Sunday, December 03, 2006

ชุมพรคาบาน่า...สวัสดีครับ(2)




ผมเดินออกมาบริเวณใกล้ร้านอาหาร พบพี่วริสร รักษ์พันธ์(พี่อีที) นักเรียนวชิราวุธรุ่น 61 รุ่นพี่ของผมที่เป็นเจ้าของที่นี่ รับช่วงต่อมาจากคุณพ่อ กำลังคุยกับแขกที่มาพักอยู่ ผมสวัสดีทักทายตามประสารุ่นน้อง จากนั้นพี่วริสรก็ชวนผมมาทานข้าวเช้า

“ลูกชายสูงจังนะครับ” แขกที่มาพักคนหนึ่ง พูดกับพี่วริสร คิดว่าผมเป็นลูกชายของแก(ไม่รู้ว่าผมหน้าแก่หรือพี่เขาหน้าหนุ่ม) สร้างเสียงหัวเราะแต่เช้าเลย

ผมไม่ลังเลที่จะตักข้าวยำ ใส่เครื่องและราดน้ำบูดู(Rice salad in Southern style) เพราะติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่มากิน ใครมาที่นี่ อย่าลืมที่จะมาทานเชียวล่ะครับ

พี่วริสรเล่าให้ฟังว่าช่วงนี้มีแขกเยอะ ต้องคอยต้อนรับ คนเมื่อซักครู่ก็มาจากองค์การบริหารส่วนตำบล และยังมีนักเรียนเก่าวชิราวุธมาเที่ยวที่นี่หลายคน แกยังเล่าให้ฟังอีกว่าเดี๋ยวนี้เหมือนร่างกายเคยชิน ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นเช้าได้ทุกวัน กลางคืนก็เข้านอนเร็ว

จากนั้น พี่วริสรแนะนำให้ผมรู้จักกับพี่อ้าย นักเรียนเก่าวชิราวุธรุ่น 51 คณะจิตรดา พี่อ้ายทำงานอยู่ที่ AIA พาลูกน้องที่บริษัทมาดูงาน แกเล่าให้ฟังว่าลูกชายก็สนใจเรียนดำน้ำเช่นกัน ถึงตอนนี้พี่วริสรได้สั่งน้ำส้มคั้นมาให้พร้อมบอกว่า คั้นมาสดๆจากไร่ของที่นี่ตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงสนองแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งชุมพรคาบาน่าได้ทำมานานแล้ว นักเรียนเก่าวชิราวุธอีกหนึ่งคนที่ผมได้รู้จัก คือ พี่สุวิทย์ ล่ำซำ ซึ่งพี่สุวิทย์ได้พาครอบครัวมาเที่ยวด้วย

ไม่นานนักพี่ป้อมก็มาทานข้าวด้วย จากนั้นคนที่มาตบหลังผม คือ พี่เอก(พี่สารสิน) เป็นรองผู้จัดการของที่นี่ ผมสวัสดีทักทายหลังจากเจอพี่เอกครั้งล่าสุดที่งานมหกรรมดำน้ำ TDEX ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ครั้งชุมพรคาบาน่าไปเปิดบูท

ผมได้รู้จักกับพี่บี ศรีภริยาของพี่วริสร พร้อมลูกชายที่น่ารักทั้ง 2 คน คือ น้องภีมและน้องภูมิ(น้องภีมใส่ริสแบนของโรงเรียนเหมือนผมด้วย เลยต้องโชว์เล็กน้อยว่า พี่ก็ใส่เหมือนกันน้อง)

หลังจากนั้นพี่วริสรจึงขอตัวออกไปข้างน้องกับแขก พี่เอกกับพี่ป้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อคืนลมพัดแรงมากแต่เช้านี้กลับเงียบสงบ ทะเลเรียบ นอกจากเรือคาบาน่า MV-1 ที่พานักดำน้ำออกไปตั้งแต่วันศุกร์ ก็ยังมีเรือคาบาน่า MV-5 และเรือคาบาน่า 3 (เรือไม้)อีก 1 ลำ ที่หลบคลื่นลมอยู่ที่ท่าเรือท่ายางพร้อมจะออกให้บริการ ซึ่งพี่เอกบอกให้รอดูคลื่นลมซักพักก่อนโดยพี่ป้อมก็บอกว่าจะมีคุณจวนและน้องเดียวไปดำน้ำกับผมในวันนี้ด้วย(หากไม่ได้นั่งเรือออกไป ก็จะให้เจ้าเดียวพาผมและคุณจวนมาดูม้าน้ำที่หน้าหาดกัน เชื่อหรือไม่ล่ะว่ามี ผมยังตื่นเต้นแทนเลย)

ผมทราบข่าวว่า ในวันนี้จะไม่มีเรือออกให้บริการนักดำน้ำแบบ Snorkeling(ไม่มีนักท่องเที่ยวมาติดต่อเลย) สำหรับ Scuba ก็เช่นกัน(ตามกัปตันไม่เจอด้วยครับ) อย่างที่บอก คือ ไม่มีใครคาดคิดว่าวันนี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้แบบนี้

แม้ผมจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างแต่ก็คิดในแง่ดีว่าได้ดำยังดีกว่าไม่ได้ดำล่ะน่า ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม

ผมเจอพี่ไชตูด(ศรัณ ยุพาพินทุ์)และพี่แก่ นักเรียนเก่าวชิราวุธคณะผู้บังคับการ มาดูงานกับ AIA เช่นกัน ผมจะคุ้นเคยกับพี่ไชตูดเป็นพิเศษเพราะพี่ไชตูดอยู่รุ่นเดียวกับพี่ชายของผม(พี่กระจับ) และผมก็เข้าทันแกซะด้วย

เมื่อถึงเวลา ผมเดินไปส่งพี่อ้าย พี่แก่และพี่ไชตูดขึ้นรถบัส(พวกพี่ต้องไปสัมมนากันต่อ) ก่อนที่จะตามพี่ป้อมไปที่ Dive Shop วันนี้จะมีนักเรียนใหม่มาเรียนดำน้ำ 3 คน เป็นโอกาสดีที่ผมจะเข้าไปนั่งฟัง ทบทวนความจำ หวนคืนความหลัง

ระหว่างทาง ผมเห็นเรือ คาบาน่า 2 เรือไม้อีกลำที่เกษียณอายุราชการแล้ว(พังน่ะครับ ไม่มีอายุราชการอะไรหรอก)

ที่ Dive Shop นักเรียนกำลังลองสวมอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Fin ,Mask, BCD ,Wetsuit เป็นต้น ก่อนจะตามพี่ป้อมไปที่สระ ผมออกมาถ่ายรูปริมหาดทุ่งวัวแล่นอีกครั้ง สังเกตเห็นว่าหาดทรายมีสภาพเปลี่ยนไปเกิดแอ่งน้ำขนาดใหญ่ขึ้นอันเนื่องมาจากการเกิดคลื่นลมอย่างรุนแรง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ ของสัตว์ทะเล(ผมจำภาษาอังกฤษไม่ได้ครับแต่อาจารย์ธรณ์เคยพูดถึงในหนังสือ Sea Thai Sea)

ทางไปสระว่ายน้ำยังคงความร่มรื่นเหมือนเดิม มีต้นไม้เขียวขจี ดูแล้วสดชื่น สบายตา ผมมองเห็นสระว่ายน้ำ สระนี้เองที่ทำให้ผมเริ่มมีวิชาติดตัว แม้ตอนนั้นจะตีขาไม่ได้เรื่องก็ตาม(ตอนนี้ก็ดีขึ้นครับแต่คงไม่ถึงขนาดช่ำชอง)

พี่โจ้ ชายหนุ่ม ชาวใต้ ผู้ดูแลสระว่ายน้ำ นั่งอยู่ด้านหน้าตู้เย็นที่เก็บเครื่องดื่มกระป๋องไว้บริการนักท่องเที่ยว) ผมยังจำหน้าแกได้ แกก็บอกว่าที่มาเมื่อเดือนเมษาปีก่อนใช่ไหม พี่จำได้(แสดงว่าหน้าเราไม่โหล)

ผมนั่งฟังพี่ป้อมสอนลูกศิษย์ใหม่ 3 คน (คราวก่อนก็เป็นผม น้องโบ๊ตและพี่ยุทธ) หลายคำถามที่ผมเริ่มลืมไปแล้วก็ได้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง เช่น 1 Atm เท่ากับ 14.7 ปอนด์(ครึ่งหนึ่งของการสูบยางรถยนต์ , น้ำ หนักกว่าอากาศ , 10เมตร เท่ากับ 2 Atm ,ยิ่งลงไปต่ำยิ่งมีอากาศมากดทับ ,เวลาขึ้นเขาถุงขนมจะมีอากาศเพิ่มขึ้นจนทำให้ถุงแตกได้ , อยากรู้ว่ามีหน่วยของฟุต มีกี่เมตร ก็เอา 3 หาร เป็นต้น

ไม่นานนักเจ้าเดียว ลูกชายของพี่ป้อมก็ตื่น(จนได้) เจ้าเดียวมาในชุดกางเกงจักรยาน ไม่นานนักก็ประกอบแท๊งค์อย่างช่ำชอง(ผมมั่นใจว่าประกอบคล่องกว่าผู้ใหญ่บางคน รวมทั้งผมด้วย) แล้วกระโดดตูม ลงไปในสระว่ายน้ำ

ต่อมาชายคนหนึ่งหน้าตาแบบคนต่างชาติแต่พูดไทยชัดแจ๋ว พี่ป้อมแนะนำให้ผมรู้จักกับครูฮวน(หรือครูจวน) เป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาดำน้ำให้พี่ป้อม(อาจารย์ของอาจารย์เลยนะเนี่ย) หากลองนึกดีๆ เมื่อครั้งมาเรียนดำน้ำที่นี่ พี่ป้อมเคยกล่าวถึงครูจวนไว้ว่า เป็นพี่ชายของคุณหาญ หิมะทองคำ(หน้าเหมือนแฮะ) และมักจะถูกคนอื่นๆล้อเสมอว่า ไม่ค่อยได้เจอสัตว์ใหญ่ ซึ่งกว่าจะเจอแมนต้าตัวแรก ครูจวนก็พึ่งจะเจอไปเมื่อเมษายน ปีที่แล้วนี่เองครับ พอถามเจ้าตัว เจ้าตัวบอกว่าผมชินซะแล้วล่ะครับ พูดจบก็หัวเราะ)

เอาเป็นว่า ผม น้องเดียวและครูจวน ไป Dive Shop เพื่อเตรียมอุปกรณ์ เราจะลงไปทักทายม้าน้ำที่หน้าหาดกัน

ที่ Dive Shop สมาชิกอีกคนที่จะลงไปกับเราด้วย คือ พี่อู๊ด ชายหนุ่มผอมบาง(ผอมจริงๆครับ) นึกถึงผมสมัยเด็กๆ ผอมแบบพี่อู๊ดนี่เลยครับ

เรามีปัญหาเล็กน้อยเพราะอย่างที่กล่าวมาแล้วในตอนต้นว่า เรือคาบาน่า MV-1 พานักดำน้ำออกไปตั้งแต่วันศุกร์ ขนอุปกรณ์ไปเพียบ ทำให้ตะกั่ว , BCD,Regulator อาจไม่พอ โชคดีว่าครูจวนมีอุปกรณ์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว(Wet Suit แกสุดยอดมาก ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ มีมีดติดตัวด้วย สมกับเป็นปรมาจารย์จริงๆ)

เมื่ออุปกรณ์พร้อม เราแบกแท๊งค์ไปแต่งตัวกันริมหาด การดำแบบนี้เรียกว่า Shore Dive(ชอร์ ไดฟ์) คือการเริ่มต้นจากริมหาด แล้วว่ายออกไปจากฝั่ง เป็นประสบการณ์ดำน้ำชั้นสูงอีกขั้น ที่หลายๆคนอาจไม่ได้สัมผัสแต่ผมว่า ผมโชคดีมากครับที่วันนี้ไม่มีเรือออก ไม่งั้นคงไม่ได้เจออะไรสนุกๆแบบนี้(บ้าหรือเปล่า แท๊งค์ก็หนัก แดดก็ร้อน เท้าก็พอง ยังมีหน้าว่าสนุกอีกนะ)

เมื่อพร้อมแล้ว เราทั้ง 4 (ไม่ใช่ 4 กุมารนะ) เดินถือฟิน ย่ำออกไปบนหาดทุ่งวัวแล่นอย่างช้าๆ(ก็อยากจะวิ่งเหมือนกันครับแต่กลัวหัวปักทรายแล้วจะลุกไม่ขึ้นจ้า) ผมคิดในใจแบบขำๆว่า เหมือนในรายการสารคดีของเมืองนอกมาก นี่เรามาดำน้ำที่หมู่เกาะในเมืองนอกหรือเปล่าเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ


Dive 1 ทักทายม้าน้ำหน้าหาดทุ่งวัวแล่น!!!!

เราเดินลงน้ำและสวมฟิน เมื่อระดับน้ำเริ่มลึกขึ้น ครูจวนบอกให้เราหันหน้าเข้าริมหาด ตีฟินออกไปจากหาดเรื่อยๆ น้องเดียวจะเป็นผู้พาผม พี่อู๊ดและครูจวนไปดู แต่เจ้าตัวก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน จึงต้องกลับมาดูแนวท่อเล็กน้อย ก่อนที่จะไปต่อ(แนวท่อจะยาวไปเรื่อยๆจนถึงบริเวณทุ่นครับ)

ผมเริ่มเมื่อยขา(ไม่ฟิตนี่หว่า)แต่ก็ต้องตีขาต่อไป เมื่อถึงจุด ครูจวนบอกว่าให้อยู่ใกล้ๆกันไว้ หากหากันไม่เจอให้ขึ้นมา พร้อมให้สัญญาณปล่อยลมออกจาก BCD

ระดับน้ำอยู่ในความลึก 3-4 เมตร ค่อนข้างจะขุ่นแต่ยังพอมองเห็นในระดับใกล้ๆ น้ำมีกระแส(คลื่นตีไปตีมา) ทำให้แม้จะมีตะกั่วถ่วงไว้แต่ตัวของผมก็จะลอยขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ(พี่อู๊ดก็เป็นเหมือนกัน) ต้องเอาหัวปักแล้วดำลงไป

ไม่นานนัก เจ้าเดียวชี้ให้ผมดูม้าน้ำ(Sea Horse) บริเวณสายเชือก หน้าตาของเขาดูอ่อนโยนเหมือนเด็กแบเบาะก็ไม่ปาน เชื่องเหมือนแมว(แต่ไม่ขี้ประจบ) ผมดูเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ บริเวณนี้ผมพบม้าน้ำทั้งหมด 3 ตัว(ตรงกับที่น้องเดียวบอก เช่นกัน) ม้าน้ำเป็นสัตว์ประจำถิ่น ไม่ว่ายน้ำมั่วซั่ว จะอยู่เฉพาะที่ ลงไปคราวใดก็จะเจอทุกครั้ง เว้นแต่ว่าจะมีใครไปรบกวนพวกเขา เพราะฉะนั้นดูเฉยๆนะครับ

ผมเห็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง มีลักษณะลำตัวยาวไม่เกิน 10 เซนติเมตร ลำตัวใส มีลักษณะเหมือนพยาธิ ภายในมีจุดดำสีดำ ลอยไปมาตามน้ำ เหนือพื้นทรายเล็กน้อย พวกเขา คือ แพลงตอนสัตว์(จากคำแนะนำของพี่โคตรเมาแห่ง
http://www.talaythai.com/ บอกว่าเป็นหวีวุ้นครับ) เจ้านี้เป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งที่มักจะเป็นอาหารของปะการัง ดอกไม้ทะเล กระเบนราหู ปลาไหลสวน ฉลามวาฬ เป็นต้น ผมดีใจมากเพราะได้เห็นแพลงตอนสัตว์ชัดๆเป็นครั้งแรก

ในกระป๋องสี่เหลี่ยม เจ้าปูตัวหนึ่ง จ้องหน้าผมเขม็ง เหมือนกับอยากจะบอกว่า อย่ามายุ่งกับฉันนา แกเข้ามาฉันหนีบนะเฟ้ย ผมมองเขาอย่างยิ้มๆ พร้อมปล่อยให้เขาอยู่ตามสบาย

ผมกลับมาบริเวณเชือก ผมดีใจมากที่เห็นเจ้าปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) ที่ผมมักจะพบเห็นได้บ่อยๆบริเวณเกาะล้าน(ใต้สะพาน) ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาพบกันที่ทะเลชุมพร เจ้าตัวนี้มีลำตัวสีอ่อนกว่า คาดว่าอาจเป็นวัยเด็กเพราะตัวยังเล็กๆอยู่เลย หน้าตา น่ารักไม่แพ้ม้าน้ำเลยครับ

ผมมองหาพี่อู๊ดและครูจวนไม่เจอ พยายามใช้ Pointer เคาะแท๊งค์เพื่อเรียก แต่คนที่อยู่ใกล้ๆก็มีแต่น้องเดียวเท่านั้น ไม่นานนัก น้องเดียวก็ชวนผมขึ้นด้านบน ก่อนขึ้นผมยังเห็นปลาประหลาดผ่านไป 1 ฝูง ลำตัวมีลายแบบเสือด้วย

เมื่อขึ้นมาริมหาด พี่อู๊ดได้ขึ้นมารอก่อนแล้ว แกมีปัญหาเรื่องการลอยตัวเพราะคลื่นที่พัดไปมา น้ำก็ขุ่น เลยขึ้นดีกว่า

เรารอครูจวน จนขึ้นมา ครูจวนเล่าให้ผมฟังว่า มัวแต่ถ่ายเจ้าปลาหมึกยักษ์(Octopus)เลยทำให้ขึ้นมาช้า ผมตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าหน้าหาดทุ่งวัวแล่น จะมีสัตว์ทะเลแปลกๆเยอะเชียว

อากาศในแท๊งค์ยังเหลืออีกมาก ผมกับน้องเดียวจึงตกลงว่าจะไปดำเล่นในสระว่ายน้ำกันต่อ ว่าแล้วก็ขนแท๊งค์ขึ้นรถเข็น ขนอุปกรณ์ไปที่สระว่ายน้ำ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home