Monday, August 25, 2008

ปิดฉากอย่างประทับใจ-โอลิมปิค 2008


จบไปเรียบร้อย เมื่อวานนี้ครับ กับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่อย่างโอลิมปิด ที่จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ใกล้บ้านเรานี่เอง


ผมฟีเวอร์สุดๆครับ เพราะติดตามตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย เพราะนอกจากจะมีนักกีฬาไทยลงแข่งขันแล้วก็ยังมีกีฬาอีกหลายชนิดน่าติดตามอย่างมากด้วย ถ้าจะให้แจกแจง คงเกินหนึ่งหน้ากระดาษ จะยาวเกินไปครับ แต่คนที่ชอบกีฬา หากพลาดแล้ว สุดแสนเสียดายเลยล่ะ


ขนาดเพื่อนชวนออกไปกินข้าว ผมยังไม่ไปไหนเลยครับ ก็กูจะดูโอลิมปิคน่ะ ขอเถอะ จะว่าบ้าก็ยอม


จีนจัดการแข่งขันได้ดีมากครับ ทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด ความพร้อมเพรียงของประชากรจีนหลายพันคน ลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าต้องมาซ้อมบ่อยๆ แล้ว หากมีคนที่ป่วย ไม่มาซ้อมขณะที่เรียนรู้งานไปเยอะแล้ว จะทำอย่างไรเนี่ย เหมือนจะดูง่าย แต่ไม่ง่ายนะครับ การหาคนมาทดแทนกันเนี่ย


สำหรับนักกีฬาไทย ไม่ว่าจะได้เหรียญรางวัลหรือไม่ ผมชื่นชมทุกคนนะครับ เพราะพวกเขาและพวกเธอเป็นคนที่เสียสละอย่างแท้จริง ต้องเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อซ้อมกีฬา เวลานอนก็ต้องตื่นเช้าไปซ้อม ตกกลางคืนก็ต้องรีบพักผ่อน เที่ยวไหนก็ไม่ค่อยได้ไป บางทีก็ต้องควักเนื้อจ่ายเงินเองซะอีก เพราะไม่มีงบประมาณจัดสรรมาให้


บางคนบอกว่าโม้หรือเปล่า จะเป็นไปได้ยังไง(จริงครับ ผมเชื่อนะ ตอนสมัยผมแข่ง แม้ไม่ถึงระดับชาติ แต่ก็ต้องนั่งรถเมล์ไปแข่งกีฬาครับ เรื่องแบบนี้จึงเป็นไปได้


สำหรับนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญ ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ของความพยายามครับ ไม่ว่าจะเป็น ประภาวดี เจริญรัตนธารากุล แห่งสมาคมยกน้ำหนัก ที่มีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆ


น้องสอง บุตรี เผือดผ่อง แห่งสมาคมเทควันโด ที่ใจใหญ่เกินเด็ก(โรงเรียนที่เธออยู่ เคยมาทัศนศึกษาที่โรงเรียนของผมครั้งหนึ่งครับ น่ารักกันทั้งนั้น กิริยามารยาทก็เรียบร้อย)


สำหรับสมาคมมวยสมัครเล่น ผมขอยกมา 4 คนครับ เริ่มจาก วรเพชร เพชรขุ้ม ที่แม้คราวนี้จะไม่ได้เหรียญ แต่ผมอยากให้วรพจน์ สู้ต่อ และอยากให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเรื่องโรคมะเร็งให้กับคุณพ่อของวรพจน์ด้วย(คุณแม่ผมป่วยเป็นโรคนี้อยู่เหมือนกัน ผมเข้าใจอย่างดีครับ)


สำหรับ มนัส บุญจำนงค์ ผมเชื่อว่า มนัสมีบทเรียนมาแล้ว เขาจะไม่ทำพลาดอีกแน่นอน การทำเหรียญได้อีก แสดงถึงความพยายามและไม่ยอมแพ้ของมนัส ครับ


ส่วนสองคนสุดท้าย ที่ขอกล่าวมากหน่อย คนแรก คือ อำนาจ รื่นเริง ครับ ชีวิตของอำนาจ น่าชื่นชมมากๆ แม้เขาจะก้าวพลาด เนื่องจากไม่มีเงินกินข้าว จึงวิ่งราวทรัพย์ และรอให้ตำรวจมาจับอย่างง่ายๆ(อำนาจบอกว่า อยู่ในคุกมีข้าวกินดีมากๆ)


แต่หลังจากชีวิตนักโทษ อำนาจกลับตัว กลับใจ ฝึกซ้อมมวย จนได้เป็นตัวแทนมาแข่งโอลิมปิด ซึ่งแม้จะแพ้ แต่เขาจะพยายามสู้ต่อ ผมชื่นชมอำนาจมากๆ ครับ คนที่ก้าวพลาดแต่กลับตัวได้ ควรให้โอกาส และน่าชื่นชมสุดๆ


คนสุดท้าย คือ สมจิตร จงจอหอ สี่ปีก่อน ผมยังจำได้ดีว่า สมจิตร ร้องไห้ เสียใจที่คว้าเหรียญไม่ได้ ซึ่งผมยังจำภาพนั้นได้ดีครับและเอาใจช่วยสมจิตรเสมอ


สี่ปีถัดมา สมจิตรเป็นคนใหม่ ใช้สมาธิเข้าช่วยและฝึกซ้อมให้หนักขึ้น ฟอร์มการชกอยู่ในขั้นสุดยอด เรียกว่า เก่งมากๆเลยทีเดียว


ผลของความพยายามของสมจิตร(12 ปี) ทำให้มีวันนี้ และความเป็น Family man ของสมจิตร ผมคิดว่าทุกคน คงจะประทับใจไม่มากก็น้อย


นักกีฬาไทยทุกคน เป็นตัวอย่างที่ดี สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้และควรเอาเป็นแบบอย่างมากๆครับ


หมายเหตุ ขอบคุณภาพจาก http://th.wikipedia.org/ ครับ


1 Comments:

At 3:48 PM, September 27, 2009, Anonymous รับแปลเอกสาร said...

ช่วงหลังมานี้ ต้องยอมรับว่าวงการกีฬาของไทยพัฒนาขึ้นมากจริงๆ เป็นเื่รื่องหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่สามารถทำให้คนไทยชื่นใจได้

 

Post a Comment

<< Home