สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(14)
28 ตุลาคม 2553
วันสุดท้ายของการเดินทาง ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกครั้งแรก ก็ลืมตาขึ้นอย่างไม่งัวเงีย แม้จะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ต้องรับผิดชอบตัวเองอีกครั้ง ตื่นสายละก็คงพลาดเที่ยวบินและอาจไม่ได้กลับเมืองไทยตามเวลาที่กำหนดก็ได้
อากาศเย็นๆ สบายๆ เดินออกมาดูที่ระเบียง เริ่มจะมีแสงยามเช้า นึกๆดูๆก็เหมือนฝัน ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาสมาที่นี่จริงๆ
ตรวจตราสิ่งของ ปิดห้อง แบกกระเป๋า เหมือนวันมาถึง กลายเป็นไอ้บ้าหอบฟางอีกครั้ง กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องบิน 1 ใบ เป้สะพายหลัง 1 ใบ และฟิน Mares สีเหลือง สะพายที่ไหล่ขวาอีก 1(รวมทั้งหมด แทบจมธรณี555)
คืนกุญแจห้อง หลังจากทำการ Check-Out ไปแล้วเมื่อคืนนี้ เดินไปร้านอาหารเพื่อทาน Breakfast จำได้ว่าพี่วิทย์บอกไว้เมื่อวาน มีผู้หญิง 2 คน ที่มาด้วยกัน จะกลับเช้านี้พร้อมกับผม
เอ หรือว่าจะเป็น 2 สาว ตรงนี้นะ หน้าตาเหมือนคนจีน(คงใช่แหละ ก็เช้านี้ยังไม่มีใครนี่นา)
2 วัน ก่อน ที่ Dive Center และ ที่ร้านอาหาร ผมเห็น 2 สาวนี้ครับ ยังคิดว่ามากับพวก Jasmine และGeorge เลย ผู้หญิงมากัน 2 คน เก่งแฮะ
ไคกับฝนมาทาน Breakfast ด้วย เช้านี้ไคจะออกไปดำน้ำที่สิปาดัน ผมแนะนำให้ฝนไปด้วย ดีกว่าอยู่ที่นี่เฉยๆ เพราะหาดทรายและน้ำทะเลที่เกาะสิปาดันสวยมากๆ ไปสน๊อคเกิ้ล ก็คงเห็นฝูงปลา Jack ได้ง่ายๆ
“แหม มีสาวๆกลับด้วยเหรอจ๊ะ เช้านี้” ฝนแซว
“พึ่งจะมีวันสุดท้ายนี่แหละ 555 คงไม่ค่อยได้คุยกันหรอก” ผมตอบและยิ้มๆ
ได้เวลาครับ เรือมารอแล้วด้วย ผมกล่าวลา ไคและฝน เดินขึ้นเรือ ผ่านคุณยาย(คุ้นๆว่า น่าจะเป็นคุณยายที่มารำพื้นเมือง ตอนคืนแรกของที่นี่) เธอนั่งอยู่กับสิ่งที่คล้ายๆเครื่องดนตรีและยิ้มให้
ผมหันมามอง สะพานท่าเทียบเรืออันแสนคลาสสิค นึกถึง 4 วัน 4 คืน อันแสนสุข
Good Bye , I will come back !!!!
Ramil – จะคุยหรือไม่คุยดี!!!
เรือ Speed Boat มุ่งหน้าสู่ Semporna พร้อมกัน 2 สาว ที่ผมกล่าวถึง เมื่อซักครู่ มี Ramil ไปด้วย เท่าที่สอบถาม Ramil มาขึ้นฝั่งไป Tawau
เสียงเรือค่อนข้างดังครับ จะคุยกับใครก็ไม่ถนัด คุยทีคงต้องตะโกน แต่ในใจน่ะ อยากจะคุยกับ 2 สาว อยู่เหมือนกัน
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงฝั่ง มาขึ้นรถตู้ คนขับไม่ใช่พี่โล้นแล้ว(โล่งอก) ตอนแรกนึกว่า Ramil จะไปด้วยซะอีก Ramil ขอแยกตัวไป ก่อนที่จะกล่าวอำลา
2 สาว เข้ามานั่งด้านในสุด โดยมีผมเข้ามานั่งที่เบาะหน้าของพวกเธอ
Nice to meet you!!!
ถ้านั่งเฉยๆ พวกเธอไม่มาคุยกับผมแน่นอนครับ ฉะนั้นต้องเริ่มก่อน แม้จะไม่ได้ดำน้ำด้วยกัน แม้จะเป็นปลายๆของการเดินทางแล้วก็ตาม แต่ก็พักที่เดียวกันนี่นะ
Hi , It nice to meet you. What ‘ s your name?
2 สาวนี้ ชื่อว่า Michelle กับ ซูจือ ครับ เป็นชาวสิงคโปร์ มาพักที่ Sipadan Water Village หลังผมประมาณ 2-3 วัน พวกเธอชอบที่นี่มาก รวมทั้งการดำน้ำ ผมชมพวกเธอว่าเก่ง ที่มากัน 2 คน ส่วนพวกเธอก็ถามกลับอย่างแปลกใจว่า ทำไมผมถึงมาคนเดียวล่ะ?
ก็ร่ายยาวครับ นอกจากเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกับเพื่อนๆ ผมก็เริ่มต้นเดินทางคนเดียวในประเทศแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ทริปต่างประเทศน่ะ ครั้งแรก ยิ่งช่วงหลัง ลาออกจากงานมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง เวลายิ่งไม่ตรงกับคนอื่น ผมจึงเลือกเดินทางเฉพาะวัน เวลาที่เหมาะสม มีคนอยู่เป็นเพื่อนแม่ และแม่ต้องสบายดี ผมสบายใจในการเดินทางไม่มีห่วงในเวลานั้นๆ จนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่แม่จากไป
ซูจือจะค่อนข้างพูดน้อยครับ คนที่ถามผมจะเป็น Michelle ซะมากกว่า ระหว่างที่คุยผมมองที่ตาของ Michelle และเธอก็มองผมเช่นกัน เธอรับฟังและพยักหน้าตาม สายตาจดจ่อ และดูจะเข้าใจความรู้สึกของผมที่ถ่ายทอดออกมา เวลากล่าวถึงแม่ พูดไปก็ชักน้ำตาซึมๆเหมือนกัน(ผมเคยคุยกับชาวต่างชาติ หลายคนไม่เข้าใจกับการกระทำของผม หลายๆสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากๆ ผมยังเชื่อว่าคนไทยด้วยกันเองนี่แหละที่เข้าใจและรับรู้ได้ดีกว่า)
แต่กับ Michelle ผมมีความเชื่อว่า เธอตั้งใจฟังผม แม้ภาษาอังกฤษของผมจะไม่ดีนัก อยู่ในขั้นแค่สื่อสารได้ บางคำนึกไม่ออก ก็ต้องใช้มืออธิบายช่วย เธอดูจะพยายามเข้าใจ และคำๆหนึ่งที่เธอพูดก็คือ
“แม่คงจะภูมิใจในตัวคุณมากๆนะคะ คุณเป็นลูกที่ดีจริงๆ”
Michelle กับ ซูจือ เรียนมาสายวิทยาศาสตร์ครับ แต่ทำงานคนละที่ ซูจือบอกว่า Michelle มีรายได้สูงทำงานไม่กี่เดือนก็สามารถเก็บเงินมาดำน้ำที่สิปาดันได้แล้ว พวกเธอค่อนข้างประทับใจที่นี่มาก เสียดายที่ไม่มีกล้อง ผมเลยหยิบกล้องมาเปิดรูปและวีดีโอให้สาวๆ ได้ดู พร้อมอธิบายว่า สัตว์ทะเลตัวนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่าอะไร และพวกเธอได้พบหรือไม่
คุยกันเพลินจนลืมเวลาไปเลยครับ ถึงสนามบินตาเวา ซะแล้ว
At Tawau Airport And Delay!!!
ต่อคิวโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องไปกัวลาลัมเปอร์ รอบๆยังไม่เห็นนักท่องเที่ยวเท่าไร มีแต่ชาวมาเลเซียที่เป็นมุสลิม(ดูจากการแต่งตัว) แถวไม่ยาวนักแต่ค่อนข้างนาน ก็คุยกับ Michelle ไปพลางๆ
โหลดกระเป๋าเรียบร้อย เอาสัมภาระที่เหลือมาไว้ในรถเข็นคันเดียวกัน เดินขึ้นไปชั้นบน นั่งรอจนกว่าประตูจะเปิด เครื่องดีเลย์ด้วยครับ คงต้องนั่งรออีกซักพักเลย ก็นั่งคุยไปพลางๆอีกนั่นแหละ
ผมเล่าถึง Dive ที่พบฉลามวาฬ(Whale Shark) ครั้งแรกที่ชุมพร และการดำน้ำในเมืองไทย Michelle ไม่เคยมาดำในเมืองไทยมาก่อน แต่ดูเธอจะสนใจมากๆ เธออยากพบฉลามวาฬ และขอให้ผมช่วยเขียนสถานที่ดำน้ำในเมืองไทยให้ ผมเขียนทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยตลอดจนจุดดำน้ำในกระดาษแผ่นนึง พร้อมทั้งอธิบายให้เธอได้ฟัง ซึ่งผมยินดี หากจะช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง
ตามธรรมเนียม เมื่อเจอเพื่อนใหม่ ผมจะขอ E-mail ติดต่อ(เอาไว้ส่งรูปให้) เสียดายน่าจะเจอกันตั้งแต่วันแรกๆ จะได้ช่วยถ่ายรูปให้พวกเธอ หลังจากถ่ายรูป Michelle กับ ซูจือ แล้ว ซูจือบอกให้ผมเข้าไปใกล้ๆ Michelle เพราะเธอจะถ่ายรูปคู่ให้
ประตูเปิดแล้ว เราก็เดินขึ้นเครื่องกัน
ค่อยเหมือนคนมาเที่ยวหน่อย!!!
ขากลับนี่ ไม่เจอแซนดร้าแล้วครับ(สุดแสนเสียดาย) สังเกตได้ว่า ผู้โดยสาร เหมือนพึ่งกลับมาจากการท่องเที่ยวมากขึ้น มีฝรั่งถือฟินดำน้ำ(น่าจะมาสิปาดันครับ แต่อาจพักที่อื่น) มีเสียงคนไทยด้วย(ไม่เหมือนขามาเลยนะ 555)
เครื่องขึ้นแล้วครับ คงไม่มีอาการอะไรนะ พักน้ำมาพอแล้วนี่นา นอนดีกว่า
At Kuala lumpur Airport – เธอคงไม่รอผมหรอก!!!
มาถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ผมรอกระเป๋าที่โหลดมาใต้เครื่อง เลยเดินมาถามเจ้าหน้าที่สนามบิน ว่าให้รอตรงไหน แต่ไม่เห็น Michelle กับ ซูจือครับ พวกเธอคงไปแล้วแหละ ใจหนึ่งคิดว่าจะได้กินข้าวด้วยกันซะอีก อีกใจนึง พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องรอผมนะ ก็พึ่งรู้จักกันนี่นา
ได้กระเป๋าแล้ว เดินดุ่มๆออกไป เหมือนขามา Self Check-In เลยดีกว่า สะดวกดี กดที่ตู้เหมือนตอนขามา นั่นแหละ ไหนเดินดูซิ มีอะไรกินบ้าง นอกจากนี้ก็เดินดูด้วยครับ ว่าผมจะต้องเดินไปตรงไหนเวลาจะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ
อ้าว เวร! เดินผิดทาง นี่มันตรงที่เรามาถึงในวันแรกนี่นา กลับหลังหันๆ
เดินกลับมา อยู่หน้าร้าน Marrybrown(คล้าย KFC) แล้วผมก็ได้เจอ Michelle ที่เดินตรงเข้ามาหา
“Hey Michelle!!”
เธอบอกว่า เดินตามหาผมอยู่ครับ ผมก็บอกว่า นึกว่าเธอไปซะแล้ว เมื่อถามก็ยังไม่ได้กินข้าว งั้นกินด้วยกันซะเลยซิ นั่น! ซูจือ เดินมาแล้ว
Lunch!
เอาสัมภาระมารวมในรถเข็นเดียวกันอีกครั้ง เข็นเข้ามาในร้านด้วย เดี๋ยวของจะสูญหาย เมนูอาหารในร้าน Marrybrown จะคล้าย KFC แต่หลากหลายกว่ามาก ทั้งเมนูข้าวและอื่นๆ อร่อยดีแฮะ ราคาถูกกว่าร้าน Taste of Asia ที่ผมกินเมื่อตอนขามานิดหน่อยครับ
กินเสร็จแล้ว ยังมีเวลากว่าเครื่องจะออก สาวๆอยากเดิน Shopping โอเค ไม่มีปัญหา ผมก็ไม่มีที่จะไปอยู่แล้วในตอนนี้ ดีกว่าไปนั่งแกร่วคนเดียว ก็มีเพื่อนแล้วนี่
Michelle เข้าร้านเครื่องสำอางค์ ผมรออยู่ด้านนอก และบอกว่าจะเฝ้าของไว้ให้(ด้วยความยินดีเลย 555)
เสร็จจากร้านนี้ 2 สาว ชวนผมไปร้านกาแฟ ปกติก็ไม่ดื่มกาแฟ แต่ไม่เป็นไร ก็มีอย่างอื่นให้กินน่ะ(สาวๆอุตส่าห์ชวน)
เราแบ่งหน้าที่กันทำครับ 2 สาว ช่วยดูสัมภาระไว้ให้ เพราะรถเข็นเอาเข้ามาในร้านไม่ได้ ส่วนผมไปรับกาแฟแล้วจ่ายเงินให้ จากนั้นเราก็มีเวลาที่จะสนทนากันต่อ
“เขาบอกว่า Lawyer เจ้าชู้ จริงไหม? ซูจือถาม
“ก็แล้วแต่คนนะครับ ผมดูเหมือนเจ้าชู้เหรอ? 555 “
เธอก็ขำๆครับ บอกว่า ได้ยินมาแบบนั้น ว่าแล้วเธอก็เล่าถึงแมวที่เลี้ยงในห้อง ตัวสีขาว แล้วทำเสียงร้องให้ฟังด้วย(ผมก็ไหลซิครับ คนละภาษาก็พริ้วได้ 555)
ได้เวลาแล้ว เข็นรถเดินนำหน้า 2 สาว ไปที่ Check-In สายการบินของสิงค์โปร์ จริงๆ ผมจะไปตอนนี้ก็ได้ แต่พวกเธอก็เป็นเพื่อนคุยให้ผม มีมิตรภาพดีๆ จึงอยากตอบแทน ผมช่วยพวกเธอขนสัมภาระไป Check-in จากนั้น เดินผ่านด่านตรวจสัมภาระ เจ้าหน้าที่ถามว่า ที่ไหล่ขวาผมมีอะไร ก็บอกว่าอุปกรณ์ดำน้ำ เธอก็ติดสติ๊กเกอร์ แล้วให้ผมผ่านไป
ยังมีร้านของฝากอีกครับ เป็นร้านขนม Michelle ขอแวะ ลงมาด้านล่างก็มีอีกร้าน คราวนี้ผมแวะบ้าง(Michelle ก็แวะด้วย) ไม่อยากเหลือเงินริงกิตกลับประเทศน่ะ(เวลาซื้อของก็ต้องยื่น Passport ครับ ของแพงใช้ได้เลยนะ คำนวนให้พอดีๆ)
เราคงต้องแยกกันแล้วล่ะ ประตูของผมอยู่ตรงนั้น และถูกเรียกก่อนซะด้วย ผมขอร้องนักท่องเที่ยวใกล้ๆ ให้ช่วยถ่ายรูปรวมให้หน่อย ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย
กล่าวคำลา 2 สาว ชาวสิงคโปร์ คงจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ
บทส่งท้าย
สิ้นสุด 6 วัน แห่งการเดินทาง เป็นการเดินทางที่สนุก และตื่นเต้นมากๆ แม้จะกลับมาถึงเมืองไทยแล้ว ภาพทุกภาพ เรื่องราวทุกตอน ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของผม
หลายๆครั้ง แอบยิ้มคนเดียว เมื่อนึกถึงวันเวลาดีๆที่นั่น
6 เดือน แห่งการเขียนบันทึกการเดินทางเรื่องนี้ กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องไปทำภาระ หน้าที่ แต่เมื่อมีเวลาว่าง ก็จะกลับมาเขียน ทุกๆครั้งที่ทำ ผมมีความสุขเสมอ
หวังว่า บันทึกการเดินทางเรี่องนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายๆคน ออกเดินทางสู่โลกกว้าง ดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเล ไปในสถานที่ใหม่ๆ พบเจอคนใหม่ๆ หลายชาติ หลายภาษา
เหมือนที่ผมได้รับแรงบันดาลใจมาเช่นเดียวกัน
ขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆเพื่อนๆ ทุกท่าน ที่ช่วยกรุณาให้ข้อมูลกับผมก่อนออกเดินทาง
ขอบคุณ Divemaster และ Staff ทุกท่านที่ Sipadan Water Village ที่ดูแลผมเป็นอย่างดี ตลอดจนมิตรภาพดีๆ จากเพื่อนใหม่
ขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผม เชื่อเลยว่า หากท่านอ่านจนจบ ก็เหมือนได้เดินทางไปดำน้ำพร้อมๆกับผมแล้ว
และที่ลืมไม่ได้ สำหรับผู้หญิงคนสำคัญที่สุด คนที่อยู่ในใจของผมตลอดเวลา “แม่”
ผมเชื่อว่า ท่านอยู่ใกล้ๆและคอยคุ้มครอง ทำให้ผมแคล้วคลาดปลอดภัย
วันนี้ ผมได้พาแม่มาท่องเที่ยวแหล่งดำน้ำที่สวยงามที่สุดติดอันดับโลก ณ ทะเลเซเลเบส
อยากจะอ่านเรื่องนี้ให้แม่ได้ฟังจัง
รักแม่นะครับ
Phop Payapvipapong
19 April 2011
12.37 Am
How to get There?
1) การเดินทางมาสิปาดัน ควรเตรียมตัวล่วงหน้าและวางแผนการเดินทางให้ดี หากซื้อตั๋วล่วงหน้าเป็นปีๆ จะได้ราคาถูกกว่าซื้อใกล้ๆ (จาก 9000 เหลือ แค่ 4000 ก็เยอะอยู่นะครับ)
2) ไม่มีเที่ยวบินจากกรุงเทพมา Tawau ต้องเดินทาง 2 ต่อ คือไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Kuala lumpur และโดยสารเครื่องบินภายในประเทศของมาเลเซีย มายัง Tawau และต่อรถมายัง Semporna ก่อนจะขึ้นเรือไปยังที่พักที่ติดต่อไว้
3) ควรให้เวลาระหว่าง Flight อย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการ Delay และอาจจะทำให้พลาดเที่ยวบินได้ เช่น ถึง กัวลาลัมเปอร์ 11 โมง เที่ยวไป ตาเวา เวลาควรจะประมาณ บ่าย 3 โมง
4) ควรติดต่อร้านดำน้ำที่จัดทริป เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่า ไปติดต่อเองหน้าเว็บไซด์ ร้านดำน้ำจะมีโปรแกรมการเดินทาง ไว้ให้เสร็จ ไปเป็นหมู่คณะก็ช่วยเหลือกันได้ (ถ้าหมดหนทางจริงๆ ค่อยมาแบบผมครับ)
5) ควรแลกเงินเป็นริงกิตมาเลเซีย เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ที่สนามบิน ติดราคาริงกิตไว้ สะดวกในการคิดคำนวน แต่ถ้าจะแลกเป็นยูเอสก็ไม่น่าจะมีปัญหา เอาไว้สำรองก็ดี (เงินริงกิต เป็นเงินไทย เอา 10 คูณ เงินยูเอส เป็นเงินไทย เอา 30 คูณ)
6) หากมีข้อสงสัย สอบถามได้นะครับ ยินดีช่วยเหลือ
0 Comments:
Post a Comment
<< Home