สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(3)
หรือเราจะไปไม่ถึงสิปาดัน!!
เดินหาที่นั่ง มองดูรอบๆ ไม่เจอคนไทยซักคนเดียวครับ ที่นั่งของผมอยู่ด้านหลัง แต่ไม่ว่าจะเปิดช่องเก็บของด้านบนตรงไหนก็มีแต่ของเต็มไปหมด ไม่สามารถแทรกเข้าไปได้เลย
ไม่เป็นไรๆ เอาไว้ตรงที่เรานั่งนี่แหละ นั่งลำบากนิดหน่อย ฟินก็ไว้ตรงขา กระเป๋าก็ไว้บนตักนี่แหละ
มีความรู้สึกว่า แอร์โฮสเตสสายการบินภายในประเทศของมาเลเซีย เที่ยวนี้ สวยมากกว่าที่นั่งมาจากเมืองไทย เธอคนนี้(ตั้งชื่อหน่อยว่าแซนดร้าแล้วกัน) แซนดร้ามีผมสีออกทองๆแต่น่าจะเกิดจากการย้อม ดูแล้วเป็นคนมาเลเซีย เธอเดินเข้ามาหาผมพอดี และพูดทำนองว่า ผมควรจะเก็บกระเป๋าไว้ด้านบน เพื่อความปลอดภัย
ผมตอบไปว่า เก็บไม่ได้เพราะด้านบนเต็มทั้งหมด เธอเปิดดูก็เป็นจริงอย่างที่ผมพูด เลยแนะนำให้เอากระเป๋าไว้ที่ใต้เบาะ ซึ่งผมก็บอกว่ามันใหญ่เกินไป ใส่เข้าไปไม่ได้หรอก
เธอเห็นดังนั้นก็เลยบอกว่า ผมโอเคไหม ผมบอกโอเค เธอให้ผมยึดของให้แน่นกับตัว แม้จะฟังไม่ออกทุกคำพูดแต่พอจับใจความได้แบบนี้ เป็นอันเข้าใจตรงกันครับ(เพื่อนของเธอเดินมา เห็นเหตุการณ์ เหมือนคุยๆกันว่าทำไมให้ผู้โดยสารเอาของไว้ตรงนั้น พอเปิดช่องเก็บของมันไม่มีที่จริงๆก็ต้องยอม)
ผมนั่งริมหน้าต่างชิดขอบซ้าย(มองไปนอกหน้าต่างฝนตกปรอยๆแต่เบามาก) ตรงกลางยังว่าง ริมขวาชิดทางเดินมีคนมาเลเซียมานั่ง ดูแล้วเป็นคนท้องถิ่นที่กลับตาเวา หันมาพูดอะไรไม่รู้ ฟังยากกว่าแซนดร้า 100 เท่าครับ เผลอๆไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย เกี่ยวกับของที่เต็มนี่แหละ เราก็ต้องฟอร์มพยักหน้าแบบ Mr Bean ว่ารู้เรื่อง 555(บวกยิ้มสยามเข้าไปด้วย)
คุณลุงแกเอาของวางไว้ที่นั่งตรงกลางครับ บอกให้ผมมาวางก็ได้ แซนดร้ามาพอดี และมองตรงสัมภาระที่วางอยู่บนเบาะ ผมเลยถามเธอว่าตรงนี้ไม่มีผู้โดยสารเหรอ เธอบอกใช่ ก่อนแอร์โฮสเตสคนสวยจะทิ้งท้ายว่าให้ผมเอาของมาวางได้แต่ให้ยึดและจับให้แน่นๆนะ(You ‘ re ok? / Yes , I ‘m OK)
กัปตันประกาศก่อนเครื่องออก ฟังไม่ค่อยออก แต่ตอนแอร์โฮสเตสสาธิต ผมดูแต่แซนดร้าคนเดียวเลย พอเห็นกระดาษที่เบาะด้านหน้า หยิบมาดู คนขวาสุดในรูปเหมือนแซนดร้ามากๆครับ นึกถึงตอนไปโลซินที่นั่งนกแอร์ไปลงหาดใหญ่ ก็เจอแอร์โฮสเตสคนเดียวกับในรูปเหมือนกัน(สวยไม่แพ้กัน)
เครื่องบินทะยานขึ้นฟ้า ดูแล้วก็ยังไม่มีอะไร แต่ซักพักกัปตันพูดอะไรซักอย่าง(ฟังไม่รู้เรื่อง) แต่ดูนอกหน้าต่างมีแต่สีขาวๆ(ตอนนี้อยู่บนเมฆ) มีแสงไฟแวบๆด้วย
เครื่องเริ่มสั่นครับ พร้อมมีเสียงตึงๆ ดังเป็นระยะ หรือจะเป็นหลุมอากาศ ตอนแรกก็ไม่เท่าไร มาครั้งที่สองเริ่มมีเสียงจากผู้โดยสาร หลายคนค่อนข้างกลัว นั่งทำสมาธิไปเรื่อยๆ ถ้าเครื่องตกนี่จะว่ายังไงวะ คงไม่ทันได้เจ็บปวดแหละ คงเร็วมาก และคงจะได้พบแม่ซะที อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะ
ตึงๆ เป็นครั้งที่สาม และสั่นอีกหลายครั้ง ผมภาวนาให้แม่คุ้มครอง และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ ออกจากตรงนี้ อากาศดีเหลือเชื่อ คนละเรื่องกับเมื่อกี้นี้เลย
เสียงสัญญานบอกให้ปลดเข็มขัดได้ คุณลุงแกหันมาพูดกับผมอีกครั้ง ชี้ๆเหมือนจะไปด้านหน้า แซนดร้าเดินเข้ามาคุยกับผม บอกให้ผมมานั่งที่ของลุง และย้ายของไปไว้ริมหน้าต่าง ผมจะนั่งสบายกว่า อ้าว! แล้วลุงล่ะครับ(ผมถาม) แซนดร้าบอกว่า ลุงเปลี่ยนไปนั่งด้านหน้า มีที่ว่างอยู่ 1 ที่(คงไปนั่งกับเพื่อนของลุงแหละ)
เวลายังเหลืออีกเยอะครับ เอารูปแซนดร้ามาดูอีกหน่อย(ดูจังเว้ย จะดูให้แน่ใจน่ะครับ ว่าคนๆเดียวกันหรือเปล่า เออ เหมือนนะ ไม่ถามซะเลยล่ะ 555)
หลับดีกว่าครับ อากาศมันน่านอนจริงๆ
................................
ตื่นมาได้ยิน เสียงกัปตันบอกว่าถึงตาเวาแล้ว ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ไกลใช้ได้นะเนี่ย
Arrive Tawau Airport!
เดินถือกระเป๋าลงมา แซนดร้าขอบคุณอยู่ตรงทางออก(ลาก่อนแซนดร้า 555) ตอนนี้ตาเวาเริ่มมืดแล้ว เดินตามคนอื่นๆไปเรื่อยๆ จนถึงช่องด้านหน้าที่ต้องยื่นเอกสารให้ตรวจ ถึงจะผ่านได้
เจ้าหน้าที่ดูหมดครับ ทั้งใบ Immigration และ Passport ของผม เสร็จแล้วก็ขอบคุณซะหน่อย
ลงมารอกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่อง ระหว่างรอก็ดูป้ายโฆษณาไปพลางๆ เห็นเกาะ Mataking สวยดีนะ คงเป็นทะเลแถวๆนี้ มองไปอีก มีป้ายเกี่ยวกับ CELEBES SEA สวยจริงๆครับ ทะเลที่นี่ไกลกว่าบ้านเราเยอะ จะมีอะไรรอผมบ้างนะ น้ำในรูปก็ใสมาก จากที่ดูคนอื่นๆที่ไปมาก็สวยมาก ชักตื่นเต้นแล้ว
ได้กระเป๋าแล้ว รีบคว้าใส่รถเข็น เดินออกไปด้านนอก นี่ป้าย Sipadan Water Village ถ่ายซะหน่อย แต่ไม่มีใครอยู่ประจำตรงนี้หรอกในตอนนี้
มองหาเจ้าหน้าที่ที่จะมารับ กวาดสายตารอบเดียวก็เจอ ชายผิวคล้ำตรงนั้น ชูป้าย Sipadan Water Village (Mr. Phop Payapvipapong)
ชายคนนี้ ชื่อ ซาเนีย ครับ ซาเนียพาผมมาที่รถตู้ที่ติดป้ายและเครื่องหมายของ Sipadan Water Village ผมมองดูรอบๆ ถามว่า มีผมคนเดียวเหรอ ซาเนียบอกว่ามีคนเดียว(ฮาละครับ นึกว่าจะมีคนอื่นมาด้วย 555) แต่สำเนียงของซาเนียฟังยากมาก หลายคำภาษาอังกฤษที่บอกไป ซาเนียก็ไม่เข้าใจผม
บนรถตู้ ก็ดูเส้นทางรอบๆ ก็เหมือนๆบ้านเรา แต่ป้ายไม่เหมือน ภาษาแปลกๆเยอะไปหมด บนรถนอกจากเพลงท้องถิ่น ก็มีเพลง Hotel California ของ Eagle ด้วย(อะโท่ ไม่ธรรมดาซาเนีย)
มี Messege มาครับ คงจะเป็นพ่อโทรมา ลองโทรกลับดู ไม่เห็นได้เลยฟะ ก็กดถูกนี่นา ไว้ลองใหม่
ซาเนียบอกว่า จาก Tawau ไป Semporna ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ไปท่าเรือใช้เวลา 10 นาที จากท่าเรือไป Sipadan Water Village ใช้เวลา 10 นาที(คุยตั้งนาน ว่าจะรู้เรื่อง แค่เรื่องเวลา 555)
ถึงที่พักแล้ว ไหงเร็วจังเลย(สงสัยนิดๆ) ซาเนียชี้ให้ดูที่พักของผมคืนนี้ ชื่อว่า Heritage Hotel ไฟสีฟ้าๆประตูออกแนวจีนๆหน่อย ตรงข้ามโรงแรมเป็นที่ทำการของ Sipadan Water Village และยังมีโรงแรมอื่นๆอีกหลายโรงแรม แถวนี้ก็แหล่งโรงแรม มีหลายที่อยู่เหมือนกันนะ
ซาเนียช่วยถือกระเป๋าไปส่งในโรงแรม บอกเวลานัดหมายว่าจะมารับที่นี่ พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า (เหมือนแกจะยืนรอทิปหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ แล้วก็จากไป)
เดินถือกระเป๋าลงมา แซนดร้าขอบคุณอยู่ตรงทางออก(ลาก่อนแซนดร้า 555) ตอนนี้ตาเวาเริ่มมืดแล้ว เดินตามคนอื่นๆไปเรื่อยๆ จนถึงช่องด้านหน้าที่ต้องยื่นเอกสารให้ตรวจ ถึงจะผ่านได้
เจ้าหน้าที่ดูหมดครับ ทั้งใบ Immigration และ Passport ของผม เสร็จแล้วก็ขอบคุณซะหน่อย
ลงมารอกระเป๋าที่โหลดใต้ท้องเครื่อง ระหว่างรอก็ดูป้ายโฆษณาไปพลางๆ เห็นเกาะ Mataking สวยดีนะ คงเป็นทะเลแถวๆนี้ มองไปอีก มีป้ายเกี่ยวกับ CELEBES SEA สวยจริงๆครับ ทะเลที่นี่ไกลกว่าบ้านเราเยอะ จะมีอะไรรอผมบ้างนะ น้ำในรูปก็ใสมาก จากที่ดูคนอื่นๆที่ไปมาก็สวยมาก ชักตื่นเต้นแล้ว
ได้กระเป๋าแล้ว รีบคว้าใส่รถเข็น เดินออกไปด้านนอก นี่ป้าย Sipadan Water Village ถ่ายซะหน่อย แต่ไม่มีใครอยู่ประจำตรงนี้หรอกในตอนนี้
มองหาเจ้าหน้าที่ที่จะมารับ กวาดสายตารอบเดียวก็เจอ ชายผิวคล้ำตรงนั้น ชูป้าย Sipadan Water Village (Mr. Phop Payapvipapong)
ชายคนนี้ ชื่อ ซาเนีย ครับ ซาเนียพาผมมาที่รถตู้ที่ติดป้ายและเครื่องหมายของ Sipadan Water Village ผมมองดูรอบๆ ถามว่า มีผมคนเดียวเหรอ ซาเนียบอกว่ามีคนเดียว(ฮาละครับ นึกว่าจะมีคนอื่นมาด้วย 555) แต่สำเนียงของซาเนียฟังยากมาก หลายคำภาษาอังกฤษที่บอกไป ซาเนียก็ไม่เข้าใจผม
บนรถตู้ ก็ดูเส้นทางรอบๆ ก็เหมือนๆบ้านเรา แต่ป้ายไม่เหมือน ภาษาแปลกๆเยอะไปหมด บนรถนอกจากเพลงท้องถิ่น ก็มีเพลง Hotel California ของ Eagle ด้วย(อะโท่ ไม่ธรรมดาซาเนีย)
มี Messege มาครับ คงจะเป็นพ่อโทรมา ลองโทรกลับดู ไม่เห็นได้เลยฟะ ก็กดถูกนี่นา ไว้ลองใหม่
ซาเนียบอกว่า จาก Tawau ไป Semporna ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ไปท่าเรือใช้เวลา 10 นาที จากท่าเรือไป Sipadan Water Village ใช้เวลา 10 นาที(คุยตั้งนาน ว่าจะรู้เรื่อง แค่เรื่องเวลา 555)
ถึงที่พักแล้ว ไหงเร็วจังเลย(สงสัยนิดๆ) ซาเนียชี้ให้ดูที่พักของผมคืนนี้ ชื่อว่า Heritage Hotel ไฟสีฟ้าๆประตูออกแนวจีนๆหน่อย ตรงข้ามโรงแรมเป็นที่ทำการของ Sipadan Water Village และยังมีโรงแรมอื่นๆอีกหลายโรงแรม แถวนี้ก็แหล่งโรงแรม มีหลายที่อยู่เหมือนกันนะ
ซาเนียช่วยถือกระเป๋าไปส่งในโรงแรม บอกเวลานัดหมายว่าจะมารับที่นี่ พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า (เหมือนแกจะยืนรอทิปหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ แล้วก็จากไป)
Check in at Heritage Hotel
พนักงานสาวคนนี้ยิ้มแย้มดีครับ เธอขอให้ผมลงชื่อและขอดู Passport (มีทักทายเป็นภาษาไทยด้วยนะ คือ คำว่า “สวัสดีค่ะ” คงจะมีคนไทยมาพักบ้างล่ะ
ผมถามว่ามีคนไทยคนอื่นอีกไหม เธอบอกว่าผมเป็นคนไทยคนเดียวของโรงแรมนี้น่ะ(ชัดเจน)
ถามเรื่องการจ่ายเงิน ถามให้แน่ใจ จะได้ไม่ต้องจ่ายอีก เพราะก่อนมาที่นี่ ในแพคเกจที่ผมจ่ายไป รวมโรงแรมที่นี่ 1 คืน ด้วย ซึ่งเธอก็บอกว่า ใช่ ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีก(อืม ค่อยยังชั่ว)
พนักงานสาวคนนี้ยิ้มแย้มดีครับ เธอขอให้ผมลงชื่อและขอดู Passport (มีทักทายเป็นภาษาไทยด้วยนะ คือ คำว่า “สวัสดีค่ะ” คงจะมีคนไทยมาพักบ้างล่ะ
ผมถามว่ามีคนไทยคนอื่นอีกไหม เธอบอกว่าผมเป็นคนไทยคนเดียวของโรงแรมนี้น่ะ(ชัดเจน)
ถามเรื่องการจ่ายเงิน ถามให้แน่ใจ จะได้ไม่ต้องจ่ายอีก เพราะก่อนมาที่นี่ ในแพคเกจที่ผมจ่ายไป รวมโรงแรมที่นี่ 1 คืน ด้วย ซึ่งเธอก็บอกว่า ใช่ ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีก(อืม ค่อยยังชั่ว)
ได้ห้อง 519 ครับ พนักงานช่วยถือกระเป๋าขึ้นไปส่งด้วย ห้องดูสบาย ง่ายๆ ดี มีรูป Nudibranch ติดที่ฝาผนังด้วย(สมกับเป็นโรงแรมสำหรับนักดำน้ำจริงๆ) ถามพนักงานว่า หิวข้าวมากเลยตอนนี้ แถวนี้มีอะไรกินบ้าง พนักงานกดโทรศัพท์แป๊บเดียว(คงบอกที่หน้า Front ประมาณ 2 นาที ก็มีโทรศัพท์มา บอกเกี่ยวกับร้านอาหาร มาเป็นชุด ฟังไม่ออกทุกคำหรอกครับ จำได้ว่า เดินไปตรงนี้ เลี๊ยวตรงนี้ สรุป เดี๋ยวลงไปถามดีกว่า 555)
ลงมาถามที่หน้า Front เขาบอกว่ามีร้านอาหารทะเลอร่อย เดินออกจากโรงแรม เลี๊ยวซ้าย ตรงไป เลี๊ยวซ้าย ไม่เป็นไรครับ ผมลองเดินๆดูก่อน ก่อนออกไปก็ถามเรื่อง Morning call (คือจะให้ปลุกน่ะครับ) เอา 6 โมงเช้า แล้วกัน
เดินออกมาตรงหัวมุมด้านขวาเห็นร้านอาหารตามสั่งครับ ดูแล้วไม่น่าจะแพงมากนะ เดินผ่านไปก่อน ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ค่อยมีร้านครับ มีแต่ร้านขายของ Pizza Hut ก็ไม่เอา คนเยอะเชียว เดินกลับไปร้านแรกนี่แหละ
ร้านนี้ ชื่อ Sin Lee Cuisine ชื่อก็บอกครับ น่าจะเกี่ยวกับอาหารจีน หรือคนจีนเป็นเจ้าของ หรืออะไรก็สุดแต่จะเดา 555 ก่อนเข้านี่ สวมแว่นตาดูราคาเรียบร้อย(มืดๆ ผมจะเห็นอักษรไม่ค่อยชัด ต้องใช้แว่นช่วย) ราคาอยู่ในขั้นรับได้ ไม่แพง กินคนเดียวก็อะไรง่ายๆนี่แหละ ราดข้าวตามสั่ง
ลงมาถามที่หน้า Front เขาบอกว่ามีร้านอาหารทะเลอร่อย เดินออกจากโรงแรม เลี๊ยวซ้าย ตรงไป เลี๊ยวซ้าย ไม่เป็นไรครับ ผมลองเดินๆดูก่อน ก่อนออกไปก็ถามเรื่อง Morning call (คือจะให้ปลุกน่ะครับ) เอา 6 โมงเช้า แล้วกัน
เดินออกมาตรงหัวมุมด้านขวาเห็นร้านอาหารตามสั่งครับ ดูแล้วไม่น่าจะแพงมากนะ เดินผ่านไปก่อน ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ค่อยมีร้านครับ มีแต่ร้านขายของ Pizza Hut ก็ไม่เอา คนเยอะเชียว เดินกลับไปร้านแรกนี่แหละ
ร้านนี้ ชื่อ Sin Lee Cuisine ชื่อก็บอกครับ น่าจะเกี่ยวกับอาหารจีน หรือคนจีนเป็นเจ้าของ หรืออะไรก็สุดแต่จะเดา 555 ก่อนเข้านี่ สวมแว่นตาดูราคาเรียบร้อย(มืดๆ ผมจะเห็นอักษรไม่ค่อยชัด ต้องใช้แว่นช่วย) ราคาอยู่ในขั้นรับได้ ไม่แพง กินคนเดียวก็อะไรง่ายๆนี่แหละ ราดข้าวตามสั่ง
ดูแล้ว มีแต่ของแปลกๆเยอะครับ กินอะไรดีหว่า สุดท้ายสั่ง Thai style fried rice(เวรกรรม) 555 กับสไปร์ทมา 1 กระป๋อง
รูปร่างคล้ายๆ ข้าวผัดบ้านเราแต่ไม่มีผักคะน้า ไม่มีหอมใหญ่ แต่มีอะไรนิ่มๆครับ เต้าหู้ก็ไม่ใช่ แต่ดูแล้วอร่อยดี ฟาดไม่เหลือซักเม็ด ราคาทั้งหมดรวมน้ำก็ 7 ริงกิต 3 เซน(เป็นเงินไทยก็ 73 บาท)
เจ้าของร้านบอกว่า ผมมาจากเมืองไทยใช่ไหม ผมถามว่ารู้ได้อย่างไร(คิดในใจว่า ก็เราสั่งข้าวผัดไทยสไตล์มิใช่เหรอ 555)
เธอบอกว่า ส่วนใหญ่ คนไทย คนจีน คนฮ่องกง รูปหน้าคล้ายๆกัน เอ! หรือหน้าเราจะคล้ายคนฮ่องกงจริงๆ 555
รูปร่างคล้ายๆ ข้าวผัดบ้านเราแต่ไม่มีผักคะน้า ไม่มีหอมใหญ่ แต่มีอะไรนิ่มๆครับ เต้าหู้ก็ไม่ใช่ แต่ดูแล้วอร่อยดี ฟาดไม่เหลือซักเม็ด ราคาทั้งหมดรวมน้ำก็ 7 ริงกิต 3 เซน(เป็นเงินไทยก็ 73 บาท)
เจ้าของร้านบอกว่า ผมมาจากเมืองไทยใช่ไหม ผมถามว่ารู้ได้อย่างไร(คิดในใจว่า ก็เราสั่งข้าวผัดไทยสไตล์มิใช่เหรอ 555)
เธอบอกว่า ส่วนใหญ่ คนไทย คนจีน คนฮ่องกง รูปหน้าคล้ายๆกัน เอ! หรือหน้าเราจะคล้ายคนฮ่องกงจริงๆ 555
เดินสำรวจดีกว่า ว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง ถ่ายรูปไปด้วย มี Kingston Hotel , AIA ก็มีนะ , Pizza Hut ร้านขายเครื่องเขียน , ร้านขายยา , ร้านวีดีโอ , ร้านขนมเค๊ก , มีเลาจน์ด้วยครับ เป็นตึกสลัวๆ สิ่งที่น่าสนใจคงอยู่ด้านใน(หาเรื่องเสียตังค์แล้ว 555) ร้าน Vincci ชักเดินไกลแล้ว เดี๋ยวหลง กลับห้องดีกว่า ก่อนกลับเข้าร้าน 99 Mini Market คงเหมือนร้านเซเว่น บ้านเราครับ
ซื้อของไปกินนิดหน่อยครับ พวกขนม , นม หยิบมาแต่ละชิ้น ต้องดูว่าเป็นเงินไทยเท่าไร(คำนวน คำนวน) ยืนเพ่งกระแสจิตอยู่นาน โอเค เอาเท่านี้ๆ(6 ริงกิต 40 เซน) ก็ 64 บาทครับ
ขึ้นห้อง ลองโทรหาพ่อดู โทรไม่ได้ครับ ก็ว่ากดถูกต้อง เติมเงินมาแล้วนี่นา เปลี่ยนเครือข่ายดูก็ไม่ได้ ลองคิดๆ ดู มันแจ้งว่าเงินไม่พอ บางทีเงินผมอาจจะหมดตั้งแต่ตอนพ่อโทรมาที่กัวลาลัมเปอร์แล้ว(แบบว่ารับแล้วหักเงินไปด้วย) รู้งี้เปิดโรมมิ่งเครื่องของแม่ก็ดี เอาไว้ไปเก็บตังค์เมืองไทยก็ได้ จริงๆมาแบบนี้ ผมต้องการตัดขาดจากทุกอย่าง แม้แต่ Internet โทรศัพท์ก็เพื่อโทรแจ้งข่าวกับคนที่รักว่ายังปลอดภัยดี
ลงมาที่ Front ลองถามเรื่อง Internet ดู Front บอกว่า มาเอา Password ได้ มี Wifi ฟรี แต่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์นะ(ไม่ได้เอา I-Phone มาด้วย) นั่นแหละครับ บางทีมันก็จำเป็นนะ แต่ไม่เป็นไร ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว
เลยใช้วิธีส่ง Sms เอา ง่ายกว่าโทรศัพท์ เสียข้อความ 20 บาท(เข้าใจว่า เงินยังเหลือพอส่งได้ แต่ไม่พอโทรออก) ไม่นานพี่คนโตก็ Messege กลับมาว่า จะบอกพ่อให้ บอกดูบอลอยู่ด้วย(ในห้องผมก็ดูครับ มันมีช่อง ESPN ถ่าย Spurs กับ Everton พอดีเลย)
เอารูปของแม่มาตั้ง เอาเสื้อแม่ออกมา อาบน้ำ หาขนมกิน ชาร์จไฟ(มันเป็นสามหัวครับ ต้องหาตัวต่อจากเมืองไทยมาด้วยนะ ไม่งั้นเสียบไม่ได้) ดูบอลไป ว่าแล้วเดินทางมาทั้งวัน ค่อนข้างเหนื่อย พักผ่อนดีกว่านะ พรุ่งนี้ไม่ตื่นจะยุ่ง
ขึ้นห้อง ลองโทรหาพ่อดู โทรไม่ได้ครับ ก็ว่ากดถูกต้อง เติมเงินมาแล้วนี่นา เปลี่ยนเครือข่ายดูก็ไม่ได้ ลองคิดๆ ดู มันแจ้งว่าเงินไม่พอ บางทีเงินผมอาจจะหมดตั้งแต่ตอนพ่อโทรมาที่กัวลาลัมเปอร์แล้ว(แบบว่ารับแล้วหักเงินไปด้วย) รู้งี้เปิดโรมมิ่งเครื่องของแม่ก็ดี เอาไว้ไปเก็บตังค์เมืองไทยก็ได้ จริงๆมาแบบนี้ ผมต้องการตัดขาดจากทุกอย่าง แม้แต่ Internet โทรศัพท์ก็เพื่อโทรแจ้งข่าวกับคนที่รักว่ายังปลอดภัยดี
ลงมาที่ Front ลองถามเรื่อง Internet ดู Front บอกว่า มาเอา Password ได้ มี Wifi ฟรี แต่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์นะ(ไม่ได้เอา I-Phone มาด้วย) นั่นแหละครับ บางทีมันก็จำเป็นนะ แต่ไม่เป็นไร ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว
เลยใช้วิธีส่ง Sms เอา ง่ายกว่าโทรศัพท์ เสียข้อความ 20 บาท(เข้าใจว่า เงินยังเหลือพอส่งได้ แต่ไม่พอโทรออก) ไม่นานพี่คนโตก็ Messege กลับมาว่า จะบอกพ่อให้ บอกดูบอลอยู่ด้วย(ในห้องผมก็ดูครับ มันมีช่อง ESPN ถ่าย Spurs กับ Everton พอดีเลย)
เอารูปของแม่มาตั้ง เอาเสื้อแม่ออกมา อาบน้ำ หาขนมกิน ชาร์จไฟ(มันเป็นสามหัวครับ ต้องหาตัวต่อจากเมืองไทยมาด้วยนะ ไม่งั้นเสียบไม่ได้) ดูบอลไป ว่าแล้วเดินทางมาทั้งวัน ค่อนข้างเหนื่อย พักผ่อนดีกว่านะ พรุ่งนี้ไม่ตื่นจะยุ่ง
24 ตุลาคม 2553
หลับสบายจริงๆ ครับ ตื่น 6 โมง เป๊ะ จะไปหวังน้ำบ่อหน้าให้โทรมาปลุกคงไม่ได้ เช่นวันนี้ เขาลืม ถ้าเราไม่มีความรับผิดชอบก็คงตื่นสายแน่ๆ
จัดของ แพคกระเป๋า ไม่ลืมอะไรแล้ว ลงมาด้านล่าง รอซาเนียตรง Front นี่แหละ
หลับสบายจริงๆ ครับ ตื่น 6 โมง เป๊ะ จะไปหวังน้ำบ่อหน้าให้โทรมาปลุกคงไม่ได้ เช่นวันนี้ เขาลืม ถ้าเราไม่มีความรับผิดชอบก็คงตื่นสายแน่ๆ
จัดของ แพคกระเป๋า ไม่ลืมอะไรแล้ว ลงมาด้านล่าง รอซาเนียตรง Front นี่แหละ
ระหว่างรอ ออกไปถ่ายรูปนิดหน่อย มีแผนที่ติดอยู่ แสดงให้เห็นเลยว่า ระหว่าง Kuala Lumpur มารัฐ Sabah นี่ ไกลมาก ทำไมถึงใช้เวลา 2 ชั่วโมง ครึ่ง ก็ข้ามทะเลมาซะขนาดนี้
นี่ก็เลยเวลานัดมาแล้ว ทำไมซาเนียยังไม่มาอีก เดินไปเดินมา เริ่ม หิวข้าว เอาขนมเมื่อวานมากินก่อน กลัวว่าเดี๋ยวมาจะไม่เจอเรา(หน้ามืดแล้ว)
นั่น! มาแล้ว รถตู้ของ Sipadan Water Village กว่าจะมา Late ประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ว่าคนขับไม่ใช่ซาเนียนี่นา เป็นคนหัวโล้นคล้ายๆโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม
โป๊งเหน่งมาช่วยถือกระเป๋า(เรียกแบบนี้ไปก่อนนะ) ถูกคันหรือเปล่าวะเนี่ย(ด้านหลังยังไม่มี Gearbag ของนักดำน้ำเลย) แต่รถของรีสอร์ทใช่ มารับถูกโรงแรม ก็คงใช่แหละ ผมนั่งด้านหน้า ข้างๆคนขับ ด้านหลังมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้น เหมือนจะมาเป็นครอบครัวใหญ่ด้วย
นี่ก็เลยเวลานัดมาแล้ว ทำไมซาเนียยังไม่มาอีก เดินไปเดินมา เริ่ม หิวข้าว เอาขนมเมื่อวานมากินก่อน กลัวว่าเดี๋ยวมาจะไม่เจอเรา(หน้ามืดแล้ว)
นั่น! มาแล้ว รถตู้ของ Sipadan Water Village กว่าจะมา Late ประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่ว่าคนขับไม่ใช่ซาเนียนี่นา เป็นคนหัวโล้นคล้ายๆโป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม
โป๊งเหน่งมาช่วยถือกระเป๋า(เรียกแบบนี้ไปก่อนนะ) ถูกคันหรือเปล่าวะเนี่ย(ด้านหลังยังไม่มี Gearbag ของนักดำน้ำเลย) แต่รถของรีสอร์ทใช่ มารับถูกโรงแรม ก็คงใช่แหละ ผมนั่งด้านหน้า ข้างๆคนขับ ด้านหลังมีแต่ชาวต่างชาติทั้งนั้น เหมือนจะมาเป็นครอบครัวใหญ่ด้วย
ชักไม่แน่ใจแฮะ 555
ไกลจังเลย ทำไมยังไม่ถึงซะที จากนี้ไปท่าเรือมันแป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ แดดร้อนจัด แสบตาเป็นบ้า ไม่เห็นเหมือนเส้นทางไปท่าเรือ มันเหมือนเส้นทางไปซาฟารีมากกว่ามั้ง!
ถามโป๊งเหน่งบอกว่า ทำไมซาเนียไม่มา มันงงครับ ฟังผมไม่รู้เรื่อง ผมมองที่สติ๊กเกอร์ด้านบนกระจก ก็ใช่นี่หว่า ตรา Sipadan Water Village มาถูกคันแน่ๆ ในใจชักกลัวว่า ถ้าเกิดผิดคันขึ้นมาล่ะ จะทำยังไงดี อยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ โบกรถกลับเหรอ คงไม่ง่าย
เด็กฝรั่งสองคนปวดฉี่อีก เอาเข้าไป ผู้เป็นพ่อขอให้จอดและให้เด็กลงไปฉี่ เด็กก็วิ่งหายจ้อยเข้าไปในป่าข้างทาง มีโทรศัพท์มาหาโป๊งเหน่ง เป็นระยะ คุยกันภาษาอะไรก็ไม่รู้ ใจความคงจะถามว่าจะมาถึงกี่โมงมั้ง(เดา)
โล่งครับ เจอป้ายไป Semporna แต่อีกหลายกิโล ชักแปลกๆ แสดงว่าเมื่อวานเราไม่ได้นอนที่ semporna เรานอนที่ Tawau นี่หว่า!!
ใจหนึงโล่งว่ามาถูกทาง อีกใจนึงร้อนใจ แล้วโปรแกรมวันนี้ล่ะ ผมจะได้ดำน้ำตามโปรแกรมไหม ป่านนี้ยังไม่ถึงเลย
ไกลจังเลย ทำไมยังไม่ถึงซะที จากนี้ไปท่าเรือมันแป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ แดดร้อนจัด แสบตาเป็นบ้า ไม่เห็นเหมือนเส้นทางไปท่าเรือ มันเหมือนเส้นทางไปซาฟารีมากกว่ามั้ง!
ถามโป๊งเหน่งบอกว่า ทำไมซาเนียไม่มา มันงงครับ ฟังผมไม่รู้เรื่อง ผมมองที่สติ๊กเกอร์ด้านบนกระจก ก็ใช่นี่หว่า ตรา Sipadan Water Village มาถูกคันแน่ๆ ในใจชักกลัวว่า ถ้าเกิดผิดคันขึ้นมาล่ะ จะทำยังไงดี อยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ โบกรถกลับเหรอ คงไม่ง่าย
เด็กฝรั่งสองคนปวดฉี่อีก เอาเข้าไป ผู้เป็นพ่อขอให้จอดและให้เด็กลงไปฉี่ เด็กก็วิ่งหายจ้อยเข้าไปในป่าข้างทาง มีโทรศัพท์มาหาโป๊งเหน่ง เป็นระยะ คุยกันภาษาอะไรก็ไม่รู้ ใจความคงจะถามว่าจะมาถึงกี่โมงมั้ง(เดา)
โล่งครับ เจอป้ายไป Semporna แต่อีกหลายกิโล ชักแปลกๆ แสดงว่าเมื่อวานเราไม่ได้นอนที่ semporna เรานอนที่ Tawau นี่หว่า!!
ใจหนึงโล่งว่ามาถูกทาง อีกใจนึงร้อนใจ แล้วโปรแกรมวันนี้ล่ะ ผมจะได้ดำน้ำตามโปรแกรมไหม ป่านนี้ยังไม่ถึงเลย
Arrive Semporna!
เข้าใกล้ท่าเรือครับ พอเห็นโรงแรม Seafest อ๋อ ทันที นี่คือ โรงแรมที่พี่ป้อมจัดมาพักเวลามาทริปสิปาดัน ผมเคยเห็นในรูปแน่ๆ (แต่แกจัดไปนอนที่ Seaventure นะ)
นี่ล่ะครับ Semporna ของจริง ลงจากรถ ก็ลงเรือ Speed Boat ที่ทางรีสอร์ทจัดมารับ จะมีป้ายเขียนเลยว่า Sipadan Water Village เหมือนเป็นประตูที่จะพาผมไปสู่อีกโลกนึง
นอกจากฝรั่งแล้ว ก็ยังมีสามสาวหน้าตาคล้ายคนจีน สามคน อยู่ด้านหลังด้วย วันนี้อากาศดีครับ ทะเลเรียบ แดดแรง นั่งเรือไปไม่นาน นั่น! ทางซ้าย Seaventure อีกหนึ่งที่พัก เวลานักดำน้ำมาสิปาดันนี่เอง
0 Comments:
Post a Comment
<< Home