เกาะสุรินทร์….สุดยอดระบบนิเวศทางทะเล(4)
ข้าวเที่ยงคิดมุขไม่ออก เลยสั่งไข่เจียว ส่วนส้มกับจูนก็เอามาม่าที่ผมให้มาทานในมื้อนี้ด้วย ผมขอเบอร์โทรศัพท์ติอต่อและเบอร์ E-mail ไว้ส่งรูปและเรื่องราวให้อ่าน(เป็นธรรมเนียมปฎิบัติสำหรับผมไปแล้วครับ) ใกล้ๆมีป้าอารมณ์และพี่นิดอยู่ด้วย จึงขอเบอร์ติดต่อเช่นเดียวกัน
ผมเดินไปส่งจูนและส้มที่จุด 200เมตร ช่วยจูงป้าอารมณ์ขึ้นเรือ ช่วยอุ้มน้องไทเกอร์(ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการอุ้มเด็กครับแต่ก็นับว่าผ่านไปได้ด้วยดี ไทเกอร์ไม่ตกน้ำ ฮ่าๆๆๆ) ก่อนที่จะมองเรือของซาบีน่าที่ค่อยๆแล่นจากไป(ไม่เศร้านะ ไม่เศร้า ฮ่าๆๆ) ต้องยอมรับว่า 2 สาว ทำให้ผมมีความสุขในการท่องเที่ยวครั้งนี้มากเลย ขอบคุณพวกเธอมากๆครับ
2 สาว จากไปแล้วแต่ชีวิตของหนุ่มแบคแพจเกอร์ต้องดำเนินต่อไป ผมกลับมาซื้อตั๋วเรือและเช่าชูชีพเหมือนเคย บ่ายนี้เราจะไปดำน้ำกันที่เกาะสตอร์คและอ่าวจากครับ
“อ้าว นึกว่าไปแล้ว” ผมถามคุณอานิรนามเมื่อเจออีกครั้งที่นี่(จริงๆอยากคุยกับลูกสาวคุณอาด้วยครับ)
“เนี่ยครับ ผมรอ Speed Boat อยู่” เขาตอบ
ผมยืมคุยกับแกซักแป๊บจึงขอตัวไปนั่งเล่นริมหาด รอทางอุทยานเรียก(บ่ายนี้ขึ้นเรือที่หาดไม้งามครับ ไม่ต้องเดินไปจุด 200เมตร)
“นักท่องเที่ยวที่จะไปดำน้ำบ่ายนี้ ขอให้เตรียมตัวได้แล้วครับ” เสียงเจ้าหน้าที่อุทยานประกาศ
บ่ายนี้น้ำที่หาดไม้งามลดลงมาก ต้องเดินไปขึ้นเรือไกลพอสมควร ระหว่างทางผมถ่ายรูปปะการังสมอง(Brain Coral) หอยมือเสือ(Giant clam) ปลิงทะเล(Sea Cucumber) น้ำทะเลใสๆตลอดจนภาพนักท่องเที่ยวที่กำลังลุยน้ำไปขึ้นเรือหางยาว(เกือบหัวทิ่มแน่ะครับ ปะการังและเศษหินคมมากๆ)
ยิ้มสยามต้องมีมิตรภาพที่ดี ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ต่อไป ก่อนขึ้นเรือผมเห็นพี่หนุ่มวิ่งหอบฟิน วิ่งขึ้นเรืออีกลำด้วย
เกาะสตอร์ค
ภาพของการมาที่สตอร์คเมื่อวานนี้ ต่างจากวันนี้โดยสิ้นเชิง วันนี้น้ำนิ่ง ทะเลเรียบ ค่อนข้างสงบ น้ำใสมาก เมื่อมองไปเขตแนวน้ำลึก ไม่ค่อยเห็นอะไร(จริงๆรอ สัตว์ใหญ่ครับ เอาแค่ฝูงปลาสากก็ดีใจแล้วจ้า)
เมื่อนัดไว้แล้ว เธอไม่มา ข้าพเจ้าก็เลยต้องว่ายน้ำเข้าไปที่ตื้น(แต่ต้องระวังปะการังให้ดีนะครับ) บางครั้งเจอปัญหาน้ำเข้าปากบ้าง(ไม่รู้จะออกแบบให้มีรูพ่นน้ำออกทำไม ไม่ค่อยชอบเลยครับ) น้ำตื้นมากจนกระทั่งบางจุด เป็นพื้นทรายโล่ง สามารถลงไปเหยียบได้เลยครับ
ที่นี่ผมร้องด้วยความดีใจ(จะร้องได้ไงคาบท่อหายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ) ผมพบปลาวัวจมูกยาว(Long-Nose Filefish) ปลาวัวแสนน่ารักอีก 1 ชนิด (นอกจาก Triggerfish) ไม่ได้มาเดี่ยวครับพวกเขามาเป็นคู่ จะพบพวกเขาได้เฉพาะปะการังที่สมบูรณ์เท่านั้น ที่สำคัญผมเจอพวกเขาในวัยเด็ก(ความยาวไม่เกิน 5 ซม) ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลยครับ(เคยเจอแต่ตัวใหญ่ๆแล้วครับ)
จากนั้นเป็นปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) เวลาผมกวาดมือไปด้านหน้า สัญชาติญาณเขาไวมากครับ ว่ายหนีผมออกไปอีก 1 ช่วงตัวทันที
ผมสังเกตพฤติกรรมปลาการ์ตูนที่พบที่นี่ เช่น ปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish) ที่มองหน้าผมด้วยความฉงนก่อนจะหลบไปด้วยท่าทางที่เอียงอาย(ยังมีแอบมาดูแล้วส่งตาหวานอีกแน่ะ น่ารักจริงๆ) ต่อด้วยปลาการ์ตูนปล้องขาว(Clark’ s Anemonefish) พฤติกรรมต่างจากปานดำสิ้นเชิง มองผมอย่างดุดันดุจนักเลงเจ้าถิ่น ออกมาจากดอกไม้ทะเลเหมือนจะพุ่งเข้าชน(แล้วหลบเข้าไปในกอดอกไม้ทะเลเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ)
มีดงปะการังเขากวาง(Coral Branching)และดงปะการังพุ่ม(Coral Submassive) มากมายจริงๆ ตอบคำถามได้อย่างดีสำหรับความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลแห่งนี้
ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาผีเสื้อลายทแยงครีบดำ(Indian Vagabond Butterflyfish) ปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish) ออกมาทักทายผมเช่นเดิมหากแต่ว่าพวกเขาพาเพื่อนใหม่มาให้ผมรู้จักด้วย เขาคือ ปลาผีเสื้อเหลืองอันดามัน(Andaman Butterflyfish) สำหรับผีเสื้อเหลืองอันดามัน ผมเจอพวกเขาล่าสุดที่หมู่เกาะในทะเลกระบี่ครับ
ปิดท้ายด้วย ปลาสลิดทะเลโฉมงาม(Fox-Face Rabbitfish) ปลาผีเสื้อเทวรูป(Moonrish Idol) และปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish)
ขึ้นมาหนาวมากครับ(ยิ่งตอนนี้น้ำทะเลเย็นลงด้วย) แถมยังใส่เสื้อกล้ามอีกก็ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่
อ่าวจาก
ไม่นานนัก เราก็มาถึงอ่าวจาก อ่าวนี้ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ยกย่องว่าเป็นอ่าวที่มีปะการังหลากหลายชนิดมาก (แกบอกว่าระดับ Mega) ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ครับ(จากประสบการณ์ที่ผมเคยมาดำน้ำที่นี่ เห็นด้วยอย่างแรงครับ)
น้ำใสสุดๆ ผมตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้มาอ่าวจาก แม้จะรู้จักปะการังไม่กี่ชนิดก็ตาม
ผมเจอเจ้านีโมหรือปลาการ์ตูนส้มขาว(Crown Anemonefish)เยอะมากๆ ส่วนปลาการ์ตูนปล้องขาว(Clark’ s Anemonefish)ก็ออกมาไกลจากดอกไม้ทะเลมากนับเป็นพฤติกรรมที่น่าสนใจครับ ส่วนปลาการ์ตูนปานดำ( Red Saddleback Anemonefish) ที่นี่ก็ยังน่ารักเหมือนเคยครับ(วันใดเขาพุ่งเข้าชนผม ก็ยังน่ารักอยู่ดีแหละครับ)
เมื่อเป็นปะการังระดับ Mega ก็ต้องเจอพวกเขาแน่นอนครับ ปลาวัวจมูกยาว(Long-Nose Filefish) ออกมาทักทายผมอีกแล้ว ยังเป็นระดับเยาว์วัยเหมือนเดิม น่ารักสุดๆ
ผมเห็นปะการังเขากวางที่งอกใหม่(Coral Branching) (ที่จำได้เพราะว่าเคยเห็นภาพจากหนังสือ Sea Thai Sea ครับ) ส่วนปลายจะมีสีขาวงอกออกมา นั่นล่ะครับ ปะการังงอกใหม่ นอกจากนั้นก็ยังมีปะการังพุ่ม(Coral Submassive) ปะการังโต๊ะ(Coral Tabulate) อีกด้วย
สำหรับปลาผีเสื้อเท่าที่ผมพยายามจดจำและแยกชนิดในเวลาที่จำกัดก็มี ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish) ปลาผีเสื้อเหลืองอันดามัน(Andaman Butterflyfish) ปลาผีเสื้อลายทแยงครีบดำ(Indian Vagabond Butterflyfish) และปลาผีเสื้อลายเส้น(Lined Butterflyfish)
โอกาสดีมากครับที่ได้เห็นปลาพยาบาล(Cleaner Wrasse) กำลังทำความสะอาดปลานกขุนทองเขียวพระอินทร์(Moon Wrasse) มันคงรู้สึกสบายมากๆเลย (คิดว่านะครับ ฝ่ายหนึ่งคงเมามัน ฝ่ายหนึ่งคงจั๊กจี้น่าดู)
ผมยังจดจำปลานกขุนทองที่ชื่อว่า Bird Wrasse และปลาขี้ตังเบ็ดที่ชื่อว่า Striped Surgeonfish ได้(หลังจากที่กลับมาดูแผ่นปลาครับ ใช่แน่นอน ฟันธง!!!)
ก่อนจบการดำน้ำในวันนี้ด้วย ปลาสลิดทะเลโฉมงาม(Fox-Face Rabbitfish) ปลาผีเสื้อเทวรูป(Moonrish Idol) ครับ
ขากลับ ลมพัดมา ผมรู้สึกหนาวมาก ได้คุยกับ Sylvia เพื่อนใหม่ชาวเยอรมัน(เธอใจดีมากครับ นำผ้าที่เธอห่มกันหนาวอยู่มาห่มให้ผมด้วยครับ แต่ผมเกรงใจเธอเลยบอกว่าไม่เป็นไร) ไม่น่าเชื่อว่า ผมสามารถสื่อสารกับเธอได้รู้เรื่องดี(ขนาดภาษาอังกฤษผมไม่ได้เรื่องนะเนี่ย ที่บ้านผมมักจะแซวว่า ผมพูดภาษาอังกฤษแบบ “เมียเช่า”น่ะครับ ฮ่าๆๆๆ)
Sylvia มาเที่ยวเกาะสุรินทร์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว เธอมากับสามี วันนี้สามีไม่ได้ออกมาดำน้ำด้วยแต่เธอรักที่นี่มาก นี่ก็มีโครงการจะไปเที่ยวเกาะสิมิลันด้วย(ผมแนะนำเธอไปว่า สามารถไปนอนที่ไหนได้บ้าง หากไปสิมิลัน)
ก่อนถึงหาดไม้งาม ฝรั่งคนหนึ่งบนเรือ(Crazy)มาก(ใครๆก็เรียกแกว่า จักรพงษ์หรือ Mr. Jack) ยืนบนหัวเรืออย่างอาจหาญ แล้วบอกทุกคนว่า Good Bye ใส่หน้ากากคาบสน็อคเกิ้ลกระโดดลงน้ำไปเฉยเลย(ผมว่าแกบ้าดีเดือดเหมือน ชอน เคเนอรี่มากกว่าครับ ฮ่าๆๆๆ) ว่าแต่แกแข็งแรงมากครับ ถ้าจะว่ายน้ำจากตรงนี้กลับหาดไม้งาม(นับถือ นับถือ)
ระหว่างเดินลุยน้ำเข้าหาดไม้งาม ผมถ่ายรูปแมงกระพรุนที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ(ไม่จับหนวดก็ไม่เป็นอันตรายครับแต่ทางที่ดีอย่ารบกวนเขาจะดีกว่าครับ)
เย็นนี้ผมอาบน้ำทันทีเพราะหากรอค่ำกว่านี้ก็จะยิ่งหนาวมาก(แค่นี้ก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่แล้วครับ)
ผมนั่งทานข้าวกับพี่จอย พี่น้อย พี่หลิน พี่หนุ่ม โดยมีข้าวผัดกุ้งเป็นอาหารเย็น ส่วน พี่หนุ่มเล่าให้ฟังว่าสาเหตุที่ยังไม่เรียนดำน้ำเพราะยังไม่พร้อมที่จะรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ยังมีความสุขกับการเล่นกล้องและการแบกเป้เที่ยวมากกว่า พี่หนุ่มมีคำคม ตลกๆ ให้ไว้ว่า
“อยากรวยให้เล่นหุ้น อยากฉิบหายให้ดำน้ำ”
ผมฟังดูก็ขำไปครับ แต่มาคิดจริงๆ การเสียเงินของนักดำน้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนเต็มใจจริงๆ(หากคนไม่ชอบ ไม่เต็มใจ ไม่ยอมเสียเงินจำนวนมากๆแบบนี้หรอกครับ)
พี่จอย พี่น้อย พี่หลิน 3 สาวนัดกันมาเที่ยวแบบนอนเต๊นส์โดยเฉพาะ แบบไม่ Scuba พวกเธอบอกว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศกัน(พวกพี่ๆมากันคนละหลายครั้งแล้วครับ)
คืนนี้ ผมรีบนอนพักผ่อน พรุ่งนี้จะไปดำน้ำช่วงเช้าก่อนจะกลับฝั่งในช่วงบ่าย การเดินทางที่แสนสุขของผม มาถึงวันสุดท้ายแล้วเหรอเนี่ย เร็วจริงๆ
2 มกราคม 2550
ตื่นเช้ามา ผมนำของมาเรียงกันไว้เพื่อง่ายในการจัดลงกระเป๋า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังเป็นที่พึ่งของผมอีกครั้งหนึ่ง
ผมเจอพี่หนุ่มกำลังนั่งทานขนมปังปิ้ง ซึ่งพี่หนุ่มจะไปดำน้ำกับผมในเช้าวันนี้ด้วย
เราทราบจากเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวบนเกาะเหลืออยู่เพียง 113 คน เท่านั้น ซึ่งนับว่าไม่มาก อาจเป็นเพราะพวกเขาได้ทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว
โปรแกรมดำน้ำจะพาไปที่ร่องตอรินลาและอ่าวผักกาด ผมยังเช่าชูชีพเหมือนเคย
“ตกลงพี่ไม่ได้เป็นคนใต้เหรอคะ” น้องยู พนักงานสาวถามผม พร้อมหยิบชูชีพมาให้
“พี่เป็นคนกรุงเทพครับ พี่เหมือนคนใต้ขนาดนั้นเลยเหรอครับน้อง” ผมถามเธอ
“ค่ะ เหมือนมาก ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้หรอก” เธอยืนยัน
อาจเป็นเพราะผมไม่ได้ใช้โลชั่นกันแดดมานาน ด้วยความที่กลัวว่ามือจะเปื้อนกล้องดิจิตอล(ขึ้เกียจล้างมือด้วยครับ) นานเข้าก็เลยผิวคล้ำไป ซึ่งผมก็รู้สึกชอบครับที่เธอบอกแบบนั้น
ก่อนหน้านั้นผมซื้อเสื้อจากร้านขายของที่ระลึกก็ได้น้องยูนี่ล่ะครับ ที่ช่วยเปลี่ยนเสื้อเบอร์ XL ให้ผม(จริงๆมีลูกค้าบอกไว้ว่าจะมาดู) ขอบใจมากเลยน้อง(น่ารักมาก)
พี่หนุ่มจะหาซื้อน้ำขวดที่นี่ ผมบอกแกเลยว่าไม่ต้องซื้อ(ประหยัดเงินไว้ดีกว่า)ให้ใช้ของผมเพราะเหลืออยู่อีก 2 ขวด(บ่ายนี้ผมก็จะกลับแล้วครับ)
เราเดินไปจุด 200 เมตร ผมเจอพี่นิดจึงพยายามขอถ่ายรูป ท่าทางแกอายกล้องเอามากๆ(สงสัยกลัวผมถ่ายออกมาไม่สวยแน่ๆ)
ผมเจอนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งพูดถึงอ่าวแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา ซึ่งอ่าวนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวต่างชาติ(แนวเดียวกับฟูลมูน ปาร์ตี้ ที่หาดริ้น เกาะพะงัน) อ่าวแห่งนั้นชื่อว่า....(อยากรู้ล่ะซิ) มีชาวต่างชาติอาบแดดกันมากด้วย(โอ้ อันนี้สำคัญ) ชื่อว่า อ่าวเคยและอ่าวนุ้ยครับ
พูดจบชายหนุ่มในกลุ่มก็โชว์รูปอ่าวเคยและอ่าวนุ้ยกับบรรยากาศนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในกล้องดิจิตอล ทุกคนดูอย่างใจจดใจจ่อ ดูจบต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“โธ่ นึกว่าจะมีรูปเด็ดๆ” เสียงเฮ ฮาดังขึ้น
“คราวหน้าจะถ่ายมาให้ดูครับ ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มตอบ
ไม่นานนักพี่นิพนธ์ก็มาถึงจุด 200 เมตร พร้อมนักดำน้ำ Scuba แกบอกผมว่า
“เธอค่อนข้างโชคร้ายมาก วันไหนเธอออกไปดำ น้ำแรงมาก แล้วดูวันนี้ซิ น้ำเรียบ แดดดีจริงๆ เธอต้องมาเดือนกุมภาพันธ์แล้วล่ะ ถึงจะดี” พี่นิพนธ์ แหย่ผม
“ก็ผม โชคไม่ค่อยดีอยู่แล้วครับแต่ไม่เป็นไร วันหลังผมจะขึ้นมาหาครับ” ผมตอบ
ว่าแล้วก็ได้เวลา เจ้าหน้าที่เรียกผมกับพี่หนุ่มไปขึ้นเรือหางยาว ซึ่งวันนี้อากาศดีกว่าทุกๆวัน(ต้องมาดีตอนวันสุดท้าย ตอนผมจะกลับประจำเลย ฮ่าๆๆ)
ร่องตอรินลา
ผมกับพี่หนุ่มว่ายออกมาในแนวลึกเพื่อหวังจะเห็นสัตว์ใหญ่ เพราะหากเข้าไปใกล้ฝั่ง เห็นได้ชัดว่ามีซากปะหรักหักพังของปะการังเขากวางมากมาย สิ่งมีชีวิตก็น้อยลงไปด้วย
น้ำที่ตอรินลาวันนี้นิ่งจริงๆ ไม่มีคลื่นมากวนใจ ไม่นานนัก ผมเจอปลาการ์ตูนลายปล้อง(Clark’s Anemonefish) ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) และปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish)
ปลาหูช้างครีบยาว(Teira Batfish) สีดำ ว่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมสังเกตเห็นครีบท้องสีเหลืองของเขาเลยทำให้สามารถแยกชนิดได้
นอกนั้นก็มีปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า(Powder-blue Surgeonfish) ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) และกลุ่มแมงกระพรุน(Jelly Fish) ที่ผมต้องว่ายหลบอยู่เรื่อยๆ
พี่หนุ่มบอกผมว่าแกเจอปลาฉลามครีบดำ(Blacktip Shark)ด้วย น่าเสียดายว่ามันว่ายเร็วมากเลยเรียกให้ผมดูไม่ทัน( อดเลย ฮ่าๆๆ)
จากนั้นเรามุ่งหน้าสู่อ่าวผักกาด อ่าวที่ขึ้นชื่อว่ามีปะการังผักกาดหรือปะการังแผ่นตั้ง(Coral Foliose)มาก
อ่าวผักกาด
ผมนึกถึงภาพเก่าๆอีกครั้ง ตอนมาอ่าวผักกาดครั้งแรก ปะการังค่อนข้างสมบูรณ์ ผิดจากตอนนี้ที่แทบจะหาปะการังผักกาดไม่ได้เลยมีแต่ซากปะหรักหักพังทั้งนั้น (ส่วนใหญ่ เป็นพวกปะการังก้อน Coral Massive จอมอึดครับ)
แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังพอเจอสัตว์ทะเลบ้างแม้จะไม่มากเหมือนก่อนก็ตาม เช่น ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า(Powder-blue Surgeonfish) ปลาขี้ตังเบ็ดหนามส้ม(Orangespine Unicornfish) ปลาขี้ตังเบ็ดอีกหนึ่งชนิด(สีดำๆครับ) ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) และปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer)
พี่หนุ่มโชคดีอีกแล้วเจอปลาฉลามครีบดำ(Blacktip Shark) และที่แน่นอนคือ แกเรียกผมไม่ทันอีกแล้วครับ(คนมันโชคร้ายครับ ฮ่าๆๆ)
แม้สภาพแวดล้อมที่อ่าวผักกาดจะเปลี่ยนแปลงไปมาก มากจนกระทั่งผมเองยังตกใจแต่นี่คือวัฐจักรของธรรมชาติที่ควรจะเป็นไปอยู่แล้วครับ(ดีกว่าพังทลายเพราะฝีมือมนุษย์ครับ อันนั้นจะน่าเศร้ามาก)
ขากลับ พี่หนุ่มขอลงที่อ่าวช่องขาดเพื่อเดินสำรวจก่อนที่จะเดินกลับอ่าวไม้งามโดยเส้นทางศึกษาธรรรมชาติ แกไม่รีบร้อนอะไรมากเพราะจะกลับในวันมะรืน ผมร่ำลาพี่หนุ่ม ขอให้แกโชคดี
ผมกลับมาอาบน้ำ จัดของโดยใช้เวลาไม่มากนัก ก่อนเดินออกมาริมหาดเพื่อถ่ายรูปซึ่งตอนนี้แดดค่อนข้างจ้า ทำให้น้ำทะเลสีฟ้าสดใส แม้จะร้อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
นั่งทานข้าวกลางวันกับพี่น้อย พี่จอยและพี่หลิน พวกเธอก็จะกลับพร้อมผมเช่นกันหากแต่พวกเธอกลับโดย Speed Boat ซึ่งจะต้องไปรอนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่อ่าวช่องขาด ส่วนผมกลับเรือธรรมดา
กระดูกหมูจิ้มเข้าไปเต็มๆบริเวณเหงือกแถมหักคาเสียด้วย เดือดร้อนผมที่ต้องไปหาไม้จิ้มฟันเป็นการด่วน ไม่งั้นเจ็บตลอดทางแน่ครับ
ผมแบกเป้ ทักทายพี่นิพนธ์ พี่นิด น้องยูและเจ้าหน้าที่อุทยาน ก่อนเดินไปจุด 200 เมตร ด้วยความรู้สึกแบบเศร้าๆเล็กน้อย(ก็ยังไม่อยากกลับเลยครับแต่มีภาระหน้าที่ที่ต้องกลับไปทำ)
ที่นี่ผมคุยกับลุงสมาน(แฟนป้าเดียร์)(คนที่หาเต๊นส์ด้านหน้าหาดให้ผมนั่นแหละครับ) ลุงสมานบอกผมให้มาเที่ยวใหม่ในวันหลัง มาเดือนกุมภาพันธุ์ก็ท่าจะดี หากมาล่องเรือที่อ่าวพังงา ติดต่อลุงได้ ลุงมีคนรู้จักอยู่หลายคน
ผมขอบคุณลุงสมานก่อนจะขอตัวไปขึ้นเรือหางยาว วิวของจุด 200 เมตร ค่อยๆเล็กลงๆ แลขวามองดูอ่าวกระทิง ต่อด้วยซากกิ่งไม้ใหญ่ที่โผล่พ้นน้ำ และอ่าวช่องขาด จบด้วยแหลมแม่ยาย
หลังจากเปลี่ยนจากเรือหางยาว ขึ้นเรือใหญ่ของซาบีน่าแล้ว ผมได้รู้จักกับพี่ผึ้ง อาจารย์สาวในจังหวัดสุราษฐธานี(เธอก็ไปดำน้ำบนเรือลำเดียวกับผมเมื่อวานนี้) เธอดูสนใจสัตว์ทะเลมากทีเดียวซึ่งผมก็ยินดีที่จะแนะนำสัตว์ทะเลต่างๆตามหนังสือให้เธอ(เธอก็ทำHomepage ใน http://www.multiply.com/ เหมือนกันด้วยครับ)
จากนั้นผมเจอเจ้าหนุ่มนิรนามร่างอ้วนมากับกลุ่มเพื่อนๆ คุยไปคุยมากลายเป็นนักดำน้ำแบบ Scuba ทั้งกลุ่ม พึ่งจบ Open Water กันมาแต่ยังไม่ได้ไปดำที่ไหนอีกเลยซึ่งผมก็แนะนำว่า ถ้าเรียนแล้วน่าจะลองหาเวลาไป แม้จะติดตรงค่าใช้จ่ายที่แพงแต่ของแบบนี้เราสามารถเก็บหอมรอมริบได้(พอพวกเขาทราบว่าเงินเดือนของผมเท่าไร ก็ตกใจไปตามๆกัน)(น้อยมากครับ)
เมื่อถึงฝั่งคุระบุรี พี่นฤมลเตรียมน้ำแดงให้ลูกค้า ดับกระหาย คลายร้อนด้วย ระหว่างนั่งรถสองแถวไปรอรถที่ซาบีน่า ผมได้รู้จักกับพี่นิรนามคนหนึ่ง เป็นนักดำน้ำแบบ Scuba เหมือนกันด้วย (ทราบภายหลังว่าชื่อพี่ป้อมมาเจอใน http://www.multiply.com/ เมื่อกลับมาที่บ้าน ทั้งๆที่ไม่เคยให้ user id เลยครับ ไม่มีแม้กระทั่งเบอร์ติดต่อ โลกกลมจริงๆเลยครับ)
ที่ซาบีน่า ผมเจอ Mr. จักรพงษ์ ฝรั่งบ้าเลือดคนนั้นด้วย ผมเห็นมือของเขามีผ้าพันแผลจึงถามว่าไปโดนอะไรมา แกบอกวาถูกร่องหินบาดเมื่อวานนี้ พบปะการังอ่อนและฉลามครีบดำหลายตัวด้วย(ผมเชื่อครับ)
ดูแกจะประทับใจการบริการของซาบีน่ามาก ก่อนไปขึ้นรถก็ทิ้งทาย แปลเป็นไทยได้ว่า “ผมรักซาบีน่า ผมจะกลับมาอีกครั้งแน่นอนครับ”
ผมเจอพี่หลินที่นี่เช่นกัน เธอได้รอบรถช่วง 5 โมงครึ่ง เมื่อผมมาติดต่อบ้างกลับได้รับข่าวที่ไม่ดีนัก
“ตั๋วคุณ ไม่มีนี่คะ จองไว้เหรอคะ” พนักงานสาวตอบ
“จ่ายเงินไปแล้วด้วยครับ ไม่มีได้ยังไงครับ” ผมถามด้วยสีหน้างุนงง ก่อนที่หัวใจจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว
พรุ่งนี้ผมต้องทำงานตอนเช้า หากผมไม่มีรถกลับก็ต้องขาดงาน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำนัก
เมื่อพี่นฤมลทราบข่าว เจ้าหน้าที่ที่เหลือ วิ่งวุ่น ช่วยผมกันอย่างจ้าล่ะหวั่น ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ผมกลับบ้านและถึงกรุงเทพฯทันเวลา(หากผมไม่มีรถกลับ ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนในซาบีน่าต้องการแน่ครับ)
สาเหตุอยู่ที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง สื่อสารกับบริษัทรถไม่ดี ไปๆมาๆ ตั๋วหายไปเฉยเลย
พี่หลินไปขึ้นรถแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังคงเดินไปเดินมา ดุจดังหนูติดจั่น(จะได้กลับไหมเนี่ยเรา)
“ได้รถแล้วครับ” เสียงสวรรค์มาบอกผม
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทำให้ต้องลำบากเลย” พี่นฤมลทำหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงคราวหน้าผมก็จะกลับมาใช้บริการพี่อีกอยู่ดี” ผมตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าอ้วนหนุ่มนิรนาม เธอสละที่นั่งให้ผม โดยเธอมานั่งเบียดกับเพื่อนด้านล่างเพื่อที่จะให้ผมได้กลับบ้าน
ผมเดินไปขอบคุณเธอและกลุ่มเพื่อนๆของเธอด้วยความยินดี ก่อนจะขึ้นไปด้านบน รถคันนี้มีคนที่ผมรู้จักตรึมเลยแฮะ(รวมทั้งพี่ป้อมด้วย)
“เจอตั๋วแล้วค่ะ มาขึ้นคันหลังนะ” เจ้าหน้าที่บอกผม
เจ้าหน้าที่หาตั๋วของผมเจอแล้ว ผมต้องย้ายรถมานั่งอีกคัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณสาวใจบุญและกลุ่มเพื่อนๆที่สละที่นั่งให้
รถคันนี้ไม่มีใครรู้จักเลย แถมเข่าก็ติดเต็มที่เพราะเป็นรถเสริม อย่างไรก็ตาม เมื่อรถเคลื่อนตัว ผมมองเห็นพี่นฤมลที่อยู่อีกฝั่งของถนน โบกมือให้ผมด้วยสีหน้าที่ยินดีและโล่งใจ ผมโบกมือให้เธอเช่นกัน ขอบคุณมากครับที่ช่วยเหลือผม
รถค่อยๆแล่นออกไปเรื่อยๆ ผมมองออกไปริมหน้าต่าง พร้อมคิดถึงเหตุการณ์อันแสนสุขกับเกาะที่รักซึ่งผมได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
คิดไปก็นั่งยิ้มไปคนเดียว
บทส่งท้าย
“เราจะไม่เก็บสิ่งใดกลับมา นอกจากภาพถ่ายและความทรงจำ”
หากเป็นนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คำกล่าวนี้คงอยู่ในจิตใจของทุกๆคน แม้เราจะประทับใจสถานที่นั้นมากแค่ไหน สุดท้ายเราก็เก็บมาได้ดพียงภาพถ่ายและความทรงจำที่ดี
สำหรับภาพถ่ายผมเก็บมาฝากทุกคน
สำหรับความทรงจำ ผมถ่ายทอดรายละเอียดมาฝากทุกคนอย่างยาวเหยียด ตามแบบฉบับที่ยังยึดมั่นในตัวเอง เพราะต้องการให้ทุกคนเห็นภาพประหนึ่งว่าได้ไปด้วยกัน
หากคุณเคยดูหนังเรื่อง Being John Makovic ที่เราสามารถเห็นภาพของคนๆหนึ่งว่าได้ไปทำอะไรมาบ้าง นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อให้ทุกคนได้เห็นครับ
ผมกล้าพูดเต็มปากว่า แม้ที่นี่จะได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิทำให้มีสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลต้องสูญสลายไปบ้าง
แต่ที่นี่ก็ยังเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำตื้นที่ดีที่สุด ในประเทศไทย หากเทียบกันจุดต่อจุด(หลังจากพิสูจน์แล้วผมดำน้ำตื้น เห็นปลามากกว่าดำน้ำลึกครับ)
หากเปรียบเกาะสุรินทร์เป็นสาวน้อย ก็คงเป็นสาววัยใส ที่ผมหลงรักทันทีตั้งแต่แรกเห็นพร้อมจะกลับมาเยี่ยมเยียนเธอทุกเมื่อ มาทักทายเมื่อมีโอกาส
ไม่ว่าเธอจะได้ยินผมหรือไม่ ขอฝากบอกสาวคนนี้ว่า
“จะรักเธอต่อไป ไม่มีเปลี่ยนแปลง”
ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนั้นครับ
Phop Payapvipapong
12 February 2007
18.18 PM
ผมเดินไปส่งจูนและส้มที่จุด 200เมตร ช่วยจูงป้าอารมณ์ขึ้นเรือ ช่วยอุ้มน้องไทเกอร์(ไม่ค่อยสันทัดเรื่องการอุ้มเด็กครับแต่ก็นับว่าผ่านไปได้ด้วยดี ไทเกอร์ไม่ตกน้ำ ฮ่าๆๆๆ) ก่อนที่จะมองเรือของซาบีน่าที่ค่อยๆแล่นจากไป(ไม่เศร้านะ ไม่เศร้า ฮ่าๆๆ) ต้องยอมรับว่า 2 สาว ทำให้ผมมีความสุขในการท่องเที่ยวครั้งนี้มากเลย ขอบคุณพวกเธอมากๆครับ
2 สาว จากไปแล้วแต่ชีวิตของหนุ่มแบคแพจเกอร์ต้องดำเนินต่อไป ผมกลับมาซื้อตั๋วเรือและเช่าชูชีพเหมือนเคย บ่ายนี้เราจะไปดำน้ำกันที่เกาะสตอร์คและอ่าวจากครับ
“อ้าว นึกว่าไปแล้ว” ผมถามคุณอานิรนามเมื่อเจออีกครั้งที่นี่(จริงๆอยากคุยกับลูกสาวคุณอาด้วยครับ)
“เนี่ยครับ ผมรอ Speed Boat อยู่” เขาตอบ
ผมยืมคุยกับแกซักแป๊บจึงขอตัวไปนั่งเล่นริมหาด รอทางอุทยานเรียก(บ่ายนี้ขึ้นเรือที่หาดไม้งามครับ ไม่ต้องเดินไปจุด 200เมตร)
“นักท่องเที่ยวที่จะไปดำน้ำบ่ายนี้ ขอให้เตรียมตัวได้แล้วครับ” เสียงเจ้าหน้าที่อุทยานประกาศ
บ่ายนี้น้ำที่หาดไม้งามลดลงมาก ต้องเดินไปขึ้นเรือไกลพอสมควร ระหว่างทางผมถ่ายรูปปะการังสมอง(Brain Coral) หอยมือเสือ(Giant clam) ปลิงทะเล(Sea Cucumber) น้ำทะเลใสๆตลอดจนภาพนักท่องเที่ยวที่กำลังลุยน้ำไปขึ้นเรือหางยาว(เกือบหัวทิ่มแน่ะครับ ปะการังและเศษหินคมมากๆ)
ยิ้มสยามต้องมีมิตรภาพที่ดี ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ต่อไป ก่อนขึ้นเรือผมเห็นพี่หนุ่มวิ่งหอบฟิน วิ่งขึ้นเรืออีกลำด้วย
เกาะสตอร์ค
ภาพของการมาที่สตอร์คเมื่อวานนี้ ต่างจากวันนี้โดยสิ้นเชิง วันนี้น้ำนิ่ง ทะเลเรียบ ค่อนข้างสงบ น้ำใสมาก เมื่อมองไปเขตแนวน้ำลึก ไม่ค่อยเห็นอะไร(จริงๆรอ สัตว์ใหญ่ครับ เอาแค่ฝูงปลาสากก็ดีใจแล้วจ้า)
เมื่อนัดไว้แล้ว เธอไม่มา ข้าพเจ้าก็เลยต้องว่ายน้ำเข้าไปที่ตื้น(แต่ต้องระวังปะการังให้ดีนะครับ) บางครั้งเจอปัญหาน้ำเข้าปากบ้าง(ไม่รู้จะออกแบบให้มีรูพ่นน้ำออกทำไม ไม่ค่อยชอบเลยครับ) น้ำตื้นมากจนกระทั่งบางจุด เป็นพื้นทรายโล่ง สามารถลงไปเหยียบได้เลยครับ
ที่นี่ผมร้องด้วยความดีใจ(จะร้องได้ไงคาบท่อหายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ) ผมพบปลาวัวจมูกยาว(Long-Nose Filefish) ปลาวัวแสนน่ารักอีก 1 ชนิด (นอกจาก Triggerfish) ไม่ได้มาเดี่ยวครับพวกเขามาเป็นคู่ จะพบพวกเขาได้เฉพาะปะการังที่สมบูรณ์เท่านั้น ที่สำคัญผมเจอพวกเขาในวัยเด็ก(ความยาวไม่เกิน 5 ซม) ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลยครับ(เคยเจอแต่ตัวใหญ่ๆแล้วครับ)
จากนั้นเป็นปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) เวลาผมกวาดมือไปด้านหน้า สัญชาติญาณเขาไวมากครับ ว่ายหนีผมออกไปอีก 1 ช่วงตัวทันที
ผมสังเกตพฤติกรรมปลาการ์ตูนที่พบที่นี่ เช่น ปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish) ที่มองหน้าผมด้วยความฉงนก่อนจะหลบไปด้วยท่าทางที่เอียงอาย(ยังมีแอบมาดูแล้วส่งตาหวานอีกแน่ะ น่ารักจริงๆ) ต่อด้วยปลาการ์ตูนปล้องขาว(Clark’ s Anemonefish) พฤติกรรมต่างจากปานดำสิ้นเชิง มองผมอย่างดุดันดุจนักเลงเจ้าถิ่น ออกมาจากดอกไม้ทะเลเหมือนจะพุ่งเข้าชน(แล้วหลบเข้าไปในกอดอกไม้ทะเลเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ)
มีดงปะการังเขากวาง(Coral Branching)และดงปะการังพุ่ม(Coral Submassive) มากมายจริงๆ ตอบคำถามได้อย่างดีสำหรับความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลแห่งนี้
ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาผีเสื้อลายทแยงครีบดำ(Indian Vagabond Butterflyfish) ปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish) ออกมาทักทายผมเช่นเดิมหากแต่ว่าพวกเขาพาเพื่อนใหม่มาให้ผมรู้จักด้วย เขาคือ ปลาผีเสื้อเหลืองอันดามัน(Andaman Butterflyfish) สำหรับผีเสื้อเหลืองอันดามัน ผมเจอพวกเขาล่าสุดที่หมู่เกาะในทะเลกระบี่ครับ
ปิดท้ายด้วย ปลาสลิดทะเลโฉมงาม(Fox-Face Rabbitfish) ปลาผีเสื้อเทวรูป(Moonrish Idol) และปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish)
ขึ้นมาหนาวมากครับ(ยิ่งตอนนี้น้ำทะเลเย็นลงด้วย) แถมยังใส่เสื้อกล้ามอีกก็ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่
อ่าวจาก
ไม่นานนัก เราก็มาถึงอ่าวจาก อ่าวนี้ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ยกย่องว่าเป็นอ่าวที่มีปะการังหลากหลายชนิดมาก (แกบอกว่าระดับ Mega) ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ครับ(จากประสบการณ์ที่ผมเคยมาดำน้ำที่นี่ เห็นด้วยอย่างแรงครับ)
น้ำใสสุดๆ ผมตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้มาอ่าวจาก แม้จะรู้จักปะการังไม่กี่ชนิดก็ตาม
ผมเจอเจ้านีโมหรือปลาการ์ตูนส้มขาว(Crown Anemonefish)เยอะมากๆ ส่วนปลาการ์ตูนปล้องขาว(Clark’ s Anemonefish)ก็ออกมาไกลจากดอกไม้ทะเลมากนับเป็นพฤติกรรมที่น่าสนใจครับ ส่วนปลาการ์ตูนปานดำ( Red Saddleback Anemonefish) ที่นี่ก็ยังน่ารักเหมือนเคยครับ(วันใดเขาพุ่งเข้าชนผม ก็ยังน่ารักอยู่ดีแหละครับ)
เมื่อเป็นปะการังระดับ Mega ก็ต้องเจอพวกเขาแน่นอนครับ ปลาวัวจมูกยาว(Long-Nose Filefish) ออกมาทักทายผมอีกแล้ว ยังเป็นระดับเยาว์วัยเหมือนเดิม น่ารักสุดๆ
ผมเห็นปะการังเขากวางที่งอกใหม่(Coral Branching) (ที่จำได้เพราะว่าเคยเห็นภาพจากหนังสือ Sea Thai Sea ครับ) ส่วนปลายจะมีสีขาวงอกออกมา นั่นล่ะครับ ปะการังงอกใหม่ นอกจากนั้นก็ยังมีปะการังพุ่ม(Coral Submassive) ปะการังโต๊ะ(Coral Tabulate) อีกด้วย
สำหรับปลาผีเสื้อเท่าที่ผมพยายามจดจำและแยกชนิดในเวลาที่จำกัดก็มี ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) ปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish) ปลาผีเสื้อเหลืองอันดามัน(Andaman Butterflyfish) ปลาผีเสื้อลายทแยงครีบดำ(Indian Vagabond Butterflyfish) และปลาผีเสื้อลายเส้น(Lined Butterflyfish)
โอกาสดีมากครับที่ได้เห็นปลาพยาบาล(Cleaner Wrasse) กำลังทำความสะอาดปลานกขุนทองเขียวพระอินทร์(Moon Wrasse) มันคงรู้สึกสบายมากๆเลย (คิดว่านะครับ ฝ่ายหนึ่งคงเมามัน ฝ่ายหนึ่งคงจั๊กจี้น่าดู)
ผมยังจดจำปลานกขุนทองที่ชื่อว่า Bird Wrasse และปลาขี้ตังเบ็ดที่ชื่อว่า Striped Surgeonfish ได้(หลังจากที่กลับมาดูแผ่นปลาครับ ใช่แน่นอน ฟันธง!!!)
ก่อนจบการดำน้ำในวันนี้ด้วย ปลาสลิดทะเลโฉมงาม(Fox-Face Rabbitfish) ปลาผีเสื้อเทวรูป(Moonrish Idol) ครับ
ขากลับ ลมพัดมา ผมรู้สึกหนาวมาก ได้คุยกับ Sylvia เพื่อนใหม่ชาวเยอรมัน(เธอใจดีมากครับ นำผ้าที่เธอห่มกันหนาวอยู่มาห่มให้ผมด้วยครับ แต่ผมเกรงใจเธอเลยบอกว่าไม่เป็นไร) ไม่น่าเชื่อว่า ผมสามารถสื่อสารกับเธอได้รู้เรื่องดี(ขนาดภาษาอังกฤษผมไม่ได้เรื่องนะเนี่ย ที่บ้านผมมักจะแซวว่า ผมพูดภาษาอังกฤษแบบ “เมียเช่า”น่ะครับ ฮ่าๆๆๆ)
Sylvia มาเที่ยวเกาะสุรินทร์เป็นครั้งที่ 3 แล้ว เธอมากับสามี วันนี้สามีไม่ได้ออกมาดำน้ำด้วยแต่เธอรักที่นี่มาก นี่ก็มีโครงการจะไปเที่ยวเกาะสิมิลันด้วย(ผมแนะนำเธอไปว่า สามารถไปนอนที่ไหนได้บ้าง หากไปสิมิลัน)
ก่อนถึงหาดไม้งาม ฝรั่งคนหนึ่งบนเรือ(Crazy)มาก(ใครๆก็เรียกแกว่า จักรพงษ์หรือ Mr. Jack) ยืนบนหัวเรืออย่างอาจหาญ แล้วบอกทุกคนว่า Good Bye ใส่หน้ากากคาบสน็อคเกิ้ลกระโดดลงน้ำไปเฉยเลย(ผมว่าแกบ้าดีเดือดเหมือน ชอน เคเนอรี่มากกว่าครับ ฮ่าๆๆๆ) ว่าแต่แกแข็งแรงมากครับ ถ้าจะว่ายน้ำจากตรงนี้กลับหาดไม้งาม(นับถือ นับถือ)
ระหว่างเดินลุยน้ำเข้าหาดไม้งาม ผมถ่ายรูปแมงกระพรุนที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ(ไม่จับหนวดก็ไม่เป็นอันตรายครับแต่ทางที่ดีอย่ารบกวนเขาจะดีกว่าครับ)
เย็นนี้ผมอาบน้ำทันทีเพราะหากรอค่ำกว่านี้ก็จะยิ่งหนาวมาก(แค่นี้ก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่แล้วครับ)
ผมนั่งทานข้าวกับพี่จอย พี่น้อย พี่หลิน พี่หนุ่ม โดยมีข้าวผัดกุ้งเป็นอาหารเย็น ส่วน พี่หนุ่มเล่าให้ฟังว่าสาเหตุที่ยังไม่เรียนดำน้ำเพราะยังไม่พร้อมที่จะรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ยังมีความสุขกับการเล่นกล้องและการแบกเป้เที่ยวมากกว่า พี่หนุ่มมีคำคม ตลกๆ ให้ไว้ว่า
“อยากรวยให้เล่นหุ้น อยากฉิบหายให้ดำน้ำ”
ผมฟังดูก็ขำไปครับ แต่มาคิดจริงๆ การเสียเงินของนักดำน้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนเต็มใจจริงๆ(หากคนไม่ชอบ ไม่เต็มใจ ไม่ยอมเสียเงินจำนวนมากๆแบบนี้หรอกครับ)
พี่จอย พี่น้อย พี่หลิน 3 สาวนัดกันมาเที่ยวแบบนอนเต๊นส์โดยเฉพาะ แบบไม่ Scuba พวกเธอบอกว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศกัน(พวกพี่ๆมากันคนละหลายครั้งแล้วครับ)
คืนนี้ ผมรีบนอนพักผ่อน พรุ่งนี้จะไปดำน้ำช่วงเช้าก่อนจะกลับฝั่งในช่วงบ่าย การเดินทางที่แสนสุขของผม มาถึงวันสุดท้ายแล้วเหรอเนี่ย เร็วจริงๆ
2 มกราคม 2550
ตื่นเช้ามา ผมนำของมาเรียงกันไว้เพื่อง่ายในการจัดลงกระเป๋า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังเป็นที่พึ่งของผมอีกครั้งหนึ่ง
ผมเจอพี่หนุ่มกำลังนั่งทานขนมปังปิ้ง ซึ่งพี่หนุ่มจะไปดำน้ำกับผมในเช้าวันนี้ด้วย
เราทราบจากเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวบนเกาะเหลืออยู่เพียง 113 คน เท่านั้น ซึ่งนับว่าไม่มาก อาจเป็นเพราะพวกเขาได้ทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว
โปรแกรมดำน้ำจะพาไปที่ร่องตอรินลาและอ่าวผักกาด ผมยังเช่าชูชีพเหมือนเคย
“ตกลงพี่ไม่ได้เป็นคนใต้เหรอคะ” น้องยู พนักงานสาวถามผม พร้อมหยิบชูชีพมาให้
“พี่เป็นคนกรุงเทพครับ พี่เหมือนคนใต้ขนาดนั้นเลยเหรอครับน้อง” ผมถามเธอ
“ค่ะ เหมือนมาก ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้หรอก” เธอยืนยัน
อาจเป็นเพราะผมไม่ได้ใช้โลชั่นกันแดดมานาน ด้วยความที่กลัวว่ามือจะเปื้อนกล้องดิจิตอล(ขึ้เกียจล้างมือด้วยครับ) นานเข้าก็เลยผิวคล้ำไป ซึ่งผมก็รู้สึกชอบครับที่เธอบอกแบบนั้น
ก่อนหน้านั้นผมซื้อเสื้อจากร้านขายของที่ระลึกก็ได้น้องยูนี่ล่ะครับ ที่ช่วยเปลี่ยนเสื้อเบอร์ XL ให้ผม(จริงๆมีลูกค้าบอกไว้ว่าจะมาดู) ขอบใจมากเลยน้อง(น่ารักมาก)
พี่หนุ่มจะหาซื้อน้ำขวดที่นี่ ผมบอกแกเลยว่าไม่ต้องซื้อ(ประหยัดเงินไว้ดีกว่า)ให้ใช้ของผมเพราะเหลืออยู่อีก 2 ขวด(บ่ายนี้ผมก็จะกลับแล้วครับ)
เราเดินไปจุด 200 เมตร ผมเจอพี่นิดจึงพยายามขอถ่ายรูป ท่าทางแกอายกล้องเอามากๆ(สงสัยกลัวผมถ่ายออกมาไม่สวยแน่ๆ)
ผมเจอนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งพูดถึงอ่าวแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา ซึ่งอ่าวนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวต่างชาติ(แนวเดียวกับฟูลมูน ปาร์ตี้ ที่หาดริ้น เกาะพะงัน) อ่าวแห่งนั้นชื่อว่า....(อยากรู้ล่ะซิ) มีชาวต่างชาติอาบแดดกันมากด้วย(โอ้ อันนี้สำคัญ) ชื่อว่า อ่าวเคยและอ่าวนุ้ยครับ
พูดจบชายหนุ่มในกลุ่มก็โชว์รูปอ่าวเคยและอ่าวนุ้ยกับบรรยากาศนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในกล้องดิจิตอล ทุกคนดูอย่างใจจดใจจ่อ ดูจบต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“โธ่ นึกว่าจะมีรูปเด็ดๆ” เสียงเฮ ฮาดังขึ้น
“คราวหน้าจะถ่ายมาให้ดูครับ ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มตอบ
ไม่นานนักพี่นิพนธ์ก็มาถึงจุด 200 เมตร พร้อมนักดำน้ำ Scuba แกบอกผมว่า
“เธอค่อนข้างโชคร้ายมาก วันไหนเธอออกไปดำ น้ำแรงมาก แล้วดูวันนี้ซิ น้ำเรียบ แดดดีจริงๆ เธอต้องมาเดือนกุมภาพันธ์แล้วล่ะ ถึงจะดี” พี่นิพนธ์ แหย่ผม
“ก็ผม โชคไม่ค่อยดีอยู่แล้วครับแต่ไม่เป็นไร วันหลังผมจะขึ้นมาหาครับ” ผมตอบ
ว่าแล้วก็ได้เวลา เจ้าหน้าที่เรียกผมกับพี่หนุ่มไปขึ้นเรือหางยาว ซึ่งวันนี้อากาศดีกว่าทุกๆวัน(ต้องมาดีตอนวันสุดท้าย ตอนผมจะกลับประจำเลย ฮ่าๆๆ)
ร่องตอรินลา
ผมกับพี่หนุ่มว่ายออกมาในแนวลึกเพื่อหวังจะเห็นสัตว์ใหญ่ เพราะหากเข้าไปใกล้ฝั่ง เห็นได้ชัดว่ามีซากปะหรักหักพังของปะการังเขากวางมากมาย สิ่งมีชีวิตก็น้อยลงไปด้วย
น้ำที่ตอรินลาวันนี้นิ่งจริงๆ ไม่มีคลื่นมากวนใจ ไม่นานนัก ผมเจอปลาการ์ตูนลายปล้อง(Clark’s Anemonefish) ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish) และปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish)
ปลาหูช้างครีบยาว(Teira Batfish) สีดำ ว่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมสังเกตเห็นครีบท้องสีเหลืองของเขาเลยทำให้สามารถแยกชนิดได้
นอกนั้นก็มีปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า(Powder-blue Surgeonfish) ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) และกลุ่มแมงกระพรุน(Jelly Fish) ที่ผมต้องว่ายหลบอยู่เรื่อยๆ
พี่หนุ่มบอกผมว่าแกเจอปลาฉลามครีบดำ(Blacktip Shark)ด้วย น่าเสียดายว่ามันว่ายเร็วมากเลยเรียกให้ผมดูไม่ทัน( อดเลย ฮ่าๆๆ)
จากนั้นเรามุ่งหน้าสู่อ่าวผักกาด อ่าวที่ขึ้นชื่อว่ามีปะการังผักกาดหรือปะการังแผ่นตั้ง(Coral Foliose)มาก
อ่าวผักกาด
ผมนึกถึงภาพเก่าๆอีกครั้ง ตอนมาอ่าวผักกาดครั้งแรก ปะการังค่อนข้างสมบูรณ์ ผิดจากตอนนี้ที่แทบจะหาปะการังผักกาดไม่ได้เลยมีแต่ซากปะหรักหักพังทั้งนั้น (ส่วนใหญ่ เป็นพวกปะการังก้อน Coral Massive จอมอึดครับ)
แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังพอเจอสัตว์ทะเลบ้างแม้จะไม่มากเหมือนก่อนก็ตาม เช่น ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า(Powder-blue Surgeonfish) ปลาขี้ตังเบ็ดหนามส้ม(Orangespine Unicornfish) ปลาขี้ตังเบ็ดอีกหนึ่งชนิด(สีดำๆครับ) ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) และปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer)
พี่หนุ่มโชคดีอีกแล้วเจอปลาฉลามครีบดำ(Blacktip Shark) และที่แน่นอนคือ แกเรียกผมไม่ทันอีกแล้วครับ(คนมันโชคร้ายครับ ฮ่าๆๆ)
แม้สภาพแวดล้อมที่อ่าวผักกาดจะเปลี่ยนแปลงไปมาก มากจนกระทั่งผมเองยังตกใจแต่นี่คือวัฐจักรของธรรมชาติที่ควรจะเป็นไปอยู่แล้วครับ(ดีกว่าพังทลายเพราะฝีมือมนุษย์ครับ อันนั้นจะน่าเศร้ามาก)
ขากลับ พี่หนุ่มขอลงที่อ่าวช่องขาดเพื่อเดินสำรวจก่อนที่จะเดินกลับอ่าวไม้งามโดยเส้นทางศึกษาธรรรมชาติ แกไม่รีบร้อนอะไรมากเพราะจะกลับในวันมะรืน ผมร่ำลาพี่หนุ่ม ขอให้แกโชคดี
ผมกลับมาอาบน้ำ จัดของโดยใช้เวลาไม่มากนัก ก่อนเดินออกมาริมหาดเพื่อถ่ายรูปซึ่งตอนนี้แดดค่อนข้างจ้า ทำให้น้ำทะเลสีฟ้าสดใส แม้จะร้อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
นั่งทานข้าวกลางวันกับพี่น้อย พี่จอยและพี่หลิน พวกเธอก็จะกลับพร้อมผมเช่นกันหากแต่พวกเธอกลับโดย Speed Boat ซึ่งจะต้องไปรอนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่อ่าวช่องขาด ส่วนผมกลับเรือธรรมดา
กระดูกหมูจิ้มเข้าไปเต็มๆบริเวณเหงือกแถมหักคาเสียด้วย เดือดร้อนผมที่ต้องไปหาไม้จิ้มฟันเป็นการด่วน ไม่งั้นเจ็บตลอดทางแน่ครับ
ผมแบกเป้ ทักทายพี่นิพนธ์ พี่นิด น้องยูและเจ้าหน้าที่อุทยาน ก่อนเดินไปจุด 200 เมตร ด้วยความรู้สึกแบบเศร้าๆเล็กน้อย(ก็ยังไม่อยากกลับเลยครับแต่มีภาระหน้าที่ที่ต้องกลับไปทำ)
ที่นี่ผมคุยกับลุงสมาน(แฟนป้าเดียร์)(คนที่หาเต๊นส์ด้านหน้าหาดให้ผมนั่นแหละครับ) ลุงสมานบอกผมให้มาเที่ยวใหม่ในวันหลัง มาเดือนกุมภาพันธุ์ก็ท่าจะดี หากมาล่องเรือที่อ่าวพังงา ติดต่อลุงได้ ลุงมีคนรู้จักอยู่หลายคน
ผมขอบคุณลุงสมานก่อนจะขอตัวไปขึ้นเรือหางยาว วิวของจุด 200 เมตร ค่อยๆเล็กลงๆ แลขวามองดูอ่าวกระทิง ต่อด้วยซากกิ่งไม้ใหญ่ที่โผล่พ้นน้ำ และอ่าวช่องขาด จบด้วยแหลมแม่ยาย
หลังจากเปลี่ยนจากเรือหางยาว ขึ้นเรือใหญ่ของซาบีน่าแล้ว ผมได้รู้จักกับพี่ผึ้ง อาจารย์สาวในจังหวัดสุราษฐธานี(เธอก็ไปดำน้ำบนเรือลำเดียวกับผมเมื่อวานนี้) เธอดูสนใจสัตว์ทะเลมากทีเดียวซึ่งผมก็ยินดีที่จะแนะนำสัตว์ทะเลต่างๆตามหนังสือให้เธอ(เธอก็ทำHomepage ใน http://www.multiply.com/ เหมือนกันด้วยครับ)
จากนั้นผมเจอเจ้าหนุ่มนิรนามร่างอ้วนมากับกลุ่มเพื่อนๆ คุยไปคุยมากลายเป็นนักดำน้ำแบบ Scuba ทั้งกลุ่ม พึ่งจบ Open Water กันมาแต่ยังไม่ได้ไปดำที่ไหนอีกเลยซึ่งผมก็แนะนำว่า ถ้าเรียนแล้วน่าจะลองหาเวลาไป แม้จะติดตรงค่าใช้จ่ายที่แพงแต่ของแบบนี้เราสามารถเก็บหอมรอมริบได้(พอพวกเขาทราบว่าเงินเดือนของผมเท่าไร ก็ตกใจไปตามๆกัน)(น้อยมากครับ)
เมื่อถึงฝั่งคุระบุรี พี่นฤมลเตรียมน้ำแดงให้ลูกค้า ดับกระหาย คลายร้อนด้วย ระหว่างนั่งรถสองแถวไปรอรถที่ซาบีน่า ผมได้รู้จักกับพี่นิรนามคนหนึ่ง เป็นนักดำน้ำแบบ Scuba เหมือนกันด้วย (ทราบภายหลังว่าชื่อพี่ป้อมมาเจอใน http://www.multiply.com/ เมื่อกลับมาที่บ้าน ทั้งๆที่ไม่เคยให้ user id เลยครับ ไม่มีแม้กระทั่งเบอร์ติดต่อ โลกกลมจริงๆเลยครับ)
ที่ซาบีน่า ผมเจอ Mr. จักรพงษ์ ฝรั่งบ้าเลือดคนนั้นด้วย ผมเห็นมือของเขามีผ้าพันแผลจึงถามว่าไปโดนอะไรมา แกบอกวาถูกร่องหินบาดเมื่อวานนี้ พบปะการังอ่อนและฉลามครีบดำหลายตัวด้วย(ผมเชื่อครับ)
ดูแกจะประทับใจการบริการของซาบีน่ามาก ก่อนไปขึ้นรถก็ทิ้งทาย แปลเป็นไทยได้ว่า “ผมรักซาบีน่า ผมจะกลับมาอีกครั้งแน่นอนครับ”
ผมเจอพี่หลินที่นี่เช่นกัน เธอได้รอบรถช่วง 5 โมงครึ่ง เมื่อผมมาติดต่อบ้างกลับได้รับข่าวที่ไม่ดีนัก
“ตั๋วคุณ ไม่มีนี่คะ จองไว้เหรอคะ” พนักงานสาวตอบ
“จ่ายเงินไปแล้วด้วยครับ ไม่มีได้ยังไงครับ” ผมถามด้วยสีหน้างุนงง ก่อนที่หัวใจจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว
พรุ่งนี้ผมต้องทำงานตอนเช้า หากผมไม่มีรถกลับก็ต้องขาดงาน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำนัก
เมื่อพี่นฤมลทราบข่าว เจ้าหน้าที่ที่เหลือ วิ่งวุ่น ช่วยผมกันอย่างจ้าล่ะหวั่น ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ผมกลับบ้านและถึงกรุงเทพฯทันเวลา(หากผมไม่มีรถกลับ ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนในซาบีน่าต้องการแน่ครับ)
สาเหตุอยู่ที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง สื่อสารกับบริษัทรถไม่ดี ไปๆมาๆ ตั๋วหายไปเฉยเลย
พี่หลินไปขึ้นรถแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังคงเดินไปเดินมา ดุจดังหนูติดจั่น(จะได้กลับไหมเนี่ยเรา)
“ได้รถแล้วครับ” เสียงสวรรค์มาบอกผม
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทำให้ต้องลำบากเลย” พี่นฤมลทำหน้าเศร้า
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงคราวหน้าผมก็จะกลับมาใช้บริการพี่อีกอยู่ดี” ผมตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
สาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าอ้วนหนุ่มนิรนาม เธอสละที่นั่งให้ผม โดยเธอมานั่งเบียดกับเพื่อนด้านล่างเพื่อที่จะให้ผมได้กลับบ้าน
ผมเดินไปขอบคุณเธอและกลุ่มเพื่อนๆของเธอด้วยความยินดี ก่อนจะขึ้นไปด้านบน รถคันนี้มีคนที่ผมรู้จักตรึมเลยแฮะ(รวมทั้งพี่ป้อมด้วย)
“เจอตั๋วแล้วค่ะ มาขึ้นคันหลังนะ” เจ้าหน้าที่บอกผม
เจ้าหน้าที่หาตั๋วของผมเจอแล้ว ผมต้องย้ายรถมานั่งอีกคัน แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณสาวใจบุญและกลุ่มเพื่อนๆที่สละที่นั่งให้
รถคันนี้ไม่มีใครรู้จักเลย แถมเข่าก็ติดเต็มที่เพราะเป็นรถเสริม อย่างไรก็ตาม เมื่อรถเคลื่อนตัว ผมมองเห็นพี่นฤมลที่อยู่อีกฝั่งของถนน โบกมือให้ผมด้วยสีหน้าที่ยินดีและโล่งใจ ผมโบกมือให้เธอเช่นกัน ขอบคุณมากครับที่ช่วยเหลือผม
รถค่อยๆแล่นออกไปเรื่อยๆ ผมมองออกไปริมหน้าต่าง พร้อมคิดถึงเหตุการณ์อันแสนสุขกับเกาะที่รักซึ่งผมได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
คิดไปก็นั่งยิ้มไปคนเดียว
บทส่งท้าย
“เราจะไม่เก็บสิ่งใดกลับมา นอกจากภาพถ่ายและความทรงจำ”
หากเป็นนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คำกล่าวนี้คงอยู่ในจิตใจของทุกๆคน แม้เราจะประทับใจสถานที่นั้นมากแค่ไหน สุดท้ายเราก็เก็บมาได้ดพียงภาพถ่ายและความทรงจำที่ดี
สำหรับภาพถ่ายผมเก็บมาฝากทุกคน
สำหรับความทรงจำ ผมถ่ายทอดรายละเอียดมาฝากทุกคนอย่างยาวเหยียด ตามแบบฉบับที่ยังยึดมั่นในตัวเอง เพราะต้องการให้ทุกคนเห็นภาพประหนึ่งว่าได้ไปด้วยกัน
หากคุณเคยดูหนังเรื่อง Being John Makovic ที่เราสามารถเห็นภาพของคนๆหนึ่งว่าได้ไปทำอะไรมาบ้าง นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะสื่อให้ทุกคนได้เห็นครับ
ผมกล้าพูดเต็มปากว่า แม้ที่นี่จะได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิทำให้มีสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลต้องสูญสลายไปบ้าง
แต่ที่นี่ก็ยังเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำตื้นที่ดีที่สุด ในประเทศไทย หากเทียบกันจุดต่อจุด(หลังจากพิสูจน์แล้วผมดำน้ำตื้น เห็นปลามากกว่าดำน้ำลึกครับ)
หากเปรียบเกาะสุรินทร์เป็นสาวน้อย ก็คงเป็นสาววัยใส ที่ผมหลงรักทันทีตั้งแต่แรกเห็นพร้อมจะกลับมาเยี่ยมเยียนเธอทุกเมื่อ มาทักทายเมื่อมีโอกาส
ไม่ว่าเธอจะได้ยินผมหรือไม่ ขอฝากบอกสาวคนนี้ว่า
“จะรักเธอต่อไป ไม่มีเปลี่ยนแปลง”
ผมเชื่อว่า คนส่วนใหญ่ก็คิดเช่นนั้นครับ
Phop Payapvipapong
12 February 2007
18.18 PM
1 Comments:
[url=http://www.friendface.org/pg/profile/buy_augmentin]augmentin clavulanic acid[/url] Successes raise our self efficacy, while failures lower it. [url=http://www.netknowledgenow.com/members/buy_5F00_bactrim.aspx]bactrim overdose[/url] Their input to a course’s objectives and structure should be sought, valued, and acted on. [url=http://srandolph.communityserver.com/members/Buy-Cialis.aspx]Cialis lilly icos llc[/url]
Post a Comment
<< Home