Monday, November 06, 2006

โลซิน……มหัศจรรย์ใต้สมุทร(3)




Dive 3 มอเรย์ยักษ์ใต้ปะการังแผ่น

ช่วงแรกผมยอมรับว่าดำน้ำอึดอัดเพราะมัวแต่พะวงอยู่กับเรื่องที่ว่าจะดำน้ำต่ำกว่า Dive Leader หรือไม่ ทำให้ตีขารัว ใช้อากาศเปลือง ซักพักอาการจึงดีขึ้น ผ่อนคลายขึ้น

ช่วงแรกผมเจอปลานกขุนทองปากยื่น(SlingJaw Wrasse) ต่อด้วยปลาสินสมุทรวงฟ้า(Blue-Ringed Angelfish) และปลาปักเป้าหน้าหมา(Seelfaced Puffer) พูดถึงเจ้านี่แม้หน้าตาจะไม่น่ารักแบบปักเป้ากล่องแต่ผมว่ามันดูเซ่อๆ น่ารักอีกแบบครับ

และแล้ว ปลาวัวไตตันหรือปลาวัวอำมหิต(Titan Triggerfish)ก็โผล่มา ตาขวางมาแต่ไกลเชียวโชคดีว่าตัวนี้ไม่น่ากลัว ไม่ได้จู่โจมผม(ท่าทางคงต้องลองไปดูที่เกาะเต่าว่าดุจริงไหม เขาว่าปลาวัวไตตันที่นั่นดุมากครับ)

ผมลองก้มใต้ปะการังแผ่น มีปากยาวๆขมุบขมิบยื่นออกมา พวกเขาคือปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Giant Moray Eel) ผมเคาะ Pointer เรียกเพื่อนๆ แต่ดูจะไกลเกินไป(ไม่ก็ธรรมดาเกินไปจนคนไม่สนใจ) แต่ก็ยังมีพี อุตสาห์เข้ามาดูครับ(มีคนสนใจการเรียกของข้าพเจ้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ) อ่อ กรุณาอย่าเอามือแหย่นะครับ

ทากปุ่มยักษ์(Phyllidia Varicosa)ที่ทุกคนคุ้นกันดีที่ชุมพร ก็มาพบที่นี่ด้วย ปลาเก๋าหน้าแดง(Blacktip Grouper)นอกจากนั้นก็ยังมี ปลาผีเสื้อปากยาว(Beak Buttelflyfish) ปลาโนรีครีบยาว(Longfin Bannerfish) ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-Banded Buttelflyfish) หอยมือเสือ(Crocus Giant Clam) และหนอนทะเล(Annelids) ตัวยึกยือที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ มีแต่จะขยะขแยงมากกว่า

ขึ้นมาด้านบนผิวน้ำ ผมคลื้นไส้เล็กน้อยทำให้ข้าวต้มเมื่อเช้าออกมาเผชิญโลกทั้งๆที่ไม่อยากให้ออกมา ต่อจากนี้ผมถ่ายรูปบรรยากาศบนเรือ ในห้องครัวมีปลาหมึกสดๆที่เตรียมมาจากฝั่งพร้อมประกอบอาหารอยู่แล้ว(เดาครับเพราะว่าบนเรือเขียนว่าไม่จับสัตว์น้ำ) จากนั้นเป็นภาพพระอาทิตย์กำลังตกที่โลซิน แสงสวยๆแม้จะไม่ใช่ฝีมือถ่ายแบบมือโปรแต่ก็ทำให้คนดูชวนฝันได้เหมือนกันล่ะครับ ผมคุยกับพี่หมี แกบอกว่าไดฟ์ที่แล้วเจอกระเบนนก(Eagle Ray) ด้วยล่ะ แต่แกไม่มี Pointer เลยไม่ได้เรียกใคร พี่หมีเล่าให้ฟังอีกว่ากำลังจะทำทริปไปเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผมคุ้นอยู่แล้วเพราะผ่านตาจากหนังสือท่องเที่ยวบ่อยๆ มีทากสวยๆให้ดู อาจต้องสู้กับน้ำขุ่นและคลื่นลมบ้างแต่ก็เป็นสิ่งที่น่าลองครับ(แกบอกสวยกว่าโลซินอีกแน่ะ ปะการังผักกาดขึ้นเป็นชั้นๆ เจอปลาหมอทะเลที่นั่นด้วยนะ ไม่อยากเชื่อเลย)

ไดฟ์ต่อไปเราคงอยู่ไม่นานเพราะตอนเช้าเราลงช้า อีกไม่นานก็จะมืดแล้ว ดำน้ำแบบไม่มีไฟฉายซะส่วนใหญ่จะลำบากกัน อาจไม่สนุก


Dive 4 Evening Dive /First Time


จะสว่างก็ไม่ใช่ จะมืดก็ไม่เชิง นี่เป็นไดฟ์ตอนเย็นครับ(ไม่ค่อยมีใครเขาทำกันหรอก) แถมไม่มีไฟฉายกัน แต่เขาลงกัน ผมยังไม่เหนื่อยยังไงก็ต้องสู้ครับ

มองในแง่ดีเห็นได้ชัดว่าปลาบางชนิดเริ่มกลับบ้านหลังจากไปเรียนพิเศษ(โม้ใหญ่แล้ว เขาคงตกใจที่คุณลงมานั่นแหละ) ผีเสื้อสุดที่เลิฟของผมมาแล้วครับ เธอชื่อ ผีเสื้อเหลืองชุมพร(Weibel’s Butterflyfish) มาเป็นคู่น่ารักเชียว(ขอบอกเลยว่า ทะเลเมืองนอกที่ไม่ใช่แถบญี่ปุ่นก็ไม่มีนะ จะแคริเบียนหรือเกรท แบบริเออร์ รีฟ ก็ไม่มี คนไทยควรภูมิใจนะครับ) ไม่ว่าจะใกล้อย่างพัทยาหรือไกลสุดขั้วแบบโลซิน ผมยังมีโอกาสได้พบเธอเสมอๆ(รักเธอเสมอ)

จากนั้นรายต่อไปที่กลับบ้านปะการัง คือ ปลาผีเสื้อปากยาว(Beak Buttelflyfish) ปลาสินสมุทรวงฟ้า(Blue-Ringed Angelfish) ที่พื้นทรายปลิงขูด(Bohadschia Graeffei) ก็กำลังนิ่งอยู่(ผมรู้ว่าอีกไม่กี่ ชม เจ้าปลิงขูดก็ต้องขยับ(หากเอากล้องมาตั้งจะทราบว่าพวกเขาขยับครับแต่จะช้ามากๆ(ดูจากสารคดีน่ะ)

แม้จะเริ่มมืด ไฟฉายก็ไม่มี ผมพยายามที่จะทำตัวให้เป็นประโยชน์ที่สุด ถูกต้องครับเก็บถุงปุ๋ย ระหว่างที่กำลังชักเย่ออยู่ มีคนช่วยส่องไฟฉายให้ด้วย ขอบคุณมากครับ(จนป่านนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่าใครช่วย น่าจะเป็นพี่ปุ๊ยนะ)

ผมรู้ดีว่าอยู่นานกว่านี้มีเฮแน่นอน(จะเจออะไรดีๆอีก) แต่เพื่อความปลอดภัย เราต้องขึ้นแล้ว(รอบๆมืดหมดเลย) จากนั้นเราเกาะดิ้งกี้มาที่เรือ ความรู้สึกสนุกดีจริงๆ

อาหารเย็นวันนี้คุ้มค่าแก่การรอคอยและเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจริงๆ ปลาสำลี ปลาหมึกไข่ ผัดผักหน่อไม้ฝรั่งกับข้าวโพดและเห็ด ปูผัดผงกระหรี่ (โดยมีพี่ตั้มเสริฟน้ำให้อย่างดีเยี่ยม)

ผมยังไม่ได้ลุกไปไหนเท่าไรเพราะมัวแต่คุยเรื่องปลาทะเลกับพี่จ๋าอีกหนึ่งสาวที่รักการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนพี่หมีมาเล่าเรื่องการดำน้ำให้ฟัง คุยกันหลายเรื่อง ผมจะยกมาซักเรื่องล่ะกัน ข้อแตกต่างระหว่างกระเบนปีศาจ(Devil Ray)กับแมนต้าเรย์(Manta Ray) พี่หมีบอกให้ดูที่ตากระเบนปีศาจ ดวงตาจะอยู่บริเวณปลายอวัยวะที่ยื่นออกมาด้านหน้า ส่วนหลังเป็นรูป 3 เหลี่ยม แต่แมนต้าเรย์ดวงตาจะอยู่บริเวณโคนของอวัยวะที่ยื่นออกมา หลังจะเป็นรูปทรงที่กว้างกว่า มีขอบสีขาว(งงไหมเอ่ย ฮ่าๆๆ) ผมคิดว่าเหตุใดพี่หมีถึงดูรู้จักผมมากจัง เรียกชื่อผมทุกครั้งและเชิญชวนให้ผมมาเที่ยวอีกแต่บางทีอาจคิดไปเองก็ได้(ยังไงเราก็พึ่งรู้จักกัน)

ต่อไปเป็นการดูดวง พี่เท็น แม่หมอแห่ง
http://www.nivach.com/ (มีคนดูอุ่นหนาฝาคั่งมาก) (รับดูดวงตลอดทริปฟรี ถ้าไม่เหนื่อยเสียก่อนนะ) แกบอกว่าผมจะสอบผ่านบางสิ่งในไม่ช้านี่ เรามารอดูกันว่าจะสมหวังจริงๆไหม คนอื่นๆบ้างก็พักผ่อน บ้างก็ร้องคาราโอเกะ สนุกสนานมาก (โดยเฉพาะพี่ป้อม จะมันส์เป็นพิเศษ)

กิจกรรมต่อมา คือการเล่นกีตาร์โดยพี่เต้ ส่วนพี่จ๋ารับหน้าที่ร้องเพลง ผมไม่ถนัดขอนั่งฟังเฉยๆโดยมีพีเข้ามาร่วมฟังด้วย ทะเลวันนี้นิ่งจนน่าแปลกใจจริงๆ(กล้าพูดว่าเงียบมาก) นิ่งกว่าที่เกาะแปด ตอนผมไปเสียอีก(นี่อาจจะเป็นการต้อนรับผมและเพื่อนๆที่อบอุ่นของทะเลโลซินก็ได้)

คนอื่นๆเริ่มไปกันหมดแล้ว ผมหยิบหนังสือกฎหมายมานั่งอ่าน(เป็นมุมที่หายากและคลาสสิคที่สุด เอามาอ่านตั้งไกล แถมกลางทะเลด้วย) อ่านได้หน่อยเดียว พี่เต้ก็ขึ้นมาคุยด้วย ซักพักได้เวลา เราจึงไปพักผ่อนเพื่อตื่นมาดำน้ำในวันรุ่งขึ้น

มีความสุขจริงๆ โว้ย ไอ้หนุ่มคนหนึ่งยิ้มในใจก่อนล้มตัวนอน


3 กันยายน 2549

เช้านี้ผมได้ตื่นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นสมใจ หลังจากกินขนมปัง โอวัณติน ซีเรี่ยว(คลอนเฟคนั่นแหละครับ) ไม่ถึง10 นาที เราก็ต้องเปลี่ยนชุดลงไดฟ์แรกกันแล้ว(ซวยแล้ว ยังอิ่มๆอยู่เลย)

Dive 5 สาหร่ายเห็ดหูหนู

จากการที่รีบลงเกินไปหลังรับประทานอาหารหรือไม่ก็การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้ไดฟ์แรกของวันสำหรับผมเริ่มมีปัญหา

ผมควบคุมการลอยตัวไม่ได้ ตีขาโดยไม่จำเป็น เหนื่อยง่าย หายใจผิดจังหวะ ตัวจะลอยอยู่ตลอด แถมสำลักคา Regulator(โชคดี ที่ไม่ตกใจครับ ท่องไว้ว่า ปากคาบไว้ตลอดนะ)

กว่าผมจะควบคุมจังหวะได้ทั้งหมดอากาศก็เหลืออยู่ 100 แล้ว ถึงตอนนี้สบายขึ้นเยอะ ผมมีอารมณ์สังเกตชีวิตสัตว์ทะเลต่อไปได้แล้ว

บริเวณจุดดำน้ำที่โลซินนอกจากปะการังฟอกขาว(น้ำทะเลอุณหภูมิสูงขึ้น) ดาวมงกุฎหนามพิฆาตปะการัง อีกอย่างที่ผมเห็นก็คือ สาหร่ายเห็ดหูหนู(Funnel Weed) ขาวโพลนที่ปกคลุมปะการังเขากวางในบริเวณที่กว้าง แน่นอนว่าเมื่อถูกปกคลุม ปะการังก็จะไม่ได้รับแสงแดดและตายในที่สุดเหลือเพียงโครงสร้างหินปูนเท่านั้น ผมเห็นภาพนี้ชัดเจนเพราะพี่ป้อมหยิบเจ้าพวกนี้ขึ้นมาทำให้ผมเห็นภาพด้านล่างนั้น(จะลงไปหยิบเอง แม้จะไม่ถึง 2 เมตร ก็กลัวอาการจะออกครับ รู้สึกไม่ค่อยดีอีกแล้ว)

วันนี้น้ำยังคงใสดี ทำให้ผมมองเห็นสรรพสัตว์ที่นี่อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะเป็นปลานกขุนทองปากยื่น(SlingJaw Wrasse) ปลาสินสมุทรวงฟ้า(Blue-Ringed Angelfish) ปลาขี้ตังเบ็ดหนามส้ม ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-Banded Buttelflyfish) ปลาวัวไตตันหรือปลาวัวอำมหิต(Titan Triggerfish) ปลาการ์ตูนอินเดียนแดงและดอกไม้ทะเล(Pink Anemonefish and Sea Anemone) ปลากะรังแดงจุดน้ำเงิน(Coral Rockcod) ปลาสลิดหินกลมสีทอง(Golden Damsel) ปลาสลิดหินสามจุด(Three-Spot Dascyllus) ปลาสลิดหินดำหางส้ม(Philippine Damsel) เจ้าปลาสลิดทะเลที่ชื่อว่า Fox-Face Rabbitfish(Lo Vulpinus) ปลาสลิดทะเลแถบ(Java Rabbitfish) ปลาโนรีครีบยาว(Longfin Bannerfish) ปลากล้วยแถบเขียว(Blue and Gold Fusilier)และปลากล้วยหลังเหลือง(Yellow-Back Fusilier)

ผมรู้สึกดีใจว่าไม่ใช่มีแต่ผมที่บ้าเก็บถุงปุ๋ยอยู่คนเดียว ในไดฟ์นี้พี่โอ๊บก็เก็บถุงปุ๋ยด้วย ก่อนขึ้นผมยังเห็นพี่ปุ๊ยแชร์อากาศของพี่หมีด้วยนะ(แฟนแชร์อากาศแฟน โอ้ดีจัง)

ขึ้นมาอาการของผมก็ออกจนได้ ผมอาเจียนบนผิวน้ำ จึงรีบบอกพี่ๆว่าให้อยู่ห่างๆผมไว้ เดี๋ยวจะโดนหางเลขไปด้วย(คงไม่ต้องบรรยายนะครับ ฮ่าๆๆ)

กระเพาะปลา เส้นหมี่ ไส้กรอก ไข่ดาว แม้จะดูไม่เข้ากัน แต่นักดำน้ำก็ไม่สนใจแล้วครับเวลาสายๆแบบนี้ท้องมันหิวก็ขอเอามากระแทกปากก่อนแล้วกัน

มีนกนางแอ่นบิน(น่าจะใช่นะครับ)มาเกาะบริเวณเสาท้ายเรือ ท่าทางมันจะหนาวเสียด้วย พวกพี่ๆจึงช่วยให้ให้ความอบอุ่นแกมันแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจยื้อชีวิตน้อยๆนี้เอาไว้ได้(เคยมีกระทู้ของพันธ์ทิพย์เล่าเรื่องเกี่ยวกับเรือดำน้ำลำหนึ่งที่โลซินกับการช่วยเหลือนกนางแอ่นแล้วถูกด่ายับเพราะไปเล่นกับมันมากหรือยังไงนี่แหละครับ ผมลองเข้าไปดูแล้ว ไม่ใช่เรือผมแน่นอนเพราะบนเรือไม่มีใครสวมเสื้อแบบนั้นครับ)

ทุกคนหาที่พักผ่อน เพื่อรอเวลาลงในไดฟ์ต่อไป

0 Comments:

Post a Comment

<< Home