Friday, November 13, 2009

พาแม่เที่ยว วัดห้วยมงคล-จุดชมวิวเขาหิน เหล็ก ไฟ




สัปดาห์ก่อน ผมค่อนข้างเครียดครับ บางครั้งมองรูปของแม่ ยังคิดอยู่เลยว่า มันไม่จริงใช่ไหม แต่ก็คงต้องยอมรับความจริงให้ได้ครับ ว่าแม่ของผม ท่านได้จากไปแล้ว

อยากออกเดินทางไปทะเล สถานที่ชื่นชอบ อยากจะอยู่คนเดียว ติดตรงที่ว่าผมยังห่วงพ่อครับ หากไปท่านก็คงเหงามาก(ขนาดวันที่ผมทานข้าวคนเดียว ยังเหงาเลยครับ) แน่นอนว่าทุกคนเศร้า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงมีเพียง “เวลา” เท่านั้น ที่จะทำให้ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆนี้ไปได้

นอกจากขโมยที่ปีนเข้ามาในบ้านเมื่อวันก่อน แต่แค่มาด้อมๆมองๆครับ ข้างบ้านเห็นก็เลยโทรเรียกตำรวจ ส่วนเกาะกูดที่ผมคิดจะไปปลีกวิเวก ช่วงนั้นก็มีคลื่นลมแรงครับ เรือวิ่งช้ากว่าปกติและไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือไม่ เจ้าของรีสอร์ทก็แสนจะใจดีครับ พูดแบบตรงๆว่า

“เงินน่ะป้าก็อยากได้ แต่อยากให้มาแบบประทับใจมากกว่า”

โอเคครับ แบบนี้ผมชอบ ตรงๆดี ไม่อ้อมค้อม น่าไปอุดหนุน

ทางเลือกที่ดีที่สุด คือ ไปเช้า-เย็นกลับครับ แม้จะเหนื่อยหน่อยก็ตาม ผมเลือกหัวหินเพราะระยะทางไม่ไกลมากนัก มีวัดห้วยมงคล(ที่มีหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ๆ) และจุดชมวิวเขาหิน เหล็ก ไฟ ที่ผมอยากจะขึ้นไปดูวิวทะเลมานาน

แม่เคยบอกผมว่า เห็นรูปที่ผมไปเที่ยวทะเล แล้วอยากจะไปบ้าง ผมบอกไปซิครับ ยินดีจะพาไปเสมอ แต่ท่านก็ได้แต่คิดครับ เพราะหลังๆท่านเริ่มเหนื่อย ไม่อยากไปไหน อยากอยู่ที่บ้านเท่านั้น

หากคิดในแง่ดี เมื่อเราทราบว่าแม่ป่วย เราก็ยังหาเวลาพาท่านไปพัทยาตั้งหลายสิบครั้งเพื่อผ่อนคลาย ในขณะที่บางครอบครัวอาจจะไม่มีโอกาสนั้นเลยก็ได้

แม่ครับ นับจากนี้ต่อไป ทุกการเดินทางของผมจะมีแม่อยู่เสมอ ผมจะพาแม่ไปด้วยนะ



4 พฤศจิกายน 2552

ออกช้าไปนิดครับ อยากจะไปขึ้นรถที่สายใต้รอบ 8 โมงเช้า แต่ก็ไม่เสียงานครับ เช้าๆผมต้องออกไปหาซื้อซาลาเปาและสัปปะรดมาถวายให้แม่ที่บ้าน และต้องใส่บาตร ทำบุญ กรวดน้ำทุกๆวันอยู่แล้ว

คราวก่อนใช้พาหนะโดยรถไฟ คราวนี้ใช้รถทัวร์บ้างครับ ผมขับรถส่วนตัวไปจอดที่สายใต้ใหม่ ที่มีที่จอดรถกว้าง สะดวกสบาย ค่าบริการจอดฟรีครับ ถ้านำรถออกก่อน 5 ทุ่ม

เดินขึ้นไปด้านบน เร็วที่สุด คือ รอบ 10 โมงเช้าครับ จริงๆมีหลายเส้นทางที่ผมสนใจ ผมจดไว้แล้วครับ เผื่อคราวหน้าอยากจะมา ก็มาได้ทันที ผมซื้อของบริษัทหัวหิน-ปราณทัวร์ ปรับอากาศชั้น 1 ราคา 160 บาท(จริงๆมีรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัยครับ แต่ผมคิดว่า ผมคงนั่งลำบาก ยืดแข้ง ยืดขาก็ไม่ได้นัก)

ที่นี่มาไกลหน่อยแต่มีรอบรถทุกชั่วโมง รอบแรก ตี 4 รอบสุดท้าย 4 ทุ่ม 20 นาที

อยู่ๆก็เกิดอาการซึมเศร้าครับ มองไปก็เกิดภาพขึ้นมา จำได้ว่า เดือนเมษายนปีที่แล้ว ผมมาที่นี่ซื้อตั๋วไป อ.ละงู จ.สตูล เพื่อไปเกาะตะรุเตาและเกาะหลีเป๊ะ

วันนั้นพ่อกับแม่ผมมาส่งด้วยครับ

วันนั้นแม่ขึ้นมาที่นี่ บอกผมว่าเขาสร้างใหม่ดีนะ กว้างดี แม่ใส่หน้ากากปิดปากเพื่อป้องกันเชื้อโรค ผมไม่อยากให้ท่านมาเพราะกลัวจะติดเชื้อ แม่หาถุงใส่เต๊นส์ ใส่แล้วสะพายให้ผม เพราะกลัวว่าผมจะไม่มีที่นอน เมื่อไปถึง

ตั้งสติครับ นึกถึงวันนั้นและขณะพิมพ์เรื่องนี้ผมจะร้องไห้เอาน่ะ

เราเดินทางกันต่อครับ ผมขึ้นรถโดยสารเรียบร้อยแล้ว ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัว ที่ว่างเพียบ(ก็แน่ล่ะ ใครจะมาเวลานี้)

มีแจกน้ำดื่ม 1 ขวดครับ(งงครับ มีแจกด้วยเหรอ)

ข้างๆมีชาวต่างชาติอยู่ 1 คนครับ พอมานั่งแถวเดียวกันที่ยิ่งแคบเข้าไปใหญ่ ตัวเล็กๆกันซะที่ไหนล่ะ ช่วงนี้อารมณ์ไม่ถึงกับดีนักครับ ปกติก็คงชวนคุย ฝึกภาษาไปแล้ว ด้านหลังว่างครับ นั่งด้านหลังดีกว่า

การที่จะทำให้เวลาการเดินทางสั้นลงนั้น ดีที่สุด คือการนอนครับ นอนเถอะแล้วจะดีเอง


2 ชั่วโมง 40 นาที ถึงหัวหิน

ใช้เวลาไม่นานครับ เกือบบ่ายโมง ผมเริ่มเห็นตัวเมืองหัวหิน เพราะพึ่งจะมาล่าสุดก็ตอนนั่งรถไฟมาเที่ยวสวนสน-ประดิพัทธ์ แบบเช้าไป-เย็นกลับ แล้วเหมารถกับเพื่อนๆมาที่นี่

แดดร้อนจัดครับ ยิ่งหัวโล้นแบบนี้ บอกได้คำเดียวว่าร้อนมาก ต้องหาหมวกมาสวม ช่วยได้เยอะ

สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ หาข้าวกินครับ จะเป็นลมอยู่แล้ว มองเห็น “ร้านโกทิ” จำได้ว่าคราวก่อนคนเต็มร้านเลย คราวนี้ปลอดคน ลองกินซะหน่อยก็ไม่เลว จำได้ว่าอยู่ใน Forward mail ร้านอาหารอร่อยด้วยครับ

“ข้าวผัดทะเลจานนึง ห้องน้ำอยู่ไหนครับ”

“เดินเข้าไปเลยครับ ระวังหน่อยนะ มันมืด ก้มหัวด้วยล่ะ”

ไม่บอกก่อน ก็เสร็จซิครับ เพดานเตี๊ยมากๆ ให้พวกฮ๊อบบิทเดินเข้าหรือเปล่าเนี่ย หรือผมมันผิดมนุษย์เอง

“ผมขอจานเปล่ากับช้อนส้อมด้วยนะครับ”

“มีมาอีกคนเหรอครับ”

“ของแม่ผมครับ”

บางคนอาจจะคิดว่าผมบ้าครับ ก็ว่ากันไป ผมตักข้าวผัดให้แม่ เคาะจานเบาๆให้แม่ทาน ซึ่งผมทำเป็นประจำทุกวันนะ

ข้าวผัดรสชาติอร่อยมากครับ มิน่าถึงขึ้นชื่อนัก อาหารทะเลก็สด มิใช่ของแช่แข็งเหมือนในร้านอาหารบางร้านในห้างที่กรุงเทพฯ

ผมลองสอบถามเจ้าของร้านว่ามีรถโดยสารไปวัดห้วยมงคลไหม เขาว่าไม่มีครับ คงต้องเหมารถไป

ข้าวหมดจานแล้ว เดินตรงเข้าไปหาวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างเลย
“ไปวัดห้วยมงคลเท่าไรครับพี่”

“รับกลับด้วยใช่ไหม 300 ครับ” พี่ยุง หนุ่มนครปฐม พบรักกับแฟนที่นี่อยู่มา 20 ปีแล้ว อัธยาศัยดีครับ

“งั้นไปกันเลยครับพี่”


นั่งมอเตอร์ไซด์แต่หัวไม่ฟู

ปกตินั่งแล้วหัวจะยุ่งครับ ตอนนี้สบาย โล้นเกรียน ตอนแรกสวมหมวกแต่ว่าหลังๆต้องถอดครับเพราะหมวกจะปลิว ก็ต้องตากแดดไป มะเร็งอย่าพึ่งมาแล้วกัน รู้สึกหนาวมากครับ คงเป็นเพราะอากาศที่เย็นลง บวกกับลมพัดมาแบบนี้ด้วย

ปกติคิดไปกลับ 400 ครับ(มอเตอร์ไซด์อีกคนเขาบอกมา) ขากลับผมจะให้พี่ยุงไปส่งที่จุดชมวิวเขาหิน เหล็ก ไฟ ด้วยน่ะ

พี่ยุงบอกว่า รถโดยสารมาที่นี่จะมีในช่วงเช้า ถ้าหลังจากนี้ก็ต้องเหมารถครับ ระยะทางไกลพอดูเลยล่ะ

จากตัวเมืองหัวหิน มาวัดหัวยมงคล 18 กิโลเมตร!!!!!

ไกลจริงครับ รู้สึกว่าไกลมากๆ แต่ถ้าตั้งใจจะมาแล้ว ยังไงก็ไม่ไกลครับ

ด้านหน้าครับ วัดห้วยมงคล ถึงแล้วล่ะ



นมัสการหลวงปู่ทวด วัดห้วยมงคล

พี่ยุงบอกว่า เคยมาสามครั้งครับ เคยพาลูกมาด้วย ขนาดวันนี้เป็นวันธรรมดา ก็ยังพอมีคน ถ้าเป็นช่วงเทศกาลไม่ต้องพูดถึงครับ คนเยอะมากๆ

สมัยก่อนแถวนี้มีแต่ป่า แต่พอมีวัดห้วยมงคลและมีหลวงปู่ทวด คนหลั่งไหลมามากเลยครับ

พี่ยุงจะรออยู่แถวนี้ครับ จากนี้ก็เป็นหน้าที่ของผมล่ะ

“แม่ครับ หลวงปู่ทวดใหญ่มากเลยนะแม่” ผมคิดในใจ ไม่รู้แม่จะเห็นไหม แต่ผมรู้สึกว่าแม่เห็นล่ะ

ผมเดินถ่ายรูปจากไกลๆ แล้วเข้าไปใกล้ๆ คุกเข่าบูชาหลวงปู่ทวดและอธิษฐาน เดินไปอีกนิดมีป้ายคติธรรมประจำใจหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด)ครับ อ่านแล้วสะกิดใจผม ท่านสอนดีจริงๆ ขออนุญาต นำมาถ่ายทอดครับ

“ พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย

ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนแต่เคลื่อนไปสู่ความอนิจจัง อนัตตา

ทุกอย่างในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่การสลายตัวไปทั้งสิ้น

ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข ละได้ย่อม สงบ”

นี่ล่ะครับ ผมเข้าใจทุกอย่างนะ ถ้าผมทำได้ ผมก็จะสงบครับ

ไปทำสังฆทานและกรวดน้ำให้แม่(เมื่อเช้าทำแล้ว มานี่ก็ทำอีกครับ) ท่านให้ท่องอะไรก็ว่าตามท่าน รู้สึกให้ท่องเยอะดีนะ

หมดแล้วครับ ผมสบายใจแล้ว เดินไปหาพี่ยุง แล้วไปต่อกันดีกว่า



จุดชมวิวเขาหิน เหล็ก ไฟ

ดีครับ ที่ไม่ได้เดินขึ้นมาเอง(ท่าจะเหนื่อย) เส้นทางเหมาะสำหรับรถขึ้น ผมบอกพี่ยุงว่าขอเพิ่มเงินอีกร้อย แล้วรอกลับไปส่งผมที่ท่ารถทัวร์ได้ไหม พี่ยุงบอกได้ครับเพราะจะต้องไปรับลูกที่โรงเรียนเหมือนกัน ไม่รีบ

ถึงแล้วครับ เงียบดี มีจุดชมวิวสามจุด ไล่ไปดูทุกจุดเลยดีกว่า

จุดแรก มีสะพานยื่นออกไปครับ มองเห็นชายหาดหัวหินและวิวเมืองหัวหิน

จุดสอง เดินมาอีกหน่อย ผมว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดเพราะไม่ค่อยมีต้นไม้บัง เห็นวิวชัดเจน ทุกมุม สวยครับ มองแล้วสบายตา

จุดสาม ลำบากที่สุดครับ เพราะไม่มีสะพาน เดินต้องระวังหัวทิ่มและตกเขา วิวจุดที่สองดีที่สุดจริงๆ

พี่ยุงเดินมาด้วยครับ บอกว่าแกมีสองอาชีพ ขับมอเตอร์ไซด์กับเป็นแคดดี้สนามกอล์ฟ(มองลงไปด้านล่าง) สนามเดียวกับที่นั่งรถไฟผ่านสถานีหัวหินนั่นแหละครับ

ถามว่าอาชีพไหน รายได้ดีกว่า แน่นอนว่าแคดดี้ครับ แต่ก็ไม่ได้มีทุกวันเพราะต้องมีตามลำดับ ตามคิว และตามรอบ

พี่ยุงบอกว่า ช่วงนี้ ที่นี่อากาศดีครับ ถ้าลงชุมพรลงไป ฝนจะตกหนัก คลื่นแรง แต่ที่นี่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไรเลย

พี่ยุงบอกว่า ไม่ค่อยมีคนเชื่อว่า แกมีเชื้อจีน(เหมือนผม) เพราะผิวที่คล้ำ ตากแดดแบบนี้นี่เอง แกใช้ นามสกุล “แซ่แต้” ครับ แกบอกหลายคนมักจะเปลี่ยนนามสกุล แต่แกเห็นว่ามันดีอยู่แล้ว ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทำไม

ขากลับ พี่ยุงพาผมลงอีกทางหนึ่ง ผ่าน “พระตำหนักชมดง” ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ มาหัวหินผมรู้จักแต่ “พระตำหนักไกลกังวล” ทราบว่าเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพี่นางฯ แต่หลังๆสมเด็จพระเทพฯ ท่านจะเสด็จมาประทับบ่อย มองดูจากด้านนอก สวยงามมากครับ

เราผ่านสนามกอล์ฟ ผ่านสถานีรถไฟหัวหินที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เมืองหัวหินในเวลากลางวันนั้นเงียบ แต่กลางคืนคงจะเป็นอีกแบบครับ ตามสไตล์เมืองท่องเที่ยว

ผมได้ขึ้นรถทัวร์รอบ 4 โมงเย็น แม้จะเป็นเวลาสั้นๆแต่ผมก็ได้ผ่อนคลายพอสมควร

ได้มาครบตามเป้าหมาย

ได้พาแม่มาเที่ยว สมความตั้งใจ

ไว้ผมพาไปเที่ยวอีกนะครับแม่






Phop Payapvipapong


13 November 2009


03.49 PM

0 Comments:

Post a Comment

<< Home