Tuesday, December 11, 2007

ปฎิบัติการตัดอวน....ทะเลระยอง(3)







Dive 2 ผมจะพาพวกคุณกลับบ้าน!!

พี่นก พี่โหน่ง และผม ให้สัญญาณลงพร้อมๆกันครับ ปรากฎว่า ผมพยายามอยู่หลายครั้ง กดปุ่มปล่อยลมที่ BCD ยกขึ้นเหนือหัว ยังไงก็ไม่สามารถที่จะทำให้ตัวผมลงไปได้ ทั้งๆที่หายใจเป็นปกติ ไม่ได้ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

หันไป พี่นกหายไปแล้ว แต่พี่โหน่งยังอยู่ครับ แกรอผม(เกรงใจแกเหมือนกันครับ) พอลงได้ ผมพยายามไต่ระดับความลึกลงไป พยายามเคลียร์หู เกิดปัญหาขึ้นอีกครับ เคลียร์ยังไงก็ไม่ได้ ปวดหู จนต้องไต่ระดับขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงลงไปต่อได้

ลงไปประมาณ 14 เมตรกว่า ไม่เจอใครเลยครับ เจอแต่ฝูงปลาสากบั้ง(Blackfin Baracuda) แถมสีดำที่ลำตัว คือจุดเด่น(พยายามไม่มองปลาครับมากเท่าไรครับ เพราะมาทำงาน แต่พวกเขาว่ายมาอยู่ในระดับสายตาผมเองนะ)

ผมแค้นใจตัวเอง ในใจคิดแต่ว่าจะตัดอวน ช่วยสัตว์ทะเล อากาศก็มีน้อย ทำไมเป็นแบบนี้หนอ คนอื่นๆไปไหนหมด(ผลพวงจากการ ตื่นเกือบทุกๆชั่วโมง เมื่อคืนนี้แน่ๆครับ เวลาจะมาดำน้ำ การพักผ่อนอย่างเพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญครับ เคลียร์หูช้า ตามไม่ทันคนอื่นเขา น้ำก็ขุ่นซะด้วย)

ผมให้สัญญาณขึ้นให้พี่โหน่งเห็น แต่ผมไม่ได้ทำ safety stop เพราะในใจที่มีแต่อารมณ์โกรธตัวเองที่เคลียร์หูช้า อยากขึ้นไปหาจุดที่เพื่อนๆอยู่ เพื่อตัดอวนเร็วๆนั่นเอง (หากให้อารมณ์ครอบงำ ผมว่าหลายคนสติก็อาจจะหายไป เช่นผมครับ พอลองถามพี่ป้อม แกบอกว่า ไม่ติดดีคอมหรอกน้อง เพราะเราดำในความลึกที่พอเหมาะ ไม่เกินในตารางน้ำแน่นอน คราวหน้าผมจะทำ safety stop ทุกครั้ง ซึ่งปกติผมจะทำทุกครั้งอยู่แล้ว

พอขึ้นมา สติกลับมาครับ พี่โหน่งทำ safety stop นี่หว่า ต้องรอแกก่อนนะ (แน่นอนว่า เลือดชั่วๆก็มีมาอีกไดฟ์ครับ เคลียร์หูแรงเกินไปนั่นเอง)

เราหลุดออกมาไกลเหมือนกันครับ(มิน่า ไม่เจอใครเลย)

ผมคุยกับพี่โหน่งว่าจะลงอีกครั้งหนึ่ง พอตีขาไปจนถึงสถานที่ที่ถุงพลาสติคลอยอยู่(คาดว่าเพื่อนๆน่าจะทำงานอยู่ใต้นี้) ปรากฎว่าพอลงไปก็ไม่เจอครับ ขึ้นดีกว่า(ถึงตอนนี้ อากาศผมเหลือ 60 แล้วครับ)

คงต้องยอมรับสภาพครับ ผมดึงอวนที่อยู่ใกล้ๆ ภายในมีปูติดอยู่หลายตัว รีบขึ้นไปช่วยชีวิตพวกเขาดีกว่า พวกเขาจะได้กลับบ้านเร็วๆ(พี่โหน่งเห็นด้วยว่า ขึ้นเถอะน้อง)

ด้านบน ผมวางอุปกรณ์ หาที่นั่ง ใช้กรรไกร บรรจงตัดอวนที่มีปูติดอยู่ เยอะมากครับ ส่วนใหญ่จะเป็นปูแต่งตัว ปูใบ้หลังเต่า ปูตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในปะการัง หอยต่างๆ เป็นต้น

เครื่องพันธนาการค่อนข้างพันหลายชั้น พันทั้งก้าม และตัว แม้แต่บริเวณจับปิ๊ง(ส่วนด้านล่าง กระดองน่ะครับ อยากเห็นลองพลิกดู ก็ถูกพันไว้ด้วย) ขนาดคนตัดยังเหนื่อยเลยครับ รีบตัดมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะตัดโดนก้ามปู นับประสาอะไรกับการถูกมัดไว้ คงทรมานน่าดู

ความแค้นเปลี่ยนเป็นพลัง ผมทำไป สงสารไป แม้แดดจะร้อน ผมทำงานแข่งกับเวลา เพื่อที่จะช่วยพวกเขาให้มากที่สุด ผมคิดในใจว่า ผมจะพาพวกคุณออกไปจากอวนชั่วๆนี้ ไม่ต้องห่วง(เวลาร้อน ให้พี่ๆช่วยฉีดน้ำให้น่ะครับ ช่วยได้เยอะเลย)

เหมือนเขาจะรู้ครับ(หรือหมดแรงก็ไม่ทราบ) พวกเขาไม่หนีบผมเลย เหมือนจะรู้ว่าผมมาดี ซึ่งผมก็ทำงานง่ายขึ้นเยอะ

ปะการัง สังเกตได้ว่า ถ้ามีสีเขียว แสดงว่ายังไม่ตายครับ ช่วยไว้ ปล่อยลงไปก็มีโอกาสรอด

เม่นทะเล ถ้ายังขยับก็แสดงว่ายังรอดครับ แต่ต้องตัดด้วยความระมัดระวังหนาม นิดนึง แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัตว์ทะเลครับ เราจะเลือกปฎิบัติไม่ได้

น้องเบสกับน้องบอส(ลูกชายพี่บอย) ดูจะสนใจการทำงานของผมมาก ว่าปูจะหนีบไหม ปะการังกินอะไร ตัวนั้นตายหรือยัง ผมก็ใช้ความรู้ที่มีอธิบายให้เด็กๆฟังครับ หวังว่าเมื่อเติบใหญ่ พวกเขาจะมีจิตใจรักธรรมชาติ ไม่มากก็น้อย

ลำตัวผมเลอะเทอะไปหมดครับ ทั้งกลิ่นปลาเน่า กลิ่นความสดของทะเล(เหมือนเอาตัวเข้าไปคลุกกับห้องเย็นเลย 55) แต่ผมก็ไม่หวั่นครับ บอกแล้วว่า แค้นที่ลงไปช่วยไม่ได้ ผมก็สามารถช่วยโดยวิธีนี้ได้ ผมใช้มือดึงอวนขึ้น พลิกไป พลิกมา หาว่ายังพอมีชีวิตน้อยๆให้ผมช่วยอีกหรือไม่(มีพี่ดาวกับเจี๊ยบมาช่วยด้วยครับ ผ่อนแรงไปเยอะเลย )

เมื่อหาจนคิดว่า ไม่มีแล้ว ผมล้างตัว ภูมิใจที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์ทะเล แม้ว่าหลายชีวิตที่ผมปล่อยลงไป อาจไม่รอดชีวิตทั้งหมด อาจถูกปลากินบ้าง ตายเองบ้าง แต่ก็ดีกว่าที่จะให้พวกเขาอยู่ด้านล่าง รอความตายที่จะมาถึง(โดนมัดแน่นแบบนั้น ยังไงก็ตายครับ)

จุดที่ต้องแก้ไข ในคราวต่อๆไป ควรให้มีปะการังติดขึ้นมาน้อยกว่าเดิม แต่นี่ คือ ปฎิบัติการเร่งด่วน หากช้ากว่านี้ ผมเชื่อว่าจะมีอีกหลายชีวิตที่ต้องตายครับ ความเสียหายจะมีมากกว่าได้ประโยชน์ ผมมองว่าทุกชีวิตที่นี่ มีความสำคัญเท่ากันหมดครับ

ผมนั่งพัก กินขนมปังทานมข้นหวาน ที่อันและพี่ตามส่งให้หมดไป 3 ชิ้น อร่อยจริงๆครับ(ตอนเก็บอุปกรณ์ทราบว่า Sausage หายไป ได้ซื้อใหม่อีกแล้วล่ะ 55)

พระอาทิตย์ดวงกลมสีแดง อมส้ม กำลังจะตกทะเล ช่างภาพต่างหามุมถ่ายรูป ช่างสวยงามเสียจริงๆ ผมมองเห็นพี่นก คุยกับทุกคนอย่างถูกคอ(พี่นกเข้ากับคนง่ายด้วยครับ)

ผม รู้สึกดี ว่านอกจากผมจะมีส่วนร่วมกับกิจกรรมครั้งนี้แล้ว ผมยังชักชวนพี่นก เข้ามาทำกิจกรรมด้วย พี่นกบอกว่า มาทะเลครั้งนี้ เหมือนมาหาคุณแม่ด้วย เพราะครั้งสุดท้ายที่มาทะเล ก็นำเถ้ากระดูกของท่านมาปล่อยลงทะเล ตอนแรกคิดว่าแม่จะเหงา แต่พอเห็นใต้ทะเลแล้ว มีปู มีปลาและสัตว์ทะเลเป็นเพื่อนแม่เยอะแยะ แม่คงไม่เหงาอย่างแน่นอน

ก่อนกลับ เราแวะกินข้าวที่ร้านโจโจ้ บริเวณแหลมแม่พิมพ์ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับคนละทิศคนละทาง

เป็นอันจบกิจกรรมดีๆ แบบนี้ครับ ผมประทับใจมากๆ ที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสัตว์ทะเล ผมว่านักดำน้ำทุกคน ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างไปจากผมครับ

แม้อวนที่พวกเราตัด จะเป็นแค่ส่วนน้อย(แต่ผืนใหญ่นะ) ไม่ถึง 10 เปอร์เซนต์ ของอวนทั้งหมดที่อยู่ในทะเลไทย แต่พวกเราก็พร้อมที่จะลงไปทำอีกครับ แม้จะต้องออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวเองก็ตาม

หากวันนั้นมาถึง พวกเราและกลุ่มดำน้ำอื่นๆ ทั่วประเทศ คงจะทำกิจกรรมนี้กันอีก ในแต่ละจุดของทะเลไทย เพื่อให้บ้านของเหล่าสัตว์ทะเลน่าอยู่มากขึ้น

หวังว่า เรื่องราวของผม คงช่วยจุดประกายให้ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ได้ตื่นตัวนะครับ ปัญหาที่มองดูว่ามีมานานแล้ว ฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่สำคัญก็ตาม แต่นี่เป็นภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองไทยเชียวนะ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้การท่องเที่ยวของประเทศด้วย

แต่กระนั้น ถึงไม่มีใครสนใจก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มนักดำน้ำนี่แหละ ที่จะมีส่วนช่วยตรงนี้ได้มาก

ช่วยๆกันนะครับ ขอบคุณผู้เสียสละทุกท่าน(กลุ่มดำน้ำกลุ่มอื่นๆด้วย) หวังว่าคงได้มีโอกาสได้ร่วมงานกัน

และขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องราวของผมครับ


Phop Payapvipapong

6 Dec 2007

03.13 pm

1 Comments:

At 10:50 PM, December 24, 2007, Blogger Poulet S.A. said...

Merry Christmas ka!:)

 

Post a Comment

<< Home