Friday, November 02, 2007

เปิดโลกทะเล......ระยอง(2)







Dive 1 ลูกปลาผีเสื้อแปดขีด!

เราลงกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ครับ แม้น้ำจะไม่ใสมาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดขุ่นจนเกินไป ผมพยายามมองรอบข้างเพื่อไม่ให้หลุดกับ Leader แต่ถ้าหลุด ก็มองหานักดำน้ำที่มากประสบการณ์กว่า ถ้าหลุดจากทุกคนจริงๆ ก็ต้องทำตามกฎ คือ ขึ้นสู่ผิวน้ำครับ ระหว่างดำ ผมเหลือบไปมองพี่โหน่ง เป็นระยะ ให้เห็นในระดับสายตา(แค่นั้นก็พอครับ) พี่โหน่งดำนิ่งมาก จนไม่น่าเชื่อเลยว่า พึ่งจบ Open water มาหมาดๆ

ในแนวปะการัง ผมเห็นลูกปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ครั้งแรกในชีวิต ทุกทีเคยเห็นแต่ขนาดวัยเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะไปที่พัทยาก็ตาม เคยได้ยินว่า ในวัยเด็กลูกปลาผีเสื้อแปดขีดจะชอบแอบซ่อนอยู่ในแนวปะการัง ก่อนที่จะออกไปเผชิญโลกภายนอก(คราวก่อนพี่ๆ ที่ไปก็ถ่ายรูปมา พอเห็นแล้ว เลยจำได้ครับ)

ด้านหน้าผม มีดอกไม้ทะเลอยู่ครับ ภายในจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจาก เจ้าเก่า ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง(Pink Anemonefish) แม้จะไม่มากเท่าที่ชุมพร หรือที่เกาะยักษ์ จ. ตราด แต่ก็ทำให้หายคิดถึงพวกเขาไปได้ครับ

ดำต่อมาเรื่อยๆ มีฟองน้ำครก(Barrel sponge)อยู่ ผมเลยลองสำรวจด้านใน มีปูขนาดเล็กอยู่ 1 ตัวครับ แต่ยากในการแยกชนิดเพราะไม่มีกล้องถ่ายรูป อีกทั้งตัวปู อยู่ด้านในสุดเลยครับ(ยิ่งดูยากเข้าไปใหญ่)

ในแนวปะการัง ย่อมมีนักล่า ถ้าผมไม่พูดถึงก็แปลกครับ คราวนี้เป็นปลากะรังท้องกำปั่น(Blue-Lined Rockcod) ผมไม่ค่อยคุ้นตัวนี้เท่าไร จะคุ้นกับปลากะรังลายนกยูง(Peacock Grouper)มากกว่า แต่จริงๆ ผมอาจเคยเห็นพวกเขาแล้วครับ เพียงแต่ว่าสับสนในลายของลำตัว พอมีรูปจากพี่ดาวมายืนยัน ทำให้ค่อนข้างมั่นใจ

อีกหนึ่งเจ้าเก่าที่มักอยู่คู่กับแนวปะการัง นั่นคือ ปลาสลิดหินครับ 2 ชนิดที่ผมเจอที่นี่ คือ ปลาสลิดหินบั้งหลังเหลือง(Indo-Pacific Sergeant) ตัวนี้ทุกคนจะคุ้นกันดี ที่ชอบมากินขนมปังน่ะครับ อีกชนิด คือ ปลาสลิดหินสามจุด(Three-Spot Dascyllus) ลำตัวสีดำและจุดสีขาว คือ จุดเด่นของปลาสลิดหินชนิดนี้ครับ

ฝูงปลากลางน้ำก็เข้ามาเหมือนกันครับ คือ ปลากล้วยฟ้าหลังเหลือง(Yellowtop Fusilier) แถบสีเหลืองและฟ้าบนลำตัว คือ จุดสังเกตง่าย เวลามาเป็นฝูง อลังการมากครับ ครั้งแรกที่ผมเห็นเจ้าปลากล้วยชนิดนี้ ตั้งแต่ไปดำน้ำที่เกาะสุรินทร์ครับ น่าจะเป็นที่หินแพ(บางคนก็เรียกหินกองครับ)

กลับมาในแนวปะการังครับ อย่าพึ่งไปกลางน้ำ ผมพยายามมองหาปู Zebra crab ในเม่นทะเล(Sea Urchin) ไม่ก็ปลาอกดูด เผื่อจะเจออะไรบ้าง ก็ยังไม่เจอครับ แต่เจอนักทำความสะอาดอย่างปลาพยาบาล(Bluestreak Cleaner Wrasse) และปลาผู้รักลูกอย่างปลาอมไข่ห้าเส้น(Five-Lined Cardinalfish) และปลาอมไข่ยักษ์(Large-Toothed Cardinalfish)แทนครับ

นอกนั้นก็เป็นปลานกขุนทองเขียวพระอินทร์(Cressent Wrasse) และปลากระรอกลายแดง(Redcoat) ครับ

ช่วงแรก ผมตามพี่เอ(พอแกตั้งท่าถ่ายรูป ผมก็แอ๊คท่าทันที) พอน้ำเริ่มขุ่นทำให้หลงกับแก แต่ก็มาเจอพี่นัท 20 นิ้ว( พร้อมกับ พี เจ และพิชชู่) จึงมาตามพี่นัท 20 นิ้ว แทน(จำได้ว่า เห็นน้องเน แว๊บๆ โชคดีว่าไม่เห็นตอนเต้นใต้น้ำ มีพี่โหน่งเป็นผู้โชคดีคนเดียว 555)

น้ำเริ่มตื้นอยู่ๆเราก็มาโผล่ที่ปากถ้ำ น้ำตื้นมาก ต้องเดินเล็กน้อย ก่อนที่พี่นัท 20 นิ้ว ให้สัญญาณลงไปด้านล่าง ไปทางซ้ายมือ ก่อนจะขึ้นเรือ ผมรู้สึกคลื้นไส้(โชคดีที่กินไม่เยอะ) น้ำตรงนี้โชคดีที่มีแต่หิน ขืนมีเม่นทะเล ได้เจ็บตัวแน่ๆครับ 555

พอลงไปด้านล่าง พี่นัท 20 นิ้ว พร้อม พี เจ พิชชู่ หายไปหมดจริงๆอาจอยู่ไม่ไกลครับ แต่ทัศนวิสัยไม่ดีน่ะ โชคดีเจอนักดำน้ำคนหนึ่ง โพกหัวนีโม หาของอยู่ ผมเดาว่าเป็นพี่ดาวและก็ใช่จริงๆครับ เลยขอเกาะติดตามแกไว้ก่อน

ระหว่างนี้ ผมพบกับหนอนพู่ฉัตรสีเหลือง(Christmas tree worm) สัตว์ทะเลที่ว่ากันว่า ไม่มีแนวปะการังใดปราศจากพวกเขา ดูๆไปก็สวยดีเหมือนกันครับ

ซักพักพี่โหน่งบอกเหลืออากาศ 50 ก็เลยขึ้นด้านบนดีกว่า ไม่ต้องทำอะไรมากมาย น้ำไม่ถึง 10 เมตรครับ เห็นเรือ เดอะทอย แล้ว จึงค่อยๆ ตีขาไป พอใกล้ๆ ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ นี่มันเรือ เดอะทอย 1 นี่นา(แห้วรับประทาน) เลยต้องตีขา ไปที่เรืออีกลำครับ(ของเรา เดอะทอย 2 )

แม้แดดจะร้อนแต่น้ำนิ่งมากครับ(แต่ไม่ไหลลึกนะ) ช่างมีความสุขเสียจริงๆ

ขึ้นมาเปลี่ยนแท๊งค์สำหรับลงไดฟ์ต่อไปไว้ จะได้ไม่เสียเวลาครับ ผมถอด Wetsuit ออก(พยายามไม่ใส่ทิ้งไว้ครับ หลังจากคราวก่อนทำสถิติใส่ตั้งแต่เช้า ถอดตอน 4 ทุ่มกว่า 555 ผลคือ คันครับ)

อาการกลางวัน น่าจะเป็นต้มยำทะเล กับไข่เจียว(จำได้แค่นี้ครับ) โดยเฉพาะไข่เจียว ไม่กล้ากินเยอะ นึกถึงวีรกรรมที่โลซินแล้วสยอง พีบอกผมว่า “ชั้นยังจำได้อยู่เลย พอไข่เจียวออกมา รีบหันไปทางอื่นเลยล่ะ ปลามาตรึม 555”

ด้านล่างเห็นพี่เนตรทำท่าจมน้ำ จริงๆ นี่เป็นการสอบ rescue ของนายสี่เขาต่างหาก(เข้าใจเลือกพี่เนตรครับ ตัวใหญ่แบบนี้ ทดสอบความฟิตดี จริงๆ พี่ป้อมน่าจะเป็นคนจัดการมากกว่านะ 555)

เดอะทอย 2 ขยับมาจากเกาะทะลุไม่ไกลนัก ก็มาหยุดที่จุดดำน้ำไดฟ์ต่อไป เรียกว่า หินทุ่น

“ไดฟ์ต่อไปเตรียมตัวครับ” พี่ป้อมบอก

หลายคนบอกว่า “ถึงเวลาแล้วอีกแล้วเหรอ”(นัยยะว่า ยังไม่หายเหนื่อยเลย)


Dive2 ขุ่นกว่านี้มีอีกไหม!!!!

เราออกมารวม เป็นกลุ่มใหญ่ครับ ก่อนจะค่อยๆลงสู้ด้านล่าง ผมรีบแต่งตัวโดยที่ไม่ได้ Clean mask ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมหันต์ครับ

ด้านล่างน้ำขุ่นมากอยู่แล้ว(ขุ่นยิ่งกว่าตอนไปดำที่เกาะอีเลา ลอยตัวไปตามกระแสน้ำอย่างเดียว) พอมารวมกับหน้ากากเป็นฝ้า ยิ่งแล้วใหญ่ครับ กลายเป็นว่า ผมเห็นน้ำขุ่นกว่าคนอื่นๆ หากจะเห็นปะการัง ต้องยื่นหน้าเข้าไปประมาณ 1 ศอก ถึงจะเห็น ส่วนถ้าจะเห็นคนอื่นๆ ไกลเกิน 1 เมตร ก็มองไม่เห็นแล้วครับ

รอบๆ จำได้ว่า มีเดียร์ แว๊บ เจี๊ยบ นายสี่ พี่จิน น้องเดียว (โกนหัวแบบนั้น จำง่ายมากครับ) ส่วน 2 หมอ (wet suit สีส้ม เด่นมากเลยล่ะ ) ทุกคนว่ายโฉบไป โฉบมา เพราะไม่รู้จะไปทิศไหน

มีเพียงพี่จินนี่ของเรา ที่ดูเข็มทิศอยู่ จึงเป็นผู้นำ พาน้องๆไป ถึงได้ฤกษ์ออกเดินทาง และแล้วก็มาเจอกับกลุ่มพี่นัท 20 นิ้ว พี เจ พิชชู่ ซักพักก็ไม่เห็นพี่จินแล้ว(บอกแล้วครับ น้ำขุ่นจริงๆ)

ไปเรื่อยๆ สวนกับพี่ป้อม จับมือกัน 1 ที แล้วแกก็หายไปในความขุ่นของน้ำทะเล

กลับมาผมมาอยู่กับกลุ่มพี่จินอีกครั้ง แล้วกลับมาอยู่กับกลุ่มพี่นัท 20 นิ้ว อีกที(เอ๊ะ ยังไง) ผมว่า จริงๆ เราคงดำไม่ไกลกันครับ ระยะ 4-5 เมตร แต่ความที่ว่า น้ำขุ่นมาก(ข้างบนผิวน้ำนี่นิ่งสุดๆแต่ข้างล่างนี่ ......) ทำให้เรามองเห็นกันค่อนข้างยาก

ส่วนสัตว์ทะเลที่ผมเจอเหรอครับ เริ่มจากปะการังแผ่นตั้ง(Coral foliose) ปะการังแผ่นนอน(Coral tabulate) ปะการังก้อน(Coral massive) และปะการังพุ่ม(Coral submassive) สังเกตดูว่า ตามปะการังมีน้ำเชื้อออกมาด้วยนะ(อันนี้เจี๊ยบบอกทีหลังครับ ผมนึกขึ้นได้ด้วย ว่าใช่) จริง dive site นี้ผมว่าไม่เลวครับ น่าจะมีอะไรๆดูเยอะมาก ติดตรงที่ว่ามาตอนน้ำขุ่นพอดีนี่แหละครับ เลยทำให้การมองเห็นลำบากนิดนึง(ภาษาวัยรุ่นว่า นีส...นึง)

ทีเด็ดอยู่ที่กุ้งตัวใสในดอกไม้ทะเลครับ พอผมเห็นครั้งแรก อยากจะไปดูอีกครั้ง mask ที่เป็นฝ้าก็หลอกตาเสียอีก หลอกตานึกว่าแมงกระพรุนลอยมา (ถามพี่นัท 20 นิ้ว ตอนขึ้นมา แกยืนยันว่า กุ้งใสๆ ถูกแล้วน่ะน้อง ตาไม่ได้ฝาดไป)

นอกจากนั้นก็เห็น ปลากะรังท้องกำปั่น(Blue-Lined Rockcod) แส้ทะเล(Sea whip) ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ทั้งตัวลูกและตัวแม่ครับ

ไม่นานนัก ผมก็หาคนอื่นไม่เจอเลย สิ่งที่ต้องทำ คือ ขึ้นครับ แต่ความกลัวหายไปหมด เพราะผมมีประสบการณ์ประเภทนี้หลายครั้ง ก็จุด sausage ซะหน่อยดีกว่า ออกมาไกลๆ แนวปะการัง กลัวว่าส่วนปลายเส้น ที่มีเหล็กถ่วงไว้ จะโดนหัวคนอื่นครับ

แต่คงปล่อยลมน้อยไป ไส้กรอกสัญญาณเลยตั้งนิดเดียว แต่ดีตรงที่ว่ามันไม่ฉุดผมขึ้นไปครับ

ด้านบนแดดร้อนมากๆ ร้อนจนถ้าตากนานๆ มีเป็นลม หน้ามืดได้เลยครับ สังเกตว่าแต่ละคน ขึ้นมาคนละทิศไม่ซ้ำกัน แสดงว่าน้ำขุ่นจริงๆ

เลยต้องก้มหน้าว่ายน้ำบ้าง หน้าจะได้ไม่โดนแดด แต่ใครจะไปเชื่อว่าน้ำนิ่งแบบนี้ ด้านล่างกลับขุ่นแต่ก็สนุกดีครับ เป็นประสบการณ์ที่ดี (ใกล้ๆ มีเจี๊ยบ เดียร์ แว๊บ ที่ขึ้นมาครับ)

ขึ้นมาเจอพี่โหน่ง ปรากฎว่า แกขึ้นมาก่อนครับ เพราะลงไปไม่ได้เจอใครเช่นกัน ขึ้นดีกว่า

จากจุดนี้ เดอะทอย 2 มุ่งหน้าไปเกาะมันใน เพื่อพาพวกเราไปดูเต่าทะเลกัน สำหรับเกาะมันในและแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเล ผมเคยได้ยินมานานแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะได้ขึ้นด้วยเหรอเนี่ย(เห็นพี่ป้อมบอกว่า ต้องขอบคุณหนุงหนิงครับ เพราะเธอบอกพี่ป้อมว่าอยากดูเต่า)

ส่วนเกาะมันนอก มีรีสอร์ตสุดหรูตั้งอยู่ เกาะมันกลางก็จะมีที่พักอีกที่ด้วยนะครับ(ถ้าจำไม่ผิดนะ เพื่อนเคยไปพัก)

พวกเรามาถึงเกาะมันใน สะพานปูนซีเมนต์ที่ทอดยาว ทำให้ผมนึกถึงในนิตยสารท่องเที่ยวหรือในโทรทัศน์ที่เคยมาถ่ายทำ บวกกับน้ำใสๆ นิ่งๆ แดดเปรี๊ยงๆ คลาสสิคน่าดูเลย

ผมไม่ลืมที่จะหยิบกล้องถ่ายรูปลงไปด้วย มีวิวสวยๆถ่ายรูปเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดบนเกาะ เรือที่จอดอยู่ ฟ้าสีครามกับน้ำทะเล ต้นมะพร้าวสวยๆ ชิงช้าน่านั่งเล่น เปลญวนน่านอนเล่น เรากำลังจะเดินไปดูแหล่งเพาะพันธุ์เต่าทะเลกัน

ด้านบนเกาะเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตะวันออก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งด้วยครับ

เรามาถึงบ่ออนุบาลเต่าทะเล ใครเห็นก็ต้องหลงรักถึงความน่ารักของน้องเต่าครับ บ่อแรกเป็นเต่าตนุ เต่าชนิดนี้ เราจะเห็นน้อยกว่าเต่ากระ ในทะเลไทย(สังเกตที่ปากครับ ปากแหลมๆ เหมือนนก คือ เต่ากระ)

กระดองก็ค่อนข้างสวย มีเต่าขนาดบิ๊กไซด์ด้วย(อายุแก่กว่าผมแน่นอน) แต่มีคำเตือนว่าอย่าไปสัมผัสพวกเขา เพราะเขาอาจจะติดเชื้อโรคจากมนุษย์ได้(นี่เรื่องจริงครับ ในตัวเรามีเชื้อโรคอยู่ ไม่ใช่ว่าเราจะติดเชื้อโรคจากสัตว์อย่างเดียวซะเมื่อไรล่ะ)

น้องมะนาว ท่าจะอยากเล่นน้ำทะเล เลยให้แม่เก๋ พาอาบน้ำ ส่วนน้องน้ำขิง มีแต่คนอยากรับเป็นแม่ เป็นพ่อเยอะไปหมดครับ(มีลูกน่ารักก็แบบนี้ล่ะนะ พี่เนตร พี่เก๋ 555)

พี่บอยกับน้องเบส ก็ตามติดกัน ดูน่ารักอีกคู่ครับ ใครมีครอบครัวก็คงทราบดี ถึงความผูกพัน ของสายใยนี้

เราเดินทางออกจากเกาะมันใน ผมยืนดู เรือค่อยๆลับออกจากท่าเรือแห่งนี้ ซักวันผมจะกลับมาเยี่ยมน้องเต่าอีกแน่ครับ

แม้คราวนี้จะไม่ได้ดำที่หินเพิง(เขาไปดำกันวันเสาร์ครับ) ไม่ได้เห็นฟองน้ำหูช้างอย่างที่หวังไว้ แต่การได้มาเจอเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทั้งใหม่และเก่า การได้มีโอกาสขึ้นเกาะมันใน เป็นประสบการณ์ดีๆ ที่ผมจะไม่ลืมเลย

ช่วงเย็นเราแวะกินอาหารทะเลสดๆ ที่ร้านโจโจ้ แม้ไฟจะดับ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคครับ เพราะมีพี่นัท 20 นิ้ว พี่ทศ ช่วยฉายไฟให้น้องๆ(ขอบคุณครับพี่)

ทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทาง แต่เมื่อเวลาและโอกาสมาถึง คงได้พบและได้ดำน้ำด้วยกันอีก

รถของพี่โหน่ง มีผม เจี๊ยบ พี่เก๋ พี่เนตร น้องมะนาวและน้องน้ำขิง มาถึงกรุงเทพประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง มาส่งครอบครัวตัวกลมที่ย่านนวมินทร์

“หอมพี่เขาหรือยังลูก พี่เขาจะไปแล้วนะ” พี่เนตรและพี่เก๋บอกน้องมะนาว

เริ่มจาก เจี๊ยบ พี่โหน่ง ปิดท้ายด้วยผม ที่ได้รับจุมพิตจากกามเทพตัวน้อยๆ นี้

ตื่นเต้นยังไง ก็ไม่รู้ครับ ก็แค่เด็กหอมแก้มนะ แต่มองในแววตาซื่อๆ ของน้องมะนาว แม้จะไม่ได้พูดอะไรมาก ผมก็รู้ซึ้งถึงความเป็นครอบครัว ความปลื้มใจ ที่ได้ดูแล 1 ชีวิต ที่เกิดมาในโลกใบนี้(คุณพ่อและคุณแม่ของผมก็คงมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน เวลาเลี้ยงลูก)

ถ้าในอนาคต ผมได้สร้างและดูแล 1 ชีวิต แบบนี้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผมจะดูแลพวกเขา พร่ำสอนเขาและเธออย่างดีที่สุดครับ

ขอบคุณที่ติดตามเรื่องราวของผมนะครับ ท่านผู้อ่าน







Kasab
(Phop Payapvipapong )
31 October 2007
03.48 pm

0 Comments:

Post a Comment

<< Home