิ) ในจังหวะที่ใกล้ชิดมากๆ ผมยกมือสองข้าง ประสานกันปิดบริเวณศีรษะของตัวเอง เพื่อป้องกันการปะทะ และเมื่อเธอว่ายผ่านขึ้นไป หากเธอสะบัดหาง ผมอาจจะโดนที่ครีบของเธอ ซึ่งโชคดีว่า ไม่ได้ถูกเนื้อต้องตัวครับ(ดูแต่ตา มืออย่าต้อง)


ดูซิครับ เธออ้าปากงับฟองอากาศของนักดำน้ำใหญ่เลย ในมวลน้ำแบบนี้ ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อมากินอาหารครับ


ที่บอกว่าห้ามแตะต้อง นอกจากจะทำให้เธอตกใจและไปจากที่นี่แล้ว ในมือของเรานั้น เต็มไปด้วยเชื้อโรค หากไปแตะต้องเธอ เชื้อโรคจากมือเราก็จะไปติด และอาจทำให้เธอติดเชื้อโรคจากเรา อาจทำให้ป่วยและอาจตายได้(แม้จะตัวใหญ่ แต่เธอบอบบางมากนะครับ)


จากนั้นผมยังได้เห็นเธอว่ายไปมา อีกหลายครั้งในมุมขวา มุมซ้าย ด้านล่าง ด้านบน โดยที่ผมไม่ต้องเปลืองแรง ว่ายตามเธอแต่อย่างใด(ใช้สายตาดูอย่างเดียวครับ เห็นแล้วมีความสุขมากๆ) แต่ก็เปลี่ยนระดับขึ้น-ลง อยู่เรื่อยๆครับ

สังเกตเห็นได้ว่า ทุกคนมีความสุขจริงๆ และผมมั่นใจว่าเธอก็มีความสุขเช่นกัน ถ้าเธอรำคาญ เธอคงจะว่ายน้ำจากพวกเราไปที่อื่นแล้ว หากเปรียบได้กับดารา ก็คงเป็นดาราที่โด่งดังนิสัยดี ไม่ถือตัว เป็นมิตรกับทุกคน ใครเห็นใครก็รัก


ระหว่างนั้น ผมเหลือบเห็นถังอากาศของใครคนหนึ่ง มีอากาศรั่วออกมา พี่พิช อยู่ใกล้ๆพอดีครับ ผมเลยรีบเรียกแกให้มาดู พี่พิชยกนิ้วให้เหมือนจะบอกว่า “ดีมากที่สังเกต” และทำสัญญาณบอกว่า “ไม่เป็นไร”(ทราบจากตอนขึ้นมาว่า ทำให้เปลืองอากาศเท่านั้นเองล่ะ)


เมื่อเธอว่ายไปอีกทางหนึ่ง(ด้านหลังของผม) ผมหงายท้องตีฟินด้วยท่าผีเสื้อ(มือไม่ต้องทำครับ เอาเท้าอย่างเดียวพอ) ว่ายไปกับเธอก่อนที่จะผ่อนแรง(เหนื่อยเหมือนกันครับ) จนเธอว่ายหายไปในจุดที่ลึกกว่า ซึ่งยังมีคนอื่นๆว่ายน้ำตามไปอีก ถึงตอนนี้ผมคิดไว้ ผมพอใจมากๆแล้วล่ะ จะไม่ตามลงไปแล้ว รวมระยะเวลาที่ผมอยู่กับฉลามวาฬประมาณ 20 นาที


จากจุดที่ผมหันหลัง หงายท้องแล้วตีขามานั้น ปรากฎที่เบื้องหน้าของผม คือกองหินสามเหลี่ยมครับ(อยู่ๆก็มาเจอตรงนี้โดยไม่ตั้งใจ) มองดูแล้วมีอวนเต็มไปหมด ผมไม่รอช้า รีบลงไปดูทันที เพราะเห็นภาพแบบนี้แล้ว มันตะขิดตะขวงใจน่ะ


อวนมากมายครับ ผมมองดูแล้ว ทางสะดวก(ไม่ได้คลุมบนปะการัง) และที่ติดส่วนใหญ่ก็ติดอยู่กับหิน ผมใช้มือเปล่า กระชากอวนที่เหมือนเส้นเอ็นจนขาด(โชคดีว่า อวนไม่หนาเหมือนที่ระยองครับ สามารถใช้มือกระชากได้ ) ในส่วนที่เป็นเชือกผมจะปล่อยไว้(ไม่มีกรรไกร) ซึ่งถ้าเอาส่วนที่เป็นอวนซึ่งเป็นตัวร้ายขึ้นมา เชือกก็ไม่สำคัญครับ


มีปลามากมาย ติดอยู่กับเครื่องพันธนาการ ความรู้สึกบอกผมว่า ผมจะต้องช่วยพวกเขาให้มากที่สุด ตัวที่สิ้นใจไปแล้ว คงต้องยอมรับชะตากรรม ส่วนตัวที่ยังมีลมหายใจ จะต้องช่วยให้รอดชีวิตให้ได้


ระหว่างทำงานที่ด้านขวา ดึงอวนมาเรื่อยๆ ผมก็ได้มาพบกับนักดำน้ำคนหนึ่งที่ด้านซ้าย(ทราบจากตอนขึ้นมาว่า คือ นุ๊ก สาวร่างเล็กคนนั้นนั่นเอง) (เวลาอยู่ด้านล่าง หากใครแต่งตัวที่ไม่เด่น จะดูยากมากครับ ว่าใครเป็นใคร เพราะสวมหน้ากากดำน้ำอยู่)


นุ๊กกำลังใช้กรรไกร บรรจงตัดอวนที่ติดอยู่บนตัวปลาครับ ผมเข้าไปพอดี นุ๊กทำสัญญาณให้ผมช่วยเธอหน่อย ผมจับตัวปลาอย่างนุ่มนวล แต่ปลาก็ยังดิ้น ผมใช้มือสอดเข้าไปบริเวณจุดที่อวนติดแน่น เปิดช่องว่างให้กรรไกรของนุ๊ก เข้าไปตัดเพื่อช่วยเหลือ


“ ฉับ” ปลาน้อยตัวนั้น ว่ายออกไปได้อย่างปลอดภัยและหลุดจากพันธนาการ ดูมันก็ดีใจมากๆด้วยครับ ว่ายฉิวเลยล่ะ นุ๊กทำสัญญาณยกนิ้วโป้งให้ผมเหมือนจะบอกผมว่า “ เยี่ยมมาก”


แข่งกับเวลาต่อครับ ผมยังเหลืออากาศอยู่ ต้องทำประโยชน์ให้มากที่สุด ผมว่ายไปที่จุดอื่น ( มองเห็นมีนักดำน้ำประมาณ 5-6 คนตรงนี้ หนึ่งในนั้น คือ พี่ป๊อคกี้ พี่หมี และพี่หมอหมู ซึ่งแม้จะไม่สะดวกในเรื่องการตัดอวน เพราะถือกล้องพะรุงพะรังสองมือ แต่ก็ช่วยบันทึกภาพปฎิบัติการณ์ของนักดำน้ำด้วย(ขอบคุณครับพี่ ผมจะเอาไปหาเสียงน่ะแต่ผู้เลือกตั้ง คือ สัตว์ทะเลนะ 55)


แม้จะเจ็บมืออยู่บ้าง แต่ในใจที่มีแต่ความเกลียดชังในการวางอวนของพวกที่มักง่าย ทำให้ผมกระชากอวนออกได้อย่างรวดเร็ว มีปลาตัวหนึ่ง ที่ผมพยายามที่จะช่วย แต่ทำอย่างไรก็กระชากตรงส่วนที่สำคัญที่สุดไม่ได้ หากทำแรงไป ก็ต้องตายคามือของผมแน่ๆ เพราะอวนรัดแน่นจนหนังหลุดออกมา ผมจึงกระชากตรงส่วนด้านนอก ซึ่งกระชากออกครับ แต่ดูเหมือนว่า ส่วนสำคัญที่สุด ที่ทำให้ปลารอดชีวิตออกมาได้อยู่ตรงด้านในนั่นเอง(โปรดนึกภาพตาม ของการเปิดช่องว่าง ที่ผมกับนุ๊กช่วยปลาตัวเมื่อครู่นะครับ ส่วนสำคัญอยู่ตรงนั้นแหละ)


ผมจำยอมที่ต้องปล่อยปลาตัวนั้นไปอย่างหดหู่ เพราะอากาศก็เริ่มน้อยลง ผมว่ายไปดึงอวนต่อ จนเจอพี่พิช ซึ่งกำลังตัดอวนอย่างขมีขมันเช่นกัน


ตรงจุดนี้ ผมดึงอวนจนพลาด และอวนพันรอบตัวจนยุงเหยิงไปหมด ขยับตัวลำบากมาก ขาสะดุ้งเพราะสะกิดโดนเม่นทะเล จนต้องรีบดึงขาออกมา พี่พิชช่วยดึงผมออกมาและใช้กรรไกรตัด จนผมรอดออกมาได้


พี่พิชเช็คอากาศ ผมเหลืออยู่30 bar แกทำสัญญาณให้ผมขึ้นไปด้านบนได้แล้ว ผมรู้สึกเซ็งมากๆ เพราะยังไม่อยากขึ้น ยังอยากดึงอวนต่อ เพราะเท่าที่มองจากสายตา หากมีเวลาอีก 10 นาที ผมจะกระชากอวนหมดแน่นอนครับ(แต่เพื่อความปลอดภัยกับตัวผมเอง ต้องเชื่อพี่พิชครับ วันนี้ผมคิดว่า ในเวลาที่จำกัดผมทำได้ดีที่สุดแล้วล่ะ)


มือขวาของผมถืออวน ระหว่างที่ผมเปลี่ยนระดับขึ้นไป ความดีที่ผมทำนั้น ส่งผลให้เห็นในระดับสายตา(จะเรียกว่า บุญ Delivery ก็ได้)


“ฉลามวาฬครับ ฉลามวาฬตัวที่สอง!!!!!”


ฉลามวาฬตัวนี้ เล็กกว่าตัวแรกครับ มีขนาดลำตัวประมาณ 3-4 เมตร สิ่งแตกต่าง คือ ปลาบริวารครับ ตัวนี้มีปลาช่อนทะเล(Cobia) ว่ายตามติดด้วย แถมตัวนี้ อยู่ในความลึกประมาณ 15 เมตร หากผมไม่เข้ามาตัดอวน ก็คงไม่เห็นเธอแน่ๆ แถมยังว่ายน้ำเร็วด้วยน่ะ แป๊บเดียวเธอก็หายวับไปกับตา


ไม่ได้ทำ Safety stop ด้วยครับ เพราะระหว่างรอทำ ปรากฎว่า ร่างกายได้ลอยขึ้น แต่ก็ไม่กลั้นหายใจเพราะปอดอาจจะฉีกได้น่ะ


ขึ้นมาบนผิวน้ำ ผมหน้ามุ่ยเล็กน้อยเพราะอาการเหนื่อย แต่ไม่นานก็ยิ้มและตะโกนให้พี่ป้อม พี่โหน่ง ที่อยู่บนเรือฟังว่า


“ฉลามวาฬพี่ ฉลามวาฬ เห็นสองตัวเลยครับ อีกตัวอยู่ตรงที่ตัดอวนกันน่ะ” ผมลิงโลดกับประสบการณ์ที่ได้รับ เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากครับ ผมจะจำไม่มีวันลืมเลย อยากเห็นมานาน เห็นครั้งแรกก็ เห็นสองตัวเลยครับ 555


ใกล้ๆ มีพี่ปุ๋มกับพี่เจนที่อยู่บนผิวน้ำ พวกเธอก็เห็นฉลามวาฬสองตัวเช่นกันครับ

ขึ้นมาบนเรือ แต่ละคนเล่าถึงประสบการณ์ที่แสนประทับใจ นุ๊กเล่าให้ฟังว่า อากาศของเธอเหลือศูนย์ และกลั้นหายใจตอนขึ้น เพราะอากาศหมดจนหายใจไม่ได้ ผมตกใจและบอกเธอว่า ไม่ควรกลั้นหายใจเพราะอันตรายมาก โชคดีว่าเธอไม่ได้เป็นอันตราย(ที่ถูก ก็คือ การทำซีซาร์ขึ้นจากน้ำครับ)


จากนั้นไม่นานนัก ฉลามวาฬก็โผล่ที่ผิวน้ำอีกครั้ง ทำให้ช่างกล้องรีบเก็บภาพจากบนเรือเป็นการใหญ่


เรือ Cabana-MV 1 ค่อยๆแล่นออกจากกองหินสามเหลี่ยม พี่แจ้บอกว่า ผมและทุกคนโชคดีมากๆ เพราะตั้งแต่แกอยู่ที่นี่ ปกติฉลามวาฬจะขึ้นที่กองหินหลักง่าม และหินแพมากกว่า ไม่เคยขึ้นที่กองหินสามเหลี่ยมมาก่อน และโอกาสที่ฉลามวาฬจะว่ายเล่นแบบนี้โดยที่ไม่ต้องว่ายน้ำตาม หาได้ยากมากๆ(อยู่เฉยๆก็ว่ายเข้ามาหาเอง)


ทุกคนมีแต่รอยยิ้มที่ได้เห็นฉลามวาฬ นักดำน้ำทุกคน แม้แต่พี่ปลา ที่มาแบบ Non-Dive ก็ยังเห็นฉลามวาฬแบบชัดมากๆ บนผิวน้ำแบบ Snorkeling Staff ของเรือทุกคน แม้แต่แม่ครัว ก็ยังเห็นหยิบกล้องจากโทรศัพท์มือถือออกมาถ่าย


การได้เห็นฉลามวาฬ จึงต้องอาศัยโชคช่วย เพราะหลายคนดำมาน้ำมานานหลายร้อยไดฟ์ แต่ยังไม่เคยเห็นเลยก็มีครับ ซึ่งผมหวังว่า นักดำน้ำทุกคนจะโชคดีแบบผมและทุกๆคนบ้าง(ทราบว่า หลายคนก็พึ่งเห็นเป็นครั้งแรก หลายคนก็พึ่งได้มีโอกาสถ่ายรูปฉลามวาฬเป็นครั้งแรกด้วย)


พี่พิชโดนเม่นทะเลครับ โชคดีว่าบนเรือมีทั้งแพทย์ มีทั้งเภสัชกร ก็เลยสามารถเอาหนามของเม่นทะเลออกได้โดยง่าย(มาดำน้ำ นักกฎหมายไม่ค่อยมีประโยชน์หรอกครับ ไม่ได้มีคดีพิพาทอะไรนี่นา 555)


ผมยังคงฟีเวอร์อยู่ เปิดหนังสือหน้าที่มีฉลามวาฬแล้วถ่ายรูปกับหนังสือด้วยน่ะ(ถ้าจะเป็นเอามาก)


คิดไว้ว่าไดฟ์หน้าผมจะ Skip ไดฟ์ครับ เพราะขึ้นๆลงๆ มึนหัว แถมไม่ได้ทำ Safety stop ด้วย ดูทุกคนจะดีใจกัน จนไม่อยากจะลงไดฟ์ต่อไปแล้วล่ะ 555


เข้ามานั่งดูรูปที่พี่หมอหมู ไปถ่ายโมลาโมล่าที่บาหลี เสียดายไม่ได้หยิบแผ่นมาครับ ไม่งั้นจะขอไรท์ไปดูซะหน่อย


เรือ Cabana-MV 1มาถึงเกาะง่ามน้อยครับ ผมสดชื่นจนคิดว่า สามารถลง Night Dive ได้ล่ะ แม้หลายคนจะไม่ชอบการดำน้ำในเวลากลางคืน แต่สำหรับผม บอกได้คำเดียวว่าชอบมากๆ


พี่ป้อมเอา pointer กับไฟฉายมาให้ครับ คุยไปคุยมาเพลิน กลายเป็นว่า ชุดดำน้ำกลางคืนลงไปเรียบร้อย ผมกับพี่โหน่งรีบลงมาแต่งตัว แต่สงสัยจะไปไม่ได้ครับ เราไม่มี Leader นี่นา(แม้จะเห็นแสงไฟฉายในน้ำอยู่ไกลๆก็เถอะ)


“จะลงใช่ไหมครับ ” พี่พิชถาม


“ครับ แต่ไม่มี leader น่ะพี่”


‘งั้นลงกับผมก็ได้ครับ”


เกรงใจแกเหมือนกันครับ ถ้าไม่มี leader ผมก็คงไม่ลงเหมือนกัน แต่เมื่อมีแล้ว ก็ลุยกันเลย

3 Comments:

At 4:55 PM, October 27, 2008, Blogger kasab71 said...

1 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณพี่เอ www.a1visual.multiply.com

2 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่โหน่ง www.supernong.multiply.com

3 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมอหมู www.suriyanun.multiply.com

4 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณพี่เอ www.a1visual.multiply.com

5 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณพี่เอ www.a1visual.multiply.com

6 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมอหมู www.suriyanun.multiply.com

7 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่ป๊อคกี้ www.pockytg.multiply.com

8 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมอหมู www.suriyanun.multiply.com

9 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณพี่เอ www.a1visual.multiply.com

10 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมี www.optionm.multiply.com

11 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่ปุ๋ม www.poompimpam.multiply.com

12 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณพี่เอ www.a1visual.multiply.com

13 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมอหมู www.suriyanun.multiply.com

14 การตัดอวน ขอขอบคุณ พี่ป๊อคกี้ www.pockytg.multiply.com

15 การตัดอวน ขอขอบคุณ พี่ป๊อคกี้ www.pockytg.multiply.com

16 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมอหมู www.suriyanun.multiply.com

17 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่หมอหมู www.suriyanun.multiply.com

18 ฉลามวาฬ (Whale Shark) ขอขอบคุณ พี่โหน่ง www.supernong.multiply.com

 
At 6:05 PM, October 27, 2008, Blogger Niar said...

wow it's really wonderful.
I like everything about marine...^-^

 
At 12:56 PM, October 28, 2008, Blogger kasab71 said...

My plesure niar^^

 

Post a Comment

<< Home