Wednesday, July 12, 2006

สู่หมายไกล….ทะเลพัทยา(2)


Dive 1 Wet Suit ใหม่ ทำพิษ!!!!!

เรื่อรุ่งวรวรรณ 7 พาเรามายังเกาะริ้น จุดดำน้ำแรกของวันนี้ เกาะริ้นถือเป็นหมายไกล เพราะเป็นเกาะที่ไกลจากชายฝั่งมาก หากเปรียบเทียบกับเกาะอื่นๆในแถบนี้ ข้างๆมีจุดดำน้ำ ลอมฟางและยักษ์กระโดง แดดดี อากาศแจ่มใส ผมมองดูสภาพเกาะ สวยงามมาก นึกว่าอยู่หมู่เกาะในชุมพรนะเนี่ย(จริง นา ไม่ได้ล้อเล่น) หาดทรายขาว เราทุกคนทยอยแต่งตัว ผมใส่ Wet Suit ใหม่แล้วดูเท่ไม่หยอกเลย(คนอะไรวะ ชมตัวเองก็ได้) แต่ผมว่าถ้าผมมีกล้ามเนื้อมากขึ้น จะดูดีกว่านี้

โดยปกติแล้ว ผมและน้องโอ๊ตมักจะต้องอยู่กลุ่มเดียวกับพี่ป้อมเสมอ แต่ในวันนี้ผมได้ลงพร้อมพี่พิช พี่เท็นส่วนน้องโอ๊ตแม้ลงพร้อมพี่ป้อมแต่แว่วๆมาว่า พี่ป้อมจะดูแลน้อยกว่าเดิม (เนื่องจากระยะหลังน้องโอ๊ตเริ่มดำบ่อยลอยตัวใต้น้ำได้ดีขึ้นนั่นเอง )

ผมชูมือขึ้นสูง กดปุ่มอากาศออกจาก BCD แต่ในวันนี้กลับไม่เหมือนก่อนเพราะตัวผมไม่จมทั้งๆที่ใช้ตะกั่ว 4 ก้อนเท่าเดิม ปัญหา คืออะไร? ต้องเป็น Wet Suit ใหม่แน่นอน เพราะผมไม่เคยสวม Wet Suit ยาวมาก่อนเลย เคยลงแต่ Wet Suit สั้น ไม่ก็เสื้อยืดไปเลย(อันหลังนี้ลองแล้ว รู้สึกหนาวมาก ไม่เอาดีกว่า)

ทุกคนลงไปหมดแล้ว มีเพียงผมที่ยังลงไม่ได้(เจ็บใจ โว้ย) ถึงลงได้ก็ไม่กี่เมตร(พยายามทำหัวปักแล้วนา) แต่ตัวก็ลอยขึ้นมาตลอด พี่พิชเห็นผมลงไม่ได้ จึงขึ้นมาดู แนะนำให้ผมขึ้นไปใส่ตะกั่วเพิ่ม 2 ก้อน(ถึงตอนนี้เหลือแค่ 2 คน คนอื่นๆไปหมดแล้ว พี่พิชห่วงพี่เท็น ไม่รู้ว่าจะดำหลงไปคนเดียวหรือเปล่า)

สำเร็จ คราวนี้ ตัวผมจมครับ(ไม่จมก็แย่แล้วล่ะ) เมื่อลองดูซักพัก ขึ้นมาอีกครั้ง พี่พิชแนะนำให้ผมถอดตะกั่วอีก 1 ก้อน ให้เหลือเพียง 5 ก้อน แล้วลงไปใหม่ ถ้าลงได้แสดงว่าโอเคแล้ว(โดยปกติ หลายๆคนไม่แนะนำให้ใช้ตะกั่วเยอะ แต่จะให้ใช้วิธีควบคุมร่างกายใต้น้ำมากกว่า ดูจะมีประโยชน์กับตัวเองมากกว่าเยอะ)

เป็นอันว่า 5 ก้อน เหมาะกับผมสำหรับ Wet Suit ยาว ผมตีฟินอย่างสบายใจ(ต้องแบบนี้ซิ) พบปลาการ์ตูนอินเดียนแดงกับกอดอกไม้ทะเล(Pink Anemonefish and Sea Anemone) 1 กอ

จากนั้นปลาที่ใช้หนวดซอกซอนไปตามพื้นทรายเพื่อหาอาหาร คือ ปลาแพะ(Goat Fish) จริงๆปลาแพะมีหลายชนิด ในอนาคตผมหวังว่า จะศึกษาพวกเขาให้มากขึ้นกว่านี้

ปลาลำตัวขนาดไม่ใหญ่ด้านหน้าผม คือปลาสลิดหิน(Damsel Fish) ผมมั่นใจกับลักษณะหางของพวกเขา ปลาสลิดหินมีมากมายในอ่าวไทย ผมพยายามสังเกตพวกเขาเพื่อจำแนกชนิด แต่มันไม่ง่ายเหมือนปลาผีเสื้อบางชนิดที่ดูปุ๊บก็สามารถแยกชนิดได้ทันที อาจเป็นเพราะลักษณะสี ที่ไม่เด่น ไม่ฉูดฉาดก็ได้ ทำให้เป็นอุปสรรคในการดูปลาเพราะต้องจดจำให้ละเอียดมากกว่านั้น

พูดถึงพวกเขาแล้ว เจ้าเก่าก็ออกมา พวกเขา คือ ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ที่พบได้บ่อยมากในฝั่งอ่าวไทย แม้ในสภาพปะการังที่ไม่สมบูรณ์ ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขเสียด้วย

นอกนั้นก็เป็นปลิงทะเล(Sea Cucumber) และเม่นทะเล (Sea Urchin) สัตว์ทะเลที่หลายๆคนมองข้ามแต่กลับมีความสำคัญกับระบบนิเวศทางทะเลมากมาย พวกเขาใช้วิธีนิ่ง สยบการเคลื่อนไหว รอเวลาที่มนุษย์กบไม่สังเกต ขยับร่างกาย(อยากรู้ จ้องนานๆซิครับ)

พอขึ้นมา อากาศแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด ฝนเริ่มตก ผมตีขาเข้าเรือแต่กลับถูกดึงออกไปด้านนอก ต้องหลับตาเพราะเม็ดฝนกระทบหน้า เจ็บจริงๆ

โชคดีพี่เท็นขึ้นมาอย่างปลอดภัย ส่วนผมแม้จะไม่ได้พบสัตว์ทะเลมากเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ถือว่าดีแล้ว สำหรับไดฟ์เคาะสนิมแบบนี้(รู้ตอนนี้ ยังดีกว่าไปรู้ที่ชุมพร อันดามันเหนือ อันดามันใต้ โลซิน นะ จะบอกให้)

หลังจากทยอยรับคนอื่น จนขึ้นมาหมดแล้ว เราเปลี่ยนแท็งค์สำหรับลงในไดฟ์ต่อไปให้เรียบร้อย อาหารกลางวัน มีน่องไก่ทอด กระเพราหมู ไข่เจียว อาหารมีมาตลอด จนเราอิ่มหนำสำราญ(เราได้อาหารส่วนหนึ่งจากเรือพี่ตุ๋นด้วยครับ พี่ตุ๋นทำเรืออยู่ที่นี่ ผมเคยกล่าวถึงเขาไว้แล้ว ในตอน “ตามรอยมนุษย์กบไป.....พัทยาครับ”)

เนื่องจากในวันนี้เราเริ่มต้นดำช้า จึงทำแค่ 2 ไดฟ์ พักนิดหน่อยเราแต่งตัวลงไปยังจุดดำน้ำต่อไป


Dive 2 ปากกาทะเลผลุบ-โผล่!!!

จุดดำน้ำนี้ เรียกว่า ลอมฟาง(ผมไม่ได้ถามซะด้วย ว่าทำไมถึงชื่อนี้ ใครทราบบอกด้วยนะครับ) ผมลงกับพี่ป้อม ที่พื้นทรายพบปลาการ์ตูนอานม้าวัยอ่อนอยู่กับกอดอกไม้ทะเล(Saddleback Anemonefish and Sea Anemone) นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพบพวกเขาในวัยอ่อน หลังจากที่เคยพบขนาดโตเต็มวัยมาแล้ว(ตอนแรกคิดว่า เป็นปลาการ์ตูนส้มขาว ที่ถูกนำมาปล่อย แต่ดูดีๆ พวกเขา คือ ปลาการ์ตูนอานม้าครับ)

ต่อมาก็เป็นคิวของ ปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded Butterflyfish) ปลาแพะ (Goat Fish) ปลิงทะเล(Sea Cucumber) และปลาบู่ ชนิดที่พบได้ง่ายในทะเลแถบนี้

จากนั้นก็พบดอกไม้ทะเลกับการ์ตูนอานม้าวัยอ่อนอีก(เป็นครั้งแรกที่ผมเคาะ pointer) แต่ที่แปลกกว่ากอแรก คือ มีการ์ตูนอานม้าขนาดโตเต็มวัยด้วย(ไม่ใช่ พ่อ แม่ลูกกันแน่นอน จ้า เพราะปลาการ์ตูนมักจะวางไข่ และให้กระแสน้ำพัดพาไข่ออกไปตกตามที่ต่างๆ) ปลาการ์ตูนอานม้าอยู่โดดเดี่ยวได้ แม้ไม่มีดอกไม้ทะล สังเกตง่ายๆจากการที่พวกเขาว่ายออกมานอกกอดอกไม้ทะเล(นีโม ไม่ทำแบบนั้นครับ) ที่สำคัญพฤติกรรมของอานม้า ก้าวร้าวกว่านีโม เพราะเวลาผมสังเกตดู พวกเขามักจะว่ายออกมาทำท่าจะว่ายเข้าชน แต่แล้วก็เกิดอาการกลัว เลยว่ายกลับไป(เหมือนจะขู่ครับ แต่ผมไม่กลัว ก็ตัวใหญ่กว่านี่ ฮ่าๆๆ)

ผมจ้องปลาการ์ตูนอานม้า นานไปหน่อย ทำให้คลาดกับพี่ป้อม แต่ก็โล่งใจเพราะมีพี่เอ น้องโอ๊ต พี่เปรมอยู่ด้วย ซักพักพี่เอบอกให้เรา รออยู่ตรงนี้อย่าไปไหน(ทราบภายหลังว่าขึ้นไปด้านบนเพื่อไปดูว่าหัวเกาะอยู่ตรงไหนครับ) ระหว่างนี้ผมเห็นปากกาทะเล(Sea Pen) สัตว์ทะเลอีกหนึ่งชนิด ก็เลยลองใช้ Pointer เขี่ยดู ปรากฎว่า เขามุดเข้าไปใต้พื้นทรายครับ(เป็นความรู้ใหม่ของผมครับ แต่คงไม่ทำแล้วเดี๋ยวจะเป็นการแกล้งสัตว์) อ่อ พวกเขามีเข็มพิษนะครับ ห้ามใช้มือเปล่าสัมผัสโดยเด็ดขาด

รอมาหลายสิบนาที พี่เอก็ยังไม่ลงมา เราจึงตัดสินใจขึ้นด้านบน โชคดี น้องโอ๊ตเป็นคนเดียวที่มี Sausage เลยยิงขึ้นด้านบน ให้เรือมารับได้(เป็นอุปกรณ์ราคาถูก แต่ผมจะต้องซื้อเก็บไว้แล้ว เผื่อจะต้องหลุดไปอยู่คนเดียว) เราทราบว่า พี่เอลงมาจริงๆแต่ไม่เห็นเราเพราะกระแสน้ำด้านบนเปลี่ยน ทำให้พี่เอไม่ได้ลงมายังจุดเดิมนั่นเอง

ผมล้าง Wet Suit เก็บไว้บนเรือ วันรุ่งขึ้นจะต้องใช้อีกครั้ง เรากลับมาอาบน้ำ เปลี่ยนชุดที่โรงแรม ก่อนจะขนขบวนมารับประทานอาหารเย็นร้าน “เจ๊จุก” ร้านอาหารทะเลที่ช่วงหลัง ผมกินเป็นประจำเวลามาที่นี่

กินอาหารอิ่มแล้ว สมาชิกคนแรกที่กลับบ้าน(เฮ้ย ไม่ใช่ big brother) พี่ยินต้องกลับกรุงเทพในวันนี้เพราะมีธุระต้องไปเรียนวาดภาพสีน้ำมันในวันรุ่งขึ้นโดยมีพี่เอขับรถไปส่งที่สถานีขนส่ง

เราเดินไปโลตัส กินไอศครีมที่ร้าน Swensen ร้านไอศครีมที่ถ่ายรูปออกมา ยังไงก็สวย(ห้ามเปิดแฟลชนะครับ เพราะแสงพออยู่แล้ว)

ขากลับผ่านมาร้านเจ๊จุก พบพี่ต่อ พี่ดิ้น พึ่งมาถึงซึ่งเราจะดำน้ำร่วมกันอีกครั้ง ในวันรุ่งขึ้น

จากนั้นสมาชิกคนต่อไป คือ น้องเจและพี ที่มีธุระไปงานถ่ายรูปรับปริญญาเพื่อน ในวันรุ่งขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดูบอล คู่ระหว่างอังกฤษ กับ โปรตุเกส บวกกับให้พี่เท็นดูไพ่ยิบซีให้ทุกๆคน(พี่เท็นใจดีมาก รับดูให้ทุกคนฟรี) ที่น่าแปลกก็คือ หลายๆอย่างนั้นตรง(ทุกคนที่ดูแล้วก็บอก) สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น พอถึงตามผม ผมเชื่อว่าแม่นจริงๆ เพราะเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่สามารถมองลึกไปถึงนิสัยใจคอของผมได้ ที่สำคัญสอดคล้องกับการดูลายมือ ที่ผมให้รุ่นพี่คนหนึ่งดูให้ด้วย(แม่นมาก แม่นมาก)

อยากดูคู่ระหว่าง บราซิล กับ ฝรั่งเศสมาก แต่ง่วงเหลือเกิน พรุ่งนี้มีดำน้ำด้วย นอนดีกว่า(ทุกคนก็เหนื่อยอ่อนเช่นกัน เลยไม่มีใครดู)


2 กรกฎาคม 2549

เช้านี้ พี่ป้อมนัดเช้ากว่าเมื่อวาน เราจะได้มีเวลาทำกัน 3 ไดฟ์ ข้าวเช้ารับประทานที่ร้าน ต้มเลือดหมูแสนอร่อย(ลืมชื่อร้านครับ รู้แต่อร่อยมาก) คนอื่นๆมารอที่ร้านกันแล้ว มีพี่ฝ้ายพึ่งมาจากกรุงเทพฯ จะมาดำกับเราในวันนี้ด้วย

เจอกลุ่มของมารีน ไดฟ์ มากินข้าวที่ร้านด้วย(ผมจำได้เพราะ มารีน ไดฟ์ เขามีโปรแกรมสอนดำน้ำแบบ discover scuba ฟรี ซึ่งหมดเขตปลายเดือนมิถุนายน 2549 นับว่าเป็นโปรแกรมที่ดีสำหรับให้ผู้ที่สนใจได้ลิ้มลอง ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะลงเรียนแบบ open water ดีหรือไม่)

ผมว่าเรื่องนี้สำคัญเพราะมีเพื่อนผมหลายคน เรียนดำน้ำมาก่อนผมเสียอีก แต่เขาไม่ได้ชอบอย่างจริงจัง หลังๆจึงเลิกไป ซึ่งผมคิดว่าน่าเสียดายมาก(ค่าเรียนก็ไม่ใช่ถูกๆนะ) ฉะนั้น ก่อนเริ่มเรียนดำน้ำ ควรถามตัวเองก่อนว่า ชอบมากแค่ไหน? และพร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวนมาก ในการดำน้ำแต่ละครั้งหรือไม่?

เดียร์กับพี่นัทกลับกรุงเทพฯเช้านี้ ติดรถยนต์บ้านของพี่ฝ้ายกลับกรุงเทพฯ ไม่ต้องนั่งรถทัวร์(ผมลืมให้พี่นัทเขียน Log Book คราวหน้าแล้วกันนะ)(พี่นัทกลับแล้วใครจะมาช่วยผมเปิดประตูห้องน้ำเนี่ย)

วันนี้ไม่ต้องรอแท็งค์นานแบบเมื่อวานนี้(มาส่งตรงเวลา) แต่ก็ยังต้องช่วยพี่ๆคนแท็งค์ข้ามเรือด้วย

พี่ฝ้ายมาในวันนี้ บอกได้คำเดียวว่าอิ่มแน่นอน เธอขนขนมมาเพียบ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จริงๆ(ผมยินดีช่วยถือ อย่างเต็มใจ ฮ่าๆๆๆ)

วันนี้คลื่นลมแรงมาก เลยต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน เราไม่สามารถไปเกาะมารวิชัยได้(ถึงเราอยากไป เรือก็ไม่ไปครับ คลื่นตูมๆแบบนั้น) จึงต้องมาหลบคลื่นลมที่เกาะสาก และมาดำไดฟ์แรกที่นี่

2 Comments:

At 12:37 AM, July 13, 2006, Anonymous Anonymous said...

keep diving ว่ะเพื่อน
มึงไปไหน กู ก้ ตามมาอ่าน
เหมือนไปกับมึงด้วยนั่นแหล่ะ

 
At 8:33 AM, July 13, 2006, Blogger kasab71 said...

อืม แน่นอนว่ะ ขอบใจที่ตามมาอ่านนะ

 

Post a Comment

<< Home