Monday, November 29, 2010

สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(7)




25 ตุลาคม 2553

ลืมตามา อากาศเย็นสบายดีมาก รู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างนอกชาน ที่เปิดไว้เมื่อคืนนี้ ไหนดูซิ ว่ากี่โมงแล้ว อ้าวเพิ่ง ตีห้า สิบห้า เอง ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เสียอีก น่าแปลกว่า มีแต่ความสดชื่น ไม่มีความงัวเงียหลงเหลืออยู่เลย

แต่มันยังมืดอยู่ นอนเล่นไปก่อนก็แล้วกัน ได้ยินเสียงกุกกัก เสียงคนเดิน ลองมองออกไปดู เป็นกลุ่มพี่วิจิตรนั่นแหละครับ เดินทางกลับประเทศไทยเช้านี้

เห็นพระอาทิตย์กำลังส่องแสง นึกขึ้นได้ว่า กิจกรรมที่ทำเป็นประจำ เวลามาทะเล ก็คือ การถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งมักจะตื่นได้เองโดยอัตโนมัติ พระอาทิตย์ขึ้นที่ Sipadan Water Village คงหาดูไม่ได้ง่ายๆล่ะ(กว่าจะได้มาอีกรอบ ไม่รู้อีกกี่ปี)

10 นาที ที่ตั้งกล้อง ก่อนที่แสงจะสว่างจะมากเกินไปกว่านี้(ใช้ที่นอนไม้ นอกชานเป็นขาตั้ง) บรรยากาศดีจริง ตาแทบจะถลนในขณะที่ผมมองไปที่ผิวน้ำ เจอปลาวัวไตตัน กับ ปลากระมง ด้วยนะ(แต่ถ่ายไม่ทัน)

แปรงฟันอย่างเดียว น้ำไม่ต้องอาบ(เดี๋ยวก็ลงน้ำอยู่แล้ว) จัดของดีกว่าครับ หยิบกระเป๋า OCEAN PACK ใส่ของลงไป ทาซิลิโคนที่โอริง เบิ่งตาดูว่าไม่มีเส้นผมหรือเม็ดทราย ก่อนที่จะประกอบกล้องเข้ากับ Housing

“สวัสดีครับพี่ โชคดีนะครับ” ผมกล่าวคำร่ำลา พี่ๆในกลุ่มพี่วิจิตร ก่อนจะเดินไปห้องอาหารและไป Dive Center


ยังเหลือคนไทยอีก 2 คน!!!


หากไม่นับพี่วิทย์ที่เป็น Divemaster ของที่นี่แล้ว ยังเหลือคนไทยอีกสองคน ที่อยู่ต่ออีก 1 คืน ว่าแล้วแกก็ชี้ให้ดูบนกระดาน มีชื่อคนไทยอีก 2 คน ไปสิปาดันเช้านี้เหมือนกัน แต่ก็ไปคนละลำกับผมอยู่ดีแหละ

คนไทยสองคนก็อยู่ตรงนี้นี่เอง ทักทายพี่ๆหน่อย ชื่อว่า พี่หนึ่งกับพี่ปุ๋มครับ ดูสนิทสนมกับพี่วิทย์พอสมควรเลยล่ะ(พี่หนึ่งบอกไปดำน้ำแต่พี่ปุ๋มขอพัก คงไม่ดำในวันนี้)

ดูรายชื่อต่อ ลำของผมเหรอครับ ฝรั่ง 1 คน ที่เหลือญี่ปุ่นหมด(จะ Inter ไปถึงไหนล่ะนาย 555) วันนี้ดำสามไดฟ์ที่สิปาดัน ดำ 2 ไดฟ์ แล้วกลับมากินข้าวเที่ยง แล้วกลับไปช่วงบ่ายอีก 1 ไดฟ์

มองดูตรงสะพาน ที่ผิวน้ำ นอกจากน้ำจะใสแล้ว ผมเห็นฝูงปลาชนิดหนึ่ง รวมตัวกัน ไม่ต่ำกว่า 200 ตัว โอ้ สุดยอดจริงๆ
เรือของผมชื่อ Lady Ai Yuen ส่วน Divemaster คือ Jimmy ลงเรือแล้วไปกันเลยครับ

มุ่งหน้าสู่เกาะสิปาดัน!!!


จำได้ว่า ชายคนนี้มาพร้อมกับผมนะ จำบนเรือที่ฝั่ง Semporna ได้ ลองคุยๆดู เป็นคนอิตาลีครับ ชื่อ Edu ว่าแต่ฟังยากชะมัด หรือเรือจะเสียงดัง แต่ที่แน่ๆ กล้อง สโตป พร้อมแบบนี้ ดูเป็น Professional มากๆ

มีเรือวิ่งขนาบข้าง หันไปดูเป็น 3 สาว มาเลเซีย (Lai , Lee, Lee) โบกมือให้ซะหน่อย พวกเธอไปสิปาดันเหมือนกัน แต่ไป Snorkeling

สำหรับเกาะสิปาดัน ผมพอทราบในเบื้องต้นว่า เป็นเกาะที่สมัยก่อนมีรีสอร์ทเอกชนตั้งอยู่ แต่พอรัฐบาลมาเลเซีย เอาจริง และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นหลัก ก็มีคำสั่งให้รื้อรีสอร์ทแห่งนั้นออก พร้อมทั้งให้ทหารเข้ามาดูแล ทั้งยังจำกัดจำนวนนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวที่ขึ้นเกาะในแต่ละวัน ทำให้ทรัพยากรที่เกาะแห่งนี้ ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก

วันนี้ทะเลเรียบ เรือวิ่งสบาย ถือว่าอากาศดีครับ อ้าว ถึงแล้วเหรอ เร็วจริงๆ


Sipadan Island / Signature


สะพานไม้ ปลายทางมีป้ายเขียนว่า “Welcome Sipadan Island Park - Sabah , Malaysia” เปรียบดังประตูสู่เกาะสิปาดัน เมื่อมาถึงก็ต้องมาลงชื่อ นามสกุล สัญชาติ ว่าเป็นใครกันบ้าง(เรื่องค่าธรรมเนียมในการเข้าก็ว่ากันไป ส่วนใหญ่ทางรีสอร์ทก็จะจัดการให้เรา เพราะรวมอยู่ในแพคเกจที่จ่ายมา) มองเห็น 3 สาว มาเลเซีย กับ Junior อยู่ตรงสะพาน ด้วย

แดดยังไม่ค่อยมีแต่พอมองเห็นในเบื้องต้นว่า ทรายขาว ละเอียดมาก อาจต้องรอให้มีแดดจึงจะเห็นความสวยงามที่แท้จริง ที่แน่ๆ ป้ายคำว่า “ Please Do Not Feed The Fish - fish feeding upset the biological balance on the reef” คงเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี ในความจริงจังของรัฐบาลมาเลเซีย ว่าการให้อาหารปลาทะเล ทำให้ความสมดุลของระบบนิเวศเปลี่ยนไป(ขออธิบายอีกครั้งก็แล้วกันครับ เปลี่ยนไปยังไง ยกตัวอย่างบ้านเราก็ได้ เช่น หมู่เกาะพีพี กรุ๊ปทัวร์มักจะโฆษณาว่า ให้ขนมปังกับปลาซิ ปลาเชื่องมาก มากินขนมปังกับมือเลย แต่สังเกตให้ดีว่า ปลาที่มากินขนมปังมากที่สุด คือ ปลาสลิดหินบั้ง ตัวลายๆอมเหลือง มีอุปนิสัยก้าวร้าว แพร่พันธุ์เร็ว เมื่อปลารู้ว่ามีขนมปังก็จะมากิน ไม่หาอาหารเอง และเมื่อปลาสลิดหินลายบั้ง มีมากขึ้นก็จะขับไล่ ปลาในแนวปะการังอื่นๆ เช่น ปลาสิงโต ออกนอกเขตปะการัง และปลาสิงโตก็จะตายในที่สุด ลองเปรียบเทียบดูเวลาไปสน๊อคเกิ้ลในหลายๆพื้นที่ แล้วเปรียบเทียบกันนะครับ)

ต้องกลับขึ้นเรือก่อน เดี๋ยวคงได้กลับมาอีกในช่วงพักระหว่างไดฟ์ เรือ Lady Ai Yuen พาผมมาจุดดำน้ำแรก ที่ชื่อว่า Barracuda Point Jimmy อธิบายว่า ให้ดำน้ำไปทางไหน ดำเวลาเท่าไร สัตว์ทะเลที่คาดว่าจะได้เจอ Jack fish , Shark , Turtle , Barracuda เป็นต้น

“Maybe Hammerhead Shark?” ผมพูดขึ้นมา ขำๆ เพราะรู้ดีว่าคงไม่เจอหรอก

“Maybe” Jimmy ยิ้ม และคนอื่นๆในเรือก็หัวเราะเหมือนๆกัน

Back Row ลุยกันเลยครับ

Dive 4 My God นี่เหรอใต้ทะเลที่สิปาดัน!!!!

น้ำใสมากๆครับ ลงมาก็เจอกำแพงสีเงินทันที เป็น Jack Fish(หรือ ปลากระมง) ฝูงใหญ่ แยกชนิด คือBigeye Trevally อยู่ห่างจากผิวน้ำ 1- 3 เมตรเท่านั้น ถ้า Snorkeling ไม่ต้องพูดถึง เห็นชัดๆ แบบเต็มตา

ปลากลางน้ำที่เป็นปลาเศรษฐกิจแบบนี้ แถมฝูงใหญ่หลายร้อยตัว คงไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ในระดับความลึกไม่ถึง 3 เมตร อาจเป็นเพราะที่นี่มีความเข้มงวดมากก็ได้ ปลาก็เลยอยู่ได้ อย่างมีความสุข

ฉลามตัวแรกมาแล้วครับ เร็วจริงๆ Jimmy เขียนกระดานบอกแล้วชี้ให้ดู ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย เป็น Whitetips Shark(ฉลามครีบขาว) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า triaenodon obesus เป็นนักล่าที่สง่างามจริงๆ

ไม่นานนัก Jimmy เรียกอีก นั่น มาอีกตัวแล้ว ลำตัวเพรียว ยาว ทำไมเจอง่ายจัง เอ้า! ถ่ายรูปซะ

ว่ายน้ำแล้ว ต่อไป ฉลามนอนบ้าง Whitetips Shark ตัวนี้ นอนอย่างสบายอารมณ์ โดยมีเหาฉลาม(Shark Sucker) เกาะอยู่บนหัว เป็นเหาฉลามนี่สบายครับ ว่ายน้ำก็ไม่ต้องว่าย เกาะอย่างเดียว อาหารก็มีให้กิน ผมค่อยๆขยับเข้าไปอย่างช้าๆ เพราะถ้าพรวดพราดเข้าไป เจ้าครีบขาวหนีแน่ๆ คนที่ตามมาก็อาจจะไม่ได้ถ่ายรูป

ดูฉลามว่ายน้ำของจริง ในธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่ดีมาก อยากให้เมืองไทย เจอฉลามง่ายๆแบบนี้ รับรองว่าการท่องเที่ยวยิ่งบูม แต่ต้องแก้ปัญหาการจับปลาให้ได้ก่อน ฉลามในเมืองไทยถูกคุกคามจนเหลือน้อยมากแทบจะหาไม่เจอเวลาดำน้ำ

มาดูพี่เต่ากันบ้าง เดี๋ยวจะน้อยใจ Green Turtle หรือเต่าตนุ ว่ายน้ำอย่างสวยงาม ผมตีขาตามเจ้าเต่าตนุ ก่อนจะถ่ายรูปในระยะใกล้ ได้เห็นผู้เฒ่าเต่าชัดๆ แววตาของสัตว์ที่รักสงบ ดูแล้วก็มีความสุขตามมันนะ

มาดูเจ้าปลาลูกดอกเพลิง(Fire Dartfish) โผล่ออกมาง่ายๆ แถมยังไม่หนี แบบนี้ก็เสร็จซิ 555

ปะการังแข็งและปะการังอ่อนของที่นี่ ดูแล้วขัดแย้งกับสัตว์ทะเลที่เจอซะเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เคยคิดว่า ที่ไหน ปะการังแข็งและปะการังอ่อนเยอะ สัตว์ทะเลหายากน่าจะพบได้ง่าย ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วล่ะครับ

ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) สำหรับที่นี่ดูจะยังไม่ดุเท่าไร ว่ายผ่านไปแบบไม่สนใจใคร ต่อด้วยปลาวัวตัวตลก(Crown Triggerfish) ที่ไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่ ลวดลายที่เหมือนตัวตลก มีสไตล์ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เป็นปลาวัวชนิดหนึ่งที่น่ารักมาก

ปลาโนรี(Longfin Bannerfish) ที่ดูจะธรรมดาในเมืองไทย แต่ที่นี่ไม่ธรรมดา เพราะมาเป็นฝูง ผมไม่เคยเห็นปลาโนรีเป็นฝูงแบบนี้มาก่อน ส่วนใหญ่พบครั้งนึงก็ 1- 2 ตัว

ปิดท้ายไดฟ์ ด้วย Whitetips Shark กำลังนอน(ท่าทางคงพึ่งกินอาหารไปเร็วๆนี้) เขาว่าสิปาดันเต่าเยอะใช่ไหมครับ แต่เฉพาะไดฟ์นี้นะ ฉลามเยอะกว่า มาจากทุกทิศจนไม่ต้องกลัวเลยว่า จะถ่ายรูปไม่ได้ เพราะมีมาให้ยลโฉมโดยตลอด

ขึ้นมาหายใจด้วยจมูกบ้าง ก็ดีไม่แพ้กัน ผมรอให้คนอื่นๆขึ้นเรือไปก่อน พอขึ้นมา แสบๆบริเวณขา เนื้อพองขึ้นมา สีแดงๆ อาจโดนไฮดรอยก็ได้ คงจะไปถูกโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างถ่ายรูป ไม่เป็นไรครับ อยากใส่ขาสั้นลง ก็ต้องมีโดนแบบนี้บ้าง แต่ว่ายน้ำและเคลื่อนไหวสบายจริงๆนะ (อุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียส สบายๆ ความลึกน่ะเหรอ เฉลี่ยแค่ 10 เมตร ลงลึกสุด 20 เมตร ถือว่าตื้นมากๆ)

เรือ Lady Ai Yuen พาผมกลับไปที่เกาะสิปาดัน พร้อมกับคำถามในใจที่ว่า เหตุใดบ้านเราถึงไม่มีฉลามให้ดูมากแบบนี้ ทั้งๆ ที่ใต้น้ำของเรา สวยกว่าของเขาซะอีก

ความสวยงามของเกาะสิปาดัน – เมื่อเจ้าเงาะถอดรูป!!!!


บอกได้คำเดียวว่าสวยมากๆ มีแดดกับไม่มีแดด แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้แดดจัด น้ำทะเลใสราวกับกระจก สีฟ้าอ่อนทำให้สบายใจ(หยิบแว่นเรแบนของพ่อขึ้นมาใส่ จะได้ช่วยถนอมสายตา แม้จะเป็นแว่นยุคเก่าแล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่มีใส่นะ)

Jimmy ก็ใส่ Rayban เหมือนกันครับ ผมบอกว่า เหมือนกันๆ เหมือนของพ่อเป๊ะเลย

3 สาวมาเลเซีย(Lai , Lee, Lee) กำลังถ่ายรูป เข้าไปทักทายซะหน่อย ไปถ่ายรูปให้ด้วย(ทำงานหน่อยๆ) หลายๆช๊อต กระโดดด้วย แดดแรงมาก เห็นข้อดีของแว่นกันแดดแล้ว ปกติมาทะเลก็ไม่ค่อยได้ใส่เหมือนกันนะ

เจอพี่หนึ่ง เลยเข้าไปคุยซะหน่อย พี่หนึ่งมาเกาะสิปาดัน วันนี้ เป็นวันที่สองครับ แกยังแนะนำผมเลยว่า ถ้ามีโอกาสให้มาที่นี่ 2 วัน นะ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม

ไปทานข้าวครับ แต่ละรีสอร์ทก็จะจัดอาหารมาให้นักดำน้ำทานระหว่างพักไดฟ์ที่นี่ มีสัตว์ครึงบกครึ่งน้ำ ที่อยู่ในความสนใจของทุกคน ต้องเข้าไปถ่ายรูป

บ้านเราเรียกอย่างสุภาพว่าตัวเงินตัวทอง(หรือตัว......) นั่นเอง

ที่นี่ก็เหมือนอุทยานแห่งชาติบ้านเรา มีห้องน้ำ มีบ้านพัก(แต่สำหรับทหาร มิใช่นักท่องเที่ยว) บรรยากาศมีต้นไม้ใหญ่ ค่อนข้างร่มรื่น ผมเดินมาถ่ายรูปความสวยงามของน้ำทะเล จัดมุมถ่ายบ้าง เอารองเท้าแตะไปวางบ้าง เอาแว่นตาไปวางบ้าง ถ่ายวีดีโอบ้าง

พักประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที Jimmy ก็เรียกไปขึ้นเรือ Lady Ai Yuen เพื่อดำในไดฟ์ต่อไป ผมถาม Jimmy ว่า ก่อนมาที่นี่ นึกว่าจะมีภาพทหารยืนถือปืนอย่างเข้มงวด ใครขึ้นเกาะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดนยิงทันที Jimmy ยิ้มๆ บอกว่า มันไม่ใช่หรอก ไม่ถึงขนาดนั้น

ส่วนเรื่องเต่า Jimmy บอกว่า ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น Green Turtle (เต่าตนุ) ไม่ใช่ Hawksbill Turtle (เต่ากระ) ซึ่งตรงกันข้ามกับบ้านเราที่พบ ชนิดหลังมากกว่าชนิดแรกนะ

จุดต่อไปเรียกว่า South Point ครับ


0 Comments:

Post a Comment

<< Home