Tuesday, July 11, 2006

สู่หมายไกล….ทะเลพัทยา(1)


หลังจากทริป “เปิดโลกทะเล......สัตหีบ” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมก็ยังไม่ได้ไปดำน้ำแบบ Scuba ที่ไหนอีกเลย ได้แต่น้ำลายไหลและรู้สึกอิจฉาทุกครั้งเมื่อได้ทราบข่าวการไปดำน้ำของเพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นอันดามันเหนือ อันดามันใต้ หรือแม้กระทั่งฝั่งอ่าวไทยอย่างชุมพร

“อยากไปทำไมไม่ไปกับเขาล่ะไอ้น้อง” ตอบได้ง่ายมากครับพี่ ก็เวลาไม่อำนวยแถมตังค์ก็ไม่มี จะให้ไปยืมเงินคนอื่นไปเที่ยวมันก็เกินไป ไม่ใช่สไตล์ผมซะด้วย

ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ต่อด้วยวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาดูจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับผม เมื่อมองดูจุดดำน้ำที่เหมาะสมในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นชุมพร ที่ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะได้กลับไปเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งหนึ่ง(ก่อนหน้านั้นมีทริปพัทยาแต่ด้วยเงินในกระเป๋าและเวลาว่างในวันข้างหน้าทำให้ผมต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งครับ)

ก่อนเดินทางไม่กี่วัน ผมก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเจ้าวุ้น เพื่อนซี้ กำลังจะแต่งงานในช่วงวันหยุดยาวนี้พอดี(วุ้นเคยไป “ทริปแบกเป้......ไปเกาะช้าง” กับผมมาแล้วด้วย) หากผมจะไปเที่ยวโดยที่ไม่มางานแต่งงานของเพื่อนซี้ก็ดูจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเกินไป(วุ้นไซโคมาเรียบร้อยครับ ว่า เที่ยวเมื่อไรก็ได้แต่กูแต่งงานครั้งเดียวนะเว้ย)

ส่วนเรื่องดำน้ำของผมเหรอครับ ไม่มีวันล้มเลิกซะล่ะ แผนสองจึงเริ่มทำงาน ก่อนสัปดาห์หยุดยาวนั้น พี่ป้อมมีทริปออกไปหมายไกลที่พัทยา(อันเป็นที่มาของชื่อเรื่องนี้) ผมจึงตัดสินใจไปในทริปนี้ทันที ขออธิบายง่ายๆว่า หมายไกล คือ จุดดำน้ำที่อยู่ไกลจากชายฝั่ง อย่างในทริปนี้ เช่น เกาะริ้น, ลอมฟาง ,ยักษ์กระโดง, เกาะมารวิชัย, เรือคราม เป็นต้น

การเดินทางไปสำรวจท้องทะเลของผม กำลังจะเริ่มอีกครั้งหนึ่งแล้วครับ


30 มิถุนายน 2549

ช่วงนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่าฝนตก แต่จะตกหลังจากผมอยู่ที่ทำงานแล้วเสมอ แต่ทำไมดันมาตกในวันที่ผมไม่ได้ใช้รถยนต์พอดี(ทำไมโชคดีจังวุ้ย) กระเป๋าใบใหญ่ที่แบก Wet Suit ที่พึ่งซื้อมาจากงาน TDEX ทำเอาการเดินทางในวันนี้ทุลักทุเลพอสมควร(แค่จัดของลงกระเป๋าก็ลำบากพอแล้วจ้า)

สาย ครับ สาย (สมน้ำหน้า) การแบกเป้มาที่ทำงานนั้นแม้จะหนักกว่าทุกวันแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกยินดีเสมอๆ เหตุผลง่ายๆครับ ก็จะได้ไปเที่ยวแล้วแถมเป็นทะเลที่รัก(รักษ์)อีกด้วย

ตกเย็นฝนก็ยังตกอยู่ดี ผมนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีอ่อนนุช เพื่อมารอพี่ป้อมที่โลตัส(จะมีสมาชิกอีก 2 คนที่จะเดินทางไปด้วยกัน) เห็นได้ว่าในตอนนี้สถานีรถไฟฟ้าได้เชื่อมทางเดินเข้าสู่ชั้น 2 ของห้างเทสโก้ โลตัสเรียบร้อยแล้ว(ทำให้สะดวกขึ้นกว่าเดิมเยอะ)

คำว่าข้างนอกขรุขระ ข้างในต๊ะติ้งโหน่ง ดูจะใช้กับสถานการณ์นี้ได้ดี เพราะภายในเทสโก้ โลตัส สาขานี้กลับทันสมัยมาก ร้านกินข้าวเอย ร้านขายของเอย(เอาน่า ลองไปดูแล้วกัน ผมว่าดูดีกว่าหลายๆที่นะ แม้จะมีพื้นที่จำกัดก็เถอะ)

ระหว่างรอพี่ป้อม ผมหาข้าวกินแก้หิว(ถ้าไม่กินตอนนี้ กว่าจะได้กินอาจจะดึก พรุ่งนี้ต้องดำน้ำด้วย อย่าหวังน้ำบ่อหน้าเลยดีกว่า กินเถอะ)

เมื่อพี่ป้อมมาถึง ไม่นานนักผมก็ได้รู้จักพี่มิ้งนักเรียน Open Water ใหม่แกะกล่อง(พึ่งจบมาในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาครับ) พี่มิ้งทำงานอยู่บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ย่านเยาวราช พาหนะคู่ใจของพี่มิ้งจะพาผมสู่ จ. ชลบุรี

ก่อนออกเดินทางเราไปรับพี่ยิน (จบ Open Water มานานแล้ว แต่เป็นนักเรียนที่ใช้เวลาเรียนกับพี่ป้อมนานที่สุด เพราะอะไรต้องถามเจ้าตัวครับ) พี่ยินเปิดธุรกิจส่วนตัวขายเสื้อผ้าให้ชาวต่างชาติ ได้ฝึกภาษาต่างประเทศทุกวันด้วย น่าอิจฉาจริงๆเลย

เราใช้เส้นทางทางยกระดับบูรพาวิถี(เส้นทางเดียวกับที่รถทัวร์นั่นแหละครับ) ผมรู้สึกชอบทางนี้มากกว่ามอเตอร์เวย์เสียอีก เร็วกว่า ขับสบายกว่า ไม่มีรถบรรทุก (เอาเฉพาะทางยกระดับนะ) พี่มิ้งเห็นเงียบๆแบบนี้ เธอเหยียบในความเร็วระดับ 140 ทำให้มาดูบอลคู่ระหว่าง เยอรมันกับอาร์เจนตินาทันในครึ่งหลัง(ออกจากกรุงเทพฯ 3 ทุ่มครึ่งครับ) โดยเรามาพักที่โรงแรม กัลฟ์ สยาม สถานที่พักพิงของนักดำน้ำเสมอๆ (โดยมีคุณลุงพนักงานรักษาความปลอดภัย ออกมาทำความเคารพเหมือนเดิม)

ส่วนสมาชิกที่เข้าพักในวันนี้คนอื่นๆก็มี เจี๊ยบ น้องโอ๊ต พี่พิช ที่มาถึงหลังจากผมไม่นานนัก โดยมีพี่เต้ เพื่อนใหม่นักดำน้ำเป็นคนขับ ผมคุ้นๆหน้าพี่เต้อยู่บ้างเพราะเคยเห็นรูปที่โชว์ในเว็บบอรด์

ขออนุญาตตามกระแสบอลโลกเชียร์บอลและพักผ่อนก่อนครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปดำน้ำแต่เช้า


1 กรกฎาคม 2549

อาหารเช้าที่กัลฟ์ สยาม ในวันนี้แตกต่างจากเดิมเล็กน้อยตรงที่ไม่ได้จัดกลางแจ้งเหมือนเคย แต่จัดในห้องแทนเพราะในช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน

ที่นี่ผมได้เพื่อนใหม่ดำน้ำอีก 2 คน คือ พี่เท็น , เจและน้องพี่(เป็นพี่น้องกัน) จากนั้นก็ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางไปท่าเรือพัทยา(Pattaya Port) อันเป็นท่าเรือที่มนุษย์กบอย่างเราๆใช้ออกไปดำน้ำบ่อยๆ

พัทยายามเช้านี่ คึกคักน่าดู เพราะตามชายหาดในเวลานี้กลับคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่จะโดยสารไปท่องเที่ยวยังเกาะต่างๆโดยมีผู้ประกอบการทั้งหลายคอยให้ความสะดวกสบายกับนักท่องเที่ยวเหล่านั้น

จอดรถไม่นาน พี่โก้(ปาปารัซซี่)ที่กำลังจะกลายเป็น Instructor ในอีกไม่ช้าก็มาถึง(อีกหน่อยได้เป็นแล้วจะเรียกแยกกับครูโก้ว่าอย่างไรดีเนี่ย) พี่โก้พร้อมกับน้องนก บัณฑิตจากรั้ว ศิลปากรหมาดๆ ที่ผมเคยคุยด้วยทางเว็บบอรด์มานานแล้ว เพียงแต่พึ่งเจอตัวจริงก็วันนี้แหละ

ต่อด้วยพี่เอ(เจ้าของภาพถ่ายใต้น้ำสุดสวยและกล้องที่ผมไม่อยากเข้าใกล้)(ของแพงกลัวพังครับ) พี่เอมาพร้อมกับหมอเดียร์และจ๊อบ(น้องชายเจี๊ยบเขาล่ะ ดูๆไปคล้ายจั๊ก double u เหมือนกันนะ) จ๊อบห่างหายจากการดำน้ำมานานมาก ต่างจากพี่สาวที่ดำผุด ดำว่าย จนมีครีบโผล่ออกมาเรียบร้อย การมาในวันนี้ก็ถือเป็นการเคาะสนิมที่ถูกที่ ถูกเวลาจริงๆ อีกหนึ่งหนุ่ม คือ พี่นัท(อันนี้ก็เคยเห็นหน้าในเว็บบอรด์แล้ว ดูน่ากลัวเป็นบ้าเลย แต่ตัวจริงก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้) พี่นัทเป็น Trainee ที่กำลังจะรอเป็น Divemaster ในอีกไม่ช้านี้

อีก 2 คน คือ พี่ตี๋และพี่เจี๊ยบ ซึ่งเป็นเพื่อนในที่ทำงานของพี่พิช ส่วนบนเรือก็มีพี่เปรม ที่จะมา Fun Dive กับเราในวันนี้ด้วย

วันนี้เรือออกจากฝั่งช้า นั่นเป็นเพราะเรารอแทงค์อากาศที่มาส่งช้ากว่ากำหนด มองไปด้านข้างมีถังสีฟ้า พี่พิชพูดแซวว่า เราน่าจะใช้ถังนั้นแทนได้นะ(ถังแก๊สครับ ถังแก๊ส ฮ่าๆๆๆ)

พออากาศมาถึง เราช่วยกันขนขึ้นเรือ(อย่างระมัดระวัง) ผมรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของผมหายลงไปเยอะ จากที่เคยถือสบายๆ ตอนนี้เริ่มหนัก อาจเป็นเพราะช่วงหลังๆ ผมมีเวลาออกกำลังกายน้อยลงนั่นเอง

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราจึงออกเดินทาง ทุกคนเลือกอุปกรณ์ใน Gear Bag ของตนเอง ไปสวมกับแท็งค์ที่เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็น BCD หรือแม้กระทั่ง Regulator นำตะกั่วมาสวมกับเข็มขัดให้เรียบร้อย ผมห่างหายจากการดำน้ำมา 4 เดือน จึงต้องประกอบอุปกรณ์อย่างช้าๆ(แอบชำเลืองข้างๆบ้าง ก็ไม่มีใครว่าหรอก ฮ่าๆๆ) ผมนำ Wet Suit มาแช่น้ำไว้ แล้วพี่พิชก็มาเหยียมอย่างเมามัน(เป็นวิธีที่ทำให้อากาศออก ผมจะได้ไม่มีปัญหาเวลาอยู่ใต้น้ำครับ)

ประกอบอุปกรณ์เสร็จ ผมเข้าห้องน้ำที่มีกลอนอยู่ด้านบน พอเอากลอนออก เวลาปิดประตู กลอนก็ลงมาคั่นระหว่างประตูห้องน้ำ ทำให้ปิดประตูไม่ได้ แทนที่จะออกไปเอากลอนล็อคด้านบนให้เรียบร้อย ผมกลับเลือกที่จะใช้มือดันกลอนขึ้นไปแล้วปิดประตู ผลคือกลอนลงมาล็อคจากด้านนอก ทำให้ผมถูกขังอย่างโดดเดี่ยว(โอยทำไม โง่จังวะ เราเนี่ย)

ทำไงดี ผมเริ่มดิ้นรน เคาะประตูแล้วก็ไม่มีใครได้ยิน ตะโกนแล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับ(ก็คนอื่นประกอบอุปกรณ์ขึ้นไปด้านบนหมดแล้ว) จะถีบประตูก็กลัวว่าประตูของเรือจะพัง ลองใช้ไม้ดูดส้วมดันออกไป ไม้ก็มีขนาดใหญ่เกินไป ร้อนก็ร้อน แถมเริ่มมึนเพราะทะเลมีคลื่นลม ผมจึงใช้วิธีของ มิสเตอร์บีน เอามือลอดออกไปที่ช่องหน้าต่าง แล้วโบกไปโบกมา(ขอความช่วยเหลือนะครับ ไม่ได้เรียกรถแท๊กซี่)

ลองอยู่หลายที ในที่สุด ฟ้าก็ประทานให้พี่นัท มาช่วยคนที่น่าสงสารอย่างผม พี่นัทเดินผ่านไป เกือบจะขึ้นบันไดอยู่แล้ว แกตกใจเล็กน้อย เพราะมีเสียงเรียกให้ช่วย พอหันกลับมา ก็มีมือโผล่ออกมาที่ช่องข้างๆห้องน้ำ(โบกอย่างหลอนด้วยนะ จะบอกให้)

“เฮ้ย ไปทำอะไรในนั้นน่ะ” พี่นัทถามอย่างติดตลก

“กลอนมันดันลงมาครับพี่ ไม่ได้พี่ผมตายแน่เลยเนี่ย” ผมพูดอย่างโล่งใจมากๆ

พอขึ้นมาบนเรือ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทันทีว่า “ไอ้ภพ ติดห้องน้ำ ฮ่าๆๆๆ” (เออ อย่ามีใครติดมั่งแล้วกัน ฮ่าๆๆๆ) เป็นบทเรียนว่าเวลาเข้าห้องน้ำ ดูให้ดีๆ ก่อนปิดประตูนะครับ

อีกไม่ถึง 15 นาที พี พี่สาวของเจลงไปห้องน้ำ และนานจนผิดสังเกต พี่ป้อมเลยบอกให้พี่พิชลงไปดู ปรากฎว่า พีติดห้องน้ำครับ(นั่นไง มีคนตามรอยผมจนได้ ) ผมว่าเป็นแบบนี้ ในอนาคตอาจมีคนติดอีกก็ได้ แต่ผมไม่ได้ถามพี่พิชด้วยซิ ว่าพีเขาร้องขอความช่วยเหลือแบบไหน?

0 Comments:

Post a Comment

<< Home