Friday, October 29, 2010

สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(1)






หลายปีก่อนสมัยเรียน Open Water ใหม่ๆ ผมคิดว่าหากมีเวลาว่างเมื่อไร ผมจะไปดำน้ำ สำรวจสัตว์ทะเลและทำในสิ่งที่ผมรัก แน่นอนว่าคงเริ่มจากเมืองไทย ส่วนในอนาคต ผมคงหาโอกาสไปสำรวจใต้ท้องทะเลยังต่างประเทศบ้าง เพื่อความท้าทายในสิ่งใหม่ๆ ต่อไป

ปัจจัยสำคัญแน่นอนครับ มีทั้งเรื่องเวลาที่คงต้องใช้หลายวันอยู่ และที่สำคัญมากๆก็คือ ค่าใช้จ่าย ก็จะสูงตามไปด้วย

ระหว่างดูแลคุณแม่ ผมเก็บเงินเดือนละ 1000 บาท เมื่อรวมเวลา 3 ปี ผมมีปัจจัยเพียงพอ จึงหันมามองว่า คงถึงเวลาแล้ว เพราะชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก เราไม่รู้ว่าวันใดจะเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งผมดำน้ำในเมืองไทยครบเกือบทุกทริปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอันดามันเหนือ ,อันดามันใต้, เกาะเต่า , ชุมพร- ร้านเป็ดร้านไก่ ,โลซิน , Fun Dive พัทยา ,แสมสาร(สัตหีบ) ,ระยอง(หินเพิง) ,ชุมพรคาบาน่า, เกาะสุรินทร์ ,เกาะหลีเป๊ะ คงเหลือแต่เกาะช้าง,เกาะกระ(นครศรีธรรมราช) , เกาะสมุย(เรือจม) และสถานที่ย่อยๆ เท่าที่ยังเหลืออยู่(และผมนึกออกในเวลานี้)

สถานที่แรกที่นึกถึง คือ สิปาดัน ซึ่งอยู่ในรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย นักดำน้ำหลายท่านบอกว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้(ภาพเต่าว่ายน้ำที่ว่ากันว่าเจอง่ายจริงๆ ที่สิปาดันลอยมาในหัวสมองทันที)

ก่อนหน้านั้นสองเดือน ผมหยิบทริปสิปาดันของบริษัมมนุษย์กบไทย ที่ได้จากงาน TDEX มาศึกษาดู วันที่ลงตัวช่วงนั้นพอดี ไม่ใช่วันหยุดวันแม่ หยุดวันพ่อ ปีใหม่ หรือสงกรานต์(วันหยุดเหล่านี้มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากไปครับ)

แต่แล้ว 4 คนที่จองไว้ในทริปนี้ ก็ยกเลิก เป็นบริษัทอื่นๆก็อาจยกเลิกทริปก็ได้ ผมถามครูจุ๋มว่า หากเหลือผมเพียงคนเดียว ผมจะไปได้หรือไม่ ครูจุ๋มบอกว่าไปได้ แต่จะใช้วิธีส่งผมไปและติดต่อกับทางรีสอร์ทให้(เป็นจังหวะพอดีที่ทริปนี้ ที่พัก คือ SIPADAN WATER VILLAGE เป็นสถานที่ที่ผมอยากมาพักพอดีด้วย นานๆมาทีครับ ไม่ได้มาได้บ่อยๆนะ กว่าจะเก็บเงินมาได้ 555)

ไม่มีแม้แต่ Staff จากเมืองไทยไปด้วยเพราะครูจุ๋มก็มีทริปอันดามันใต้ช่วงนี้เหมือนกัน อีกทั้งหากให้ Staff(ซึ่งอาจเป็นครูตุ๋ม) ไปกับผม ก็จะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายของบริษัท(เหมือนกับการทำอะไรเกินตัวด้วยน่ะครับ)

แต่ก็ไม่มีปัญหา ใจผมอยู่ที่สิปาดันแล้ว คงมีอะไรตื่นเต้นเยอะแน่ๆ เพราะต่างประเทศผมไปมาล่าสุด คือ 5-6 ปีก่อนที่ญี่ปุ่นกับครอบครัว แต่ไปคนเดียวนี่ไม่เคยมาก่อน แถมเป็นการไปดำน้ำซะด้วย ภาษาอังกฤษก็อยู่ในขั้นสื่อสารได้ แต่อาจจะน่าเกลียดบ้าง ใช้มือช่วยบ้าง คงไม่เป็นไร

แรงจูงใจในความกล้านี้ ส่วนหนึ่งผมเดินตามรอยเท้าของพี่หมอปิง(Jeafish) แพทย์ศิริราช ปัจจุบันอยู่ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย ผมไม่รู้จักแกมาก่อน จนกระทั่งค้นหาใน google และติดตามอ่านเรื่องราวในบันทึกของแกที่เดินทางไปดำน้ำสิปาดันเพียงคนเดียว(แกพักที่ KAPALAI ครับ)

ก่อนเดินทางก็เตรียมตัวเยอะ ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบินเพราะไม่มีเครื่องจากกรุงเทพไปลงเมืองตาเวา(Tawau) ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ก่อน เรียกว่าเดินทางถึงสองต่อ เตรียมบัตรดำน้ำ Advance เตรียมอุปกรณ์กล้องให้พร้อมว่าโอริงใช้ได้ในความลึกแค่ไหน โดยเช็คที่พี่กฤษแห่งร้าน Divemission ได้เอาฟินกับหน้ากากที่ซื้อมาใหม่ไปลองซะที ส่วน BCD กับ RECULATOR ไปเช่าเอาครับ เราก็ไม่ได้ดำบ่อยทุกเดือนจึงไม่จำเป็นต้องซื้อเก็บไว้ ราคาก็ไม่ต่างกันมากนัก ป้องกันปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินด้วย

ทั้ง Print คำแนะนำของพี่ๆเพื่อนๆทั้งหลาย ที่แนะนำ ไม่ว่าจะเป็นพี่แคท(Pipat) พี่หมอหมู(Suriyanun) ครูจุ๋มและครูตุ๋มแห่งมนุษย์กบไทย พี่ต้อม เจี๊ยบ และความช่วยเหลือจากพี่ป้อม(Nivach) พี่หนิง พี่โอ๊บ เป็นต้น อีกทั้งยัง Print แผนที่จุดดำน้ำ และแผนที่การเดินทาง เตรียม Passport และหลักฐานอื่นๆให้พร้อม รวมทั้งแลกเงินริงกิต(มาเลเซีย) และเงิน US Dollar(เผื่อไว้) เพราะวันไป ก่อนถึง SIPADAN WATER VILLAGE และวันกลับจากรีสอร์ท ผมต้องหาข้าวกินเอง เอาไปเผื่อไว้ และมีค่าอุปกรณ์ดำน้ำและอื่นๆอีก จิปาถะ

แน่นอนว่า ถ้าแม่ยังอยู่ ท่านคงห่วงผมมาก เพราะเป็นการเดินทางไปคนเดียวในต่างประเทศ แต่ท่านเข้าใจครับ สุดท้ายก็ต้องให้ผมไป เพราะเข้าใจดีว่า ผมจะได้ผ่อนคลาย ผมยังจำคำพูดที่แม่พูดได้เสมอๆ

“คุณไปดำน้ำ จะได้ผ่อนคลาย เห็นคุณมีความสุข แม่ก็ดีใจด้วย อยากให้คุณไปพักสบายๆ ไม่อยากให้ลำบาก

หากการสื่อสารของผม แม่รับรู้ได้ ก็อยากจะบอกว่า เราจะไปด้วยกัน แม่ไม่ต้องห่วงนะ จะพาแม่ไปดำน้ำ แม่จะได้เห็นไง ว่าโลกใต้ท้องทะเล ที่ผมชอบไปเนี่ย มันสวยงามมากแค่ไหน แม่ชอบดูปลาว่ายน้ำไม่ใช่เหรอ?

ปฐมบทแห่งการเดินทางครั้งใหม่ ตื่นเต้นและท้าทายมากกว่าเดิม ไปลุยกันเลยครับ


23 ตุลาคม 2553

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ เครื่องออก 7 โมง 10 นาที ต้องไปถึงสนามบินล่วงหน้าก่อน 2 ชั่วโมง(พ่อบอกใว้ครับว่า Flight ต่างประเทศ ต้องเผื่อเวลาไว้ 2 ชั่วโมง) ถามว่าไปทำไมเช้าๆ วันแรกต้องไปนอนค้างที่แซมโปน่าก่อนหนึ่งคืนครับ(อีกอย่าง Flight บินควรจะสัมพันธ์กัน ไป Air asia ก็ต้องเผื่อเวลาเครื่อง Delay เหมือนกัน ช่วงต่อเครื่องมีเวลา 3 ชั่วโมง ถือว่าเซฟที่สุด หากผมไปช้ากว่านี้ Flight สามโมงครึ่งจากกัวลาลัมเปอร์ไปตาเวา(Tawau) ก็อาจจะตกเครื่อง เลื่อนลงไปอีกก็ยิ่งถึงช้า(ดึกมาก)

ตอนแรกก็ว่าจะไปนอนที่สนามบินตั้งแต่สี่ทุ่มครับ กลัวตกเครื่อง กลัวอดเที่ยว อุตส่าห์เตรียมตัวมาขนาดนี้(อยากจะเป็น TOM HANK ในหนังเรื่อง THE TERMINAL ก็บอกมาเถอะ 555)

ก่อนออกจากบ้าน ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งขอให้แม่ช่วยคุ้มครองด้วย

พ่อกับพี่คนโตมาส่งครับ ก็อยากจะมา Airport Link เหมือนกัน แต่เช้าเกินมันยังไม่เปิดน่ะซิ พอมาถึง คนเยอะมาก อะไรกันนี่ ต่อช่องไหนดี ช่วงวันหยุดยาวครับ ใครๆก็เตรียมตัวมาเที่ยวกัน

มีคนมาส่งก็ดีแบบนี้ เพราะมีอะไรก็ช่วยกันได้ พี่คนโตช่วยเฝ้าของ ต่อแถวให้ ผมลองเดินไปดูช่องอื่นๆ และไปถามเจ้าหน้าที่สาว เพื่อความรวดเร็ว เธอให้ Self Check-in ครับ คือบอกรหัสการจองของผมมา ระบบจะ Random หมายเลขนั่งเรียบร้อย Print กระดาษมา 1 ใบ ไปต่อคิวในช่องที่ 1- 3 จะได้รวดเร็วขึ้น(คนเยอะมากอยู่ดี แต่ก็ยังดีกว่า)

ด้านหน้าผม เป็น Group ทัวร์ขนาดใหญ่ มาเป็นกลุ่มยิ่งนาน เพราะมาพร้อมๆกัน ไปพร้อมๆกัน Passport ก็หลายใบ เราต่อผิดแถวหรือเปล่าเนี่ย(ช้าไปแล้ว อีก 7 คิวจะถึงคิวผม จะไปต่อใหม่ก็ไม่ไหว รอหน่อยแล้วกัน เหลือบไปดูด้านขวา ฝรั่งแถวแรก ถึงคิวแล้ว มาหลังเราซะอีก ซวยล่ะ 555)

ไปกัวลาลัมเปอร์ครับ”

กระเป๋าโหลด 8 กิโลครับ(ลิมิต ไม่เกิน 17 กิโล ถ้าเกินกว่านี้ก็ซื้อเพิ่มเอา) ล๊อคกุญแจที่ซิปไว้ด้วย ป้องกันพวกมิจฉาชีพ(พี่หมูเตือนไว้เพราะเคยโดน) ถ้ามันจะแบกทั้งกระเป๋า เออ ยอม เอ็งเก่ง 555 ที่เหลือเอาขึ้นเครื่อง คือเป้สะพายหลัง ใส่ Housing อยู่ในนั้น รูปของแม่ เสื้อสีเหลืองของแม่ อุปกรณ์ดำน้ำอื่นๆ ไฟฉาย หน้ากาก(เสียดายว่า เอา Wet Suit มาไม่ได้ครับ น้ำหนักขึ้น 7 กิโล ใส่รัดๆ ก็อ๊วกตั้งแต่ไดฟ์แรกแน่นอน

ไหล่ขวาสะพาย Fin Mares สีเหลืองขึ้นเครื่อง เดินไปไหนมีแต่คนมอง(ดำน้ำมาหลายปี แต่ไม่มี Gear Bag ) ฟินมันยาวมาก ใส่ในกระเป๋าที่ขึ้นเครื่องไม่ได้ โชคดีว่าซื้อถุงใส่ฟินมา สะพายได้ สบายมาก

เรียบร้อยครับ แต่มีเวลาไม่เยอะก่อนขึ้นเครื่องเพราะเสียเวลาตรงนี้ค่อนข้างจะนาน คงต้องไปกินข้าวบนเครื่อง เดินออกมาเจอพี่จำปา (เพื่อนพี่คนโต) นักเรียนวชิราวุธรุ่น 66 คณะจิตรดา ไปจีนกับบริษัทครับ แกรู้จักกระท่อกด้วยนะ(พอบอกรุ่น 71 แกบอกว่ารุ่นเดียวกับกระท่อกนี่) (ตั้งแต่ลง Image เพื่อนกระท่อกยิ่งดังมากเลยว่ะ ภูมิใจ 555)

ของสำคัญอยู่ที่คอครับ พ่อให้มา ไม่ใช่พระแต่เป็นกระเป๋าเอาไว้ใส่ Passport และเงินริงกิต เงินดอลลาร์ พ่อบอกด้วยว่า ไปถึงให้แยกสลับไว้หลายๆที่ด้วย

พ่อกับพี่คนโตส่งเรียบร้อย บอกให้ตรงเข้าไปที่ช่อง Thai Passport มองไปด้านหลังกระจกใสก็ยังแอบมองอยู่ ความรู้สึกเหมือนตอนเข้าวชิราวุธวันแรกเหมือนกัน ที่พอส่งเข้าโรงเรียน พ่อกับแม่ต้องมาแอบมองข้างๆรั้วโรงเรียน สะอึกเข้าไปด้านในใจนิดหน่อย มองเห็นภาพเหมือนแม่กำลังโบกมืออยู่เหมือนกัน


ครั้งแรกในชีวิต ขึ้นเครื่องบินสนามบินสุวรรณภูมิ!!!

ปกติเดินทาง เลือกสนามบินดอนเมืองตลอดครับเพราะใกล้บ้านมากกว่า นี่จึงเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนกันที่จะได้ขึ้นเครื่องที่นี่

เดินมา เออ ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆว่ะ

“น้องแคร์ หรือเปล่าครับ”

“เอ้า พี่ภพ ไปไหน”

“อ๋อ พี่ไปสิปาดันครับ”

น้องแคร์ไปเที่ยวไต้หวันกับครอบครัว เธอเป็นลูกศิษย์พี่โก้ พึ่งเจอทริปแรกก็สิมิลัน ธันวาปีที่แล้วนี่เอง ว่าแล้วก็สวัสดีคุณแม่น้องแคร์หน่อย

ระหว่างต่อแถวหนักเหมือนกันนะเนี่ย กระเป๋าเป้ด้านหลัง กับฟินก็ล่อเข้าไปเกือบ 7 กิโล พอมาถึงคิว ตรวจ Passport ก็มองกล้อง ดูท่าทางกล้องจะปรับระดับเยอะมาก หมุนขึ้นมาจากเดิมซะสูงเชียว 555

เดินมาด้านใน เอาของที่ขึ้นเครื่องมาตรวจผ่านสายพาน โห ต้องถอดเข็มขัดด้วยเหรอเนี่ย(ก็มันเป็นโลหะนี่นะ) ทำไมของเรามันพะรุงพะรังจังวะ 555

ผ่านเรียบร้อย แต่ไม่มีเวลามากนัก เข้าห้องน้ำได้ก็ต้องไปต่อ เครื่องจะออกแล้ว หา GATE 5 โดยด่วน ก้าวเท้าเข้า ไกลเหมือนกันนะเนี่ย ระหว่างทางมีของขายเพียบ เจอหลังคาทรงไทย จำได้จากรูปถ่ายเลยว่า แม่ถ่ายรูปจากตรงนี้ ก่อนจะไป HARBIN และกลับมากับอาการในตอนนั้น

เลี๊ยวขวา เดินต่อไป ทางเดินยาวมาก แต่ดูจะมาถูกทางแล้วล่ะ ตามป้าย และด้านหน้าเหมือนคนมาเลเซียผิวคล้ำๆ กำลังคุยกัน (ไอ้เรามันก็คล้ำมิใช่เหรอ 555) อ่อ! นั่นถึงแล้ว


GATE 5 FD 3571 Bangkok-Kuala lumpur / My Baggage!!!

เดินลงบันไดมา เอา Passport ให้สาวพนักงานของ Air asia เช็ค น่ารักนะเนี่ย ขนาดเด็กฝึกงานนักศึกษาใกล้ๆยังน่ารักเลย เอ๋ ของผมเหมือนจะมีปัญหาอะไร ไม่ใช่ Passport แต่เป็นสติ๊กเกอร์ที่อยู่หลังตั๋ว

สาวพนักงานคนนี้ โทรศัพท์ไปปลายทางแล้วพูดว่า

“พี่ของผู้โดยสาร มันติดว่า ย่างกุ้งแน่ะ”

เวรล่ะซิ ฮาแล้วครับ จะฮาดีไหม หรือขำไม่ออกดี ผมจะไปกัวลาลัมเปอร์ แต่กระเป๋าที่โหลดไปใต้ท้องเครื่องแล้ว ติดว่า ย่างกุ้ง!!!!!! นี่จะเอาเรื่องสนุก ตื่นเต้น ตั้งแต่ก่อนไปเลยใช่ไหมเนี่ย!!

เฮ้ย มาเลเซียเว้ย ไม่ใช่พม่า(ผมนึกในใจ) หรือว่า Group Tour ด้านหน้าผม(ตอนต่อคิว) ไปย่างกุ้งแน่ๆเลย(คงจะเกิดจากความเผลอเรอของพนักงานครับ ผมพูดชัดนะ ก็ตั๋วมันยังออกถูกเลยนี่)

หลังจากสอบถาม เธอบอกว่าไม่มีปัญหาแล้ว ผมยังย้ำว่า กระเป๋าผมจะไปสนามบินกัวลาลัมเปอร์แน่นะครับ ไม่ได้ไปสนามบินย่างกุ้ง(พ่อบอกว่า ให้ถามให้แน่ๆนะ)

เป็นอันโอเคครับ(ในตอนนี้) แต่ใครเล่าจะรู้ว่า หลังจากถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์แล้ว กระเป๋าผมจะมาไหม ถ้าไม่มาคงจะแย่แน่ๆ(เรื่องใหญ่นะเนี่ย ต้องไปขึ้นเครื่องต่อนะ)

เดินไปขึ้นเครื่องครับ หลังจากมองๆดู มีนักท่องเที่ยวเยอะจริง แต่ยังไม่เจอคนที่จะไปดำน้ำเหมือนกับเรา(อันดับแรกเลย ตอนโหลดกระเป๋า ถ้าเป็นนักดำน้ำแบบ SCUBA จะมี GEAR BAG แต่นี้ยังไม่เจอ) มองในแง่ดี ไม่เป็นไรๆ ยังไงวันหยุดยาวแบบนี้ มันต้องมีคนไทยซิวะ 555


Welcome to Air Asia

เก็บสัมภาระไว้ด้านบน นั่งมองแอร์โฮสเตสสาธิต ก็ดูเพลินตาดี กัปตันบอกว่าใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 5 นาที(ถึง 10โมง 10นาที เวลาในมาเลเซีย ที่นั่นเวลาจะเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมงครับ)

ถึงตอนนี้ บอกตรงๆว่า รู้สึกกังวลเหมือนกันครับ ถ้ากระเป๋าไม่มานี่จะทำไงดีวะ คิด คิด คิด

ข้างๆผมมีคุณอาหัวโล้นๆ แกขึ้นมาก็หลับๆๆตลอด(แล้วไปยุ่งอะไรกับเขาล่ะ) 555

เขียนใบ Immigration ครับ พนักงานให้มา(ก็ส่งให้คุณอาหัวโล้นด้วย อาตื่นๆได้แล้ว) ก็จะมีถามคำถามต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ(เริ่มแล้ว) ว่าจะอยู่กี่วัน มีที่พักไหม ก่อนหน้านี้ภายในกี่เดือนไปแอฟริกาใต้มาหรือเปล่า(คงกลัวหวัดนกหรือโรคอะไรซักอย่าง) ก็ติ๊กๆไป

เครื่องนี้เป็นเครื่อง AIRBUS 360 ตอนนี้บินอยู่ในความสูง 37,000 ฟุต(11 กิโลเมตร เหนือระดับน้ำทะเล) อากาศตอนนี้ทัศนวิสัย(Visibility อยู่ที่ 10 กิโลเมตร) ถือว่าดี อุณภูมิ 27 องศาเซลเซียส

เริ่มหิว ช่วงแรกพนักงานสาวจะเสริฟอาหารสำหรับคนที่จองผ่าน internet ก่อน ส่วนอีกหนึ่งชุด พนักงานสาวจะสอบถามสำหรับคนที่สั่งบนเครื่องครับ

อาหารแน่นอนว่า ต้องแพงกว่ากินที่บ้าน แต่คงไม่ต่างกับสนามบินเท่าไร กินๆไปเถอะ ยังต้องใช้แรงอีกเยอะ อยากได้กระเพราไก่ แต่ไม่มี เอาข้าวมันไก่ย่างนี่แหละ กับน้ำ 1 ขวด(น้ำแร่ Mont Fleur) ซะด้วย ดีกว่ากินที่บ้านอีกนะเนี่ย 555

กินเสร็จก็หลับ(ตามระเบียบ) ตื่นมากัปตันประกาศมาว่าถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์แล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ใช้บริการ Air asia ผมเกือบจะเสียบใบ Immigration เมื่อซักครู่ไว้ตรงเบาะ(เหมือนใส่ขยะในรถทัวร์) โชคดีว่าดู Mr. Bean บ่อย ก็เลยสังเกต แอบมองคนข้างๆ เฮ้ยเกือบลืม เดี๋ยวต้องให้พร้อมกับ Passport ตอนตรวจคนเข้าเมืองนี่กว่า เกือบไปๆ 555

นับจากนี้ มาสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ลืมภาษาไทยไปได้ชั่วคราวเลย ถ้าไม่ได้เจอคนไทย เพราะจะไม่ได้ใช้แน่ๆ ต่อไปนี้ทุกคนที่ผมพบเจอ การสื่อสารต้องใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมดครับ(เอาแล้วซิ 555)

0 Comments:

Post a Comment

<< Home