Saturday, November 28, 2009

บทความจากพี่น้อง – เขียนถึงแม่และผมในอนุมานวสาร


“โดยปกติแล้ววชิราวุธวิทยาลัยมีการสรรหานักเรียนเก่าดีเด่นที่ทรงคุณค่า ในด้านต่าง ๆ และทำการประกาศเกียรติคุณในวันคืนสู่เหย้าเป็นประจำทุกปี
ทุกท่านที่ได้รับคัดเลือกประกอบด้วยคุณสมบัติที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้แก่โรงเรียน ด้วยคุณสมบัติอะไรบ้างนั้น ผู้เขียนไม่ทราบ แต่ถึงทราบก็คงไม่เกี่ยวกับข้อเขียนนี้สักเท่าไร เพราะลูกวชิราวุธที่กำลังจะเขียนถึงนั้น ถึงแม้จะดี แต่คงไม่เด่นพอจะเป็นที่น่าสนใจ เขาเป็นเพียงนักเขียนคนหนึ่งในคณะบรรณาธิการของหนังสือข่าวอนุมานวสาร และเป็นลูกที่มีความกตัญญูต่อบิดามารดาอย่างหาได้ยากยิ่ง...เท่านั้น

แม้วันแม่จะผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่สำหรับ ‘ภพ พยับวิภาพงศ์’ ทุก ๆ วันของเขาคือ วันแม่

ภพ หรือ วุ่น หรือกระสาบของเพื่อน ๆคนนี้ ผู้เขียนเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน แต่ในช่วงเวลาที่ไม่นานนี้เราจะพบกันค่อนข้างบ่อยที่โรงพยาบาล และทุกครั้งที่
ได้พบ เขาจะอยู่ข้างหลังเก้าอี้รถเข็น (Wheel chair) ของแม่เสมอ

หลังจบปริญญาตรีด้านกฎหมาย ภพทำงานได้พักเดียวก็ได้รับข่าวร้ายเรื่องมะเร็งในปอดของคุณแม่ซึ่งโรคภัยชนิดนี้ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด

ในฐานะลูกชายคนเล็กในจำนวนสามคนซึ่งเป็นโอวีทั้งหมด และขณะนั้น เป็นผู้ซึ่งมีเงินเดือนน้อยที่สุด ตามที่ภพเล่าไปยิ้มไปตามแบบฉบับของเขา เขาจึงลาออกจากงานมาดูแลพยาบาลคุณแม่อย่างเต็มเวลา เต็มเวลาในที่นี้หมายถึงทุกวัน ทั้งกลางวันและกลางคืน จะยกเว้นก็แต่บางวันหยุดสุดสัปดาห์ที่คุณพ่อหรือสมาชิกในครอบครัวซึ่งปกติมีภาระหน้าที่ทางการงานมาผลัด นั่นแหละ ภพจึงมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ

เราพูดจาโต้ตอบกันทาง facebook บ้าง และจาก facebook นี่เองทำให้ผู้เขียนได้ทราบถึงความสนุกสนานรื่นเริง รักธรรมชาติโดยเฉพาะการท่องเที่ยว การดิ่งลงสู่โลกใต้น้ำและความรักในสัตว์ทะเลของภพ นอกจากบทความที่ลงในหนังสืออนุมานวสารแล้ว เขาเขียนบทความร่วง ๆ ไว้หลากหลาย ล้วนแล้วแต่บรรจุไปด้วยความรื่นรมย์ ทัศนคติที่ดี และมีไม่น้อยที่แสดงให้เห็นความห่วงใยอาทรถึงมารดาผู้ให้กำเนิด

คุณแม่ของภพเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก ช่างคุย ให้ความเป็นกันเองแก่ผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง ในวันแรกที่ได้พบกันคุณแม่กำลังนอนพักเพื่อรอการให้เคมีบำบัด ท่านเล่าให้ฟังถึงคุณพ่อและลูกชายทั้งสามคนอย่างร่าเริง เล่าถึงการเดินทางท่องเที่ยวเมื่อครั้งที่ยังแข็งแรง เล่าถึงลูกชายคนโตที่เป็นแพทย์ เล่าถึงความหวังที่จะได้เห็นหลานจากลูกชายคนที่สองในอีกไม่นาน เมื่อพูดถึงภพ ท่านมองลูกชายที่เฝ้าพยาบาลอยู่ด้วยสายตาแห่งความภาคภูมิใจ คุณแม่พูดถึงความโชคดีที่มีลูกดี ต่อให้ใครดูแลก็ไม่เหมือนลูกของเรา ฯลฯ หลาย ๆ คำพูด ในวันนั้น
ผู้เขียนเชื่อว่าอาจทำให้ใครก็ตามที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ฟังแล้วอาจจะถึงกับน้ำตาคลอ

ระยะหลังเมื่อมีน้ำในปอดมากขึ้น เมื่อเริ่มเหนื่อย การพูดคุยก็ลดน้อยลงเป็นลำดับมีแต่รอยยิ้มจาง ๆ และคำพูดเบา ๆ แต่ไม่ว่าช่วงใดเวลาใด ในวันที่สดชื่นรื่นเริง ในวันที่ตระหนกจากอาการที่ผันแปรของโรค ในวันเครียดของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งต้องดูแลผู้ป่วยเป็นเวลานานโดยไม่มีโอกาสและเวลาแห่งความ
สนุกสนานอย่างที่เพื่อนในวัยเขาพึงจะมี ไม่ว่าจะวันใดน้องชายคนนี้ของเราอยู่กับแม่ของเขาเสมอ เขาขับรถพาแม่มาโรงพยาบาลหลายครั้งต่อสัปดาห์ เข็นถังอ๊อกซิเจน ประคับประคองนอนเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาล และนอนหน้าเตียงแม่ทุกวันเมื่ออยู่บ้าน

ทำเช่นนี้อย่างไม่ว่างเว้นเป็นเวลาถึง ๒ปีกับอีก ๗ เดือน

ไม่ต้องพูดถึงความเศร้าเสียใจและน้ำเสียงที่สั่นเครือเมื่อเขาโทรมาแจ้งข่าวว่าในที่สุด คุณแม่ได้จากไปเสียแล้ว

หากความกตัญญูกตเวทีเป็นความดีสูงสุดที่มนุษย์พึงมีตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ ภพได้ทำในสิ่งที่หลายคนไม่มีแม้ความกล้าและกำลังใจที่จะทำ มีความเสียสละอย่างล้นเหลือ เป็น สุภาพบุรุษ ที่หากล้นเกล้าฯ ได้ทรงทราบด้วยญาณวิถีใดก็คงจะทรงพอพระทัยใน “ลูกวชิราวุธ” ของพระองค์ท่าน เป็นคนหนึ่งที่เรื่องราวของเขาควรจะถูกบันทึกไว้ในA Century of Pride น่าภูมิใจแทนวชิราวุธวิทยาลัยที่ได้สร้าง “คนดี” ขึ้นมาอีกคนหนึ่งสมดังพระราชปณิธาน

การสรรหานักเรียนเก่าฯ ผู้ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ยังคงจะดำเนินต่อไปดังเช่นทุกปี แต่สำหรับวงเล็ก ๆ ของพวกเรา ตำแหน่ง “ลูกวชิราวุธดีเด่น” ในใจของชาวอนุมานวสาร ได้ถูกมอบให้ “ภพ พยับวิภาพงศ์”ไปเรียบร้อยแล้ว โดยปราศจากความลังเลและด้วยความภาคภูมิใจ / อโนมา ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา

ขอขอบคุณพี่น้องและทีมงานอนุมานวสารทุกท่านครับ ผม คุณพ่อและพี่ชายรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และผมเชื่อมั่นว่า หากคุณแม่ได้อ่านบทความในอนุมานวสารฉบับนี้ ท่านก็จะรู้สึกภาคภูมิใจมากๆ เช่นเดียวกัน

ที่มา อนุมานวสารฉบับเดือน กันยายน-ตุลาคม 2552โหลดอ่านฉบับเต็มได้ที่ www.ov.in.th/category/anumarn/

0 Comments:

Post a Comment

<< Home