Sunday, November 21, 2010

สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(6)




กลับมาที่ Sipadan Water Village เจอ 3 สาว มาเลเซีย (Lai , Lee, Lee)กำลังเตรียมตัว Snorkeling ที่ Paradise 1 โดยมี Junior รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล


Junior ถือห่วงยางโดยมีเชือกผูกอยู่ เข้าใจว่า เพื่อให้ 3 สาว ไว้ใช้เกาะเวลา Snorkeling นั่นเอง แดดยังดีอยู่และน้ำก็ใสมาก


ระหว่างล้างตัวก็เป็นจังหวะเดียวกับกลุ่มพี่วิจิตร ที่ขึ้นมาพอดี พี่สาวคนหนึ่งในกลุ่มพี่วิจิตรถามผมว่าเจออะไรมาบ้าง


“Leaf Fish ครับพี่ เจอตั้งหลายสี และก็มี Ribbon Eel 2 ตัว ดำกับฟ้า อ่อ ปลากบด้วย”


“ใช่ๆ ที่นี่ Leaf Fish เจอง่ายมากๆ ปลากบก็เยอะ โห เจอ Ribbon Eel สีฟ้าด้วยเหรอ”


“ครั้งแรกเลย พึ่งเจอสีดำ(วัยเด็ก) เมื่อไม่นาน นี้ที่สิมิลัน แต่ค่อนข้างลึกกว่านี้มาก พี่เจออะไรบ้างครับ”


“ก็พวกนูดี้ ปลากบ Leaf Fish และตัวเล็กๆ อีกเยอะเลยล่ะ”


อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง สี่สิบนาที กว่าจะถึงเวลาลง Sunset Dive เลยมีโอกาสได้คุยกับพี่วิทย์ Divemaster คนไทย ที่ทำงานที่นี่ และเป็น Divemaster คนไทยเพียงคนเดียวที่ทำงานในรีสอร์ทแถบนี้ด้วย


Divemaster ไทย ในต่างแดน!!!


“ก็มาอยู่ได้ 6 เดือนแล้วครับ ก็โอเคนะ พี่อยู่ง่าย กินง่าย ” พี่วิทย์ พูด


ตามความคิดผม คนมาอยู่แบบนี้ได้ ต้องมีความอดทนสูง และใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เพราะคืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล สิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่เหมือนอยู่ในเมือง ก็เหมือนกับการติดเกาะนั่นแหละ(ไม่เหมือนกรณีไปอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศอื่นๆนะครับ แบบนั้นแม้จะไกล แต่สิ่งอำนวยความสะดวกมี จะไปไหนก็ง่ายกว่า)


ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ดีของพี่วิทย์เหมือนกันนะ เพราะเมื่อเงินไม่ค่อยได้ใช้มากนัก ก็เป็นโอกาสดีในการสะสม เพิ่มพูน แกบอกว่า หากกลับเมืองไทยนานๆ กลัวจะไม่อยากมาอีก ซึ่งผมก็เข้าใจดี


ก่อนหน้านี้พี่วิทย์ เป็น Instructor อยู่ ดำน้ำดอดคอม ถ้าพูดถึงร้านนี้ ก็ต้องครูพู่ แห่งดำน้ำดอดคอมเลย แม้ไม่เคยเจอมาก่อนแต่คุ้นชื่อมาก(พี่โหน่งหรือพี่เหนียวน้อย โอวี รุ่น 56 ที่ผมเคยเจอตอนไป Fun Dive ที่ชุมพรคาบาน่า ก็ลูกศิษย์ครูพู่ นี่แหละ)


พี่วิทย์แนะนำหลายๆอย่างกับสิ่งที่ผมยังไม่รู้ แกเล่าถึงเมื่อวันก่อน พา Diver ไปเจอเจ้า Orang-utan(อุรังอุตัง) Crab ตัวใหญ่มาก ยังไงมันก็ไม่หนี ต่อคิวถ่ายกันหลายคนจนครบเลย(ตามปกติ ปูคงไม่อยู่นิ่งให้ถ่ายนานๆครับ ซักพักมันก็คงจะหนีแล้วล่ะ)


“แล้วเราล่ะ ทำไมมาคนเดียว” พี่วิทย์ถาม


ผมเล่าให้ฟังถึงเหตุผลและจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ ที่สูญเสียแม่


“ก็ตั้งแต่ลาออกจากงานมาดูแลแม่ ก็ฝากในบัญชีครับพี่ เดือนละ 1,000 บาท จะได้ไม่เจ็บตัวมาก พอ 3 ปี มันก็เพียงพอที่จะมาที่นี่ได้ ผมตอบ


“เก่งว่ะ” พี่วิทย์อุทาน และคงเป็นคำชม ในการอดออมของผมละมั้ง


จบบทสนทนากันตรงนี้ ก่อนที่พี่วิทย์จะขอตัวไป และบอกว่าเจอกันตอนค่ำๆ


นั่น Divemaster Rika นี่นา ผมดูนาฬิกา ใกล้เวลา 17.20 น. เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกัน ที่บอร์ดยังมีชื่อผม คนเดียวอยู่เลย ดีเหมือนกันนะ คนน้อยๆแบบนี้


Rika ถามผมว่าเตรียมไฟฉายมาหรือไม่ ผมนึกขึ้นได้ว่า อยู่ในห้อง จึงรีบไปหยิบไฟฉาย แล้วมาอย่างรวดเร็ว


ใส่ถ่านเรียบร้อย ผมถาม Rika ว่าใช้ได้หรือไม่ เพราะไฟฉายค่อนข้างเล็ก เป็น LED แค่ 5 หลอด Rika ยิ้ม บอกว่า ใช้ได้


เอาล่ะครับ แต่งตัว เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แม้ Sunset Dive นี้ จะไม่มีอะไรต่างจาก Night Dive เท่าไร(ก็มืดและต้องใช้ไฟฉายเหมือนกัน) แม้ผมจะลง Night Dive มาทุกๆครั้ง(ไม่เคย Skip ด้วยความชอบส่วนตัว) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลงแล้วมีเพียง Diver คนเดียว จะสนุก ตื่นเต้น เหมือนเดิมหรือเปล่านะ


Rika จะพาผมไปที่จุดดำน้ำที่เรียกว่า “ Paradise 2 ” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Paradise 1 นัก กระโดดจากสะพานที่ Dive Center ได้เลย

ไปดู ปลาแมนดาริน ปลาน่ารัก ที่หาดูได้ยากมาก(ในธรรมชาติและไม่ใช่ในตู้ปลา) อาจจะได้เจอขณะมัน Mating(ออกแนวๆจีบ เกี้ยวพาราสีและ.....) กันก็ได้นะ


แม้ผมยังไม่เชื่อเท่าไรว่า ปลาก็ไม่ได้ตัวใหญ่ อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ บอกว่าอยากดู จะพาไปดูได้ตามที่บอกเลยหรือ?



Dive 3 เยี่ยมปลาแมนดาริน กับ โอกาสที่หายาก!!!



ว่ายน้ำตาม Rika ไปเรื่อยๆ ดูเธอก็ตีขาเร็วครับ แต่สบายมาก Fin ใหม่ของผม Mares Avanti Superchannel ใช้งานได้ดีสุดๆ


แสงค่อยๆ ลดลงจนเหลือแต่เพียงแสงจากไฟฉายเท่านั้น ระหว่างทางเจอปลาทะเลตัวยาว สีขาว คาดว่าคงอยู่ในตระกูลปลาไหล(Eel) ปกติตัวยาวๆแบบนี้ ชอบอยู่ในโพรงเวลากลางวัน ถ้าออกมาแสดงตัว คงจะเป็นเวลาหาอาหารเป็นแน่แท้(แม้หน้าตาจะดูไม่ค่อยน่ากลัว เหมือนปลาไหลงู หรือปลาไหลมอเรย์บางพันธุ์ก็ตาม)


Rika พาผมมาหยุดอยู่ที่ปะการังกอหนึ่ง(คล้ายๆ Finger Coral) ใกล้ๆ มีนักดำน้ำคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปอะไรซักอย่างตรงกอนี้


Rika ชี้ให้ผมดู ผมสั่นหน้าบอกว่าไม่เห็น ส่องๆดูก็ไม่เห็นมีอะไร เธอใช้กระดาน เขียนอธิบายบอกว่า Mandarin Fish!!! ซึ่งผมพยายามเข้าไปใกล้ และสังเกตให้ดีกว่าเดิม


ปลาแมนดาริน(Mandarin Fish) ครับ ของแท้แน่นอน ลวดลายแบบนี้ เป็นอื่นไปไม่ได้ ปลาแมนดาริน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Synchiropus splendidus อยู่ใน ตระกูล Callionymidae หรือที่เรียกกันว่า "Dragonets" บ้านเราไม่มีครับ อยากดูในธรรมชาติก็ต้องมาที่นี่ ผมให้สัญญานกับ Rika ว่าเห็นแล้ว


คราวนี้ก็ได้เวลาถ่ายรูป แต่ค่อนข้างมืด ล๊อค โฟกัสยากอยู่ ใช้ไฟฉายช่วยด้วยแล้วกัน ผมใช้หลักเดียวกับปลาการ์ตูน คือ กดชัตเตอร์ค้างไว้ พอนักแสดงออกมาก็กดชัตเตอร์ได้ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นครับ รูปเบลอซะ


Rika เขียนกระดานอีกครั้ง บอกผมว่า ให้ปิดไฟฉาย แล้วค่อยๆ จับตาดูแมนดารินให้ดี เพราะมันกำลังจะ Mating!!! นอกจากนี้ Rika ยังดึงมือนักดำน้ำคนที่มาถ่ายรูปก่อน และอธิบายอะไรซักอย่าง(เหมือนรู้จักกันหรือเปล่า แล้วจะทะเลาะกันไหมเนี่ย 555)


นักดำน้ำคนนั้นปฎิบัติตามครับ หยุดถ่าย แล้วรอจังหวะ พอแมนดารินโผล่ออกมา ไม่ธรรมดาครับ มาเป็นแพคคู่ ว่ายออกมานอก Finger Coral เหมือนอยากจะบอกว่า


“ฉันจะจีบกัน ใครจะทำไม ออกมาโชว์ตัวกันหน่อยเร็ว”


และนี่ เป็นจังหวะ ที่นักดำน้ำคนนั้นถ่ายครับ


ถึงตาผมบ้าง ผมทำตัวให้นิ่ง หายใจช้าๆ ยาวๆ จ้องมองไปในกอ Finger Coral เห็นความเคลื่อนไหวของแมนดารินตลอดครับ ไม่ได้มีแค่ 2 ตัว มีมากกว่านั้น โผล่ตรงนั้น มาตรงนี้ และถึงจังหวะที่เขาและเธอออกมาทั้งคู่ นอก Finger Coral !!!


จังหวะนั้น ผมไม่รอช้า เพราะค้างชัตเตอร์รอไว้แล้ว ผมกดชัตเตอร์ทันที แม้จะไม่ใช่รูปที่ชัดนัก แม้ไม่ใช่รูปที่ดี แต่เป็นจังหวะที่แมนดารินออกมาทั้งคู่ ไม่ใช่โอกาสที่จะเห็นกันง่ายๆด้วย


เฝ้าดูต่อไปครับ แต่เหมือนว่านักแสดงเริ่มเขินอาย ผมยังเห็นความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เพียงแต่เขาและเธอไม่ออกมาอีก Rika เขียนกระดานอธิบายว่า วันนี้พอแค่นี้ เพราะแมนดารินไม่ออกมาแล้ว ผมให้สัญญานโอเค Rika จึงพาผมไปต่อ


ตอนแรกนึกว่าคงหมดรอบแล้วมั้ง(เหมือนสวนสนุก) ยังครับ ยังมีสัตว์ทะเล ที่น่าดูและค้นหาต่อไปอีก


เริ่มจากปลาปากแตร(Trumpetfish) ที่ว่ายน้ำกลับหัว คิดว่าเป็นปลามีดโกน(Razor Fish) หรืออย่างไร


ต่อไปปลาสิงโตครับ เป็น Spotfin Lionfish(ปลาสิงโตครีบจุด) สังเกตจุดกลมๆที่ก้านครีบ ที่แผ่ออกมาเป็นเส้น สีขาว ยาวๆ


Rika ชี้ให้ดูปู เป็นปูแมงมุม(Spider Crab) กระดองรูปหยดน้ำและลักษณะของขาแต่ละขา ค่อนข้างยาว


มาดูกุ้งบ้าง ในดอกไม้ทะเลนี้ กุ้งครับ เรียกว่ากุ้งดอกไม้ทะเลไปก่อนนะ ง่ายที่สุด


Pinnate Batfish ปลาค้างคาว สีส้มบริเวณขอบหางและครีบ ทำให้แยกชนิดจาก Teira Batfish ได้ง่าย ตัวแม่อยู่ตรงนี้ ตัวลูกล่ะ อยากเจอเหมือนกัน ยังไม่เคยเจอเลย


ทากเปลือย ดูแล้วเป็น ทากเปลือยขอบเรียบ(Chromodoris annae) ลำตัวมีสีฟ้า มีสีเหลืองอยู่ขอบนอก สวยดีครับ


ปูเสฉวน(Hermitt Crab) ตัวนี้ หน้าตาประหลาด ดูแล้วงงๆ สับสนอะไรหรือเปล่าเฮีย 555 ส่วนอีกตัวชัดเลยว่า คือ White-Spotted Hermit Crab หรือปูเสฉวนยักษ์ ดูลักษณะ ขนและสีของก้ามก็ค่อนข้างเด่นชัด


ปลิงทะเล(Sea Cucumber) Rika พยายามพลิกให้ผมดู คงจะหากุ้งครับ แล้วก็ทำสัญญานบอกผมว่า ไม่มี ท่าทางเจ้าปลิงทะเล ลำตัวอ่อนนุ่มน่าดูเลย


โพรงนี้ มีปลาไหลมอเรย์หน้าปาน(Darkspotted Moray - gymnothorax fimbriatus) ทำหน้าตาดุ เหมือนจะกัดผม ถ้าเข้าไปมากกว่านี้ ว่ากันว่า เสือ 2 ตัว อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้นี่ แต่ในโพรงมีปลาไหลมอเรย์ตาขาว(Greyface Moray) อยู่ด้วย สงสัยคงเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แม้จะเป็นคนละชนิดก็ตาม


กุ้งอีกแล้วครับ แต่คราวนี้ตัวใสมากกว่าตัวก่อนอีก เกือบไม่เห็นเลยนะ


Squaretail CoralGrouper ปลากุดสลาดจุดฟ้า อีกหนึ่งนักล่าในแนวปะการัง หันมาเหมือนจะบอกว่า “ทำอะไร เจ้ามนุษย์”


ปลาปักเป้าเล็กหลังบั้ง หรือ Black-Saddled Toby ที่เจอตอน Check Dive ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็น่ารักมากขึ้น


สัตว์ทะเลอื่นๆก็จะมีปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcupinefish) ปลาสลิดหิน(Damsel Fish) ดอกไม้ทะเลที่เหมือนกับต้นสัปปะรด และปลาอมไข่(Cardinalfish) บริเวณสะพานก่อนขึ้นพอดีเลย


ขึ้นมา ผมบอก Rika ว่า ดีมากๆ ตอนแรกเกือบมองไม่เห็นปลาแมนดาริน ต้องเอาหน้าเข้าไปจ่อใกล้ๆ ผมคิดในใจว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก หากมีหลายๆคน ก็คงต้องผลัดกัน และผมคงไม่ได้ดูนานขนาดนี้


Rika เปิดหนังสือให้ผมดูความแตกต่างของปลาแมนดารินตัวผู้กับตัวเมีย โดยตัวผู้บริเวณครีบหลังจะมีกระโดงยื่นยาว ส่วนตัวเมียไม่มี(ผมคิดในใจ ตะกี้ก็ไม่ทันสังเกตแฮะ สงสัยคงต้องกลับไปดูในรูปที่ถ่ายน่ะ)


ระหว่างคุย ชายผมยาวคนหนึ่ง ถือกล้องขึ้นมาจากน้ำ หน้าคล้ายๆคนญี่ปุ่น เอารูปมาโชว์ให้ Rika ดู ผมไปดูบ้าง ถ่ายได้เยี่ยมเลยครับ ปลาแมนดารินหน้าตรง แถมมาแบบแพคคู่ซะด้วย


ทราบภายหลังว่า ชายคนนี้ คือ Adrian ก็หนึ่งใน Divemaster ของรีสอร์ทนี่แหละ


Adrian แซวผมว่า ในรูปปลาแมนดาริน แต่ด้านหลังติดมือของผมด้วย 555


ฮาซิครับ ผมเลยบอกว่า สงสัยคงต้องใช้ Photoshop ช่วยลบมือผมออกไปแล้วล่ะ สร้างเสียงหัวเราะทั้ง Rika และ Adrian


กลับไปที่ห้อง ผมไม่ลืมที่จะหยิบกล้องไปด้วย ดังเช่นเหมือนไดฟ์สุดท้ายของวัน ที่จะต้องถอดกล้องออกมาและเอาแบตเตอรี่ไปชาร์จ

อาบน้ำเสร็จแล้ว สบายตัว มาที่ห้องอาหาร ที่นี่จะเป็นเวลาครับ ช่วงเย็น ห้องอาหารเปิด 1 ทุ่ม ถึง 3 ทุ่ม



Show Time!!!


มานั่งคุยกับกลุ่มพี่วิจิตร นอกจากอาหารบุฟเฟ่ ผมได้กินอาหารพิเศษด้วย เป็นปูตัวใหญ่ ที่พี่ๆสั่งมา และกินได้เยอะเนื่องจากเป็นมื้อเย็น ไม่มีดำน้ำอีก ไม่ต้องกลัวอาเจียน พี่สาวเมื่อกลางวันก็ถามอีกว่า


“ไปดูแมนดาริน เป็นไงบ้างจ๊ะ”


“เยี่ยมเลยครับ ดูสบาย คนน้อย เจอจังหวะที่มันออกมาเป็นคู่พอดีด้วย”


ดีจัง ของพี่เมื่อวาน ออกไป 5 – 6 คน ก็ต้องผลัดๆกันดู


คืนนี้ พิเศษครับ อาจเป็นเพราะเป็นคืนสุดท้ายที่คนไทย หลายสิบชีวิต (3 กลุ่มใหญ่ๆ) จะกลับกันวันพรุ่งนี้เช้ามืด จึงมีการแสดงโชว์ จาก Sipadan Water Village


อาจจะเป็นสาวชาวพื้นบ้านหรือพนักงานที่นี่ก็ได้ ออกมาเต้นในเพลง Waka Waka(This Time For Africa) ของนักร้องสาว Shakira , เพลงโอเคนะคะ ของ แคทลียา อิงลิซ เรียกเสียงกรี๊ด กร๊าด จากสาวๆได้ เห็นหลายๆคนยังหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย สาวๆพื้นเมืองด้านหน้านี่ พอแต่งตัว ก็สวยเหมือนกันนะ


คราวนี้แหละพื้นเมืองของจริง คุณป้าคนนี้ ออกมารำกับเพลงจังหวะแปลกๆ ไม่เคยฟังมาก่อน เดาได้ว่าเป็นเพลงพื้นเมืองแน่ๆ


ปิดท้าย การเล่นกีตาร์เพลง I ‘ m Your ของ Jason Mraz เพลงชิวๆ มีความสุข เมื่อได้เห็นสิ่งใหม่ๆ การเดินทางสู่โลกกว้าง บางทีมันก็เหมือนชีวิตเราเหมือนกันนะ


ร่ำลาพี่ๆทุกคน ขอบคุณสำหรับปู และคงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ


Moon – Sea – Light - Romantic!!!!


ยังไม่อยากเข้าห้อง เดินออกมาที่ด้านหน้ารีสอร์ท นั่งเล่นตรงสะพานไม้ ลมเย็นดีมาก เจอ 3 สาวมาเลเซีย(Lai , Lee, Lee) เลยนั่งคุย Lee กำลังถ่ายพระจันทร์ วันนี้พระจันทร์ก็สวยมากด้วย


ผมเอารูปสัตว์ทะเลในกล้อง โชว์ให้ 3 สาว ดู(ตามสัญญา) แต่ก็แอบสอนภาษาไทยไปด้วย และผมก็ได้ภาษาจีนเกี่ยวกับสัตว์ทะเลมาเยอะมาก เสียดายว่าไม่ได้จดไว้ เลยจำไม่ได้ 3 สาว จะกลับวันพรุ่งนี้ 11 โมง พวกเธอจะไป Mataking กันต่อ(เป็นเกาะที่สวยงามอีกเกาะหนึ่งในทะเลเซเลเบส)


จากนั้นจะแยกย้ายกันกลับ Tawau และ Kuala lumpur ว่าแล้ว พวกเธอขอตัวไปพักผ่อน พรุ่งนี้อาจได้เจอกันอีก เพราะพวกเธอจะไปSnorkeling ที่สิปาดันด้วย)


นึกว่าผีหลอก จำได้ว่าเมื่อซักครู่ มีพนักงานประมาณ 10 คน สวมชุดสีน้ำเงิน นั่งอยู่ตรงปลายสะพานนี่ ตอนนี้หายไปไหนแล้ว!!!!

555 มันท่าเรือนี่ครับ(ปัญญาอ่อนล่ะ ไอ้นี่) อาจมาจาก Sea Venture ก็ได้ ผมคงคุยกับสาวๆ จน เพลิน เลยไม่ได้ยินเสียงเรือ(แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ตัวใครตัวมันล่ะ)


กลับมาห้อง เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลม และเปิดประตู มาแบบนี้ ต้องรับลมทะเลซิ หาโอกาสง่ายซะที่ไหนล่ะ เมื่อตื่นนอน ภายในห้อง ชำเลืองทางซ้าย เดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็ คือ ระเบียง ที่มีวิวทะเลและน้ำใสมากๆ แบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนอนห้องแอร์หรอกครับ ถ้าจะนอน นอนที่บ้านก็ได้ (ผมว่านะ)


ล้มตัวนอน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้มาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พรุ่งนี้ไปดำน้ำที่สิปาดัน เรือออก 7 โมง 15


แต่ เมื่ออยู่กับตัวเองเงียบๆ สิ่งที่อยู่ในใจ ก็คือ คิดถึงแม่มากๆ..................


0 Comments:

Post a Comment

<< Home