Tuesday, December 05, 2006

ชุมพรคาบาน่า....สวัสดีครับ(4)




Dive 2 ความโศกเศร้าที่เกาะง่ามน้อย

อาจจะเป็นโชคดีของผมที่ไม่สามารถลงไปกับกลุ่มในไดฟ์นี้ได้ เพราะตะกั่ว 5 ก้อนที่เคยใช้ได้ดีกับ Wet Suit ยาว กลับไม่สามารถทำให้ตัวผมจมลงไปได้ ทั้งนี้เพราะกระแสน้ำที่เกาะง่ามน้อยในวันนี้เป็นกระแสน้ำไหล(มาก)

แม้ผมจะเคาะ Pointer เรียกให้กลุ่มทราบว่าลงไม่ได้ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ครูชาลี(แห่งชุมพรคาบาน่า) พี่กุ้ง(นักดำน้ำเพื่อนพี่จิน)และพี่โหน่ง(นักเรียนวชิราวุธรุ่น 56) หายไปกับน้ำที่ขุ่นในระดับที่ 2-3 เมตร ไม่สามารถมองเห็นได้(ความจริงพวกเขารออยู่ซักพักบริเวณใต้เรือ แล้วจึงไปต่อ)

ผมเริ่มลอยไปตามกระแสน้ำเรื่อยๆเพราะตีขากลับเข้าเรือไม่ไหว จากนั้นไม่นานนักนั้นพี่ว่อง(กัปตันเรือ คาบาน่า 3 )ตีขาเข้ามาหาพร้อมห่วงยาง นอกจากนี้พี่ว่องยังใส่ตะกั่วใน BCD ให้ผมอีก 1 ก้อนด้วย

พี่ว่องยังถามอีกว่าจะขึ้นเรือหรือไปต่อ ผมขอพี่ว่องลงดำบริเวณแนวปะการังแถวนี้ เพื่อสำรวจทัศนียภาพ ที่สำคัญแม้ผมจะไม่มี Dive Computer แต่ผมรู้ขอบเขตของตัวเองดี จึงตัดสินใจที่จะดำบริเวณขอบแนวปะการัง(ติดเขาหินปูน)และดำกลับไป-มาหลายๆรอบ เพื่อสำรวจพฤติกรรมสัตว์ทะเล

ในระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ผมสามารถใช้เวลาที่นี่ได้ยาวนาน ผมพบปลาอมไข่ห้าเส้น(Five-lined cardinalfish) ปลาผีเสื้อเหลืองชุมพร(Weibel’s Butterflyfish) ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ปลาพยาบาล(Bluestreak Cleaner Wrasse) ปลาสลิดทะเลแถบ(Java Rabbitfish) ปลาสลิดทะเลที่ชื่อ Fox-Face Rabbitfish ปลานกขุนทองเขียวพระอินทร์ (Moon Wrasse) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีดงดอกไม้ทะเลขนาดใหญ่และปลาการ์ตูนอินเดียนแดง(Pink Anemonefish)จำนวนมาก ที่ทำปากน่ารัก ขมุบขมิบ เหมือนจะบอกว่า “นายเจ๋งนักเหรอ มาสู้กับเราหน่อยเป็นไง”

ทันใดนั้นผมพบแหของชาวประมงขนาดใหญ่ ยาวหลายเมตร ความรู้สึกที่ปลาบปลื้มกับการได้มาฉายเดี่ยว แหวกว่ายท่ามกลางสรรพสัตว์เปลี่ยนไปเป็นความโศกเศร้า ในนั้นมีปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ติดอยู่ 3 ตัว ทุกตัวไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีแม้กระทั่งสายตาร้องขอวิงวอน มีเพียงสายตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่ไม่สามารถกลับบ้านไปหาครอบครัวได้อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีปลาสลิดหินอีก 2-3 ตัว ที่พบชะตากรรมเช่นเดียวกัน ลำตัวเปื่อยยุ่ยจากการถูกแทะของปลาต่างๆที่หิวโหย

ทำไมล่ะ? เกาะง่ามน้อยอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ซึ่งถือเป็นทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญของเราทุกคน มีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแล กลับมีคนบางส่วนที่เห็นแก่ตัวลักลอบเข้ามา จนเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ผมพยายามใช้ Pointer สั้นๆที่มีอยู่ 1 อัน ดึงแหขึ้น แต่ดูเหมือนจะเป็นการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง อีกอย่าง หากผมลงคลุกไปเต็มๆ อาจจะถูกแหพันรอบตัว และผมอาจจะไม่ได้ขึ้นมาบอกเล่าความรู้สึกนี้ให้ทุกท่านฟัง

ผมทำได้เพียงขอร้องคุณเวียนนา(Werner)และ Staff ของชุมพรคาบาน่าคนอื่นๆให้ช่วยตัดแหนี้ออกด้วย ในการมาดำน้ำในวันรุ่งขึ้น(เพราะเราต้องกลับกันแล้ว) โดยมีความหวังว่า หากมาคราวหน้า คงไม่เห็นภาพอันหน้าสลดใจเช่นนี้อีก

บางคนอาจคิดว่า ผมโอเวอร์ แค่ปลาเพียงไม่กี่ตัว ทำมาพูด แถมปลาที่ติดแหก็มีมากอยู่แล้วในธรรมชาติ ลองคิดดีๆซิครับ หากคราวหน้า แหของผู้ไม่หวังดีลงมาที่ดงดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนอินเดียนแดง หรือเจ้าเต่ากระ(Hawksbill Turtle)แสนเชื่อง หรือเจ้ายักษ์ใหญ่ผู้ใจดีอย่างฉลามวาฬ(Whale Shark) คุณคิดว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง คุณจะได้เห็นภาพน่ารักๆของพวกเขาอีกไหม?

ผมคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของใคร เพราะทรัพยากรเป็นของเราทุกคน เราทุกคนต้องสอดส่องดูแลเพื่อรักษาทรัพยากรของลูกหลานเราไว้

ผมไม่มีส่วนได้เสียกับองค์กรใดๆทั้งสิ้น ไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ไม่ได้มีใครสั่ง ไม่ได้มีใครสอน ให้เขียนบทความนี้ขึ้นมา ความรู้ที่ได้เกิดจากการอ่านหนังสือปลา เกิดจากการเข้าเว็บเกี่ยวกับทะเลเกิดจากการดูโทรทัศน์และเกิดจากการสอบถามผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านทะเลทั้งนั้น ผมเป็นเพียงนักดำน้ำคนหนึ่ง ที่มีจิตใจอนุรักษ์ อยากดำน้ำชมสัตว์ทะเลเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง เพื่อผ่อนคลายความเครียดหลังจากที่เสร็จสิ้นการสอบหรือการทำงาน ไม่อยากเห็นภาพเช่นนี้เกิดขึ้น เวลาไปดำน้ำอีก

หากเราไม่ใส่ใจตั้งแต่วันนี้ อาจจะถึงวันที่ “คนไทยทุกคนเป็นผู้แพ้”อย่างที่ ด.ร ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ เคยกล่าวไว้ในหนังสือทะเลไทยก็ได้)

ผมเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้ถึงวันนั้นครับ(จากบทความ ใน Blog ของผม ที่เขียนตอนกลับมาใหม่ๆ เอามาลงอีกครั้งครับ)

ภริยาของคุณเวียนนาเมื่อทราบว่า ผมมาดำน้ำแค่วันนี้เท่านั้นและจะกลับในคืนนี้(คงคิดว่าผมมาหลายวันแน่ๆ ผมดูหน้าของเธอบ่งบอกได้ชัดว่ายิ้มแบบเจื่อนๆ พอสมควร)

ลงจากเรือ ผมขอบคุณพี่ว่อง ครูชาลี และ Staff ชุมพรคาบาน่าทุกคน(คราวหน้าจะมาเยี่ยมอีกแน่นอนครับ)

เมื่อถึงที่พัก ผมเดินออกไปทางสระว่ายน้ำ(หาทางไปสวนครับ) เพราะจำได้ว่า พี่วริสรพูดไว้เมื่อวานนี้ว่า 4 โมงเย็น จะพาแขกมาดูสวน ผมเจอพี่ป้อมกับลูกศิษย์ที่สระว่ายน้ำด้วย(พี่ป้อมบอก ลูกศิษย์พร้อมสำหรับการออกทะเล พรุ่งนี้แล้ว)

ผมสำรวจด้านหลังนี้ มี Hall ขนาดใหญ่ และดอกไม้ ต้นไม้สวยๆ แปลกๆ เต็มไปหมด มีพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย เช่น “ที่จริงที่ดินลูกรังมีอาหารที่ดีสำหรับพืชพอสมควร แต่ไม่ขึ้นเพราะไม่มีจุลินทรีย์มาช่วยให้พืชสามารถดูดเอาอาหารที่อยู่ในดิน” เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าแมวแสนเชื่อง มาเล่นกับผม เลยเก็บภาพมาอยู่ในอัลบั้มซะเลย

ผมกลับห้องไปอาบน้ำ แต่งตัว จัดของ พี่ป้อมบอกว่า เจ้าเดียวจะกลับกรุงเทพพร้อมผมในคืนนี้(ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วด้วย)

ผม พี่ป้อม น้องเดียว ไปทานข้าวที่ร้านอาหารภายในชุมพรคาบาน่าเช่นเดิม ผมเจอพี่วริสรและครอบครัว พี่เอก และหญิงสาวผมขาวคนหนึ่ง ตอนแรกผมจำเธอไม่ได้ เพราะเคยเห็นแต่ในรูปจากนิตยสารเท่านั้น(ตอนนั้นผมเธอ สีดำครับ) พอทราบว่าเป็นคุณอัจฉรา รักษ์พันธ์ คุณแม่ของพี่วริสร ผมรีบยกมือขึ้นไหว้ทันที(พอดูดีๆก็มีเค้าแล้วครับ) นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอเธอครับ

ผมถามแม่ครัวที่กำลังทำส้มตำว่า กุ้งแม่น้ำกับกุ้งทะเลมีความแตกต่างกันอย่างไร เธอบอกว่ากุ้งแม่น้ำเนื้อจะตันกว่ากุ้งทะเล(ใครมีรายละเอียดก็บอกด้วยนะครับ ผมยังมีความรู้น้อย กินอย่างเดียวจ้า)

ข้างๆก็มีพี่โหน่งและพี่ปิ๋ม มาทานข้าว ผมเข้าไปนั่งคุยและแนะนำให้อย่าลืมสั่งไอศครีมบวกกล้วยหอมทอดด้วย(อร่อยมากครับ)

ก่อนกลับ ผมไปซื้อเสื้อยืดชุมพรคาบาน่า เป็นที่ระลึก(ผมมักจะชอบซื้อเสื้อของทุกๆที่ เวลาไปเที่ยว ยิ่งเป็นเสื้อสัญลักษณ์หรือมีแผนที่ ชอบมากครับ) ผมอำลาพี่เอก พี่วริสร คุณแม่อัจฉรา พี่ป้อม พี่โหน่ง พี่ปิ๋ม ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆ ทั้งใหม่และเก่าที่มีให้ผมเสมอมา

เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางของผม ที่รอคอยมา 1 ปีกว่า การกลับมาในครั้งนี้ แม้จะแตกต่างกับคราวแรกที่ผมมาแบบยังไม่รู้จักใครเลย กลับมาคราวนี้ผมมาในฐานะศิษย์เก่าของชุมพรคาบาน่าก็จริง แต่สิ่งที่ไม่แตกต่างกัน คือ ความประทับใจที่ผมได้รับ ซึ่งผมจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน

ผมสัญญาว่า เมื่อฤดูกาลใหม่ของชุมพรมาถึง เมื่อเวลาและเงินในกระเป๋ามีพร้อม ผมจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

สำหรับนักเขียนสมัครเล่นอย่างผม คงไม่มีอะไรที่น่ายินดี เท่ากับความเห็นของทุกๆคน ที่เข้ามาอ่านแล้วครับ ผมยอมรับว่า ผมมีความสุขมากที่ได้เห็นคนมาติชม คนมาอ่านเรื่องราว

และนี่เป็นอีกครั้งสำหรับเรื่องราวของนักเดินทางอย่างผม ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ



Phop Payapvipapong

2/12/2006

17.46 pm

2 Comments:

At 11:13 AM, December 12, 2006, Anonymous Anonymous said...

สวัสดีค่ะคุณกระสาบ.....

ตามมาอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆนะคะ...
หลงทางไปตั้งนานนะ Low-tech หาทางมาบ้านนี้ไม่เจอ :((..แต่ตอนนี้เจอแล้ว :)))

คุณกระสาบไปทะล .... Pouletไม่ว่างไปทะเล แต่ตะลอนไปตามภูเขาบ้าง ที่อื่นๆบ้าง (งานจ้ะ...ไปทำงาน..งาน..งาน...)

แต่ละที่ แต่ละแห่งที่สวยงาม..หลายๆครั้งเราพบความโหดร้ายแฝงไว้เบื้องหลัง...หลายๆครั้งเราเห็นผักชีโรยหน้าปิดบังอะไรๆเบื้องหลังไว้เยอะแยะ :(( ได้แต่หวังว่าเรื่องแย่ๆแบบนี้จะค่อยๆหมดไป ถ้ามีหลายๆคนร่วมมือร่วมใจกัน " ทำความสะอาด " ค่ะ :))

ปีใหม่นี้ไปเที่ยวไหนคะ ?? Pouletเปลี่ยนจากไปสิงอยู่ชะอำแบบทุกปีเป็นไปอยู่Home stay ที่สมุทรสงครามใกล้ๆนี่เอง
ตอนแรกจองhotelเดิมที่ชะอำ แต่ปีนี้ผู้บริหารเค้าเปลี่ยนนโยบายใหม่ บังคับให้เราต้องซื้อGala Dinner คืนวันที่ 31 ราคาคนละ (3,000 บาท x 3 ชีวิต พ่อ แม่ ลูก):(( ...เลยเปลี่ยนใจค่ะ... ไม่ชอบโดนบังคับอ่ะ ปีก่อนๆถ้าอยากร่วมงานก็ค่อยซื้อบัตร....ที่ใหม่ที่สมุทรสงคราม แค่วันละ 800 ค่ะ (ไม่รวมอาหารนะ) ชื่อ "บ้านหิ่งห้อย" ไว้จะถ่ายรูปมาฝาก

กลางเดือนนี้จะจัดกิจกรรม "ปลูกป่าโกงกาง เนื่องในวันพ่อ" ด้วยค่ะ ไปสมุทรสงครามอีกนั่นแหละ รูปตอนไปsurveyเอาไปแปะไว้แล้วซักพักนึงที่web page ค่ะ :))

 
At 10:59 AM, December 19, 2006, Blogger kasab71 said...

ช่ายครับ เรื่องความสะอาดของสิ่งแวดล้อม ค่อนข้างจะสำคัญมาก

ปีใหม่ ผมไปดำน้ำเกาะสุรินทร์ครับ ถึงคนจะเยอะก็คงต้องทน เพราะผมไม่สามารถลางานได้ครับ(ลาได้แค่วันเดียว ซึ่งไม่พอครับ)

ไว้จะนำเรื่องมาเล่าให้ฟังครับ

ขอให้คุณ poulet มีความสุขกับการดูหิ่งห้อยกันทั้งครอบครัวครับ ผมเคยได้ยินมานานล่ะ เขาว่าสวย ไม่ได้ไปดูซักทีนึง

แล้วจะเข้าไปดูครับ ขอบพระคุณมากครับ

 

Post a Comment

<< Home