Wednesday, April 28, 2010

ดำน้ำสิมิลัน....วันคริสต์มาส(2)







ผู้คนเริ่มทยอยกลับครับ ซ้อนมอเตอร์ไซด์พี่เอ๋ มุ่งหน้าสู่ Central Phuket กันเลย

ระหว่างทาง ผมมองดูเส้นทางกลับ ผ่านหาดราไวย์ มีร้านอาหารทะเลที่ตั้งเรียงราย บางร้านมีโต๊ะเล็กๆ ปูเสื่อ จุดเทียน ดูแล้วคลาสสิคเป็นอย่างยิ่ง

ผ่านห้าแยกฉลอง ที่รถติดพอดู แต่ไม่กระทบกับรถเล็กๆ ที่ลัดเลาะไปได้เท่าไรนัก

อยู่ๆผมก็คิดถึงครั้งที่เคยพาแม่มาเที่ยวภูเก็ต และคิดถึงครั้งนี้ที่พาท่านมาได้แต่เพียงจิตใจ แต่ไม่สามารถพาร่างกายมาได้ ที่แล้วมาไม่ใช่ว่าเราไม่อยากพามา แต่ท่านเลือกที่จะไม่มาเอง ไปได้ใกล้ที่สุดก็แค่พัทยา เพราะท่านเหนื่อยมาก แม้ในใจท่านจะอยากมาใจจะขาดก็ตาม(ญี่ปุ่น แม่ก็เคยบอกว่าอยากกลับไปเที่ยวด้วยกันอีก)

จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากสองแก้ม ผมเสียใจว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับผม ทำไมต้องพาแม่มาในสภาพแบบนี้ ผมไปทำกรรมอะไรไว้ถึงไม่มีแม่ให้กอด ให้ดูแล ให้กำลังใจ เหมือนคนอื่นๆ

เสียงมอเตอร์ไซด์ดังกลบเสียงทุกอย่าง มีเพียงสายลมเย็นๆคอยปัดเป่าน้ำตาจากสองแก้มของผมให้เหือดแห้งไปในไม่กี่วินาที


Central Phuket นึกว่าอยู่กรุงเทพฯ


เห็นแล้วครับ Central อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง

“จอดตรงนี้เลยก็ได้พี่ ขอบคุณมากครับ”

จดเบอร์พี่เอ๋ไว้ก่อนครับ เผื่อขากลับจากดำน้ำ อาจจะต้องมาใช้บริการแกอีกน่ะ

นัดเจอพี่เจตน์ หนึ่งใน Diver ที่นี่ครับ เอาไว้เครื่องลงแล้ว ค่อยโทรไปดีกว่า ตอนนี้ยังมีเวลาอยู่

“ตุ๊บ” ชายชราชาวต่างชาติด้านหน้าผม ตกบันไดแบบเต็มๆครับ รีบเข้าไปช่วยพยุงดีกว่า

“You ‘ re all right?” ผมถาม

“………………..” แปลไม่ออกครับ อาจจะเป็นภาษาอิตาลี เยอรมัน หรือสแกนดิเนเวีย แต่ชายคนนั้นจับมือผม เหมือนจะบอกว่าขอบคุณน่ะ

เดินต่อครับ สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่า Food Court ไปทางไหน(ชั้น 3) และ Super Market ไปทางไหน(ชั้น 1 )

โฉบไปดู Super Market ก่อนแล้วครับ เดินขึ้นไปชั้นสามดีกว่า

ก่อนถึง Food Court ร้านอาหารเยอะครับ ดูๆแล้วเป็นร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพฯ ทั้งนั้น สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวจริงๆ

มาที่ Food Court อาหารราคาไม่แพงครับ น่ากินทุกอย่าง เลือกแกงกระหรี่หมูทอดนี่แหละ พอรับอาหารมา มีชาวต่างชาติเหมือนจะสนใจครับ ว่าผมสั่งอะไร

“What is it?”

“Katsu Curry” เหลือบไปเจอชื่อเมนูพอดีครับ ไม่งั้นก็คงคิดไม่ทันเหมือนกัน ว่าจะบอกว่าอะไร

“Oh, It ‘ s sound good”

จะซาวกู๊ดหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจครับ แต่ที่กินรู้สึกว่าไม่ค่อยกู๊ดเท่าไร ทอดนานเกินไปละมั้ง แข็งมาก แกงกระหรี่ก็ดูไม่มีรสชาดเท่าไร แต่ก็หมดจานล่ะ

มีแรงต่อแล้วครับ ไปที่ Super Market เอากระเป๋าวางบนรถเข็นก่อนเลย เลือกซื้อของตามรายการ ต้องจัดสรรดีๆครับ ว่าอะไรจะวางไว้ตรงไหน

ซักพักพี่เจตน์ก็มาครับ พร้อมเพื่อนชาวต่างชาติอีกสามคน คือ ซูซี่ มาร์คและ(จำไม่ได้ครับ)

โชคดีติดบัตร Top มาครับ ก็เลยได้ลดราคาพอสมควร มีพี่เจตน์ช่วยใช้บัตรเครดิตจ่ายด้วย

“คนขับ ไว้ผมทรงรากไทรนะ” พี่เจตน์บอกรูปพรรณสัณฐานคนขับรถ

หาไม่เจอครับ หาที่นั่งก่อนดีกว่า พี่เจตน์ช่วยโทรให้อีกที สรุป คือ เคยเดินสวนกันมาแล้ว

ก่อนไปรับอีกชุดที่สนามบินต่อ แวะเซเว่น พี่เจตน์ทานข้าว มาร์คจะกดเงินแต่อ่านภาษาอังกฤษที่เครื่องไม่ออก(เห็นว่าเป็นชาวเยอรมันนะ) เลยช่วยมาร์คกดเงินที่ตู้ครับ

ที่สนามบิน มารับฝ้าย และเพื่อนใหม่สำหรับผม คือ เหม่เม๋ เด็กน้อย(อายุ 14 ปี) พี่โป๊งเหน่ง(อาของเหม่เหม) พี่นัท(Instructor ของฝ้าย) และพี่ซิม(เห็นว่าทำงานที่ออสเตรเลียครับ)

มุ่งหน้าไปทับละมุ จ. พังงา เป็นครั้งแรกที่ผมมาขึ้นเรือที่นี่ ทุกครั้งเคยขึ้นที่ท่าเรือรัษฎา จ.ภูเก็ต เป็นเพราะว่าที่นี่ใกล้สิมิลันมากกว่า ประหยัดค่าน้ำมันในการเดินทางมากกว่า หลังๆเรือ Liveaboard ทริปอันดามันเหนือ ก็มักจะมาจอดรอ Diver ที่นี่ครับ

อีกครั้งกับเรือโชคทวี



มาถึงแล้วครับ เรือโชคทวีหรือZcubatec ระหว่างที่เรือกำลังว่างๆ อาบน้ำก่อนก็ดีนะ ซักพักสมาชิกก็มากันจนครบ มีที่รู้จักแล้ว อย่างพี่ดา นิ้วนาง พี่โก้ พี่เอ พี่แจ้ ที่เป็นเพื่อนใหม่และคงต้องเจออีกหลายวันก็มี โต้ง แป้ง พี่พัท ตาล ปู นุ่น แคร์ ปิ๊ก พี่วาม เทมและเทน เท่าที่สังเกต มาคราวนี้มีรุ่นๆเดียวกันกับผมเยอะมากที่สุด เป็นนักเรียนพี่โก้ก็หลายคน ทุกครั้งที่ไปหลายๆลำจะเจอแต่คนที่อายุมากกว่าทั้งนั้น รุ่นเดียวกันมีไม่กี่คนเอง
มีข้าวต้มรอบดึกให้กินครับ มีทั้งหมูและไก่ อร่อยทั้งคู่ จากนี้ไปอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงสิมิลันแล้ว พอเรือเริ่มออก รู้สึกว่าปูกับแคร์จะหน้าซีด ออกอาการเมาเรือกันตั้งแต่แรก ก็ต้องหายากันยกใหญ่

แม้บางครั้งคลื่นจะไม่แรงแต่สำหรับคนที่ไม่เคยได้ขึ้นเรือ กินนอนบนเรือนานๆหลายวันแบบนี้และเป็น Liveaboard ครั้งแรก อาการเมาเรือจึงเกิดขึ้นได้ เป็นวันนี้ ยังดีกว่าเป็นพรุ่งนี้ล่ะครับ วันนี้ยังไม่ได้ดำน้ำนี่นา
พี่หนอม Divemaster บนเรือ มา Brief ให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับเครื่องอำนวยความสะดวกบนเรือและวิธีปฎิบัติ ต่อด้วยพี่โก้ มา Brief ให้ฟังอีกเล็กน้อย

รูมเมทห้องผม ชื่อ ปิ๊กครับ ก่อนนอนวันนี้ ผมไม่ลืมที่จะหยิบกรอบรูป ที่ใส่รูปของแม่และครอบครัว มาตั้งไว้ และหยิบเสื้อแจ๊คเก็จสีเหลือง เขียนคำว่า “Pround to be Thai” ที่แม่เคยสวมเป็นประจำ เวลาท่านออกนอกบ้าน ไปโรงพยาบาลเอาไว้กันลมและเวลาท่านรู้สึกหนาว มีผมคอยเข็นรถเข็นให้ พาท่านไปในทุกๆสถานที่ที่ท่านอยากจะไป

ตอนนี้อากาศไม่หนาว แต่ผมหนาวเหลือเกิน

และตั้งแต่วันที่แม่จากไป ผมสวมเสื้อตัวนี้ก่อนนอนทุกวันครับ


24 ธันวาคม 2552


เช้านี้ รีบตื่นมาประกอบอุปกรณ์กล้องใส่ Housing ครับ อย่าลืมทาซิลิโคนที่ยางโอริงให้ดี อย่าให้มีเม็ดทรายหรือเส้นผมอยู่ด้านใน สำคัญมาก ไม่งั้นน้ำอาจจะเข้ากล้องได้

พี่แจ้ ตื่นแต่เช้าเลย(ก็แน่ละเป็น Staff นี่นา )

เดินออกไปด้านหน้าเรือ ยกมือไหว้แม่ย่านาง อธิษฐานให้คุ้มครองคุณแม่และผม และอธิษฐานถึงคุณแม่ให้ช่วยดูแลผมด้วย

ครั้งที่สามสำหรับสิมิลัน และคราวนี้ก็มาด้วยจิตใจที่ไม่เบิกบานนัก เลยไม่ได้ถ่ายรูปกระดาน White Board เหมือนเคย(แม้แต่ Dive Site)

จำได้ว่า มีสี่ชุด ชุดแรก พี่แจ้เป็น Leader มีนิ้วนาง โต้ง พี่ดา เหม่เม๋ พี่โป้งเหน่ง พี่เจตน์และ Mr. Mark(ส่วนเพื่อนพี่เจตน์และซูซี่ มาแบบ Non-Dive ครับ) ชุดผม มีพี่หนอมเป็น Leader มีผม ฝ้าย ตุ๊ย ปิ๊ก เทมและ เทน ชุดที่เหลือก็มีพี่วาม พี่โก้ พี่เอและ แป้ง(ฝึก Divemaster) เป็นอีกสองกลุ่ม ที่คอยดูแลนักเรียนใหม่อย่าง พี่พัท ตาล ปู นุ่น แคร์

พี่พัทพึ่งจะมีปัญหาเรื่องตาพอดี ห้ามโดนน้ำน่ะ ก็ Skip Dive ไป

ซักพักสมาชิกขึ้นมากันครบ พี่หนอมก็ Brief ถึงไดฟ์แรก(Check Dive) เราจะลงกันที่หินม้วนเดียวครับ



Dive 1 Bird Manและสมาชิกของเรือลำอื่น

ก่อนมาพี่อิ๋วแนะนำให้เอายาหม่องทาบริเวณหลังหูทั้งสองข้าง จะช่วยในเรื่องการเคลียร์หู ไดฟ์แรกนี่ลืมครับ จะลองไดฟ์ต่อไป

ค่อยๆเคลียร์หู ปวดก็ลงช้าๆเหมือนเคย ไม่ไหวก็ตีขาขึ้นมานิดนึง แล้วจะรู้สึกสบายขึ้น

พี่หนอมLeader ของผม สวมหัวไก่เป็น Hood ครับ เป็นอะไรที่จำได้ง่ายมาก มองไกลๆก็รู้ว่าเป็นใคร คำว่าหัวไก่เลยคิดไปถึงนักบาส NBA ทีม Denver Nuggest ชื่อ Cris Anderson ชอบทำผมหัวตั้ง แฟนๆเรียกว่า Bird Man ที่สำคัญเป็นตัวสำรองที่ขยันมาก

ด้านล่างมีปลาการ์ตูนสองชนิดครับ เริ่มจากปลาการ์ตูนส้มขาว(False Crown Anemonefish) และปลาการ์ตูนลายปล้อง(Clark ‘ s Anemonefish)

ฝูงปลาข้างเหลืองอย่างปลากะพง(ทั้งสี่แถบและห้าแถบ) อีกทั้งปลาแพะแถบเหลือง(Yellowfin Goatfish) ก็เยอะครับ ตีเป็นวงเลย เวลาถ่ายรูปค่อนข้างเพลิน เหมือนปลาจะเล่นกับเราตลอดเวลา

ตาโตๆแบบนี้คือพี่หมู เอ้ย ปลาหมูตาโต(Big-Eye Emperor) พวกนี้มักจะอยู่กลางน้ำเหนือพื้นทรายนอกแนวปะการังครับ

นอกจากปลาหมู ฝูงปลากลางน้ำอย่างปลามงครีบฟ้า(Bluefin Trevally) จุดเด่น คือ ครีบฟ้าบริเวณกลางลำตัว ฝูงหนึ่งไม่เยอะครับ 2- 4 ตัวเท่านั้น

ปะการังอ่อน(Soft Coral)และกัลปังหา(Sea Fan)ของหินม้วนเดียวก็ยังมีความสมบูรณ์ครับ แม้จะไม่หนาแน่นมากเท่าที่อันดามันใต้ก็เถอะ ดาวขนนก(Feather Star) ก็สวยไม่เลวนะ รอบๆก็มีปลาเล็กปลาน้อยเยอะจริงๆ

ดาวทะเล(Star Fish)เซ็กซี่มาก แบบนี้มันเป้ย ปานวาด โชว์บนมอเตอร์ไซด์นี่นา 555 ใกล้ๆก็ยังมีปลิงขูด(Bohaddschia graffei)ที่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของน้ำได้ดี(มีก็คือ ดีครับ)

นอกจากหัวไก่ก็ยังมีหัวซานต้า เป็นนักดำน้ำจากกลุ่มอื่น เดาได้ว่าเป็นชาวต่างชาติ(จะมาแจกของขวัญใต้น้ำนี้เลยหรือไง 555)

ถ่ายรูปสมาชิกในกลุ่มไปเรื่อยๆ เทสฝ้าย เทสพี่เอ(ช่วงแรกพี่เอมากลุ่มผมนะ) เทสพี่หนอม เทสปิ๊ก เทสตุ๊ย เทสเทม เอ้ย เกือบไป เข็มขัดตะกั่วเกือบร่วงครับ โชคดีคว้าทัน ขออนุญาตใส่ใหม่ก่อน หายไปล่ะก็คงปิดไม่มิดล่ะคราวนี้(แสดงว่าเคยทำหล่นซิ 555)

นักดำน้ำคนสุดท้ายนี่แปลกๆ ใครหว่า มาใกล้ๆก็ถ่ายรูปให้หน่อยละกัน มีแอ๊คท่า พอถ่ายเสร็จก็ทำสัญญานขอบคุณด้วย

สิ้นสุดไดฟ์ พอขึ้นมาบนผิวน้ำ ถึงได้เห็นหน้าตาชัดๆครับว่า

นักดำน้ำชาวต่างชาติคนนี้หลงมาจากเรือลำอื่นครับ ไม่ใช่เรือของเราน่ะ

ถ่ายมั่วเลยนี่นะ 5555

พักรับประทานอาหารเช้า(ที่ความจำครั้งนี้ ผมไม่ค่อยดีนัก) ก็มาถ่ายรูปกันครับ ผมใช้กล้องคอมแพคโซนี่อีกตัว ถ่ายนิ้วนาง โต้ง พี่ดา พี่พัท ตาล แป้ง และพี่วาม(ใช้ตั้งแต่ไปสิมิลันครั้งแรกครับ เกือบพังไปทีหนึ่ง อยู่ๆก็ฟื้นคืนชีพได้)

น้ำทะเลด้านบนนี่สวยมาก(ใครจะอดใจไหว) สวยเหมือนครั้งที่ผมมาสิมิลันครั้งแรก น้ำทะเลสีฟ้าสด ตัดกับแดดจัดๆ ไม่แปลกใจว่า ใครๆก็ถือกล้องออกไปถ่ายวิวทะเลและถ่ายรูป Portrait

พักน้ำประมาณสองชั่วโมง(เกือบสาม) ก็ได้เวลาลงไดฟ์ที่สอง คือ เรือนกล้วยไม้ครับ ไดฟ์นี้ปูไม่ได้ลง คงยังมึนๆจากเมื่อวาน ตาลก็ไม่ได้ลงเห็นบอกว่ามาดำแบบชิวจะได้ไม่เหนื่อยมาก จริงๆก็คงอยู่กับเพื่อนซี้ของเธอ พี่พัทด้วยแหละ

0 Comments:

Post a Comment

<< Home