Sunday, November 08, 2009

ความรู้สึกที่เรียกว่า “เหงา”


น่าแปลกครับ ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกเช่นนี้จะเกิดกับผม คนที่มักจะแบกเป้ไปนอนเกาะและเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆคนเดียวเป็นประจำ


เพื่อนผม ชื่ออีแอก มักจะถามผมเสมอว่า “ไปคนเดียวไม่เหงาบ้างเหรอ” ผมตอบแบบมั่นใจว่า “ไม่เลยว่ะ” นั่นเป็นเพราะว่าในระหว่างทาง ผมมีเพื่อนใหม่มากมาย ที่สำคัญ เวลาผมนอนคนเดียว ผมมีคนที่ห่วง และเธอก็ห่วงผมมากๆเช่นกัน เราโทรหากันเป็นประจำ


ผมถามเธอว่าทานข้าวได้ไหม นอนหลับสบายดีไหม


เธอถามผมว่า ข้างๆเก้าอี้ที่ผมนั่งบนรถทัวร์เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมนอนยังไง ที่ไหน ลำบากหรือเปล่า นอนสบายๆบ้างก็ได้ ไม่ต้องเสียดายตังค์ เดี๋ยวแม่จะออกตังค์ให้ ไปดำน้ำระวัง อันตราย คุณห้ามป่วยนะ ถ้าป่วยแม่จะแย่แน่(ไม่มีใครดูแล)


แน่นอนครับ ผมดูแลสุขภาพอยู่ตลอด นั่นเพราะไม่อยากให้ป่วย ปีนึง น่าจะเป็นไข้ซักครั้งก็น่าจะเก่งแล้ว ถ้าป่วยเมื่อไร ก็จะนอนซม(แต่ไม่นาน) แน่นอนว่า แม่ผมก็จะลำบากพอสมควร แม้มีคนมาดูแลแทน แต่ก็ไม่ถูกใจท่าน 100 เปอร์เซ็นต์


วันนี้ ผมนั่งกินบะหมี่เกี้ยวหน้าบ้าน ร้านที่ทุกคนในครอบครัวมักจะมาทานเป็นประจำ ผมนั่งทานไปพลางๆ รอพ่อมากินด้วยกัน เกิดความรู้สึก “เหงา” นึกภาพของแม่ที่ผมจำได้ดี ใส่ชุดตัวเก่ง มานั่งทานเกี๊ยวแห้งที่เธอชอบ เสร็จแล้วเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน


หลังๆผมก็ขับรถพาเธอมาที่นี่และรับเธอกลับบ้านด้วยกัน แม้จะระยะทางจากบ้านจะไม่กี่ร้อยเมตร แต่นั่นเป็นเพราะเธอเริ่มเหนื่อย จนต่อมา ผมก็จะขี่จักรยานมาซื้อให้เธอไปทานในบ้าน แกะใส่จาน ปรุงให้เสร็จ เฝ้าใจจดใจจ่อ คอยให้กำลังใจเธอให้ทานให้มากๆ จะได้มีแรงต่อสู้โรคร้าย


(ขอโทษครับ ขอผมปาดน้ำตากับน้ำมูกก่อน) ภาพนั้นก็กลายเป็นความทรงจำ มีเพียงพ่อที่มานั่งกินด้วยเท่านั้น สำหรับพ่อ 37 ปี ที่แต่งงานกับแม่ มันมากกว่าผมแน่นอนครับ เพียงแต่หลังๆ ผมจะอยู่กับแม่บ่อยเพราะพ่อก็ต้องไปต่างจังหวัด ไปทำงานหลายวัน


นอกจากจะเหงา ช่วงนี้บางเวลาผมดีขึ้นครับ บางเวลาผมเบลอ เมื่อวานนี้ทำบัตรจอดรถไฟฟ้าใต้ดินหาย โดนปรับไป 300 บาท วันนี้เดินหารถตั้งนาน เพราะจำไม่ได้ว่าจอดรถอยู่ชั้นไหน


โดยรวมแล้ว ทุกอย่างคงกำลังปรับตัวดีขึ้นครับ ได้ขับรถ ได้นั่งรถเมล์ ได้เห็นคนเดินถนน เพื่อนชวนไปตีแบดมินตัน(ทั้งๆที่ตีก็ไม่ค่อยจะถูกและไม่ค่อยชอบตีเท่าไร) ก็ผ่อนคลายได้ดี เพราะต้องมีสมาธิ แต่พอเลิกเล่นก็กลับมาคิดบ้าง ซักผ้าของแม่ พับผ้าของแม่ ก็ต้องเอาไปเก็บใส่ตู้อย่างปลงๆ เพราะจากนี้ เจ้าของก็ไม่ได้ใส่อีกแล้ว


พอตอนดูแลแม่ เวลาว่างไม่ค่อยมี แม้แต่เสาร์-อาทิตย์


แต่พอว่างจริงๆ มันก็ว่างจนรู้สึกแปลก


แต่พอมีอะไรทำ มันก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆครับ


สำหรับผม นานมาแล้ว ผมเคยพูดเสมอว่า “ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัว”


ณ วันนี้ ผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับ


ที่จะต้องมีหน้าที่ ดูแลคนที่ผมรักต่อเช่นกัน

0 Comments:

Post a Comment

<< Home