ชุมพรคาบาน่า...สวัสดีครับ(1)
เมษายน 2548 ชายหนุ่มคนหนึ่งผู้หลงรักทะเลและการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ได้เดินตามความฝันของตนเอง จนสามารถจบหลักสูตร Open Water Courses เป็นใบเบิกทางแรกซึ่งทำให้เขาได้เห็นชีวิตสัตว์ทะเลในมุมมองที่กว้างขึ้น หลากหลายขึ้น
หลังจากนั้น เขาได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาไปดำน้ำในสถานที่ที่ต่างๆที่มีระบบนิเวศแตกต่างกันออกไปแม้สถานที่เหล่านั้นจะดึงดูดใจให้เขากลับไปอีกก็ตามแต่เขาไม่เคยที่จะหยุดคิดในการกลับมายัง “โรงเรียน” ซึ่งสอนให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น จนถึงทุกวันนี้
เมื่อปัจจัยทุกอย่างพร้อมไม่ว่าจะเป็นเวลา กำลังทรัพย์ตลอดจนภาระหน้าที่ เขาควรจะได้กลับไปในหลายๆครั้งแต่เขาก็พลาดโอกาสทองไปด้วยเหตุผลต่างๆนานา เช่น ต้นเดือนพฤษภาคมพลาดจากเกาะสุรินทร์ไปเที่ยวกระบี่แทน(ฤดูกาลชุมพรพึ่งจะเปิดเอง) เดือนกันยายนไปโลซินแทนเพราะ(เดินทางไกล เปิดเพียงไม่กี่เดือนนอกนั้นจะมีคลื่นลม เป็นสิ่งใหม่ที่น่าท้าทาย) ดังนั้นเมื่อฤดูกาลชุมพรจะปิดลงในต้นเดือนตุลาคม(จากการสอบถามเรือ) เมื่อเขาติดสอบในช่วงนั้นพอดี คำว่าสมน้ำหน้าคงใช้ได้ดีกับคนที่โลเล ใจเย็นมาก(เย็นแบบทะเล) ไม่มั่นคงกับสิ่งล่อใจและโอกาสดีๆที่เข้ามา
จนกระทั่งเมื่อเขาสอบเสร็จก็ได้รับข่าวดีว่า ปีนี้ลมว่าวมาช้ากว่าทุกครั้ง (ปรากฎการทางธรรมชาติทำให้ทัศนวิสัยในการท่องเที่ยวไม่ค่อยดีนัก เรือก็มักจะหยุดการให้บริการออกไปดำน้ำ) ฤดูกาลจะเปิดจนกระทั้งเกือบถึงปลายเดือนตุลาคม(แต่สภาพอากาศก็ไม่แน่นอนต้องรอดูเป็นวันๆไป)
เขาไม่สนใจอีกแล้ว เมื่อโอกาสมาถึง เขาไม่ลังเลที่จะคว้ามันไว้ก่อนที่จะหลุดลอยไปอีกครั้ง เขาเตรียมตัวดูวันที่ที่เหมาะสมแม้จะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่เขาไม่ชอบก็ตาม แต่เมื่อโทรศัพท์สอบถามว่ารุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ที่นั่นว่าจะอยู่ในช่วงนั้นพอดี การกลับไปพบรุ่นพี่นั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น(แม้ท้ายสุด ลมว่าวจะมาแล้วเรือพาออกไปดำน้ำไม่ได้ก็ตาม)
อันว่าทะเลชุมพร หากถามถึงคนทั่วๆไปก็คงเป็นจังหวัดหนึ่งซึ่งเป็นทางผ่านลงไปยังภาคใต้ตอนล่าง น้ำทะเลสีสวยดีแต่ฉันไปเที่ยวกระบี่ ภูเก็ต พังงา ตรัง สตูลดีกว่า แต่หากเป็นนักดำน้ำ ไม่คิดเช่นนั้นแน่ครับ ทะเลชุมพรมีโลกใต้ทะเลที่สวยงาม มีปะการังดำและปะการังถ้วยส้ม มียักษ์ใหญ่อย่างฉลามวาฬที่มักออกมาให้ยลโฉมเป็นประจำทุกๆปี มีเต่ากระที่อาจเห็นได้มากกว่าที่สิมิลัน(ความคิดผมนะ) มีกุ้งตัวยาวที่ไม่พบในอันดามันแต่พบได้บ่อยในทะเลชุมพร เป็นต้น
การเดินทางก็แสนสะดวกเดินทางวันศุกร์ ถึงเช้าวันเสาร์ ดำน้ำได้ทันที วันอาทิตย์เย็นเดินทางกลับถึงเช้าวันจันทร์ทำงานต่อได้
หากพวกคุณพร้อมแล้ว เขาก็พร้อมจะพาพวกคุณไปเช่นกันครับ
20 ตุลาคม 2549
วันนี้ผมแบกเป้ใบใหญ่มาทำงานเพื่อจะไม่ต้องเสียเวลานั่งรถกลับไปที่บ้านอีก แม้จะตื่นสายไปบ้างแต่ก็นั่งมอเตอร์ไซด์(แมงกะไซ)จากสถานีรถไฟฟ้าราชเทวีมาถึงที่ทำงานอย่างทันเวลา
แม้ครั้งนี้จะเป็นการเดินทางเพียงคนเดียวอีกครั้งหนึ่งแต่ผมก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดเพราะเป็นเส้นทางการเดินทางที่คุ้นเคยอย่างดีอยู่แล้ว อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เส้นทางที่คุ้นเคยแต่จากประสบการณ์การเดินทางก็ทำให้ผมมีความเก่งกล้าและระมัดระวังตัวเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้วในทุกๆครั้ง
เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนเพื่อนๆของผมมาดำน้ำกันที่ชุมพร แล้วเจอฉลามวาฬกัน(สน๊อคเกิ้ลบนเรือก็เห็น) แม้ผมจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่ไม่ได้ไปทริปนั้นแต่พอมาคิดๆดู ผมว่าดีแล้วครับที่ไม่ได้ไปเพราะหากไปผมจะพลาดการสอบใบอนุญาตว่าความภาคปฎิบัติ ที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อผลสอบประกาศ ผมสอบผ่านซะด้วยนะ)
เพื่อไม่ให้เสียเวลากับการที่ไปนั่งหง่าว(แบบแมว)ที่สถานีขนส่งสายใต้ ผมใช้เวลาช่วงหลังเลิกงานตกแต่งเวปเพจของตัวเองใน http://www.multiply.com/. โดยนำสไลด์โชว์จาก http://www.slide.com/. มาใส่ด้วย เจ๋งไม่เบา ยิ่งเน็ทแรงๆแล้ว สบายมากครับ
ประมาณ 2 ทุ่ม ผมแต่งตัวและออกจากที่ทำงาน โชคดีที่เผื่อเวลาไว้(รถออก 3 ทุ่ม 40 ครับ)เพราะด้านนอกรถติดมาก ผมเฝ้าดูนาฬิกาโดยกลัวว่าจะตกรถ หากตกรถจริงๆคงเป็นเรื่องที่แย่มากแน่นอน(น่าสมน้ำหน้าด้วย)
สถานีขนส่งสายใต้ในเวลานี้จ๊อกแจ๊กจอแจ ผู้คนจำนวนมาก มารอรถเพื่อจะโดยสารกลับบ้านเกิด มีจำนวนไม่น้อยอีกเหมือนกันที่เตรียมตัวจะไปเที่ยวเหมือนผม
ยังพอมีเวลาผมหาอะไรทาน ผมเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งใกล้บริษัทลิกไนท์ทัวร์ ร้านนี้พนักงานจำนวนมากเป็นผู้ชาย(ที่ใจเป็นหญิง) สังเกตได้จากรูปร่างหน้าตา หน้าอกหน้าใจ น้ำเสียง หนวดเครา ขนหน้าแข้ง(ยังอุตส่าห์ไปดูอีก คนเขียนโรคจิตมาก ฮ่าๆ) พอดีใกล้ๆเวลานั้น ละครช่อง 7 สี เรื่อง “ปิ่นมุข” ที่สาวอั้มแสดงมาพอดี คุณเธอคนหนึ่งก็ร้องอย่างตื่นเต้นว่า “ต้าย ปิ่นมุขมาแล้ว” จึงเป็นสิ่งตอกย้ำได้ดีว่าคุณเธอเป็น “แน่นอน” แต่ถึงกระนั้นอะไรๆก็ไม่สำคัญครับ เขาทำกับข้าวอร่อยดี ผมกินจนไม่เหลือข้าวซักเม็ดเลยนะครับ คิดดูแล้วกัน
ได้เวลาที่รถใกล้ออกแล้ว ผมนำตั๋วรถทัวร์เข้าไปที่บริษัทเพื่อยืนยันและทราบถึงเบอร์รถก่อนที่จะไปเข้าห้องน้ำ คนเยอะมากต่อคิวก็ยาว ผมจึงต้องกลับไปเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหารไร้ชื่อ(เรียกว่า ปิ่นมุขแล้วกัน) อีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนักผมก็ขึ้นไปอยู่บนรถโดยสารของบริษัทโชคอนันต์ทัวร์เรียบร้อย ข้างๆมีรถของบริษัทเดียวกันแต่เป็นปรับอากาศพิเศษ มีสาวๆหน้าตาดีหลายคนจนผมอดคิดไม่ได้ว่า ท่าทางผมจะขึ้นรถผิดคันซะแล้ว(ฮ่าๆ)
ข้อดีของการเดินทางในเวลากลางคืน เราสามารถที่จะตัดช่วงเวลาที่น่าเบื่อในการเดินทาง(สำหรับผมนะครับ)เพราะภายนอก มืด มองอะไรก็ไม่เห็น การนอนหลับจึงเป็นวิธีที่ดีมาก วิธีหนึ่ง ตื่นมาตอนเช้าก็ถึงที่หมายพอดี แม้ระยะเวลาจะไกลและใช้เวลาเดินทางยาวนานก็ตาม(สำหรับผม นอนหลับครับ แม้กระเทือนบ้างก็ไม่มีปัญหา ไม่นานนักผมพยายามนอนให้หลับพรุ่งนี้เช้าจะได้ตื่นมาอย่างสดชื่น ดำน้ำแบบไม่อ่อนเพลียด้วย
21 ตุลาคม 2549
รถโดยสารของบริษัทโชคอนันต์ทัวร์พาผมมาถึงจังหวัดชุมพร ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาเช้ามืดแบบนี้แต่ตลาดสดกลับคึกคักมาก มีของมาขายมากมาย(โรตีมะตะบะก็มี) ทำให้ผมนึกถึงภาพตลาดที่จังหวัดตราด เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวเกาะหมาก ที่นั่นมีขนาดเล็กและคึกคักน้อยกว่าที่นี่มาก (รายละเอียดในเรื่อง “แต้มฝันของเด็กหนุ่ม......ที่เกาะหมากนะครับ”)
ระหว่างรอรถของชุมพรคาบาน่ามารับ ผมแปรงฟันรอไปพลางๆ กับซื้อตั๋วรถโดยสารเที่ยวกลับให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องรถเพราะไหนๆก็ต้องเดินทางกลับในวันอาทิตย์อยู่แล้ว(ผมคิดว่า การกลับวันจันทร์กับวันอาทิตย์ไม่แตกต่างกันมากนัก กลับวันอาทิตย์ซิดีกว่า จะได้มีเวลาล้าง Wet Suit และได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสืออีกด้วย)
ที่นี่ผมเห็นสองสาวถือตีนกบ(Fin) ด้วย คาดว่าน่าจะมาดำน้ำแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าไปดำที่ไหน อาจเป็นเกาะเต่าก็ได้ ใครจะไปรู้ (ไม่นานนักสองสาวก็เดินจากไป)
6 โมงเช้าแล้ว ยังไม่มีรถมารับ ผมโทรศัพท์หาพี่ป้อมเพื่อถามว่าแกติดต่อให้จริงๆหรือเปล่า หากมีเหตุผิดพลาด ผมจะได้หารถไปชุมพรคาบาน่าด้วยตัวเอง(นำเสียงแก งัวเงียมาก พี่โทรให้เรียบร้อยแล้วน้อง)
และแล้ว รถตู้ก็มาถึงจนได้ พี่คนขับบอกว่าพึ่งไปส่งฝรั่งที่ท่าเรือท่ายางเพื่อไปเกาะเต่า จากนั้นก็มาที่นี่เลย คนขับคนนี้บอกผมว่าเป็นคนขับรถกะเช้า(ไม่ขับกะกลางคืน) ผมรู้สึกคุ้นๆหน้าจึงลองสอบถามเพราะอาจจะเป็นคนๆเดียวกับที่มาส่งผมที่ท่ารถเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วก็ได้ เมื่อลองสอบถามว่า ยังจำได้ไหมว่าเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน ได้มาส่งนักท่องเที่ยวคนหนึ่งมาท่ารถตอนสายๆแล้วพามาไหว้เสด็จเตี่ย ในตัวเมืองด้วยซึ่งตอนแรก คนๆนั้นอยากไปหาดทรายรีแต่ด้วยระยะทางที่ไกล จึงพามาไหว้ในตัวเมืองแทน ปรากฎว่าเป็นคนเดียวกันครับ(เขาจำได้ด้วย) เขาคนนี้ชื่อว่า พี่เชียร์ครับ
พี่เชียร์อธิบายว่า ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดีนัก เมื่อคืนก็มีฝนตก ลมแรง ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีลมว่าว(3 เดือนจากนี้ไป) ทำให้ผมเริ่มคิดว่า เช้านี้เราจะได้ดำน้ำไหมหนอ พี่เชียร์ยังบอกอีกว่า นักท่องเที่ยวที่มาลงที่สถานีขนส่งชุมพร พี่เชียร์มารับได้ง่ายกว่า สะดวกกว่า เส้นทางดีกว่า(แม้ระยะทางจะไกลกว่าก็ตาม) ผิดจากที่ผมเข้าใจว่า ที่รีสอรท์อาจจะสะดวกมารับที่สถานีรถไฟมากกว่าเพราะระยะทางที่ใกล้กว่านั่นเอง
เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาริมหาดทุ่งวัวแล่น ภาพเก่าๆได้กลับมาหัวสมองอีกครั้ง รูปปั้นวัวตัวใหญ่อยู่ด้านหน้าทางเข้า เมื่อตรงเข้าไปผมเห็นหาดทุ่งวัวแล่น ผมรู้สึกลิงโลดใจดุจปลาได้น้ำ นึกถึงคืนวันที่มีความสุขครั้งมาเรียนดำน้ำที่นี่(หาดทุ่งวัวแล่น เป็นชายหาดขนาดใหญ่ มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่าในอดีตเคยเป็นทุ่งกว้างเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า มีนายพรานมาล่าสัตว์บริเวณนี้มาก แต่เป็นเรื่องอาถรรพณ์ สัตว์ที่ถูกนายพรานยิงบาดเจ็บนั้นยังสามารถหลบหนีและมีชีวิตอยู่ได้ทุกครั้งไป จนกระทั้งวันหนึ่ง นายพรานยิงวัวป่าบาดเจ็บล้มลงแต่วัวก็ลุกขึ้นวิ่งหนีไป นายพรานจึงตามรอยเลือดและล้อมยิงจนวัวป่าตาย ช่วยกันถลกหนังไปได้ครึ่งตัว แต่ก็เป็นที่อัศจรรย์ที่วัวตัวนั้นยังลุกขึ้นวิ่งหนีไปอีกตามเคย จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “ทุ่งวัวแล่น”- ข้อมูลจากป้ายริมหาดทุ่ววัวแล่น)
ผมเดินเข้าไปถามพนักงานหน้า Front ว่าห้อง A8 ไปทางไหน ก่อนพนักงานจะชี้ทางไป ผมเคาะประตูห้องจนพี่ป้อมเปิดประตูให้ก่อนกระโจนเข้าสู่ที่นอนต่อ ผมนำกระเป๋ามาเก็บในห้อง สังเกตเห็นว่า คนที่นอนอยู่อีกคนหนึ่ง คือ น้องเดียว(ลูกชายพี่ป้อมนั่นเอง) แม้ผมไม่เคยเจอน้องเดียวมาก่อนแต่ผมก็เคยเห็นรูปจากในเว็บบอรด์ ยิ่งหน้าตาเหมือนกันแบบนี้ ไม่รู้ก็ไม่ได้แล้ว
ผมเดินออกไปริมหาดเพื่อถ่ายรูป พระอาทิตย์กำลังขึ้น สวยงาม ได้อารมณ์มาก ริมหาดยามเช้านี้ เงียบสงบ ไร้คลื่นลม(เมื่อวานพี่ป้อมบอกคลื่นแรงมาก) หรือว่าทะเลชุมพรเงียบสงบในเช้านี้เพื่อต้อนรับการเดินทางกลับมาของผมโดยเฉพาะ(เข้าข้างตัวเองหน่อยก็แล้วกัน) รูปปั้นชนเผ่าขนาดใหญ่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม ด้านข้างมีบ้านพักใหม่ได้ถูกสร้างขึ้น(จำได้ว่าปีก่อนกำลังสร้างอยู่) ต่อไปสถานที่สำหรับนวดสปาที่เคยอยู่ใกล้หาด ตอนนี้มาอยู่ในที่ร่มแล้ว อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่ไม่ดีนักในช่วงนี้ การย้ายมาตรงจุดนี้น่าจะดีกว่า
0 Comments:
Post a Comment
<< Home