ปฎิบัติการตัดอวน....ทะเลระยอง(1)
ปัจจุบันทะเลไทย ถูกรุกรานอย่างหนัก เกี่ยวกับการลักลอบทำประมง การวางอวนตาถี่แบบไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา นึกถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ด้วยเหตุนี้เอง หากเปรียบเทียบทะเลไทยในหลายสิบปีที่แล้ว กับในปัจจุบัน จำนวนปลาจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากการแก้ปัญหาในการออกกฎหมายมาลงโทษผู้กระทำความผิดแล้ว นักดำน้ำก็มีส่วนช่วยในการช่วยเหลือสัตว์ทะเลอย่างมากครับ หลายๆครั้งที่ผมอ่านเรื่องนักดำน้ำที่มีจิตใจดีงาม เช่น คุณเจี๊ยบอภินันท์ ตัดอวนช่วยฉลามเสือดาว เป็นต้น หรือแม้แต่ กลุ่ม saveoursea ที่เป็นกลุ่มของนักดำน้ำ รวมตัวกันเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งพวกเขาก็มีกิจกรรมสำหรับเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ
ผมเคยเข้าไปดูในเว็บของพวกเขาครับ นึกอยากจะไปเก็บขยะ ตัดอวนกับพวกเขาอยู่เหมือนกัน แต่วันเวลาไม่ตรงกัน หลังๆเข้าเว็บไม่ได้แล้วครับ เพราะระบบบอก User name และ password ผิด(ทั้งๆที่ไม่น่าจะผิด) ให้แจ้งทางอีเมล ระบบก็ไม่ตอบ ติดต่อเว็บมาสเตอร์ก็ไม่ได้ เลยได้แต่ดูข่าวสารของพวกเขา แต่ คอมเมนต์ไม่ได้ครับ(หากพี่ๆ ในกลุ่ม saveoursea ได้ยิน ช่วยผมด้วยนะครับ)
ครั้งใดเวลาไปดำน้ำ หากผมเห็นขยะก็มักจะเก็บขึ้นมาอยู่เสมอ หลายครั้งที่มีอวนชาวประมง แต่ยากเกินความสามารถของผม ก็มักจะเศร้าใจทุกครั้งไป
ในครั้งนี้ พี่ป้อมในฐานะ หัวเรือใหญ่ ของ www.nivach.net ได้ร่วมมือกับชมรมดำน้ำบริษัท PTT chemical นำโดยพี่ทศและพี่ดาว เกี่ยวกับการไปตัดอวนที่ทะเลระยอง เพราะทริประยอง หลายสัปดาห์ก่อน พี่ตามและนักดำน้ำคนอื่นๆพบอวนผืนใหญ่ที่หินเพิง มีปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆมากมาย ทั้งที่จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานเพราะถูกอวนพันธนาการจนไม่สามารถกลับบ้านได้ หรือแม้แต่จะขยับตัวเพื่อช่วยเหลือตนเอง ทั้งที่สิ้นชีวิตไปแล้วก็มี
งานนี้จึงถือเป็นงานช้าง ไม่ใช่ว่าใครคนหนึ่งจะลงไปทำแล้วสัมฤทธิ์ผล ต้องอาศัยความร่วมมือกันครับ
ผมไม่ลังเลและพร้อมที่จะช่วยเหลือ การไปดำน้ำครั้งนี้จึงไม่ใช่การไปสำรวจสัตว์ทะเล ตอบสนองความต้องการของตนเองเหมือนทุกๆครั้ง แต่เป็น “งาน” ที่ผมและเหล่าเพื่อนๆมนุษย์กบ ในฐานะกลุ่มบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะด้าน(อ่อ คนที่ยังไม่เรียนดำน้ำ ลงไปทำไม่ได้แน่ๆครับ) จะไปช่วยจัดการ ปัดกวาดท้องทะเล ให้สะอาด ช่วยเหลือชีวิตเล็กๆที่มีค่า(ที่หลายๆคนไม่เห็นค่า) ให้อยู่รอดปลอดภัย
การวางอวนจับปลา ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เพราะเป็นอาชีพหนึ่งของชาวประมง แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ ไม่ใช่วางอวนครอบแนวปะการัง จับสัตว์ทะเลทุกชนิดที่ติดมา อันไหนไม่ต้องการก็โยนทิ้ง แบบนี้มันใช้ไม่ได้ครับ
แม้ผมจะยังไม่เคยทำมาก่อนซึ่งก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ไปทำร้ายเหล่าสัตว์ทะเลโดนไม่ตั้งใจ แต่การเริ่มต้นถือเป็นสิ่งที่ดีครับ ผมมั่นใจว่า การกระทำของผมและเพื่อนๆจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ แน่นอน
ก่อนเดินทาง ผมวางแผนจะไปนอนที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด(เพื่อความแปลกใหม่ครับ) ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างหาดแม่รำพึงและหาดบ้านเพ การเดินทางไปท่าเรืออ่าวไข่ ในตอนเช้าก็ง่ายกว่าด้วย เนื่องจากจะออกเดินทางในเย็นวันเสาร์(รอพี่โหน่ง ปิดร้านก่อนครับ) อุทยานจะปิดเวลา 6 โมงเย็น ผมจึงคิดๆว่า จะมีหวังไปนอนกางเต๊นส์ที่นี่หรือไม่(บ้านพักน่ะ เต็มอยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะครับ)
ผมได้ชักชวนพี่นก(อีกหนึ่งในมิตรภาพจาก www.multiply.com ) พี่นกเรียนดำน้ำที่มนุษย์กบไทยครับ แต่ห่างจากการดำน้ำไปหลายปี เพราะต้องมาดูแลคุณพ่อ แกเขียนบทความที่ผมอ่านแล้วประทับใจเพราะแฟนสาวที่พี่นกคบอยู่ กลับไม่เข้าใจในความกตัญญูรู้คุณบิดาของพี่นก ทำให้มีอันต้องเลิกรากันไป (พี่นกเลือกความกตัญญูเป็นที่หนึ่ง ซึ่งหาได้ไม่ง่ายเลยในสังคมไทยครับ)
หากทุกคนพร้อมแล้ว ผม(อีธาน ฮันต์) (เฮ้ย ไม่ใช่ MI 3) จะพาทุกท่านไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยกันครับ
1 ธันวาคม 2550
ผมโทรบิ้วพี่โหน่งให้รีบปิดร้าน มาถึงก่อนเวลาเพราะเห็นรูปถ่ายจากที่พี่ชายเคยไป อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มาเมื่อหลายปีก่อน น่าอยู่มากครับ จากเต๊นส์ ก็มองเห็นทะเลแล้ว
พี่นก แกล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่บ่ายครับ ผมฝากพี่นกให้สอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานให้ว่า หากผมมาถึง 3 ทุ่มจะเข้าพักได้หรือไม่
ส่วนคนอื่นๆ ไปพักกันที่โรงแรมอาร์ เอ็ม ของพี่เปล่ง ที่เดิม(เดือนที่แล้ว ผมก็มา Fun dive ที่ระยองครับ)
ผมไม่ได้เตรียมหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ทะเลไปเท่าไรนัก เพราะคิดว่าคงไม่ค่อยได้ดูเท่าไร เลือกที่จะเตรียมแผนที่การเดินทางและที่พัก มากกว่าครับ(แผนที่ ผมใช้ของ Thinknet ครับ พกพาสะดวก เปิดก็ง่าย) หากผิดพลาดนอนที่อุทยานไม่ได้ จะได้หาที่พักได้ทันท่วงที
พี่นกโทรมาบอกว่าเลือกที่จะพักที่ สินสยาม รีสอร์ตบริเวณแหลมแม่พิมพ์ (ห่างจากท่าเรืออ่าวไข่ แค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นครับ) แกเข้ามาทาง อ. แกลง จ. ระยอง ก็เลยไม่ได้ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
พี่โหน่งมาถึงช่วง 6 โมงครับ เราออกจากกรุงเทพฯ เร็วกว่าเมื่อครั้งก่อน ผมลองเสี่ยงดวงโทรศัพท์ไปที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด อีกครั้ง ถึงแม้จะรู้ตัวว่าไม่มีหวังแล้วก็ตาม
“อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่สาวของอุทยาน
“ ผม ที่เคยโทรมาน่ะครับ อยากจะไปนอนที่อุทยานฯ แต่ว่าจะไปถึงช่วง 3 ทุ่มน่ะครับ มีธุระพอดี ไปพักได้ไหมครับ” ผมตอบ
“คงมีความจำเป็นที่ทำให้มาไม่ทันใช่ไหมค่ะ ถ้า 2 คนก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้เต๊นส์อุทยานเต็มแล้วเพราะมีเด็กๆมาออกค่าย ถ้านำเต๊นส์มากางเองก็ได้ค่ะ” ผมเริ่มมีความหวังเพราะพี่โหน่งมีเต๊นส์มาเองครับ
มีเด็กๆ มาออกค่าย นั้นก็หมายความว่า ก็ต้องมีสาวๆครับ ท่าทางเราจะโชคดีซะแล้ว ไชโย!!!!
ผมโทรกลับไปสอบถามเจ้าหน้าที่สาวผู้ใจดีอีกครั้ง เพราะอยากทราบชื่อของเธอ
“พี่เพ็ญนภาเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ ผมจะได้เจอพี่ไหมครับ”
“เดี๋ยวพี่เลิกเวร 2 ทุ่ม เช้าก็มา 8 โมง คงไม่ได้เจอกันค่ะ แต่น้องเห็นพี่อาจจะผิดหวังนะ พี่น่ะเสียงกับหน้าตาไม่เหมือนกันหรอก”
“พี่ครับ ไม่เป็นไรมั้ง ผมไม่ได้จีบพี่ซะหน่อย” ณ เวลานั้น เรื่องดีๆ ก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้งหนึ่งครับ สำหรับการเดินทาง ผมมักจะมีโชคอยู่เสมอจริงๆ 5555
พอแจ้งชื่อกับทางอุทยานเรียบร้อย เท่านี้ ยามหน้าอุทยานก็ให้ผมเข้าแล้วครับ แวะกินข้าวที่จุดพักรถ Rest area ก่อนดีกว่า ผมหยิบหนังสือมาศึกษาเส้นทาง ว่าเราจะผ่านทางหลวงหมายเลขที่เท่าไร ไปทางไหนได้บ้าง
เผลอแป๊บเดียว เราขับหลงเข้าไปในดินแดน UTAH ของเมืองไทย ใช่ครับ เมืองโรงงาน อย่างแหลมฉบังนั่นเอง ในเวลากลางคืนแบบนี้ ไฟที่โรงงานดูสวยมากครับ(นักถ่ายภาพอาจจะชอบนะ) ไม่น่าเชื่อว่าจะมีที่แห่งนี้ในเมืองไทยด้วย แต่ระวังเด็กแว๊นหน่อยก็ดีครับ มีเยอะมาก หมวกกันน๊อคก็ไม่ใส่ ขับรถแบบไม่กลัวโดนชนเลยล่ะ
กลับเข้าเส้นทางดีกว่า ไม่งั้นจะเอาแผนที่มาประสาอะไร(วะ) หยิบแผนที่มาได้ประโยชน์จริงๆครับ เราสามารถเดินทางในเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ถนนเส้นที่ผมกำลังเดินทาง มีไฟตามรายทางค่อนข้างเยอะ รถก็โล่งมากด้วย
เราขับรถเข้ามาในเส้นบายพาส(ไม่เกี่ยวกับหัวใจนะ 55) เพื่อเลี่ยงเมือง แวะปั้มน้ำมันหน่อยดีกว่า ใกล้ถึงอุทยานอยู่แล้ว หาซื้อของกินสำหรับวันรุ่งขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีเบียร์ครับ(สงสัยอยู่ในโครงการเมาไม่ขับแน่ๆ)
ร้านขายของชำซิ ยังไงก็มี พบสาววัยรุ่นอยู่ 2 คน รูปร่างหน้าตา สระสวยทีเดียว น่าชวนไปกินเบียร์ที่อุทยานจริงๆ (แค่คิดครับ ขืนชวนโดนสามีมันเตะแน่นอน อาจจะมีมากกว่านั้นด้วยครับ สมัยนี้จิตใจคน มันโหดร้ายมากขึ้นด้วย ต้องประหารชีวิต ขังลืมซะให้เข็ด)
ถนนเส้นเลียบชายหาดนี้ ต่างจากที่พัทยาลิบลับครับ แค่ 3 ทุ่ม แต่กลับเงียบมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวหลงเหลืออยู่เลย บางจุดค่อนข้างเปลี่ยว ขณะกำลังมองอยู่ ผมกับพี่โหน่งต้องหัวเราะออกมาครับเพราะ มีคุณลุงแก่ๆ ถือไมค์ กำลังร้องคาราโอเกะพร้อมเครื่องเสียงครบชุด ในขณะที่มีเก้าอี้มากมาย แต่ไม่มีคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้เลย 555
“เล่นแบบนี้เลยเหรอลุง” แต่ก็เอาเถอะครับ ความสุขของเขานี่นะ
เรามาถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ผมบอกยามเกี่ยวกับการจอง ยามอนุญาต ตอนนี้อากาศเย็นลงมากและเงียบจริงๆครับ แต่คงสมใจคนที่อยากมานอนเต๊นส์ริมทะเลเช่นผมกับพี่โหน่งนักแล(มีความหวังหลีสาวนิดนึงด้วย555) (หน้าไหนก็เที่ยวได้ครับ ทะเลน่ะ เชื่อผมเถอะ ไม่จำเป็นต้องหน้าร้อน)
มาติดต่อที่สำนักงานของอุทยาน แลกบัตรประชาชน กรอกรายละเอียด ผมถามเกี่ยวกับจุดชมวิว เพื่อจะตื่นมาถ่ายรูปในตอนเช้า
เจ้าหน้าที่บอกว่า ตรงจุดที่เราอยู่นั้น คือ เขาแหลมหญ้า ลานกางเต๊นส์จะมี 2 จุด ติดหาดกับไม่ติดหาด ถ้าริมหาด(แน่นอนซิครับ ริมหาด ผมชอบ) ยังพอมีที่กางเหลืออยู่ใกล้ๆต้นมะขาม(ฟังดูน่ากลัวแฮะ) ตรงนั้นจะใกล้ห้องน้ำด้วย มีท่าเรืออยู่ใกล้ๆ ชื่อ ท่าเรือศรีวิกา
หลังจากจอดรถ ขนเต๊นส์และอุปกรณ์ลงไปด้านล่าง เราเดินอยู่ริมหาดที่บรรยากาศดีมาก มองเห็นดวงดาวชัดเจน แต่มีเสียงคนดื่มเหล้าโหวกเหวกโวยวาย(ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลยครับ แต่ละคนแรงจริงๆ) ถ้ากางตรงนี้ไม่ไหวแน่ๆครับ นอกจากจะนอนไม่หลับ ยังต้องระมัดระวังตัวด้วย(กลุ่มนี้กำลังร้อง “ยาม” ของลาบานูน ด้วยครับ เสียงก็แย่ เพลงลาบานูน เขาเสียหมด 555)
เดินไปอีกด้าน เฮ้อ ค่อยดีหน่อย มีจุดกางเต๊นส์ด้วย มีพื้นหญ้าว่างอยู่ กางมันตรงนี้แหละ(เต๊นส์ของพี่โหน่งที่ยืมเพื่อนมาดีมากครับ ไม่ต้องใช้สมอบกให้ยุ่งยาก เวลาเปิดระวังเต๊นส์ดีดใส่หน้าเท่านั้นพอ แต่ค่อนข้างเล็กมาก นอนคนเดียวกำลังดีเลยครับ)
ด้านหน้าจุดกางเต๊นส์ ค่อนข้างมืด มีสิ่งหนึ่ง ยื่นออกไปในทะเล ผมคุ้นๆว่า จะเป็นวิวที่ผมเคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยวหรือเปล่านะ
ผมเปลี่ยนกางเกงจีนสีแดง(เพื่อไปเล่นลิเก รอนางเอกอยู่เนี่ย 555) ไม่นานนัก สาวในกลุ่ม(มีผู้ชายด้วยครับ เซ็งเลย) ที่นั่งกินเหล้าอยู่ก็แซวออกมาจากความมืด
“ใส่กางเกงแดง รับไม่ได้ว่ะ”
“ใส่กางแกงแดง แล้วไงวะ” เจอสาวหยาบคายแบบนี้ ก็ต้องตาต่อตาฟันต่อฟันครับ(เฮ้ย อย่าคิดลึกนะ 55) แต่ผมว่าในกลุ่มได้ยินนะ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาครับ(ไม่งั้น มีวางมวยแน่นอน ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า ท่าทางจะมีหลายคน ผมมีกัน 2 คนเอง)
มานอนเต๊นส์ ชายกับชายแบบนี้ ต้องยอมรับสภาพกับการที่ถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็น “เพื่อน กูรักมึงว่ะ” แน่นอนครับ แต่ผมไม่มีทางยอมแพ้ เพราะเรื่องแบบนี้หรอก ขืนอายก็อดมาซิ (ก็แบบนี้ล่ะนะ สาวๆ หนีหาย รักอิสระ เสรีเหลือเกิน พ่อนักเขียน 555)
อีกข้อที่สำคัญครับ หากผมมีเวลา คงไปพักเกาะเสม็ดที่หาดทรายขาวละเอียดกว่า น้ำทะเลใสกว่าอยู่แล้ว จะมานอนเต๊นส์ที่นี่ ผมว่าโอกาสค่อนข้างยากครับ (พี่โหน่งบอกว่า ลูกเจ้าของที่พัก บริเวณอ่าวกิ่ว เกาะเสม็ด สวยมาก อยากเห็นหน้าจัง)
ย้ายรถที่จอดมาอยู่ใกล้ๆดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่า ผมมาที่ร้านอาหารของทางอุทยาน มีป้าต้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส คอยผัดกับข้าวให้กิน
ทอดมันปลากราย กับกุ้งผัดพริกเผา และข้าวเปล่า ในราคา 100 นิดๆ อร่อยสุดๆครับ ป้าต้อยเล่าให้ฟังว่า ทอดมันน่ะน้องสาวของป้าเป็นคนทำ ทำมาจากปลาอินทรีย์(บางที่จะใช้ปลาหลายๆชนิดรวมกัน) อาหารที่ทำค่อนข้างสด ใหม่ เพราะได้มาจากชาวประมง
“เห็นไฟแวบๆ ด้านหน้าไหมล่ะ พ่อหนุ่ม นั่นล่ะเกาะเสม็ด ส่วนท่าเรือศรีวิกา จะใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่ในการเดินทางไปเกาะเสม็ดเท่านั้น ส่วนที่ยื่นออกไปในทะเล เป็นแนวหินที่ถมไว้กันคลื่นน่ะ” ป้าต้อยเล่าให้ฟัง ผมคิดในใจ เกาะเสม็ดอยู่ด้านหน้าผมนี่เองน่ะเหรอ
ก่อนจากกัน ป้าต้อยให้นามบัตรผมไว้ ป้าต้อยบอกว่าพรุ่งนี้เช้าต้องมาทำข้าวต้มให้นักท่องเที่ยวตั้งแต่ตี 5 ส่วนร้านอาหารเปิดเวลา 6 โมง(ขณะนั้น ห้าทุ่มแล้วนะครับ) ผมชื่นชมในความขยัน ขันแข็ง ของป้าต้อยมาก
ผมมองไปด้านหน้า ในความมืด(พอเห็นเป็นเงา ระยะไม่เกิน 3 เมตร)มีนักท่องเที่ยววัยรุ่นนั่งจีบกันอยู่ ถ้าสายตาผมไม่ผิดพลาด มีหนังสดฉายครับ(เด็กสมัยนี้ ไม่อายกันหรือไงเนี่ย) เงามืดๆ โน้มตัวลงไป (จบแค่นี้ดีกว่า 555)
ผมกับพี่โหน่งเดินกลับเต๊นส์ นั่งกินเบียร์ที่ซื้อมา แต่ไม่รู้จะคึกยังไง ไปหาใครคุยด้วยก็ลำบาก เพราะดึกๆแบบนี้ สาวๆก็เข้าเต๊นส์หมดแล้ว มีแต่เป็นกลุ่มๆที่นั่งกินเหล้ากัน
พี่โหน่งจะให้ผมเข้าไปนอนในเต๊นส์ ส่วนแกจะนอนถุงนอนอยู่ด้านนอกเพราะอุ่นดี จะเอาผ้ามาปิดหน้ากันน้ำค้าง ผมเถียงกับแกอยู่นาน ว่าจะนอนข้างนอกเอง แกไม่ยอมครับ(แกอาจกลัว เรื่อง “เพื่อน กูรักมึงว่ะ” ก็ได้ๆครับ แต่เต๊นส์มันเล็กจริงๆนะ 555)
อากาศเย็นสบายจนถึงหนาว ผมนอนขดเป็นงูอยู่ในเต๊นส์ ในขณะที่พี่โหน่ง กรนอยู่ด้านนอก หลับสบายไปแล้ว หนีเสือปะจระเข้ครับ ใกล้ๆห้องน้ำ มีคนดื่มเหล้าอยู่อีกกลุ่ม คุยกันเสียงดังมากๆ(ตามประสาคนเมา) พยายามนอนดีกว่า พรุ่งนี้ ไม่เกิน 7 โมง 20 ต้องออกจากที่นี่ ไปท่าเรืออ่าวไข่ให้ทันช่วง 8 โมง เพราะนัดหมายกับพี่ป้อมและนักดำน้ำคนอื่นๆไว้
นอกจากการแก้ปัญหาในการออกกฎหมายมาลงโทษผู้กระทำความผิดแล้ว นักดำน้ำก็มีส่วนช่วยในการช่วยเหลือสัตว์ทะเลอย่างมากครับ หลายๆครั้งที่ผมอ่านเรื่องนักดำน้ำที่มีจิตใจดีงาม เช่น คุณเจี๊ยบอภินันท์ ตัดอวนช่วยฉลามเสือดาว เป็นต้น หรือแม้แต่ กลุ่ม saveoursea ที่เป็นกลุ่มของนักดำน้ำ รวมตัวกันเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งพวกเขาก็มีกิจกรรมสำหรับเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ
ผมเคยเข้าไปดูในเว็บของพวกเขาครับ นึกอยากจะไปเก็บขยะ ตัดอวนกับพวกเขาอยู่เหมือนกัน แต่วันเวลาไม่ตรงกัน หลังๆเข้าเว็บไม่ได้แล้วครับ เพราะระบบบอก User name และ password ผิด(ทั้งๆที่ไม่น่าจะผิด) ให้แจ้งทางอีเมล ระบบก็ไม่ตอบ ติดต่อเว็บมาสเตอร์ก็ไม่ได้ เลยได้แต่ดูข่าวสารของพวกเขา แต่ คอมเมนต์ไม่ได้ครับ(หากพี่ๆ ในกลุ่ม saveoursea ได้ยิน ช่วยผมด้วยนะครับ)
ครั้งใดเวลาไปดำน้ำ หากผมเห็นขยะก็มักจะเก็บขึ้นมาอยู่เสมอ หลายครั้งที่มีอวนชาวประมง แต่ยากเกินความสามารถของผม ก็มักจะเศร้าใจทุกครั้งไป
ในครั้งนี้ พี่ป้อมในฐานะ หัวเรือใหญ่ ของ www.nivach.net ได้ร่วมมือกับชมรมดำน้ำบริษัท PTT chemical นำโดยพี่ทศและพี่ดาว เกี่ยวกับการไปตัดอวนที่ทะเลระยอง เพราะทริประยอง หลายสัปดาห์ก่อน พี่ตามและนักดำน้ำคนอื่นๆพบอวนผืนใหญ่ที่หินเพิง มีปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆมากมาย ทั้งที่จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานเพราะถูกอวนพันธนาการจนไม่สามารถกลับบ้านได้ หรือแม้แต่จะขยับตัวเพื่อช่วยเหลือตนเอง ทั้งที่สิ้นชีวิตไปแล้วก็มี
งานนี้จึงถือเป็นงานช้าง ไม่ใช่ว่าใครคนหนึ่งจะลงไปทำแล้วสัมฤทธิ์ผล ต้องอาศัยความร่วมมือกันครับ
ผมไม่ลังเลและพร้อมที่จะช่วยเหลือ การไปดำน้ำครั้งนี้จึงไม่ใช่การไปสำรวจสัตว์ทะเล ตอบสนองความต้องการของตนเองเหมือนทุกๆครั้ง แต่เป็น “งาน” ที่ผมและเหล่าเพื่อนๆมนุษย์กบ ในฐานะกลุ่มบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะด้าน(อ่อ คนที่ยังไม่เรียนดำน้ำ ลงไปทำไม่ได้แน่ๆครับ) จะไปช่วยจัดการ ปัดกวาดท้องทะเล ให้สะอาด ช่วยเหลือชีวิตเล็กๆที่มีค่า(ที่หลายๆคนไม่เห็นค่า) ให้อยู่รอดปลอดภัย
การวางอวนจับปลา ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เพราะเป็นอาชีพหนึ่งของชาวประมง แต่ต้องมีหลักเกณฑ์ ไม่ใช่วางอวนครอบแนวปะการัง จับสัตว์ทะเลทุกชนิดที่ติดมา อันไหนไม่ต้องการก็โยนทิ้ง แบบนี้มันใช้ไม่ได้ครับ
แม้ผมจะยังไม่เคยทำมาก่อนซึ่งก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ไปทำร้ายเหล่าสัตว์ทะเลโดนไม่ตั้งใจ แต่การเริ่มต้นถือเป็นสิ่งที่ดีครับ ผมมั่นใจว่า การกระทำของผมและเพื่อนๆจะเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ แน่นอน
ก่อนเดินทาง ผมวางแผนจะไปนอนที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด(เพื่อความแปลกใหม่ครับ) ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ระหว่างหาดแม่รำพึงและหาดบ้านเพ การเดินทางไปท่าเรืออ่าวไข่ ในตอนเช้าก็ง่ายกว่าด้วย เนื่องจากจะออกเดินทางในเย็นวันเสาร์(รอพี่โหน่ง ปิดร้านก่อนครับ) อุทยานจะปิดเวลา 6 โมงเย็น ผมจึงคิดๆว่า จะมีหวังไปนอนกางเต๊นส์ที่นี่หรือไม่(บ้านพักน่ะ เต็มอยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะครับ)
ผมได้ชักชวนพี่นก(อีกหนึ่งในมิตรภาพจาก www.multiply.com ) พี่นกเรียนดำน้ำที่มนุษย์กบไทยครับ แต่ห่างจากการดำน้ำไปหลายปี เพราะต้องมาดูแลคุณพ่อ แกเขียนบทความที่ผมอ่านแล้วประทับใจเพราะแฟนสาวที่พี่นกคบอยู่ กลับไม่เข้าใจในความกตัญญูรู้คุณบิดาของพี่นก ทำให้มีอันต้องเลิกรากันไป (พี่นกเลือกความกตัญญูเป็นที่หนึ่ง ซึ่งหาได้ไม่ง่ายเลยในสังคมไทยครับ)
หากทุกคนพร้อมแล้ว ผม(อีธาน ฮันต์) (เฮ้ย ไม่ใช่ MI 3) จะพาทุกท่านไปร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วยกันครับ
1 ธันวาคม 2550
ผมโทรบิ้วพี่โหน่งให้รีบปิดร้าน มาถึงก่อนเวลาเพราะเห็นรูปถ่ายจากที่พี่ชายเคยไป อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มาเมื่อหลายปีก่อน น่าอยู่มากครับ จากเต๊นส์ ก็มองเห็นทะเลแล้ว
พี่นก แกล่วงหน้าไปก่อนตั้งแต่บ่ายครับ ผมฝากพี่นกให้สอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานให้ว่า หากผมมาถึง 3 ทุ่มจะเข้าพักได้หรือไม่
ส่วนคนอื่นๆ ไปพักกันที่โรงแรมอาร์ เอ็ม ของพี่เปล่ง ที่เดิม(เดือนที่แล้ว ผมก็มา Fun dive ที่ระยองครับ)
ผมไม่ได้เตรียมหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ทะเลไปเท่าไรนัก เพราะคิดว่าคงไม่ค่อยได้ดูเท่าไร เลือกที่จะเตรียมแผนที่การเดินทางและที่พัก มากกว่าครับ(แผนที่ ผมใช้ของ Thinknet ครับ พกพาสะดวก เปิดก็ง่าย) หากผิดพลาดนอนที่อุทยานไม่ได้ จะได้หาที่พักได้ทันท่วงที
พี่นกโทรมาบอกว่าเลือกที่จะพักที่ สินสยาม รีสอร์ตบริเวณแหลมแม่พิมพ์ (ห่างจากท่าเรืออ่าวไข่ แค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้นครับ) แกเข้ามาทาง อ. แกลง จ. ระยอง ก็เลยไม่ได้ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด
พี่โหน่งมาถึงช่วง 6 โมงครับ เราออกจากกรุงเทพฯ เร็วกว่าเมื่อครั้งก่อน ผมลองเสี่ยงดวงโทรศัพท์ไปที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด อีกครั้ง ถึงแม้จะรู้ตัวว่าไม่มีหวังแล้วก็ตาม
“อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ค่ะ” เสียงเจ้าหน้าที่สาวของอุทยาน
“ ผม ที่เคยโทรมาน่ะครับ อยากจะไปนอนที่อุทยานฯ แต่ว่าจะไปถึงช่วง 3 ทุ่มน่ะครับ มีธุระพอดี ไปพักได้ไหมครับ” ผมตอบ
“คงมีความจำเป็นที่ทำให้มาไม่ทันใช่ไหมค่ะ ถ้า 2 คนก็ได้ค่ะ แต่ตอนนี้เต๊นส์อุทยานเต็มแล้วเพราะมีเด็กๆมาออกค่าย ถ้านำเต๊นส์มากางเองก็ได้ค่ะ” ผมเริ่มมีความหวังเพราะพี่โหน่งมีเต๊นส์มาเองครับ
มีเด็กๆ มาออกค่าย นั้นก็หมายความว่า ก็ต้องมีสาวๆครับ ท่าทางเราจะโชคดีซะแล้ว ไชโย!!!!
ผมโทรกลับไปสอบถามเจ้าหน้าที่สาวผู้ใจดีอีกครั้ง เพราะอยากทราบชื่อของเธอ
“พี่เพ็ญนภาเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ ผมจะได้เจอพี่ไหมครับ”
“เดี๋ยวพี่เลิกเวร 2 ทุ่ม เช้าก็มา 8 โมง คงไม่ได้เจอกันค่ะ แต่น้องเห็นพี่อาจจะผิดหวังนะ พี่น่ะเสียงกับหน้าตาไม่เหมือนกันหรอก”
“พี่ครับ ไม่เป็นไรมั้ง ผมไม่ได้จีบพี่ซะหน่อย” ณ เวลานั้น เรื่องดีๆ ก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้งหนึ่งครับ สำหรับการเดินทาง ผมมักจะมีโชคอยู่เสมอจริงๆ 5555
พอแจ้งชื่อกับทางอุทยานเรียบร้อย เท่านี้ ยามหน้าอุทยานก็ให้ผมเข้าแล้วครับ แวะกินข้าวที่จุดพักรถ Rest area ก่อนดีกว่า ผมหยิบหนังสือมาศึกษาเส้นทาง ว่าเราจะผ่านทางหลวงหมายเลขที่เท่าไร ไปทางไหนได้บ้าง
เผลอแป๊บเดียว เราขับหลงเข้าไปในดินแดน UTAH ของเมืองไทย ใช่ครับ เมืองโรงงาน อย่างแหลมฉบังนั่นเอง ในเวลากลางคืนแบบนี้ ไฟที่โรงงานดูสวยมากครับ(นักถ่ายภาพอาจจะชอบนะ) ไม่น่าเชื่อว่าจะมีที่แห่งนี้ในเมืองไทยด้วย แต่ระวังเด็กแว๊นหน่อยก็ดีครับ มีเยอะมาก หมวกกันน๊อคก็ไม่ใส่ ขับรถแบบไม่กลัวโดนชนเลยล่ะ
กลับเข้าเส้นทางดีกว่า ไม่งั้นจะเอาแผนที่มาประสาอะไร(วะ) หยิบแผนที่มาได้ประโยชน์จริงๆครับ เราสามารถเดินทางในเส้นทางที่ใกล้ที่สุด ถนนเส้นที่ผมกำลังเดินทาง มีไฟตามรายทางค่อนข้างเยอะ รถก็โล่งมากด้วย
เราขับรถเข้ามาในเส้นบายพาส(ไม่เกี่ยวกับหัวใจนะ 55) เพื่อเลี่ยงเมือง แวะปั้มน้ำมันหน่อยดีกว่า ใกล้ถึงอุทยานอยู่แล้ว หาซื้อของกินสำหรับวันรุ่งขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีเบียร์ครับ(สงสัยอยู่ในโครงการเมาไม่ขับแน่ๆ)
ร้านขายของชำซิ ยังไงก็มี พบสาววัยรุ่นอยู่ 2 คน รูปร่างหน้าตา สระสวยทีเดียว น่าชวนไปกินเบียร์ที่อุทยานจริงๆ (แค่คิดครับ ขืนชวนโดนสามีมันเตะแน่นอน อาจจะมีมากกว่านั้นด้วยครับ สมัยนี้จิตใจคน มันโหดร้ายมากขึ้นด้วย ต้องประหารชีวิต ขังลืมซะให้เข็ด)
ถนนเส้นเลียบชายหาดนี้ ต่างจากที่พัทยาลิบลับครับ แค่ 3 ทุ่ม แต่กลับเงียบมาก ไม่มีนักท่องเที่ยวหลงเหลืออยู่เลย บางจุดค่อนข้างเปลี่ยว ขณะกำลังมองอยู่ ผมกับพี่โหน่งต้องหัวเราะออกมาครับเพราะ มีคุณลุงแก่ๆ ถือไมค์ กำลังร้องคาราโอเกะพร้อมเครื่องเสียงครบชุด ในขณะที่มีเก้าอี้มากมาย แต่ไม่มีคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้เลย 555
“เล่นแบบนี้เลยเหรอลุง” แต่ก็เอาเถอะครับ ความสุขของเขานี่นะ
เรามาถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ผมบอกยามเกี่ยวกับการจอง ยามอนุญาต ตอนนี้อากาศเย็นลงมากและเงียบจริงๆครับ แต่คงสมใจคนที่อยากมานอนเต๊นส์ริมทะเลเช่นผมกับพี่โหน่งนักแล(มีความหวังหลีสาวนิดนึงด้วย555) (หน้าไหนก็เที่ยวได้ครับ ทะเลน่ะ เชื่อผมเถอะ ไม่จำเป็นต้องหน้าร้อน)
มาติดต่อที่สำนักงานของอุทยาน แลกบัตรประชาชน กรอกรายละเอียด ผมถามเกี่ยวกับจุดชมวิว เพื่อจะตื่นมาถ่ายรูปในตอนเช้า
เจ้าหน้าที่บอกว่า ตรงจุดที่เราอยู่นั้น คือ เขาแหลมหญ้า ลานกางเต๊นส์จะมี 2 จุด ติดหาดกับไม่ติดหาด ถ้าริมหาด(แน่นอนซิครับ ริมหาด ผมชอบ) ยังพอมีที่กางเหลืออยู่ใกล้ๆต้นมะขาม(ฟังดูน่ากลัวแฮะ) ตรงนั้นจะใกล้ห้องน้ำด้วย มีท่าเรืออยู่ใกล้ๆ ชื่อ ท่าเรือศรีวิกา
หลังจากจอดรถ ขนเต๊นส์และอุปกรณ์ลงไปด้านล่าง เราเดินอยู่ริมหาดที่บรรยากาศดีมาก มองเห็นดวงดาวชัดเจน แต่มีเสียงคนดื่มเหล้าโหวกเหวกโวยวาย(ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลยครับ แต่ละคนแรงจริงๆ) ถ้ากางตรงนี้ไม่ไหวแน่ๆครับ นอกจากจะนอนไม่หลับ ยังต้องระมัดระวังตัวด้วย(กลุ่มนี้กำลังร้อง “ยาม” ของลาบานูน ด้วยครับ เสียงก็แย่ เพลงลาบานูน เขาเสียหมด 555)
เดินไปอีกด้าน เฮ้อ ค่อยดีหน่อย มีจุดกางเต๊นส์ด้วย มีพื้นหญ้าว่างอยู่ กางมันตรงนี้แหละ(เต๊นส์ของพี่โหน่งที่ยืมเพื่อนมาดีมากครับ ไม่ต้องใช้สมอบกให้ยุ่งยาก เวลาเปิดระวังเต๊นส์ดีดใส่หน้าเท่านั้นพอ แต่ค่อนข้างเล็กมาก นอนคนเดียวกำลังดีเลยครับ)
ด้านหน้าจุดกางเต๊นส์ ค่อนข้างมืด มีสิ่งหนึ่ง ยื่นออกไปในทะเล ผมคุ้นๆว่า จะเป็นวิวที่ผมเคยเห็นในหนังสือท่องเที่ยวหรือเปล่านะ
ผมเปลี่ยนกางเกงจีนสีแดง(เพื่อไปเล่นลิเก รอนางเอกอยู่เนี่ย 555) ไม่นานนัก สาวในกลุ่ม(มีผู้ชายด้วยครับ เซ็งเลย) ที่นั่งกินเหล้าอยู่ก็แซวออกมาจากความมืด
“ใส่กางเกงแดง รับไม่ได้ว่ะ”
“ใส่กางแกงแดง แล้วไงวะ” เจอสาวหยาบคายแบบนี้ ก็ต้องตาต่อตาฟันต่อฟันครับ(เฮ้ย อย่าคิดลึกนะ 55) แต่ผมว่าในกลุ่มได้ยินนะ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาครับ(ไม่งั้น มีวางมวยแน่นอน ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า ท่าทางจะมีหลายคน ผมมีกัน 2 คนเอง)
มานอนเต๊นส์ ชายกับชายแบบนี้ ต้องยอมรับสภาพกับการที่ถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็น “เพื่อน กูรักมึงว่ะ” แน่นอนครับ แต่ผมไม่มีทางยอมแพ้ เพราะเรื่องแบบนี้หรอก ขืนอายก็อดมาซิ (ก็แบบนี้ล่ะนะ สาวๆ หนีหาย รักอิสระ เสรีเหลือเกิน พ่อนักเขียน 555)
อีกข้อที่สำคัญครับ หากผมมีเวลา คงไปพักเกาะเสม็ดที่หาดทรายขาวละเอียดกว่า น้ำทะเลใสกว่าอยู่แล้ว จะมานอนเต๊นส์ที่นี่ ผมว่าโอกาสค่อนข้างยากครับ (พี่โหน่งบอกว่า ลูกเจ้าของที่พัก บริเวณอ่าวกิ่ว เกาะเสม็ด สวยมาก อยากเห็นหน้าจัง)
ย้ายรถที่จอดมาอยู่ใกล้ๆดีกว่าครับ ปลอดภัยกว่า ผมมาที่ร้านอาหารของทางอุทยาน มีป้าต้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส คอยผัดกับข้าวให้กิน
ทอดมันปลากราย กับกุ้งผัดพริกเผา และข้าวเปล่า ในราคา 100 นิดๆ อร่อยสุดๆครับ ป้าต้อยเล่าให้ฟังว่า ทอดมันน่ะน้องสาวของป้าเป็นคนทำ ทำมาจากปลาอินทรีย์(บางที่จะใช้ปลาหลายๆชนิดรวมกัน) อาหารที่ทำค่อนข้างสด ใหม่ เพราะได้มาจากชาวประมง
“เห็นไฟแวบๆ ด้านหน้าไหมล่ะ พ่อหนุ่ม นั่นล่ะเกาะเสม็ด ส่วนท่าเรือศรีวิกา จะใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่ในการเดินทางไปเกาะเสม็ดเท่านั้น ส่วนที่ยื่นออกไปในทะเล เป็นแนวหินที่ถมไว้กันคลื่นน่ะ” ป้าต้อยเล่าให้ฟัง ผมคิดในใจ เกาะเสม็ดอยู่ด้านหน้าผมนี่เองน่ะเหรอ
ก่อนจากกัน ป้าต้อยให้นามบัตรผมไว้ ป้าต้อยบอกว่าพรุ่งนี้เช้าต้องมาทำข้าวต้มให้นักท่องเที่ยวตั้งแต่ตี 5 ส่วนร้านอาหารเปิดเวลา 6 โมง(ขณะนั้น ห้าทุ่มแล้วนะครับ) ผมชื่นชมในความขยัน ขันแข็ง ของป้าต้อยมาก
ผมมองไปด้านหน้า ในความมืด(พอเห็นเป็นเงา ระยะไม่เกิน 3 เมตร)มีนักท่องเที่ยววัยรุ่นนั่งจีบกันอยู่ ถ้าสายตาผมไม่ผิดพลาด มีหนังสดฉายครับ(เด็กสมัยนี้ ไม่อายกันหรือไงเนี่ย) เงามืดๆ โน้มตัวลงไป (จบแค่นี้ดีกว่า 555)
ผมกับพี่โหน่งเดินกลับเต๊นส์ นั่งกินเบียร์ที่ซื้อมา แต่ไม่รู้จะคึกยังไง ไปหาใครคุยด้วยก็ลำบาก เพราะดึกๆแบบนี้ สาวๆก็เข้าเต๊นส์หมดแล้ว มีแต่เป็นกลุ่มๆที่นั่งกินเหล้ากัน
พี่โหน่งจะให้ผมเข้าไปนอนในเต๊นส์ ส่วนแกจะนอนถุงนอนอยู่ด้านนอกเพราะอุ่นดี จะเอาผ้ามาปิดหน้ากันน้ำค้าง ผมเถียงกับแกอยู่นาน ว่าจะนอนข้างนอกเอง แกไม่ยอมครับ(แกอาจกลัว เรื่อง “เพื่อน กูรักมึงว่ะ” ก็ได้ๆครับ แต่เต๊นส์มันเล็กจริงๆนะ 555)
อากาศเย็นสบายจนถึงหนาว ผมนอนขดเป็นงูอยู่ในเต๊นส์ ในขณะที่พี่โหน่ง กรนอยู่ด้านนอก หลับสบายไปแล้ว หนีเสือปะจระเข้ครับ ใกล้ๆห้องน้ำ มีคนดื่มเหล้าอยู่อีกกลุ่ม คุยกันเสียงดังมากๆ(ตามประสาคนเมา) พยายามนอนดีกว่า พรุ่งนี้ ไม่เกิน 7 โมง 20 ต้องออกจากที่นี่ ไปท่าเรืออ่าวไข่ให้ทันช่วง 8 โมง เพราะนัดหมายกับพี่ป้อมและนักดำน้ำคนอื่นๆไว้
2 Comments:
อ่านแล้วจับได้เลยว่า "เพื่อน กูรักมึงว่ะ" ไม่เปนไรไอ้น้องความลับไม่มีในโลก 5555 พี่อิ๋วเชียร์อยู่นะคะ
พี่อิ๋วเองค้า :)
ไม่ใช่แล้วพี่
แค่คิดก็เสียวแล้ว 555
Post a Comment
<< Home