วันผู้ให้กําเนิด
“วันเกิดลูกคล้ายวันตายแม่……..” และ “………….ควรเรียกวันผู้ให้กําเนิดจะถูกกว่า” เป็นบทความที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ นึกทีไร ก็มีความรู้สึกเดียวกับผู้แต่งทุกๆครั้ง
การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สัตว์ประเสริฐบนโลกใบนี้ นับว่าเป็นบุญมากมายแล้ว ในขณะที่หลายๆชีวิตไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดบ้าง และยิ่งเราได้เติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น นับว่าเป็นความสุขที่แม้มีเงินมากเท่าไร ก็ไม่สามารถซื้อความสุขเช่นนี้ได้
วันหนึ่งเมื่อ 25 ปีที่แล้ว หญิงวัยกลางคนได้ให้กําเนิด ลูกชายคนที่สาม และแน่นอน เธอมีความเจ็บปวดเหมือนแม่ทั่วๆไป หากแต่เด็กคนนี้คลอดก่อนกําหนด(7 เดือน) ทางการแพทย์เรียกว่า Pre-Major โดยวิธีซีซาร์(หรือการผ่าท้องออก)
ก่อนถึงวันคลอด เด็กคนนี้ ทําให้แม่เจ็บปวดมากเพราะร่ำว่าจะออกจากท้อง พอไปถึงโรงพยาบาลกลับไม่มีอาการ พอกลับบ้านมีอาการอีก คุณหมอเห็นว่าจะเป็นอันตรายจึงให้หญิงคนนี้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ เดือนที่ 5 จนกระทั่งถึงกําหนดคลอด
เมื่อคลอดแล้ว เด็กคนนี้ต้องเข้าตู้อบ อีกทั้งยังต้องให้น้ำเกลือโดยเจาะทางศีรษะ โดยคุณหมอบอกหญิงคนนั้นและคู่ชีวิตของเธอว่าให้ทําใจไว้เพราะลูกชายอาจจะไม่รอด
ในที่สุดเด็กคนนั้นก็อยู่รอดปลอดภัย ตามปกติเด็กที่คลอดก่อนกําหนดหากไม่เอ๋อ ก็ฉลาดแบบเด็กอัจฉริยะไปเลย โชคดีที่เด็กคนนั้นปกติเหมือนทุกๆคน แม้จะเข้าใจในบทเรียน ช้ากว่าเพื่อนๆบางคนบ้าง
ในขณะที่วันเกิดของวัยรุ่นส่วนใหญ่ทั่วไป มักจะไปฉลองกับเพื่อนๆ(ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด) แต่เด็กคนนี้เลือกที่จะฉลองวันเกิดกับครอบครัวดังเช่นเด็กอีกหลายๆคน เพราะเขานึกเสมอว่า ชีวิตนี้ ที่เติบโตมา ที่ได้สนุกสนานในสิ่งที่ชอบ หากไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะได้เกิดเป็นลูกใคร บุญคุณที่เลี้ยงดูมาจนเติบโต ช่างยิ่งใหญ่นัก ชีวิตนี้จึงไม่ใช่ของเขาเพียงอย่างเดียวหากแต่เป็นของพ่อและแม่ด้วย
อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะมาถึงวันครบรอบวันเกิดของเขา(ไม่ซิ วันผู้ให้กําเนิดดีกว่า) ซึ่งก็จะมีอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี ไม่ว่าชีวิตข้างหน้าของเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่สําคัญเท่า การตอบแทนบุญคุณของผู้ให้กําเนิดให้มากที่สุด ดังเช่น บุตรที่ดีควรกระทํา
0 Comments:
Post a Comment
<< Home