Tuesday, January 22, 2008

อันดามันเหนือ….สวรรค์แห่งการดำน้ำ(5)

http://habitatnews.nus.edu.sg/
http://www.nmfs.noaa.gov
http://www.reefkeeping.com/




31 ธันวาคม 2550

เช้านี้ตื่นขึ้นมาอย่างสดใสครับ ขึ้นมาทานขนมปังด้านบน ไดฟ์เช้านี้เราจะลงกันที่เกาะตาชัยเหมือนเดิม

เห็นครูเอ๋ใช้ยาชนิดหนี่ง(คล้ายยาหม่อง) ทาบริเวณหลังหู ผมเลยลองขอมาทาบ้าง ครูเอ๋บอกว่า ช่วยให้เคลียร์หูดีขึ้น(แบบนี้ต้องลองครับ) จะว่าไป ผมไม่ค่อยได้เห็น Instructor ที่เป็นผู้หญิงเท่าไรนัก(คงมีน่ะครับ เยอะด้วย) แต่นี่เป็น Instructor ที่น่ารักที่สุด เท่าที่เคยเห็นเลยครับ

น้องเอ็ม เด็กตัวโย่งบอกว่า ไดฟ์แรกจะลงไปกับพี่สาวที่อยู่บนเรือ Scubanet เพื่อคอยดูแล แต่น้ำวันนี้ไหลใช้ได้ครับ กระโดดลงไปต้องจับเชือกให้ดี ไม่งั้นหลุดไปไกลแน่ๆ

เอ้า เราไปลุยกันต่อครับ




Dive 9 เปลี่ยนสี ยูนิคอร์น !!!

พี่ตามเขี่ยสิ่งที่มีลักษณะคล้ายหัวอะไรซะอย่าง น่าจะเป็นหัวกุ้งมังกร(Lopster)ครับ อาจถูกนักล่าฟาดจนเหลือซากอย่างที่เห็น

ลักษณะของจุดที่ลงมาเป็นกองหิน หลายๆกอง เป็นหย่อมๆ บางกองเล็ก บางกองใหญ่ ผมว่ายตามพี่ตามไปเรื่อยๆ เลี้ยวทางนั้น ไปทางนี้ จนกระแสน้ำเริ่มแรง ขาผมก็เริ่มเมื่อยแล้วครับ

ผมว่ายช้าลง จนพี่โหน่งแซงขึ้นไป ในใจอยากจะเคาะ pointer บอกพี่ตามว่า “รอหน่อยพี่ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” แต่อดทนครับ เดี๋ยวจะหาว่า อะไรกันแค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ อีกอย่างถ้าไม่ไหว จนต้องให้คนอื่นลากไป เสียฟอร์มคนมาสิมิลันเป็นครั้งที่ 2 อย่างผม แย่เลย(เท่าที่คุยๆ หลายคนพึ่งมาสิมิลันเป็นครั้งแรกครับ)

ปล่อยควายก็ปล่อยควาย สู้เว้ย!! ในขณะที่กระแสน้ำแรงขึ้น ผมใช้มือช่วย กวาดน้ำออกไปรอบๆ(ท่ากบของแท้ มีใช้มือด้วย) ได้ผลครับ ขาเมื่อยน้อยลง แต่ทำให้ร่างกายของผมขยับไปด้านหน้าต่อไปได้(ใครเห็นคงตลกแน่ๆ ว่า ไอ้มนุษย์กบคนนี้แปลกว่ะ ใช้มือด้วย) แต่เอาเถอะครับ ขอผมเถอะ ผมไม่ได้ทำแบบนี้ทุกไดฟ์นะ เฉพาะหมดแรงจริงๆ น่ะ

ในระหว่างนี้เอง ผมเห็นปลายูนิคอร์นลายจุด(Spotted Unicornfish) แต่ไม่ได้เคาะ pointerครับ เพราะเห็นแต่ละคนจ้ำเอาๆ กลัวโดนทิ้งห่างด้วยล่ะ อีกอย่างมันเหนื่อย หายใจออกก็เร็วด้วย

ปลายูนิคอร์นลายจุด(Spotted Unicornfish) ถือเป็นปลาประหลาดเพราะมีเขายื่นมาด้านหน้าคล้ายสัตว์ในเทพนิยายโบราณ ตัวที่ผมเห็นมีลักษณะสีดำ ใช่ครับ เป็นปลาเพศผู้ที่เปลี่ยนสีจนเข้ม ช่วงนี้เป็นฤดูผสมพันธุ์ของพวกเขา(เคยเห็นรูปจากพี่หมอนัท ที่โลซิน ถ่ายรูปปลามงที่เกี้ยวพาราสีกัน ตัวผู้ก็มีสีเข้มเช่นกันครับ)

ในที่สุด พี่ตามก็หยุด ตรงนี้กระแสน้ำไม่แรงเท่าไรแล้ว(ทราบภายหลังว่า แกหยุดพักเหนื่อยครับ)

มาตรงจุดที่มีมนุษย์กบเยอะจริงๆ พวกเขาดูอะไรกันน่ะ พี่ตามเข้าไปดูซักพักก็ถอยออก ถึงผมอยากจะดูก็ไม่สนใจครับ Leader ผมกำลังจะไปแล้วนี่(ภายหลังทราบว่า ตรงนั้นมีปลากบครับ แต่ตัวเล็กมากๆ พี่ตามยังมองไม่เห็นเลยน่ะ ถ้าเป็นปลาฟิน (Fin) หลากหลายยี่ห้อ ผมเห็นเพียบเลยครับ หลายยี่ห้อก็โดนเตะมาแล้วด้วย 555)

ส่วนปลาอื่นๆในไดฟ์นี้ ก็มีปลาวัวหางพัด(Scrawled Leatherjacket) ปลาหูช้างครีบยาว(Teira Batfish) และ ปลาปากแตร(Trumpetfish) ครับ

ขึ้นมาบนผิวน้ำ ผมถอดหน้ากากออกมาไว้ที่คอ(ตามปกติ ขึ้นมาผมก็ถอดครับ) ใกล้ๆ มีสาวคนหนึ่งสวมหน้ากาก จ้องผมและเข้ามาทักทาย(มาจากเรืออื่นแน่ๆ)

“กระสาบหรือเปล่า” สาวคนนั้นเรียก

“ใช่ครับ” ผมตอบด้วยสีหน้างงๆ

“นี่ก้อยเอง จำได้หรือเปล่า” เธอบอก ผมอึ้ง เพราะจำไม่ได้ว่า ก้อยไหน(ขึ้นมาต้องโหลดนานครับ มันมึนๆด้วยน่ะ)

“ก้อย- เป้ ไงล่ะ” ผมอ๋อทันที เป็นแฟนเก่าเพื่อนผมนี่เอง ไม่แปลกใจที่เธอจำผมได้ แต่ผมจำเธอไม่ได้ เพราะผมถอดหน้ากาก แต่เธอสวมอยู่(ใครจะไปมองออกล่ะครับ)

สอบถามได้ความว่า เธอพึ่งเรียนดำน้ำครับ มากับเรือ แมนต้าควีน(พี่ขุนเล่าให้ฟังบนเครื่องว่า เรือนี้เป็นของซักที่ ทางเขาหลัก น่ะครับ)

โลกมันก็ช่างกลมนะครับ บนบกไม่เจอ มาเจอบนผิวน้ำซะได้ 55555

อาหารเช้ามี ข้ามต้มไก่ฉีก ไข่ลวก หมูทอดกระเทียมพริกไทย สลัดผัก และผลไม้ หรอยจังฮู้ 5555

เรือโชคศุลี มุ่งหน้าไปยังจุดดำน้ำต่อไป คือ เกาะบอน(อีกครั้ง) มาสิมิลันคราวนี้ ผมดำที่เกาะบอนกับเกาะตาชัย เยอะกว่า 2 ปีก่อนครับ(คราวนี้ดำ 2 เกาะ รวม 6 ครั้ง มี Night Dive ด้วย ก็ดีนะครับ ผมว่า Night Dive 2 ที่นี้ มีอะไรดูเยอะเลยล่ะ)

รูตรงกลาง แล้วมีน้ำซัดเข้าไปแบบนี้ คือ จุดเด่นของเกาะ ผมจำได้แล้วครับ ผมเห็นคุณเสรีแต่งตัว(เจ้าของก็ลงด้วย) ไม่บ่อยนะครับ ที่เราจะเห็นเจ้าของเรือมาลงดำน้ำด้วยแบบนี้

ตามผมลงไปสำรวจเกาะบอนอีกครั้งนะครับ




Dive 10 หมึกยักษ์ ขี้อาย!!

รู้สึกว่า ไดฟ์นี้สบายขึ้นครับ ไม่ถูกปล่อยควายเหมือนไดฟ์แรก(กระแสน้ำไม่แรงเท่าน่ะครับ) พี่ตามชี้ให้ดูสัตว์ทะเลชนิดหนึ่งในโพรง

Octopus หรือเจ้าปลาหมึกยักษ์ครับ เห็นแค่หนวดผมก็จำได้ทันที แต่ยิ่งดูเขาก็ยิ่งหลบเข้าไปด้านใน ดูแล้วถอยออกมาดีกว่า เผื่อพี่โหน่งจะถ่ายรูปด้วย

จะว่าไปแล้ว นอกจากในสารคดี ผมยังไม่เคยเห็นเจ้าOctopus ว่ายน้ำแบบเต็มๆ ซะที เจอทีไร ซ่อนอยู่ในโพรงตลอด ไม่เหมือนหมึกกระดอง หมึกกล้วย(อันนี้เห็นยากกว่าหมึกกระดองครับ ถ้าบนจานอาหารน่ะไม่ยากหรอก) 2 ชนิดหลัง เคยเห็นว่ายน้ำอยู่ บ่อยๆ

เป็นไปได้ว่าหมึกยักษ์ออกหากินเวลากลางคืน เวลากลางวันหลบซ่อนอยู่ในโพรงเหมือนสัตว์ทะเลอีกหลายชนิดที่ทำเช่นนั้น

มาถึงจุดเดิมครับ จุดที่รอดูแมนต้า เรย์ แต่ก็ยังคงไม่พบครับ เป็นไปได้ว่า คนมาเยอะแบบนี้ สัตว์ก็กลัวเป็นนะครับ คนยังกลัวสัตว์ได้ ไฉนสัตว์จะกลัวคนบ้างไม่ได้ เป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว

ส่วนสัตว์ทะเลอื่นๆ ก็เยอะครับ แต่ผมจำได้แค่ ปลาวัวหางพัด(Scrawled Leatherjacket) ปลาผีเสื้อเทวรูป(Moorish Idol) และ ปลาโนรี(Longfin Bannerfish)ครับ

อาหารกลางวัน มีส้มตำ น่องไก่+ปีกไก่ทอด ลาบหมู ข้าวเหนียว ใครจะไปคิดว่า อยู่กลางทะเลแบบนี้ ก็มีอาหารอีสานกินครับ อร่อยมากๆ

จากนี้ไป ไดฟ์ที่เหลือ เราจะกลับไปดำกันที่สิมิลันครับ เรือโชคศุลีแล่นออกจากเกาะบอน จุดหมาย คือ เกาะเก้า(North Point)

ตอนแรกคุยกันว่า จะดำกันที่ ต้นไม้สามต้นครับ(ชื่อจุดดำน้ำน่ะ) ผมก็ไม่เคยดำที่นี่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ได้ครับ พวกพี่ลงที่ไหน ผมก็ลงด้วย แต่ขอแบบมีแนวปะการังให้ดูด้วยนะ ให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันครับ ว่าจะพาลงที่ไหน

เรือมาถึงที่ เกาะเก้า(North Point) สรุปว่าเราจะลงกันที่นี่ครับ



Dive 11 เต่ากระโบยบิน/งูทะเลปล้องดำ!!!!!

ดีมากครับ น้ำใสจริงๆ ผมอยู่ในระดับความลึกประมาณ 15 เมตร ยังมีแนวปะการังให้เห็นอยู่ มองออกไปไกลสุดสายตา บางคนอาจไม่ชอบแนวปะการังแต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบมากครับ เพราะในแนวปะการังย่อมมีสัตว์ทะเล หลายชนิดไม่ได้หาง่ายๆซะด้วย

เจ้าบ้านที่ออกมาทักทายก่อน คือ ปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Giant Moray) ลำตัวสีน้ำตาล โผล่แต่หน้าออกมาแบบนี้ แต่ก็ไม่รอดจากการสังเกตของมนุษย์กบไปได้

ขวัญใจเหล่าเด็กๆและผู้ใหญ่ คือ ปลาการ์ตูนส้มขาว(False Clown Anemonefish) ตามมาด้วยปลาการ์ตูนลายปล้อง(Clark ‘ s Anemonefish) เวลาจ้องหน้าพวกเขานานๆแล้ว ก็อยากเป็นปลาเหมือนกันน่ะ

ปลาผีเสื้อคอขาว(Collared Butterflyfish)และ ปลาผีเสื้อรูปไข่(Pinstriped Butterflyfish) แหวกว่ายตามแนวปะการัง แต่ปลาผีเสื้ออีก 1 ชนิดที่ผมสังเกตเห็น คือ ปลาผีเสื้อปากยาวหน้าดำ(Big Long-nosed Butterflyfish) ปากยาวๆ ธรรมชาติสร้างให้ขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการหาอาหารตามซอกของปะการังโดยเฉพาะ

ด้านล่าง ผมเห็นเจ้าตัวเล็กอยู่ 1 ชนิด อยากเข้าไปใกล้ชิดเลยลงไปถึงพื้นในระยะ 18. 3 เมตร เป็น ลูกปลานกขุนทองแอฟริกา(African Coris) ครับ คราวนี้ ผมมีโอกาสได้จ้องเขาอย่างนานๆ ดูเหมือนว่า เขาอยากรู้ว่าผมเป็นใคร ไม่หลบเข้าไปในรู แต่ว่ายหลบแล้วโผล่ออกมาเป็นระยะๆ (มาเล่นซ่อนแอบกันดีกว่าน้อง555)

อยู่นิ่ง กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมแต่แฝงไปด้วยพิษ เจ้าปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled Scorpionfish) นอนเป็นใหญ่บนก้อนหิน ผมเรียกให้พี่ๆดู เพราะหากใครไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นและมักจะมองข้ามไป

เสียงเคาะ pointer ดังครับ ผมหันไปด้านขวา เป็นภาพที่สวยงามมากครับ เหนือแนวปะการังเขากวาง เต่ากระตัวใหญ่(Hawksbill Turtle) กำลังว่ายไปด้านหน้าผมทาง 2 นาฬิกา ท่าว่ายของเขาช่างสง่างามนัก หากบนบกมีนกกางปีกโผบิน ใต้น้ำก็มีเต่ากระนี่ล่ะครับ ที่แหวกว่ายในน้ำ บินได้ดั่งนกและสง่างาม ผมว่ายตามทันทีเพราะอยากจะใกล้ชิดเขา

ดูเหมือนจะไม่มีใครว่ายตามด้วยครับ ผมห่างจากเต่ากระไม่ถึง 2 เมตร จ้องมองเขาใกล้ๆอย่างมีความสุข ก่อนที่จะลดความเร็ว(เหนื่อยน่ะ ขืนว่ายต่อไปก็หลงกลุ่มซิครับ) ผมปล่อยให้เขาว่ายต่อไป จ้องมองจนเต่ากระลับตาไป

กลับมาต่อครับ เหนือก้อนหินก้อนนี้ ลายปล้องแบบนี้ มันงูทะเลปล้องดำนี่นา(Sea Snake) แค่คำว่างู หลายคนบกบกก็ขยาดแล้วครับ แต่นี้มาอยู่ใต้น้ำ ผมออกเสียงลำบาก งูทะเลชนิดนี้ ถ้าจำไม่ผิดมีพิษต่อระบบกล้ามเนื้อครับ พิษร้ายถึงตายได้เลยล่ะหากโดนกัด ผมเรียกให้พี่โหน่งถ่ายรูป(ตอนถ่ายแกไม่รู้ว่าเป็นงูครับ พอขึ้นมาและทราบว่าที่ถ่ายน่ะเป็นงู แกตกใจใหญ่ครับ 555) (ตกใจอะไรกันพี่ บนหัวก็มีกันทุกคนนะ 55)

นอกนั้นก็เป็นปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) ที่มักใช้ปากขบกัดปะการังจนได้ยินเสียงกรุบกรับ(ถ้าเป็นแขนเราก็ไม่เหลือครับ นิ่มกว่าปะการังเยอะ) และทากทะเล(Sea Slug) ที่จำชนิดไม่ได้

ขึ้นมาบนผิวน้ำ ผมคลื้นไส้เล็กน้อย(เวลามีอาการก็รีบหันไปทางอื่นครับ เกรงใจคนใกล้ๆน่ะ เผื่ออาเจียนขึ้นมา) ผมและเพื่อนๆเกาะเชือกจากดิงกี้กลับเรือ

ด้านบน อาหารว่างเตรียมพร้อมแล้วครับ รสชาดอร่อยจริงๆ เป็น ขนมปังหน้าหมูชุบไข่ทอด จิ้มน้ำจิ้มอร่อยดี ไม่จิ้มก็อร่อยจัง

เรือโชคศุลีแล่นมาที่เกาะแปด(หินใบ) จุดเด่นเป็นหินรูปเรือใบที่ตั้งตระหง่านอย่างน่าอัศจรรย์ มองเห็นอ่าวเกือกอยู่ใกล้ๆ ทรายสีขาว สวยมากครับ

ได้ยินแว่วๆว่า จะให้ขึ้นเกาะด้วย ผมดีใจมากครับ 2 ปีก่อน ผมมาดำน้ำเรือ Liveaboard แต่เขาไม่ได้แวะให้ ได้แต่มองหินใบอยู่ไกลๆ การมากับเรือที่มีเวลาให้นักดำน้ำ ขึ้นเกาะกับไม่ได้ขึ้น ความประทับใจย่อมต่างกัน สำหรับผม ความหรูหราของเรือเป็นปัจจัยท้ายๆในการตัดสินใจครับ

เรามาถ่ายรูปรวมกันด้านหน้าเรือ ทุกคนดูมีความสุขครับ ผมถอยหลังจนสุดเพื่อถ่ายรูป กล้ามท้องเกร็งจนตัวสั่น ทุกคนเลยหัวเราะกันใหญ่เลยครับ 5555

ดูนั่น ครูปรีชากับน้องฟินเร็วจริงๆครับ ขึ้นไปรอบนดิงกี้แล้ว ผมไม่รอช้า สวมเสื้อ เตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูป ไปสำรวจเกาะดีกว่า อยากขึ้นไปบนหินใบด้วยครับ และไม่ลืมที่จะหยิบรองเท้าแตะไปด้วย(กันเจ็บเท้าน่ะ)

0 Comments:

Post a Comment

<< Home