Wednesday, January 23, 2008

อันดามันเหนือ….สวรรค์แห่งการดำน้ำ(6)

http://prints.wetpixelquarterly.com/
www.csproductions.org
http://www.starfish.ch/



หินใบ–อ่าวเกือก ความงามของเกาะแปด!!!!

ดิงกี้รอบแรกมีผม ครูปรีชาและน้องฟิน พี่โหน่ง พี่อุ๋ย พี่อิ๋ว ครูเอ๋ เอ็ม บี พี่พูห์ หยั่น ประพันธ์ อารีย์ โดยมีพี่สายชลเป็นคนขับเรือเหมือนเคย ส่วนพี่เตย โน่นครับ เธอว่ายน้ำไปแล้วน่ะ ไม่ธรรมดาครับ สาวอึดตัวจริงเลยล่ะ

ครูเอ๋บอกว่า ถ้าผมกับพี่โหน่งว่ายน้ำไป จะสอนดำน้ำให้ฟรี ว่าแต่จริงหรือเปล่าครับพี่ 555

ผมสงสัย ทำไมพี่สายชลสวมเสื้อที่เขียนว่า (Love Miho) แล้วมิโฮะเป็นใคร แกบอกว่า

“แฟนผมเองครับ เป็น Instructor ชาวญี่ปุ่น ประจำอยู่เรือใกล้ๆนี่เอง”

ยอดครับ ยอดมาก แม้สาวไทยจะเสียดุลการค้า แต่พี่สายชลเก่งมากครับ(ว่าแล้ว สอนเคล็ดลับบ้างดิพี่ ผมน่าจะได้ ตรงผิวคล้ำนี่แหละ เห็นว่าสาวญี่ปุ่นชอบผิวคล้ำด้วยครับ 555)

ขึ้นมาบนเกาะแปด ทรายละเอียดดุจแป้ง ละเอียดมากจริงๆ น้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด พี่เตยมาถึงก่อนแล้ว ดูเธอมีความสุขมากๆด้วย

หินใบ ตั่งเด่นเป็นสง่า สวยงามมาก ไม่แปลกใจว่าหลายๆคนก็ชอบเช่นกัน

ผม หยั่น ประพันธ์ อารีย์ พี่พูห์ เลือกที่จะขึ้นจุดชมวิวก่อนครับ เรามีเวลาแค่ 1 ชั่วโมง ขืนมาแล้วไม่ได้ขึ้น เสียดายแย่เลย แต่ดันลืมหยิบแล้วเท้าแตะออกมาจากดิงกี้ ทางขึ้นต้องเหยียบหินหยาบๆเยอะเสียด้วย เจ็บเท้าเป็นบ้าเลย(สมน้ำหน้า)

เดินขึ้นอย่างระมัดระวัง ก้มตรงนั้น จับเชือกตรงนี้ ไม่นานนัก เราก็มาถึงด้านบนครับ โชคดีว่า ยังไม่มีใครขึ้นมาเลย ถ่ายรูปกันก่อนดีกว่า

วิวสวยมากครับ หินใบอยู่ด้านซ้ายมือ(ใกล้มาก ต้องแหงนหน้าขึ้นไปครับ) ด้านล่าง มองเห็นอ่าวเกือกและน้ำทะเลสีฟ้าใส มีกลุ่มคนเตะฟุตบอลอยู่(หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นเจ้าเอ็มครับ มันยังชวนผมเตะบอลอยู่เลย โย่งๆแบบนี้หาไม่ยากครับ)

ภาพที่ผมเคยเห็นในนิตยสาร ผุดขึ้นมาทันที จุดชมวิวตรงนี้ ผมเคยเห็นมาบ้างแล้วในหนังสือแต่คงไม่ดีเท่า เห็นด้วยตาตนเองครับ มองออกไปด้านขวาเห็นเรือ Liveaboard อยู่หลายลำ

ชายเกาหลี พูดภาษาไทยได้ ดูมั่นใจมากครับ(น่าจะดำน้ำด้วยครับ ดูจากการแต่งตัว) เล่นยืนอยู่ใกล้ๆขอบหิน (ไม่กลัวตกเลยเหรอเนี่ย)

ไม่นานนักพี่อิ๋ว พี่อุ๋ย พี่ตู่ ก็ขึ้นมาถ่ายรูปด้วยครับ จากนั้นนักท่องเที่ยวก็เริ่มขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นนักดำน้ำจากเรือต่างๆ ที่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวขึ้นเกาะ(โชคดีครับที่ขึ้นมาก่อน เพราะที่ยืนตรงนี้ก็ไม่กว้างมากเท่าไร มายืนกันเยอะๆ ก็ถ่ายรูปลำบากเหมือนกันนะ)

ลงไปด้านล่างดีกว่าครับ ระหว่างลงเจอสาวคนหนึ่ง ผมจำได้ว่าเจอที่สนามบินดอนเมืองและเธออยู่บนเรือ Scubanet ด้วย เธอปีนขึ้นไปนั่งบนก้อนหินก้อนใหญ่ ผมถ่ายรูปเธอ ว่าแต่จะส่งให้ยังไงล่ะ 555(เธอบอกว่าให้ส่งรูปให้ด้วย ผมก็ลืมถามด้วยน่ะ)

แล้วก็เจอสาม สาวในเรือ Scubanet อีกครั้งนำมาโดยน้องปุ๊ย พี่สาวเอ็มและสาวสวมหมวก ก็มาถ่ายรูปบนจุดชมวิวเหมือนกัน

ด้านล่าง เจอครูเอ๋ พี่ตาม ครูตุ๊ก พี่โหน่ง มานั่งคุยกันอยู่แล้ว เราเลยเข้าไปผสมโรงด้วย(พี่ตามพูดแบบไม่เชื่อว่า ไอ้ภพ เอาเรคกูเลเตอร์ออกจากปากเหรอ ของแปลก 555 ผมเอาออกบ้างครับ เวลาคอแห้งน่ะ บางทีกลืนน้ำลายไม่ค่อยได้ด้วย ก็ต้องเอาออกบ้าง)

แต่หน้ากาก ไม่ค่อยได้เอาออกครับ(ของผมส่วนใหญ่น้ำไม่ค่อยเข้าด้วยน่ะ เวลาเป็นฝ้าก็ไม่เคยไล่ออกซะด้วย) คุยกับพี่โหน่งว่า จะให้ครูเอ๋ช่วยสอนเนี่ย 5555(ครูเอ๋ บอกเช่นเดิมครับ ได้ ว่ายน้ำกลับไปที่เรือ จะสอนให้ 555)

ผมร้อนมากครับ จากการเดินขึ้นจุดชมวิว ไปเล่นน้ำดีกว่า ผมถอดเสื้อลงไปเล่นน้ำทะเลใสๆ ที่อ่าวเกือก สดชื่นครับ โดยมีพี่เตยและน้องฟินกำลังเล่นน้ำอยู่ พอผมเข้าไป เป็นอันว่า ครบเซ็ท พ่อ แม่ ลูก(5555 ล้อเล่นครับ สนุกๆน่ะ)

นักดำน้ำส่วนมาก มาขึ้นเกาะแปดกันครับ ทั้งโชคศุลี เจ้าหญิงน้อย Scubanet เป็นต้น ผมเห็นสาวหน้าเด็ก ตัวเล็ก ผิวขาวคนหนึ่ง มาจากเรือเจ้าหญิงน้อย น่ารักดีครับ

พี่สายชลมาแล้วครับ เราค่อยๆทยอยกันกลับ ผมรอเป็นชุดสุดท้าย อยากอยู่ที่นี่นานๆน่ะ ผมกับพี่โหน่งได้นั่งดิงกี้ของเจ้าหญิงน้อยกลับ(เขาไปส่งให้น่ะครับ นี่เป็นน้ำใจอย่างหนึ่งในการดำน้ำ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นเรื่องที่ดีครับ)

พระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า เรือโชคศุลีมาอีกด้านของเกาะแปดเพื่อดำ Night Dive เห็นเจ้าเอ็มดึงข้อ ผมเลยขอลองบ้างครับ ได้ 5 ที ก็หมดแรง แต่เรียกเสียงได้พอสมควร(เสียงผมเองแหละ 555)

อ้าว สาวหน้าเด็ก ตัวเล็ก ผิวขาว คนนั้นนี่นา ยืนอยู่หน้าเรือเจ้าหญิงน้อย ดูท่าทางอารมณ์ดีแฮะ

จุดนี้ กระโดดลงจาก Plat form ได้ทันที มีหรือที่ผมจะพลาด เห็นครูปรีชาบอกว่า เวลาเที่ยงคืน มาลงน้ำก็จะเป็นการดำน้ำ-ข้ามปี ด้วย(แกกับลูกศิษย์คงจะลงแน่ๆครับ)

มาครับ ตามผมมา ไปสำรวจด้านล่างกัน




Dive 12 ปลาไหลมอเรย์ลายเกล็ดหิมะ กับ แววตาพยาบาท!!!

สบายครับน้ำใสๆ ไม่ลึกมากนัก ผมส่องดูสัตว์ทะเลตามรู ไม่นานนักก็พบปลาไหลมอเรย์ลายเกล็ดหิมะ(Snowflake Moray) ลายที่ลำตัวมีสีเหมือนเกล็ดหิมะ ผมอยู่หน้ารูของเขา จ้องมองอยู่ในระยะที่เห็นชัด ขืนไปอยู่ติดโพรง (กลัวเหมือนกันครับ) สังเกตเห็นว่า แววตาของเขาช่างน่ากลัวซะจริงๆ เป็นแววตาของความพยาบาทได้เลยล่ะ ผมถอยให้พี่โหน่งถ่ายรูปเขา

ตาแดงๆ อยู่ในปะการัง เดาว่าน่าจะเป็นปูครับ แต่ไม่ได้ลงไปสังเกตดูใกล้ๆ

ที่พื้นทราย เจ้า ปลากระเบนจุดฟ้า(Blue-spotted stringray) ว่ายไปโน่นแล้วครับ เพราะเป็นสัตว์หน้าดิน พวกเขาจึงเคลื่อนตัวเหนือพื้นทรายไม่มากนัก

ยาวๆ ผอมๆแบบท่อเล็กๆ นี่ คือ ปลาปากขลุ่ย(Smooth flutemouth) ดวงของผมมักจะถูกโฉลกกับเขาในการพบกันเวลา Night Dive เสมอๆครับ

ในดาวขนนก(Feather Star) มีกุ้งขนาดเล็กอยู่ครับ แต่จำลักษณะไม่ได้มากนัก เรียกว่ากุ้งดาวขนนกไปก่อนแล้วกัน

รวมฮิตนิรนามหยิบสิบดีกว่า เอ้ยไม่ใช่ รวมฮิตปลาปักเป้าครับ ด้านหน้าผมมี ปลาปักเป้าหน้าหมา(Blackspotted Puffer) ถัดไปซ้ายมือมี ปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcupinefish) ส่วนด้านขวามือมีปลาปักเป้ายักษ์(Star Puffer)ด้วยครับ ตัวใหญ่จริงๆ

อยู่ๆไฟฉายผมก็ดับครับ(ไม่ได้เปลี่ยนถ่าน คิดว่าน่าจะยังมีอยู่น่ะ) ตอนแรกว่าจะเรียกพี่ตามครับ เลยลองถามพี่โหน่งว่าจะขึ้นไหม แกทำท่าเหมือนกับว่า ไปต่อก็ได้ แล้วให้ผมดำไปด้วยกันกับแก ใช้ไฟฉายดวงเดียว(จริงๆแล้ว คุยกันคนละภาษาครับ ความหมายของแกไม่ใช่แบบนั้น ถ้าขึ้นก็คงไม่ว่าอะไร ผมกลัวว่าจะขึ้นเร็วไปน่ะครับ เผื่อแกอยากดูต่อ)

ตรงนี้มีปลาสิงโตครีบขาว(Clearfin Lionfish) ด้วยครับ ลายขวางสีขาวที่ลำตัว ค่อนข้างเด่นชัด ผมเลยจำเขาได้ทันที หากได้พบกัน(ตอนแรกเรียกให้พี่โหน่งถ่ายครับ ไหงแกไม่ถ่ายหว่า พึ่งทราบภายหลังว่า แบตเตอรี่ของกล้องหมดน่ะครับ 555)

ขึ้นมาด้านบน คอแห้งจริงๆ พี่ตามบอกว่า ไฟฉายดับทำไมไม่ยอมบอก ผมก็ตอบตามเหตุผลที่เล่าไป(จริงๆควรเรียกครับ) น่าแปลกว่า บนนี้ ไฟฉายติดครับ ผมมั่นใจว่าใต้น้ำเมื่อซักครู่ ไฟฉายดับแน่นอน หมุนเปิด ปิดแล้วก็ไม่มีไฟแน่ๆ หรือว่า............55555 ผมจะโดนเข้าแล้ว

ผมอาบน้ำ เปลี่ยนชุดมาทานข้าว เห็นคุณเสรีกำลังคุยกับเหล่านักดำน้ำ พร้อมแนะนำ Staff ของเรือ เริ่มจากกัปตัน คนขับดิงกี้ ไปจนถึงแม่ครัว ผมหยุดฟังจนจบเพราะถือว่าเป็นตอนสำคัญเหมือนกัน

อาหารเย็นมี ต้มยำโป๊ะแตก น้ำพริก-ผักสด คอหมูย่าง ปูม้านึ่ง กุ้งอบเกลือ ปลาหมึกย่าง ปลาเผา จิ้มด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ด ข้าวสวย และผลไม้รวม(ขณะเขียนเรื่อง ยังหิวเลยครับ 55)

ลมเริ่มแรง ฝนตก(โชคดีมาตกเอาวันใกล้จะกลับแล้ว พรุ่งนี้เหลืออีก 3 ไดฟ์ครับ) เรือโชคศุลีมาหลบลมระหว่างเกาะเจ็ดกับเกาะแปด ผมเข้าไปหลบฝนในห้องนั่งเล่น โดยมีครูปรีชาและน้องฟิน ครูนิ้ม คุณเสรี

ผมได้คุยหลายๆเรื่องกับครูปรีชาเกี่ยวกับวงการดำน้ำ ทำให้รู้อะไรเยอะเลย ผมถามคุณเสรีเกี่ยวกับเรื่องงูทะเล เพราะ Night Dive คืนก่อน เจ้าเอ็มเล่าให้ฟังว่า ขณะกำลังส่องตามรู เจองูและขาไปเตะถูกงูเข้า ครูปรีชาต้องกระชาก BCD ของเอ็ม เพื่อไม่ให้โดนงู และงูพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำ(น้องบอกสยองมากครับ) บางคนว่าเป็นงูบก บางคนว่าเป็นงูทะเล แต่คุณเสรีบอกว่า เป็นงูบก มาจากเกาะ ลงมาหาปลากิน ที่ว่ายน้ำได้เพราะธรรมชาติได้สร้างให้มันว่ายน้ำได้ จนทำให้ส่วนหาง มีครีบเหมือนปลา

เมื่อคลื่นลมสงบนิ่ง น้องเอ็มชวนผมไปเรือ Scubanet ไปเล่น กิจกรรมฝึกปรือวิชาว่า ดอกของใครจะสูงกว่ากัน วันนี้เป็นนัดที่โชคศุลีต้องไปเยือนบ้าง ตอนแรกผมว่าจะไม่ไป เพราะไปก็ไม่ได้เล่น แต่อยากไปสำรวจบนเรือ Scubanet ดูเหมือนกัน อีกอย่างในตอนนี้หลายๆคนก็เข้าห้องนอนกันแล้วด้วย(มีบีและครูนิ้มที่ไปก็ไม่ได้เล่นครับ มีเพื่อนแล้ว)

เรามาถึงเรือ Scubanet เรือใหญ่จริงๆครับ ขึ้นไปด้านบน มีผู้ใหญ่และสาวๆที่มาเมื่อวานนี้ มารอกันอยู่แล้ว(ผมเจื่อนๆ ยังไงไม่รู้ซิ) โชคดีว่ามีพี่ขุนอยู่ นั่งคุยกับแกดีกว่า

บี เอาไวน์มาให้ครับ ตอนแรกจะไม่กินแต่ปฎิเสธยากจัง เลยแค่จิบๆ แรงใช้ได้เลยล่ะ(ขืนดื่มหมดแย่แน่ครับ พรุ่งนี้อดดำน้ำชัวร์)

ขึ้นไปสำรวจบนดาดฟ้า ลมเย็นดีจริงๆ ดาดฟ้าที่นี่กว้างมากครับ สมคำร่ำลือจริงๆ มีโอกาสคงได้มาดำน้ำบนเรือนี้ซักครั้ง

ปีเก่า ผ่านไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามาแล้ว มีการนับถอยหลังเพื่อ Coutdown ด้วย

ไม่นานพี่โอ๋ก็มาด้วยครับ พอได้เวลาที่จะกลับ ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่านะ

กลับมาที่เรือ เจอพี่หนุ่ยกับพี่พูห์นั่งอยู่ นอกนั้นหลับกันหมดแล้ว ผมขอตัวไปพักผ่อน ยังมีอีกดำน้ำอีก 3 ไดฟ์ในวันพรุ่งนี้ครับ



1 มกราคม 2551


เช้าวันสุดท้ายของการดำน้ำครับ ขนมปัง 1 แผ่นก็พอเพียงสำหรับการรองท้องแล้ว พี่โหน่งทำท่าทางว่าปวดหัว ไดฟ์แรก แก Skip Dive ครับ

ชุดผม จึงเหลือผมกับพี่ตาม แค่ 2 คน เท่านั้น ครูปรีชาเปิด Notebook ชี้จุดให้ดูว่า ที่หินหัวกะโหลก จุดที่เราจะลงในไดฟ์แรกนี้ มีปลากบอยู่ 1 ตัว อยู่กับกัลปังหาต้นใหญ่ พอผ่านโพรงให้เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา(ชักงงครับ) ผมก็จำไม่ได้ แต่ว่า ยังไงผมก็มีความหวังที่จะได้เห็นปลากบครั้งแรกในชีวิตนะ

ด้านบนของหินหัวกะโหลก เป็นกองหินลักษณะเป็นเนิน โผล่พ้นน้ำเล็กน้อย ผมยังจำได้ดีว่า ในคราวที่แล้ว ผมทำตะกั่ว(ทั้งเส้น) และท่อหายใจสุดที่รัก ตกที่นี่(ป่านนี้คงจะอยู่แหละครับ โดนกวาดไปหมดแล้ว 555)

เราลงกับกลุ่มครูตุ๊ก ที่มีครูเอ๋ พี่ตู่ พี่อิ๋วและพี่อุ๋ย เป็นอันว่าไดฟ์นี้ ผมมีสมาชิกเพิ่มครับ ลงไปลุยกันเลย



Dive 13 ไชโย ปลากบยักษ์สีขาว!!!!!

ที่หินหัวกะโหลก น้ำค่อนข้างใส ตะกอนไม่ค่อยเห็นเท่าไรนัก เจ้าปลาสินสมุทรออกมาทักทายก่อนเลยครับ คือ ปลาสินสมุทรวงฟ้า(Blue-ringed Angelfish) ที่มักจะพบในอ่าวไทย แต่ในอันดามันก็มีพวกเขาเช่นกัน อีกชนิด คือ ปลาสินสมุทรหน้าดำ(Indian Yellowtail Angelfish) ซึ่งพบเห็นได้ยากกว่า พบเฉพาะในที่ลึก ไม่พบในแนวปะการัง พบในทะเลอันดามันเท่านั้น ที่สำคัญเป็นปลาสินสมุทรรายล่าสุดที่พบในทะเลไทยด้วยนะครับ

ครูตุ๊กเรียกผมให้ลงไปดูในโพรง ตอนแรกมองไม่เห็นครับ ผมเลยขยับเข้าไปใกล้ๆ จนตาเกือบจะชิดโพรง ถึงจะเห็น นี่คือ กุ้งมดแดง(Durban hinge-beak shrimp) ครับ ลายที่ลำตัวดูเหมือนมดแดง จริงๆ ในโพรงเล็กๆนี้ ที่เห็นมีอยู่ 4-5 ตัวครับ กุ้งมดแดงมีพฤติกรรมพยาบาลสัตว์อื่นด้วยนะ ผมก็ยังไม่เห็น แค่เห็นตัวเขาก็ดีใจแล้วครับ

ผมลอดโพรงออกมา เห็นมนุษย์กบคุยกัน ท่าทางคงคุยกันเรื่องปลากบ แน่นอน เหมือนจะหาเจอง่าย ผมว่าไม่ง่ายหรอกครับ กัลปังหาก็มีอยู่หลายต้นนะ

จนกระทั่งผมมาเจอกัลปังหา(Sea Fan) ต้นหนึ่ง มีมนุษย์กบกำลังถ่ายภาพสิ่งๆหนึ่งอยู่ ผมเห็นไม่ชัดนัก ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใดกันแน่ เมื่อพี่ตามเข้าไปดูแล้ว จึงเรียกผมเข้าไปครับ

ปลาประหลาดที่อยู่ตรงหน้าผม ปลากบนี่หว่า!!! ผมคิดในใจ นี่ คือ ปลากบยักษ์(Giant Frogfish) อย่างแน่นอน ตัวไม่เล็กเลยครับ จัดว่าใหญ่ มีลักษณะสีขาวทั้งตัว ผมตื่นเต้นเพราะดำน้ำมานี่ก็ไดฟ์ที่ 71 พอดี พึ่งเห็นปลากบครั้งแรกนะเนี่ย 5555

ปกติสีของปลากบจะเหมือนกับสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ แต่แปลกครับ ปลากบตัวนี้สีแตกต่างจากสภาพแวดล้อมชัดเจน ทำให้เรามองดูง่ายมาก ที่สำคัญในระดับความลึกแบบนี้(เกือบ 30 เมตร) ผมว่าศัตรูของปลากบก็คงมีไม่เยอะล่ะมั้ง แต่เหยื่อของปลากบผมว่ามีนะ ไม่งั้นปลากบอยู่ไม่ได้หรอกครับ

ปลากบไม่ค่อยย้ายถิ่นไปไหนครับ เขาชอบอยู่เฉยๆ ใช้ส่วนที่คล้ายเบ็ดล่อเหยื่อเพื่อให้เข้ามาใกล้แล้วฮุบเหยื่อ หากเดินก็ใช้ครีบเดิน ถ้าว่ายน้ำเห็นยากครับ แต่เดาได้ว่า ปลากบหนีภัยจากนักล่า ไม่ก็หนีจากการรบกวนของนักดำน้ำครับ

เสียดายที่ผมไม่เห็นลูกตาของเขาครับ ครูเอ๋บอกว่าไม่แปลกที่มองไม่เห็นเพราะปลากบก้มหน้าอยู่น่ะ

ขึ้นมาด้านบน พี่โหน่งฟื้นคืนชีพแล้วครับ หลังจากไปดูดเลือด(ไม่ใช่แวมไพร์555) ดูแกสดชื่นดี พอทราบว่าไดฟ์ที่แล้วเจอปลากบ แกเสียดายเหมือนกันแต่แกว่าไดฟ์ต่อไปลงได้ครับ ดีขึ้นมาก(ผมว่าพักผ่อนในไดฟ์แรกน่ะดีแล้ว เห็นสัตว์ทะเล ถ้าจังหวะได้ เดี๋ยวก็เห็นครับ ดูอย่างผมซิ กว่าจะเห็น555)

อาหารเช้ามีข้าวผัดแฮม ไส้กรอก เบคอน สลัดผักและผลไม้รวม

ผมกับพี่โหน่งนั่งคุยกับพี่อุ๋ย พี่อิ๋ว เฮฮากันใหญ่ครับ มีแต่เสียงขบขัน(พึ่งจะได้มาคุยกันจริงๆ ก็วันนี้แหละครับ)

ซักพักใหญ่ เราเตรียมลงดำน้ำในจุดต่อไป จุดนี้เรียกว่า เรือนกล้วยไม้ (East of Eden)

0 Comments:

Post a Comment

<< Home