อันดามันเหนือ….สวรรค์แห่งการดำน้ำ(1)
หน้าฝนผ่านพ้นไป หน้าหนาวเข้ามาเยือน เป็นสัญญาณที่บอกว่าฤดูกาลท่องเที่ยวทะเลอันดามันกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง
นักท่องเที่ยวหลายคนรอเวลานี้ เพราะทะเลอันดามัน นอกจากจะมีหาดทรายขาว น้ำทะเลใสแล้ว ที่นี่ก็เป็นขุมทรัพย์ทะเลไทยอย่างแท้จริง ทั้งสร้างรายได้ให้กับประเทศเรามากมายเหลือเกิน นอกจากนี้ความหลากหลายของสัตว์ทะเลที่พบเจอนั้นอยู่ในขั้นที่สูงมาก หากจะกล่าวว่า “มากที่สุดของประเทศไทย” ก็มิใช่คำกล่าวที่เกินความจริงแต่อย่างใด
นักดำน้ำหลายคนก็รอเวลานี้เช่นกันครับ เวลาที่จะไปดำน้ำแบบมาราธอนบนเรือ liveaboard เวลาที่จะไปใช้ชีวิตร่วมกันและรู้จักมิตรภาพใหม่ๆ หรือความหวังที่จะเจอยักษ์ใหญ่ใจดีอย่างฉลามวาฬ และกระเบนราหู ที่ใครได้เห็นคงมีความประทับใจไม่รู้ลืม
สำหรับผม เมื่อ 2 ปีก่อน เคยไปดำน้ำที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่งครับ เป็นครั้งแรกซะด้วย ประทับใจมากๆ(รายละเอียด ลองติดตามเรื่อง “สิมิลัน.....ฉันรักเธอ” นะครับ)
ปีใหม่นี้ ผมอยากไปดำน้ำข้ามปีเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่เป็นที่อันดามันใต้นะครับ(ตะรุเตา พีพี หินแดง หินม่วง) แต่ด้วยเหตุผลเรื่องการโอนเงิน ทำให้ผมไม่สามารถโอนเงินล่วงหน้าได้นานๆ(ต้องใช้เงินเยอะครับ หากไปไม่ได้ เท่ากับสูญเงินไปเปล่าๆ ) จึงมีอันต้องยกเลิกไปเสียทุกครั้ง
ข่าวคราวปะการังอ่อนที่หินแดง-หินม่วง อันเนื่องมาจากปรากฎการณ์ลานีนย่า ไม่ได้บั่นทอนจิตใจผมแม้แต่น้อย ผมเชื่อว่า โลกใต้ทะเลยังสวยอยู่(จากการสอบถามนักดำน้ำหลายๆท่านที่ได้ไปมา) ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นอย่างไร ผมจะไปเยือนให้ได้ครับ สัตว์ทะเลหลายชนิดที่นั่น ก็แตกต่างกับที่อันดามันเหนือเสียด้วย
ผมเลิกดิ้นรน รอให้โอกาสเหมาะๆ พร้อมกว่านี้ แล้วค่อยไปอันดามันใต้แล้วกัน ทริปดำน้ำปีใหม่นี้ส่วนมากก็จะมีแต่อันดามันเหนือ
พี่ป้อมไม่มีทริปปีใหม่นี้ครับ แต่แกก็หาทริปให้ผม โดยไปอันดามันเหนือกับเรือโชคศุลีร่วมกับบริษัทดำน้ำที่ชื่อว่า Dive-evolution โดยมีครูต้องเป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่งรู้จักกับพี่ป้อมดีอยู่แล้ว
เนื่องจากเป็นการดำน้ำแบบ 15 ไดฟ์ และใช้เวลายาวนานแบบนี้ หากไม่ใช่ปีใหม่และสงกรานต์ วันหยุดอื่นๆจะคาบเกี่ยววันธรรมดา อีกทั้งผมจะต้องกลับมาดูแลแม่ด้วย ปีใหม่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดครับ
เมื่อสอบถามที่บ้านแล้ว ทุกคนโอเค ผมจึงมีโอกาสได้กลับไปเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งหนึ่ง
น้ำทะเลใสๆ สัตว์ทะเลหลายชนิดที่นั่น และยังมีอีกมากที่ผมยังไม่เคยเจอ เย้ายวนใจผมยิ่งนัก ผมอยากกลับไปทักทายเพื่อนเก่าและใหม่จะแย่อยู่แล้ว
หากพร้อมแล้ว เราไปสำรวจโลกใต้ทะเลด้วยกัน อีกครั้งนะครับ
28 ธันวาคม 2550
เตรียมของเยอะแยะเลยครับ โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ทะเล ที่ผมขนไปอ่านและแบ่งปันให้เพื่อนนักดำน้ำอ่านด้วย(ไปหลายวันแบบนี้ ก็ขนไปเต็มที่ครับ เป็นสิบๆเล่ม)
นอกจากนี้ก็มี ซิมโทรศัพท์แบบเติมเงิน ที่ผมซื้อมาใช้ เพราะเวลาอยู่กลางทะเล หาสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยได้ครับ ใว้ใช้โทรติดต่อกับทางบ้านน่ะ
แต่ไม่รู้จะเยอะไปไหมครับ แค่กระเป๋าก็ 10 กิโลแล้ว(หนักหนังสือน่ะครับ) นี่ยังไม่รวมเกียร์แบค(กระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์ของนักดำน้ำ) นะ(บ้าหอบฟางจริงๆ 555)
ทริปนี้นอกจากจะมีพี่โหน่งไปด้วยเหมือนเดิม(แกต้องขายของ ต้องไปวันหยุดยาวแบบนี้สถานเดียวครับ) ก็มีพี่ตาม ว่าที่ไดฟ์มาสเตอร์ ที่พี่ป้อมส่งให้มาทำงาน เป็น Leader ให้ผมและพี่โหน่งโดยเฉพาะ
หยุดปีใหม่แบบนี้ คนก็ไปเที่ยวเยอะเช่นกัน ผมต้องวางแผนการเดินทางให้ดีครับ เลือกสายการบินที่ลงสนามบินดอนเมือง ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายด้วย(ใกล้บ้านกว่าด้วยครับ)
รถติดยาวเหยียดอย่างที่คาดไว้ ผมบอกแท๊กซี่ว่าให้ขึ้นทางด่วน แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ
ที่สนามบินดอนเมือง คนมาต่อคิวเพียบเลย(แต่ยังไงผมก็ชอบบรรยากาศที่นี่ มากกว่าสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ดีครับ) ไม่นานนักผมก็พบกับครูต้อง และเกียร์แบคหลายชิ้น (ต้องแจกจ่ายให้นักดำน้ำแต่ละคน ทยอยขึ้นเครื่อง ไม่งั้นน้ำหนักเกินแน่ๆครับ)
เฮ้ย!!! นั่นมันรักแร้นี่หว่า ว่าไงเพื่อน(หลายท่านอาจจะงงครับ รักแร้ก็มีทุกคนไม่ใช่เหรอ) รักแร้เป็นชื่อเพื่อนโอวี(Old Vajiravudh) ครับ จะนั่งไปลงภูเก็ตเหมือนกัน จะไปหาดป่าตองด้วยล่ะ
ไม่นานนัก ผมก็ได้รู้จักกับพี่หนุ่ย หนุ่มผิวเข้ม หนึ่งใน staff ของ Dive-evolution พี่หนุ่ยเล่าให้ผมฟังว่า ปีใหม่นี้ Dive-evolution ออก 2 ลำ คือ เรือ scubanet กับเรือโชคศุลี โดยครูต้องไปกับเรือ scubanet ส่วนพี่หนุ่ยไปกับเรือโชคศุลี
เรือ scubanet คนแน่นลำ ในขณะที่เรือของผม มีนักดำน้ำเพียง 20 คน เท่านั้น(ดีครับ คนเยอะๆผมก็ไม่ค่อยชอบหรอกครับ) ว่าแต่ที่พี่โก้บอกก่อนมาว่า มีผู้หญิง 14 คน เนี่ย ชัวร์หรือมั่วนิ่มนะ (ผมอาจจะเป็นพระเอกเข้าไปในดินแดนแม่ม่ายก็ได้นะ ใครจะไปรู้ 5555)
ผมมองไปรอบๆ หลายคนคุ้นหน้าครับ อย่างที่บอกว่า มีนักดำน้ำมาปีใหม่ก็ไม่ใช่น้อย เรือออกก็ไม่ต่ำกว่า 10 ลำ ในนี้ก็มี 2 ดารา อย่างคุณอิงค์ อชิตะ และคุณลิพท์ สุพจน์ นักร้องชื่อดังด้วย
สาวผิวขาว เจ้าเนื้อ เธอชื่อพี่เตยครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา เธอไปเรือโชคศุลีเหมือนกัน ผมคุยกับเธอไม่นานก็รู้ได้ทันทีว่าเธอค่อนข้างนิสัยดีและน่ารักครับ
หนุ่มผมยาว มาดเซอร์ มีรอยสักที่แขน ชื่อว่าพี่โอ๋ครับ พี่โอ๋กำลังเรียนหลักสูตรไดฟ์มาสเตอร์ นานมาแล้วที่ผมไม่ค่อยเห็นนักดำน้ำผมยาวแบบนี้ พี่โอ๋คอยช่วยครูต้อง พี่หนุ่ย เช็ครายชื่อนักดำน้ำ พี่โอ๋ก็ไปกับเรือโชคศุลีเช่นกันครับ
พี่โหน่งมาแบบอุปกรณ์ครบครับ ทั้งกล้องใต้น้ำแบบคอมแพค และกล้องบนบกแบบ SLR มาทริปนี้จะได้ลองของใหม่ทั้ง 2 อย่างเลยล่ะ
เอากระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว โม้มาก หิวน้ำ ไปหาน้ำดื่มก่อนครับ แต่นำเข้าไปด้านในไม่ได้ซะด้วย(เขาไม่อนุญาตให้เอาของเหลวเข้าไปด้านใน) เลยต้องรีบดื่มให้หมดครับ
ด้านใน ก่อนขึ้นเครื่อง ผมรู้จักกับพี่พูห์ อีกหนึ่งนักดำน้ำที่ไปเรือโชคศุลีเช่นกัน และพี่ปู(เพื่อนของพี่พูห์)ที่เจอกันโดยบังเอิญ ไปเที่ยวบินเดียวกันเพียงแต่เธอกลับบ้าน ไม่ได้ไปดำน้ำครับ
ส่วนชายผมขาวที่เห็นแว๊บๆนั้น ชื่อว่าพี่ขุนครับ ก็เป็นอีกหนึ่ง Instructor เช่นกัน
เมื่อถึงเวลา พวกเราเดินไปที่ Gate เพื่อขึ้นเครื่องครับ
แอร์โฮสเตสสายการบินนกแอร์คนนี้ ทำเอาหัวใจของผมหยุดนิ่ง เธอสวยจริงๆครับ ผมมองดูเธอสาธิตการใช้อุปกรณ์บนเครื่องจนตาเยิ้มไปหมดแล้ว(อยากจะบอกเธอใจจะขาดว่า ช่วยผมหน่อย แบบว่าเป็นโรคหัวใจล้มเหลวเพราะมองคุณน่ะ 5555)
ผมนั่งใกล้กับพี่ขุนและพี่โหน่ง คุยกันเรื่องการดำน้ำตั้งแต่ขึ้นเครื่องครับ(ยันเครื่องลงจอด พักการสนทนาไม่ถึง 10 นาที) แกไปกับเรือ scubanet พี่ขุนคุยเก่งมากๆ ผมได้ทราบเรื่องราวหลายๆเรื่อง ที่ไม่เคยทราบเลย ก็สนุกดีครับ พี่ขุนบอกว่า เรือโชคศุลีที่ผมไปนั้น หลังๆมานี้ เจ้าของเรือจะมาออกทริปด้วย หากเจอเจ้าของเรือมาออกทริป นั่นก็หมายความว่า ผมจะโชคดี เพราะอาหารการกินจะมีแต่ของดีๆ เพียบพร้อม อิ่มหนำสำราญแน่นอน
เครื่องไม่มีดีเลย์ครับ เพียง 1 ชั่วโมง สายการบินนกแอร์พาผมและเหล่านักดำน้ำ(ที่มองแล้วเกินครึ่งลำ) มาสู่สนามบินภูเก็ต ผมมองเห็นที่นี่แล้ว ก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ เมื่อหลายเดือนก่อนไม่ได้
ลงมารอกระเป๋าสัมภาระและเกียร์แบคของแต่ละคนที่จะผ่านสายพานเข้ามา หากไม่สังเกตดีๆอาจพลาดกระเป๋าได้ เพราะมีกระเป๋าเยอะมากๆครับ
บางคนรอกระเป๋าอย่างนานก็ไม่มา ไม่แปลกใจครับเพราะบางคนก็หยิบผิดไป อย่างในรถเข็นใกล้ๆผม ก็มีกระเป๋าของสาวสวยนิรนามที่มากับแม่(น่ารักจริงๆ) และของ 2 สาวบนเรือ scubanet ด้วย(เกียร์แบคจะมีสีเขียวครับ ถ้าของเรือโชคศุลีจะมีสีแดงน่ะ)
เมื่อได้กระเป๋าครบแล้ว เข็นออกไปด้านนอก พบกับพี่ตาม(เสือตาม) Leader ของผม ที่มารอตั้งแต่เย็นแล้ว
ระหว่างนี้ เรารอนักดำน้ำอีก 3 คน ที่เครื่องจะลงจอดในอีกไม่ช้า มองไปรอบๆค่อนข้างคึกคักครับ มีตัวแทนจากโรงแรมต่างๆมาชูป้ายหาลูกค้าของตนเอง
พี่หนุ่ย พี่โอ๋ บอกให้เราขนของไปที่รถตู้และ ไปนั่งรอบนรถตู้ก่อน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก นักดำน้ำอีก 3 คนก็มาถึง เราจึงออกเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ สู่ท่าเรือรัษฎา ท่าเรือที่มักจะเป็นท่าจอดของเรือ liveaboard หลายๆลำ ครับ
ถนนหนทางที่นี่ แม้จะมืดในบางจุดแต่ยังมีแสงไฟให้เห็นอยู่ตลอด ผมว่ายังดูน่ากลัวน้อยกว่า จาก อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา มายัง อ. เมือง จ. สงขลา ตอนไปโลซินอีกครับ
เราแวะร้านเซเว่น อิเลฟเว่น หลายๆคนยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เย็น(ผมหิวมากเลยล่ะ) ได้โดรายากิกับนมถั่วเหลือง ทำให้สดชื่นขึ้นมาทันที(คราวหน้า ต้องทานข้าวมาก่อนครับ ไม่งั้นแย่แน่ๆ)
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่นี้ แต่ต้องมีลิมิตครับ ดื่มมากก็มีผลกระทบกับการดำน้ำในไดฟ์เช้าแน่นอน
ผมเห็นพี่หนุ่ยซื้อลูกชิ้นมาทาน และพี่เตยก็เดินไปซื้อโจ๊กที่อยู่ใกล้ๆเซเว่น อิเลฟเว่นครับ
นักดำน้ำ 3 คน ที่พึ่งมาถึง ชื่อ หยั่น, ประพันธ์และอารีย์(2 คนนี้เป็นพี่น้องกัน) เป็นลูกศิษย์ของครูต้องครับ พึ่งดำน้ำได้ไม่นาน มาครั้งนี้ก็ถือเป็นการมา liveaboard ครั้งแรกด้วย
เราช่วยขนของที่ซื้อมาขึ้นรถตู้ ไม่นานนักเราก็มาถึงท่าเรือรัษฎา ผมเห็นแล้วก็จำได้ทันที ภาพต่างๆเมื่อ 2 ปีก่อน ก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้งหนึ่ง
เดินผ่านเรืออื่นๆเข้ามา เราก็มาถึงเรือโชคศุลีครับ พูดถึงเรือนี้ ผมเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว สมัยที่เรือโชคศุลีออกทริปไปดำน้ำที่เกาะกระ จ. นครศรีธรรมราช(สมัยนี้คงไม่ไปแล้วมั้ง) เพดานด้านล่างเตี๊ยไปนิด เวลาเดินต้องก้มให้ดี 555 เขาคงไม่ได้ออกแบบให้คนสูงมากๆอย่างผมละมั้ง
ข้างๆเรือของผม มีเรือเจ้าหญิงน้อย(Little princess) อยู่ด้วย มีครูโก้อยู่ที่ plat form ผมสวัสดีครูโก้ เพราะไม่คิดว่าจะเจอครูโก้ที่นี่
ห้องนอนของเรือ ปูด้วยพรมสีเขียว เป็นเตียง 2 ชั้น หันเท้าชนกัน ค่อนข้างน่ารักดีครับ ผมนำของจากกระเป๋าออกมาด้านนอก ถ่ายใส่อีกกระเป๋าหนึ่ง เวลาขนหนังสือขึ้นๆลงๆ จะได้สะดวกครับ
ผมไม่ค่อยระวังตัว ตะขอในห้องเลยเกี่ยวที่มือ เลือดออก ต้องหากระดาษปิดไว้ก่อน ขึ้นมาด้านบน มีข้าวต้มไก่ฉีก และส้ม คอยให้บริการ พี่พูห์ ใจดีมากครับ เธอหยิบข้าวต้มมาให้ผมด้วย
พี่เตยกำลังกินโจ๊กอยู่ พอเห็นแผลที่มือของผม เธอรีบไปหาเบตาดีนมาทาให้ทันที(ผมบอกแล้วครับ ว่าเธอเป็นคนดีจริงๆ)
ส่วนพี่ไข่นุ้ย ชายผิวเข้ม หน้าตาดูน่ากลัว แต่ใจดีมากครับ(staff ของเรือโชคศุลี) หยิบยาทาแผลมาให้ผมด้วย เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ผมเลยทาแผลอีกรอบหนึ่งด้วย
ชายสูงอายุคนหนึ่ง เดินไป เดินมา บนเรือ แต่งตัวภูมิฐาน ใช่ครับ(หลังจากสอบถามพี่ๆ) ชายคนนี้ คือ คุณเสรี เจ้าของเรือนั่นเอง เท่ากับว่าทริปนี้ผมสบายแล้ว อิ่มหนำสำราญแน่ๆ 555
ถามว่าทำไมเขาถึงต้องมาดูเอง เพราะว่า ปัจจุบันมีเรือ liveaboard เยอะมาก ธุรกิจการดำน้ำเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่พัฒนาให้การบริการดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ถูกคู่แข่งแซงหน้าแน่ๆครับ
ผมนั่งคุยกับพี่โอ๋และพี่หนุ่ยพร้อมเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือไปด้วย เพลงเก่าๆที่มี ถูกใจพี่ๆอย่างยิ่ง(ผมก็ชอบฟังเพลงเก่าสมัยรุ่นพ่อน่ะ) เห็นพีดีเอของพี่หนุ่ย มี Dive site จุดดำน้ำด้วยครับ เจ๋งจริงๆ
พี่ตามหยิบ Sausage มาให้ครับ อภินันทนาการจากพี่ป้อม (คราวนี้คงไม่ทำหายแล้ว มีซองใส่อย่างดีด้วย หายอีกคงต้องซื้อเองแล้วล่ะครับ 555 )
ด้านข้างเรา ที่เรือเจ้าหญิงน้อย มีลิพท์ สุพจน์อยู่ด้วยครับ ไม่นานนัก เสียงประทัดก็ดังขึ้น พร้อมกับการเคลื่อนตัวของเรือ ซึ่งน่าจะเป็นความเชื่อว่า ให้การเดินเรือเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย
เด็กน้อยคนหนึ่ง ขึ้นมาบนเรือ เธอคนนี้ชื่อน้องฟิน เป็นลูกสาวของครูปรีชา(ทริปนี้ Instructor เพียบเลยครับ ดีๆ)
เด็กหนุ่ม 2 คนขึ้นมาครับ คนนึงโย่งและล่ำกว่าผมเสียอีก(ทราบภายหลังว่า คือ เอ็มและบี ลูกศิษย์ครูปรีชาครับ)
อีกคนที่อยู่บนเรือ คือครูนิ้ม เป็น Instructor อีกเช่นกัน
เรารอกลุ่มสุดท้ายอีก 6 คนครับ (ทราบภายหลังคือ ครูตุ๊ก ครูเอ๋ พี่อิ๋ว พี่อุ๋ย พี่ตู่ และคุณมังคุด) เมื่อพวกเขามาถึง เรือโชคทวีก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือรัษฎาพร้อมเสียงประทัด(ดังสนั่น)
ครูปรีชาเปิด Notebook ให้ดูรูปใต้ทะเล ในเครื่องแก มีทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ สวยๆทั้งนั้นเลย ในนั้นมีรูปพลอย จินดาโชติด้วยครับ(แกบอกว่า ดีใจกับลูกศิษย์ที่ได้ดิบได้ดี มีแฟนเป็นดารา)
ผมขึ้นไปดูดาดฟ้า ทางขึ้นลำบากหน่อย แต่อากาศดีครับ พื้นยังเปียกๆอยู่เลย( ใครจะนอนต้องระวัง กลางคืนอาจมีน้ำค้าง ไม่ระวังก็อาจเปียกได้)
ผมเห็นพี่ตาม ท่าทางจะนอนไม่หลับ(นอนในห้องทีวี จะต้องรอให้คนอื่นๆ หลับเสียก่อนครับ ลำบากตรงนี้แหละ ไม่งั้นก็จะหลับยาก) เลยชวนให้แกมานอนในห้องด้วย(ตรงพื้นยังมีที่ว่างอยู่หลับ ถ้าปิดไฟก็นอนหลับสบายกว่าแน่นอน)
ผมลองเปิดโทรศัพท์มือถือที่ดูทีวีได้ด้วย ใช้ได้เลยครับ ถ้ามีคลื่นทีวีแบบนี้ เวลาผมไปเที่ยวทะเล ก็ไม่จำเป็นต้องหาห้องที่มีทีวีแล้วล่ะ 555
พักผ่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาดำน้ำแต่เช้า จะมีอะไรรอผมอยู่ในวันพรุ่งนี้นะ
29 ธันวาคม 2550
ตื่นสบายๆ 7โมงเช้าครับ ไม่ต้องรีบร้อนมากนัก เนื่องจากเราออกจากท่าเรือรัษฎาช้าเมื่อวานนี้ เราจึงยังไม่ถึงจุดดำน้ำแรกครับ(เห็นว่าจะถึงเกือบๆ 10 โมงน่ะ)
ผมกะจะมาดูอุปกรณ์ในเกียร์แบคเช้านี้(เมื่อวานขี้เกียจทำน่ะครับ) ปรากฎว่า Dive leader แสนดีของผม พี่ตาม จัดการให้หมดแล้ว ตะกั่วก็ร้อยให้ด้วย(ผมเพียงแค่ดู Fin กับ Clean mask เท่านั้นเองครับ) เป็น Dive leader ที่บริการ Diver ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยครับ(แต่ Diver ก็ต้องทำทุกอย่างเป็นนะครับ ไม่ใช่ให้คนอื่นทำให้ จนตัวเองทำอะไรไม่เป็นเลย)
ขนหนังสือสัตว์ทะเลและแผ่นปลามาด้านบนครับ ผมบอกหลายๆคนว่า หากใครสนใจก็หยิบไปดูได้เลย(555 ผมจดไว้เรียบร้อยแล้วครับ ว่ามีกี่เล่ม กี่แผ่น)
หลายๆคน ตื่นกันแล้ว ส่วนใหญ่จะกินอะไรเบาๆเช่น ขนมปังทาแยม ทาเนย ทานมข้มหวาน เพราะอาหารเช้า เราจะได้ทานหลังจากเสร็จไดฟ์แรกครับ
เรือโชคศุลีพานักดำน้ำมาถึงเกาะห้า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน คุณเสรีออกมาเล่าถึงประวัติคร่าวๆของที่นี่ รวมทั้งกฎ กติกา สิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือลำนี้ จากนั้นก็ให้นักดำน้ำทุกคนแนะนำตัว เพื่อให้ทุกๆคนรู้จักกัน จากนี้ไปเราจะต้องเจอกันอีกหลายวันครับ
สำหรับกลุ่มของนักดำน้ำก็จะมี กลุ่มของครูปรีชา ที่มีบีและเอ็ม กลุ่มของครูตุ๊ก ที่มีครูเอ๋ พี่อุ๋ย พี่อิ๋ว พี่ตู่ มังคุด(คนนี้เป็นชาวต่างชาติที่พูดไทยชัดแจ๋วครับ) กลุ่มของพี่หนุ่ยและครูนิ้ม ที่มี หยั่น ประพันธ์ อารีย์ และพี่เตย กลุ่มของผมที่มี พี่โหน่งและมีลีดเดอร์ คือ พี่ตาม
นักท่องเที่ยวหลายคนรอเวลานี้ เพราะทะเลอันดามัน นอกจากจะมีหาดทรายขาว น้ำทะเลใสแล้ว ที่นี่ก็เป็นขุมทรัพย์ทะเลไทยอย่างแท้จริง ทั้งสร้างรายได้ให้กับประเทศเรามากมายเหลือเกิน นอกจากนี้ความหลากหลายของสัตว์ทะเลที่พบเจอนั้นอยู่ในขั้นที่สูงมาก หากจะกล่าวว่า “มากที่สุดของประเทศไทย” ก็มิใช่คำกล่าวที่เกินความจริงแต่อย่างใด
นักดำน้ำหลายคนก็รอเวลานี้เช่นกันครับ เวลาที่จะไปดำน้ำแบบมาราธอนบนเรือ liveaboard เวลาที่จะไปใช้ชีวิตร่วมกันและรู้จักมิตรภาพใหม่ๆ หรือความหวังที่จะเจอยักษ์ใหญ่ใจดีอย่างฉลามวาฬ และกระเบนราหู ที่ใครได้เห็นคงมีความประทับใจไม่รู้ลืม
สำหรับผม เมื่อ 2 ปีก่อน เคยไปดำน้ำที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่งครับ เป็นครั้งแรกซะด้วย ประทับใจมากๆ(รายละเอียด ลองติดตามเรื่อง “สิมิลัน.....ฉันรักเธอ” นะครับ)
ปีใหม่นี้ ผมอยากไปดำน้ำข้ามปีเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่เป็นที่อันดามันใต้นะครับ(ตะรุเตา พีพี หินแดง หินม่วง) แต่ด้วยเหตุผลเรื่องการโอนเงิน ทำให้ผมไม่สามารถโอนเงินล่วงหน้าได้นานๆ(ต้องใช้เงินเยอะครับ หากไปไม่ได้ เท่ากับสูญเงินไปเปล่าๆ ) จึงมีอันต้องยกเลิกไปเสียทุกครั้ง
ข่าวคราวปะการังอ่อนที่หินแดง-หินม่วง อันเนื่องมาจากปรากฎการณ์ลานีนย่า ไม่ได้บั่นทอนจิตใจผมแม้แต่น้อย ผมเชื่อว่า โลกใต้ทะเลยังสวยอยู่(จากการสอบถามนักดำน้ำหลายๆท่านที่ได้ไปมา) ไม่ว่าที่นั่นจะเป็นอย่างไร ผมจะไปเยือนให้ได้ครับ สัตว์ทะเลหลายชนิดที่นั่น ก็แตกต่างกับที่อันดามันเหนือเสียด้วย
ผมเลิกดิ้นรน รอให้โอกาสเหมาะๆ พร้อมกว่านี้ แล้วค่อยไปอันดามันใต้แล้วกัน ทริปดำน้ำปีใหม่นี้ส่วนมากก็จะมีแต่อันดามันเหนือ
พี่ป้อมไม่มีทริปปีใหม่นี้ครับ แต่แกก็หาทริปให้ผม โดยไปอันดามันเหนือกับเรือโชคศุลีร่วมกับบริษัทดำน้ำที่ชื่อว่า Dive-evolution โดยมีครูต้องเป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่งรู้จักกับพี่ป้อมดีอยู่แล้ว
เนื่องจากเป็นการดำน้ำแบบ 15 ไดฟ์ และใช้เวลายาวนานแบบนี้ หากไม่ใช่ปีใหม่และสงกรานต์ วันหยุดอื่นๆจะคาบเกี่ยววันธรรมดา อีกทั้งผมจะต้องกลับมาดูแลแม่ด้วย ปีใหม่จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดครับ
เมื่อสอบถามที่บ้านแล้ว ทุกคนโอเค ผมจึงมีโอกาสได้กลับไปเยือนถิ่นเก่าอีกครั้งหนึ่ง
น้ำทะเลใสๆ สัตว์ทะเลหลายชนิดที่นั่น และยังมีอีกมากที่ผมยังไม่เคยเจอ เย้ายวนใจผมยิ่งนัก ผมอยากกลับไปทักทายเพื่อนเก่าและใหม่จะแย่อยู่แล้ว
หากพร้อมแล้ว เราไปสำรวจโลกใต้ทะเลด้วยกัน อีกครั้งนะครับ
28 ธันวาคม 2550
เตรียมของเยอะแยะเลยครับ โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ทะเล ที่ผมขนไปอ่านและแบ่งปันให้เพื่อนนักดำน้ำอ่านด้วย(ไปหลายวันแบบนี้ ก็ขนไปเต็มที่ครับ เป็นสิบๆเล่ม)
นอกจากนี้ก็มี ซิมโทรศัพท์แบบเติมเงิน ที่ผมซื้อมาใช้ เพราะเวลาอยู่กลางทะเล หาสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยได้ครับ ใว้ใช้โทรติดต่อกับทางบ้านน่ะ
แต่ไม่รู้จะเยอะไปไหมครับ แค่กระเป๋าก็ 10 กิโลแล้ว(หนักหนังสือน่ะครับ) นี่ยังไม่รวมเกียร์แบค(กระเป๋าที่ใส่อุปกรณ์ของนักดำน้ำ) นะ(บ้าหอบฟางจริงๆ 555)
ทริปนี้นอกจากจะมีพี่โหน่งไปด้วยเหมือนเดิม(แกต้องขายของ ต้องไปวันหยุดยาวแบบนี้สถานเดียวครับ) ก็มีพี่ตาม ว่าที่ไดฟ์มาสเตอร์ ที่พี่ป้อมส่งให้มาทำงาน เป็น Leader ให้ผมและพี่โหน่งโดยเฉพาะ
หยุดปีใหม่แบบนี้ คนก็ไปเที่ยวเยอะเช่นกัน ผมต้องวางแผนการเดินทางให้ดีครับ เลือกสายการบินที่ลงสนามบินดอนเมือง ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายด้วย(ใกล้บ้านกว่าด้วยครับ)
รถติดยาวเหยียดอย่างที่คาดไว้ ผมบอกแท๊กซี่ว่าให้ขึ้นทางด่วน แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ
ที่สนามบินดอนเมือง คนมาต่อคิวเพียบเลย(แต่ยังไงผมก็ชอบบรรยากาศที่นี่ มากกว่าสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ดีครับ) ไม่นานนักผมก็พบกับครูต้อง และเกียร์แบคหลายชิ้น (ต้องแจกจ่ายให้นักดำน้ำแต่ละคน ทยอยขึ้นเครื่อง ไม่งั้นน้ำหนักเกินแน่ๆครับ)
เฮ้ย!!! นั่นมันรักแร้นี่หว่า ว่าไงเพื่อน(หลายท่านอาจจะงงครับ รักแร้ก็มีทุกคนไม่ใช่เหรอ) รักแร้เป็นชื่อเพื่อนโอวี(Old Vajiravudh) ครับ จะนั่งไปลงภูเก็ตเหมือนกัน จะไปหาดป่าตองด้วยล่ะ
ไม่นานนัก ผมก็ได้รู้จักกับพี่หนุ่ย หนุ่มผิวเข้ม หนึ่งใน staff ของ Dive-evolution พี่หนุ่ยเล่าให้ผมฟังว่า ปีใหม่นี้ Dive-evolution ออก 2 ลำ คือ เรือ scubanet กับเรือโชคศุลี โดยครูต้องไปกับเรือ scubanet ส่วนพี่หนุ่ยไปกับเรือโชคศุลี
เรือ scubanet คนแน่นลำ ในขณะที่เรือของผม มีนักดำน้ำเพียง 20 คน เท่านั้น(ดีครับ คนเยอะๆผมก็ไม่ค่อยชอบหรอกครับ) ว่าแต่ที่พี่โก้บอกก่อนมาว่า มีผู้หญิง 14 คน เนี่ย ชัวร์หรือมั่วนิ่มนะ (ผมอาจจะเป็นพระเอกเข้าไปในดินแดนแม่ม่ายก็ได้นะ ใครจะไปรู้ 5555)
ผมมองไปรอบๆ หลายคนคุ้นหน้าครับ อย่างที่บอกว่า มีนักดำน้ำมาปีใหม่ก็ไม่ใช่น้อย เรือออกก็ไม่ต่ำกว่า 10 ลำ ในนี้ก็มี 2 ดารา อย่างคุณอิงค์ อชิตะ และคุณลิพท์ สุพจน์ นักร้องชื่อดังด้วย
สาวผิวขาว เจ้าเนื้อ เธอชื่อพี่เตยครับ ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา เธอไปเรือโชคศุลีเหมือนกัน ผมคุยกับเธอไม่นานก็รู้ได้ทันทีว่าเธอค่อนข้างนิสัยดีและน่ารักครับ
หนุ่มผมยาว มาดเซอร์ มีรอยสักที่แขน ชื่อว่าพี่โอ๋ครับ พี่โอ๋กำลังเรียนหลักสูตรไดฟ์มาสเตอร์ นานมาแล้วที่ผมไม่ค่อยเห็นนักดำน้ำผมยาวแบบนี้ พี่โอ๋คอยช่วยครูต้อง พี่หนุ่ย เช็ครายชื่อนักดำน้ำ พี่โอ๋ก็ไปกับเรือโชคศุลีเช่นกันครับ
พี่โหน่งมาแบบอุปกรณ์ครบครับ ทั้งกล้องใต้น้ำแบบคอมแพค และกล้องบนบกแบบ SLR มาทริปนี้จะได้ลองของใหม่ทั้ง 2 อย่างเลยล่ะ
เอากระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว โม้มาก หิวน้ำ ไปหาน้ำดื่มก่อนครับ แต่นำเข้าไปด้านในไม่ได้ซะด้วย(เขาไม่อนุญาตให้เอาของเหลวเข้าไปด้านใน) เลยต้องรีบดื่มให้หมดครับ
ด้านใน ก่อนขึ้นเครื่อง ผมรู้จักกับพี่พูห์ อีกหนึ่งนักดำน้ำที่ไปเรือโชคศุลีเช่นกัน และพี่ปู(เพื่อนของพี่พูห์)ที่เจอกันโดยบังเอิญ ไปเที่ยวบินเดียวกันเพียงแต่เธอกลับบ้าน ไม่ได้ไปดำน้ำครับ
ส่วนชายผมขาวที่เห็นแว๊บๆนั้น ชื่อว่าพี่ขุนครับ ก็เป็นอีกหนึ่ง Instructor เช่นกัน
เมื่อถึงเวลา พวกเราเดินไปที่ Gate เพื่อขึ้นเครื่องครับ
แอร์โฮสเตสสายการบินนกแอร์คนนี้ ทำเอาหัวใจของผมหยุดนิ่ง เธอสวยจริงๆครับ ผมมองดูเธอสาธิตการใช้อุปกรณ์บนเครื่องจนตาเยิ้มไปหมดแล้ว(อยากจะบอกเธอใจจะขาดว่า ช่วยผมหน่อย แบบว่าเป็นโรคหัวใจล้มเหลวเพราะมองคุณน่ะ 5555)
ผมนั่งใกล้กับพี่ขุนและพี่โหน่ง คุยกันเรื่องการดำน้ำตั้งแต่ขึ้นเครื่องครับ(ยันเครื่องลงจอด พักการสนทนาไม่ถึง 10 นาที) แกไปกับเรือ scubanet พี่ขุนคุยเก่งมากๆ ผมได้ทราบเรื่องราวหลายๆเรื่อง ที่ไม่เคยทราบเลย ก็สนุกดีครับ พี่ขุนบอกว่า เรือโชคศุลีที่ผมไปนั้น หลังๆมานี้ เจ้าของเรือจะมาออกทริปด้วย หากเจอเจ้าของเรือมาออกทริป นั่นก็หมายความว่า ผมจะโชคดี เพราะอาหารการกินจะมีแต่ของดีๆ เพียบพร้อม อิ่มหนำสำราญแน่นอน
เครื่องไม่มีดีเลย์ครับ เพียง 1 ชั่วโมง สายการบินนกแอร์พาผมและเหล่านักดำน้ำ(ที่มองแล้วเกินครึ่งลำ) มาสู่สนามบินภูเก็ต ผมมองเห็นที่นี่แล้ว ก็อดนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสลดใจ เมื่อหลายเดือนก่อนไม่ได้
ลงมารอกระเป๋าสัมภาระและเกียร์แบคของแต่ละคนที่จะผ่านสายพานเข้ามา หากไม่สังเกตดีๆอาจพลาดกระเป๋าได้ เพราะมีกระเป๋าเยอะมากๆครับ
บางคนรอกระเป๋าอย่างนานก็ไม่มา ไม่แปลกใจครับเพราะบางคนก็หยิบผิดไป อย่างในรถเข็นใกล้ๆผม ก็มีกระเป๋าของสาวสวยนิรนามที่มากับแม่(น่ารักจริงๆ) และของ 2 สาวบนเรือ scubanet ด้วย(เกียร์แบคจะมีสีเขียวครับ ถ้าของเรือโชคศุลีจะมีสีแดงน่ะ)
เมื่อได้กระเป๋าครบแล้ว เข็นออกไปด้านนอก พบกับพี่ตาม(เสือตาม) Leader ของผม ที่มารอตั้งแต่เย็นแล้ว
ระหว่างนี้ เรารอนักดำน้ำอีก 3 คน ที่เครื่องจะลงจอดในอีกไม่ช้า มองไปรอบๆค่อนข้างคึกคักครับ มีตัวแทนจากโรงแรมต่างๆมาชูป้ายหาลูกค้าของตนเอง
พี่หนุ่ย พี่โอ๋ บอกให้เราขนของไปที่รถตู้และ ไปนั่งรอบนรถตู้ก่อน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานนัก นักดำน้ำอีก 3 คนก็มาถึง เราจึงออกเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ สู่ท่าเรือรัษฎา ท่าเรือที่มักจะเป็นท่าจอดของเรือ liveaboard หลายๆลำ ครับ
ถนนหนทางที่นี่ แม้จะมืดในบางจุดแต่ยังมีแสงไฟให้เห็นอยู่ตลอด ผมว่ายังดูน่ากลัวน้อยกว่า จาก อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา มายัง อ. เมือง จ. สงขลา ตอนไปโลซินอีกครับ
เราแวะร้านเซเว่น อิเลฟเว่น หลายๆคนยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เย็น(ผมหิวมากเลยล่ะ) ได้โดรายากิกับนมถั่วเหลือง ทำให้สดชื่นขึ้นมาทันที(คราวหน้า ต้องทานข้าวมาก่อนครับ ไม่งั้นแย่แน่ๆ)
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการเฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่นี้ แต่ต้องมีลิมิตครับ ดื่มมากก็มีผลกระทบกับการดำน้ำในไดฟ์เช้าแน่นอน
ผมเห็นพี่หนุ่ยซื้อลูกชิ้นมาทาน และพี่เตยก็เดินไปซื้อโจ๊กที่อยู่ใกล้ๆเซเว่น อิเลฟเว่นครับ
นักดำน้ำ 3 คน ที่พึ่งมาถึง ชื่อ หยั่น, ประพันธ์และอารีย์(2 คนนี้เป็นพี่น้องกัน) เป็นลูกศิษย์ของครูต้องครับ พึ่งดำน้ำได้ไม่นาน มาครั้งนี้ก็ถือเป็นการมา liveaboard ครั้งแรกด้วย
เราช่วยขนของที่ซื้อมาขึ้นรถตู้ ไม่นานนักเราก็มาถึงท่าเรือรัษฎา ผมเห็นแล้วก็จำได้ทันที ภาพต่างๆเมื่อ 2 ปีก่อน ก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้งหนึ่ง
เดินผ่านเรืออื่นๆเข้ามา เราก็มาถึงเรือโชคศุลีครับ พูดถึงเรือนี้ ผมเคยได้ยินชื่อมานานแล้ว สมัยที่เรือโชคศุลีออกทริปไปดำน้ำที่เกาะกระ จ. นครศรีธรรมราช(สมัยนี้คงไม่ไปแล้วมั้ง) เพดานด้านล่างเตี๊ยไปนิด เวลาเดินต้องก้มให้ดี 555 เขาคงไม่ได้ออกแบบให้คนสูงมากๆอย่างผมละมั้ง
ข้างๆเรือของผม มีเรือเจ้าหญิงน้อย(Little princess) อยู่ด้วย มีครูโก้อยู่ที่ plat form ผมสวัสดีครูโก้ เพราะไม่คิดว่าจะเจอครูโก้ที่นี่
ห้องนอนของเรือ ปูด้วยพรมสีเขียว เป็นเตียง 2 ชั้น หันเท้าชนกัน ค่อนข้างน่ารักดีครับ ผมนำของจากกระเป๋าออกมาด้านนอก ถ่ายใส่อีกกระเป๋าหนึ่ง เวลาขนหนังสือขึ้นๆลงๆ จะได้สะดวกครับ
ผมไม่ค่อยระวังตัว ตะขอในห้องเลยเกี่ยวที่มือ เลือดออก ต้องหากระดาษปิดไว้ก่อน ขึ้นมาด้านบน มีข้าวต้มไก่ฉีก และส้ม คอยให้บริการ พี่พูห์ ใจดีมากครับ เธอหยิบข้าวต้มมาให้ผมด้วย
พี่เตยกำลังกินโจ๊กอยู่ พอเห็นแผลที่มือของผม เธอรีบไปหาเบตาดีนมาทาให้ทันที(ผมบอกแล้วครับ ว่าเธอเป็นคนดีจริงๆ)
ส่วนพี่ไข่นุ้ย ชายผิวเข้ม หน้าตาดูน่ากลัว แต่ใจดีมากครับ(staff ของเรือโชคศุลี) หยิบยาทาแผลมาให้ผมด้วย เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ผมเลยทาแผลอีกรอบหนึ่งด้วย
ชายสูงอายุคนหนึ่ง เดินไป เดินมา บนเรือ แต่งตัวภูมิฐาน ใช่ครับ(หลังจากสอบถามพี่ๆ) ชายคนนี้ คือ คุณเสรี เจ้าของเรือนั่นเอง เท่ากับว่าทริปนี้ผมสบายแล้ว อิ่มหนำสำราญแน่ๆ 555
ถามว่าทำไมเขาถึงต้องมาดูเอง เพราะว่า ปัจจุบันมีเรือ liveaboard เยอะมาก ธุรกิจการดำน้ำเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่พัฒนาให้การบริการดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ถูกคู่แข่งแซงหน้าแน่ๆครับ
ผมนั่งคุยกับพี่โอ๋และพี่หนุ่ยพร้อมเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือไปด้วย เพลงเก่าๆที่มี ถูกใจพี่ๆอย่างยิ่ง(ผมก็ชอบฟังเพลงเก่าสมัยรุ่นพ่อน่ะ) เห็นพีดีเอของพี่หนุ่ย มี Dive site จุดดำน้ำด้วยครับ เจ๋งจริงๆ
พี่ตามหยิบ Sausage มาให้ครับ อภินันทนาการจากพี่ป้อม (คราวนี้คงไม่ทำหายแล้ว มีซองใส่อย่างดีด้วย หายอีกคงต้องซื้อเองแล้วล่ะครับ 555 )
ด้านข้างเรา ที่เรือเจ้าหญิงน้อย มีลิพท์ สุพจน์อยู่ด้วยครับ ไม่นานนัก เสียงประทัดก็ดังขึ้น พร้อมกับการเคลื่อนตัวของเรือ ซึ่งน่าจะเป็นความเชื่อว่า ให้การเดินเรือเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย
เด็กน้อยคนหนึ่ง ขึ้นมาบนเรือ เธอคนนี้ชื่อน้องฟิน เป็นลูกสาวของครูปรีชา(ทริปนี้ Instructor เพียบเลยครับ ดีๆ)
เด็กหนุ่ม 2 คนขึ้นมาครับ คนนึงโย่งและล่ำกว่าผมเสียอีก(ทราบภายหลังว่า คือ เอ็มและบี ลูกศิษย์ครูปรีชาครับ)
อีกคนที่อยู่บนเรือ คือครูนิ้ม เป็น Instructor อีกเช่นกัน
เรารอกลุ่มสุดท้ายอีก 6 คนครับ (ทราบภายหลังคือ ครูตุ๊ก ครูเอ๋ พี่อิ๋ว พี่อุ๋ย พี่ตู่ และคุณมังคุด) เมื่อพวกเขามาถึง เรือโชคทวีก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือรัษฎาพร้อมเสียงประทัด(ดังสนั่น)
ครูปรีชาเปิด Notebook ให้ดูรูปใต้ทะเล ในเครื่องแก มีทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ สวยๆทั้งนั้นเลย ในนั้นมีรูปพลอย จินดาโชติด้วยครับ(แกบอกว่า ดีใจกับลูกศิษย์ที่ได้ดิบได้ดี มีแฟนเป็นดารา)
ผมขึ้นไปดูดาดฟ้า ทางขึ้นลำบากหน่อย แต่อากาศดีครับ พื้นยังเปียกๆอยู่เลย( ใครจะนอนต้องระวัง กลางคืนอาจมีน้ำค้าง ไม่ระวังก็อาจเปียกได้)
ผมเห็นพี่ตาม ท่าทางจะนอนไม่หลับ(นอนในห้องทีวี จะต้องรอให้คนอื่นๆ หลับเสียก่อนครับ ลำบากตรงนี้แหละ ไม่งั้นก็จะหลับยาก) เลยชวนให้แกมานอนในห้องด้วย(ตรงพื้นยังมีที่ว่างอยู่หลับ ถ้าปิดไฟก็นอนหลับสบายกว่าแน่นอน)
ผมลองเปิดโทรศัพท์มือถือที่ดูทีวีได้ด้วย ใช้ได้เลยครับ ถ้ามีคลื่นทีวีแบบนี้ เวลาผมไปเที่ยวทะเล ก็ไม่จำเป็นต้องหาห้องที่มีทีวีแล้วล่ะ 555
พักผ่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาดำน้ำแต่เช้า จะมีอะไรรอผมอยู่ในวันพรุ่งนี้นะ
29 ธันวาคม 2550
ตื่นสบายๆ 7โมงเช้าครับ ไม่ต้องรีบร้อนมากนัก เนื่องจากเราออกจากท่าเรือรัษฎาช้าเมื่อวานนี้ เราจึงยังไม่ถึงจุดดำน้ำแรกครับ(เห็นว่าจะถึงเกือบๆ 10 โมงน่ะ)
ผมกะจะมาดูอุปกรณ์ในเกียร์แบคเช้านี้(เมื่อวานขี้เกียจทำน่ะครับ) ปรากฎว่า Dive leader แสนดีของผม พี่ตาม จัดการให้หมดแล้ว ตะกั่วก็ร้อยให้ด้วย(ผมเพียงแค่ดู Fin กับ Clean mask เท่านั้นเองครับ) เป็น Dive leader ที่บริการ Diver ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลยครับ(แต่ Diver ก็ต้องทำทุกอย่างเป็นนะครับ ไม่ใช่ให้คนอื่นทำให้ จนตัวเองทำอะไรไม่เป็นเลย)
ขนหนังสือสัตว์ทะเลและแผ่นปลามาด้านบนครับ ผมบอกหลายๆคนว่า หากใครสนใจก็หยิบไปดูได้เลย(555 ผมจดไว้เรียบร้อยแล้วครับ ว่ามีกี่เล่ม กี่แผ่น)
หลายๆคน ตื่นกันแล้ว ส่วนใหญ่จะกินอะไรเบาๆเช่น ขนมปังทาแยม ทาเนย ทานมข้มหวาน เพราะอาหารเช้า เราจะได้ทานหลังจากเสร็จไดฟ์แรกครับ
เรือโชคศุลีพานักดำน้ำมาถึงเกาะห้า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน คุณเสรีออกมาเล่าถึงประวัติคร่าวๆของที่นี่ รวมทั้งกฎ กติกา สิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือลำนี้ จากนั้นก็ให้นักดำน้ำทุกคนแนะนำตัว เพื่อให้ทุกๆคนรู้จักกัน จากนี้ไปเราจะต้องเจอกันอีกหลายวันครับ
สำหรับกลุ่มของนักดำน้ำก็จะมี กลุ่มของครูปรีชา ที่มีบีและเอ็ม กลุ่มของครูตุ๊ก ที่มีครูเอ๋ พี่อุ๋ย พี่อิ๋ว พี่ตู่ มังคุด(คนนี้เป็นชาวต่างชาติที่พูดไทยชัดแจ๋วครับ) กลุ่มของพี่หนุ่ยและครูนิ้ม ที่มี หยั่น ประพันธ์ อารีย์ และพี่เตย กลุ่มของผมที่มี พี่โหน่งและมีลีดเดอร์ คือ พี่ตาม
4 Comments:
สนุกนะคะ บางอย่างพี่อิ๋วไม่ได้สังเกตุ พออ่านแล้วนึกภาพตามก็นึกออก อ๋อเป็นอย่างนั้นี่เอง ดีคะชอบ นี่ก็ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จ(ในการอ่าน) อยู่ที่นั่น555555 พี่อิ๋วเองค้า :)
น่าสนุกจริงๆครับ คนเยอะแบบนี้
รออ่านต่อนะครับ
ยินดีครับ คุณหนึ่ง
พี่อิ๋วลองดูต่อไปครับ วันนี้จะลงดำแล้ว
พี่จะนึกออกอีกหลายๆตอนครับ
Post a Comment
<< Home