Tuesday, July 03, 2007

ทดสอบ Dive computer….ที่พัทยา(2)







1 กรกฎาคม 2550

เช้านี้เรารับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมครับ มีพี่เอที่พึ่งมาถึง ร่วมรับประทานอาหารกับเราด้วย ระหว่างทางไปท่าเรือพัทยา ผมมองริมหาดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยวสวมชูชีพคอยฟังไกด์นำเที่ยวอย่างตั้งใจ บ้างก็เล่นน้ำทะเล บ้างก็นั่งขายของ บ้างก็ออกกำลังกาย สดชื่นครับ นี่คือบ้านอีกหลังของผมอย่างไม่มีผิดเลย

ก่อนเดินเข้าท่าเรือ ที่หัวสะพาน ผมเห็น 2 สาวสวย ผลัดถ่ายรูปให้กัน หนึ่งในนั้นสวมเสื้อสีเขียว เธอมองผมเหมือนคนรู้จักกันมาก่อน(ภายหลังจึงทราบว่า สาวคนนี้ คือ คุณโอ๋ เธอจำผมได้จากใน Multiply.com มาทราบภายหลังเพราะพี่ตอย(Jomplug) มาบอกอีกทีครับ) โลกก็ค่อนข้างกลมอีกเหมือนกันครับ

ผมเจอครูศรัณฑ์ที่นี่ด้วย หลังจากที่เคยเจอตัวจริงของแกมาแล้ว ที่งาน Thailand Dive Expo(TDEX) แกดูแข็งแรงจริงๆครับ

ไม่นานนักพี่โก้ก็มาถึงพร้อมพี่เอ(หญิง) สาวสวยอีกคน ที่มีคนบอกว่าหน้าตาละม้ายคล้ายกับ อั้ม พัชราภา

วันนี้เรือของเราชื่อว่า Ban ‘ s(แบน) แต่อยู่ในความดูแลของพี่ตุ๋นเหมือนเคย คลื่นค่อนข้างแรง ผมรีบประกอบอุปกรณ์ทั้ง BCD , Regulator และนำตะกั่วมาใส่ที่เข็มขัดให้เรียบร้อย

บนเรือมีคนญี่ปุ่นเพียบเลย(หัวสกินเฮด มูชิๆ เมื่อวานนี้ก็อยู่ด้วยครับ) ผมว่าบ้านเราโชคดีครับที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลมากมาย ถามว่าเหตุใดญี่ปุ่นถึงมาดำน้ำที่บ้านเรานอกจากค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าแล้ว ที่บ้านเขาแหล่งดำน้ำอยู่ไกลมากๆ ค่าใช้จ่ายก็สูงมากด้วยครับ(อย่าลืมว่าที่ญี่ปุ่น ค่าเงินแข็งโป๊กเลยนะครับ เท่าที่ผมจำได้สูงกว่าในอเมริกาเสียอีก)


Dive 1 ครั้งแรกกับการดำน้ำที่นานที่สุด

เนื่องจากคลื่นลมที่แรง เราจึงไปไหนไม่ได้มากนัก เรือ Ban ‘ s(แบน) จึงพาเรามาหลบคลื่นลมที่เกาะสากและเป็นจุดดำน้ำแรกของเราในวันนี้ด้วย

ไม่นานนัก Dive computer ของผมก็เริ่มทำงาน บอกความลึก บอกเวลาที่อยู่ใต้น้ำ บอกอุณหภูมิ ดีจริงๆครับ ผมแทบไม่ต้องยกเกจมาดูมาก(ในเรื่องความลึก) ที่ยกมาดูก็ดูแต่อากาศอย่างเดียวครับ และใช้เกจแตะพื้นทราย มือจะได้ไม่สัมผัสกับทรายครับ

ไดฟ์นี้พี่ป้อมให้ผมตามพี่โก้โดยมีพี่เอ(หญิง) ซึ่งไปด้วยกันครับ

ผมใช้ท่ากบไปเรื่อยๆ ทรายจะได้ไม่ฟุ้งกระจาย ไม่นานนักผมก็พบสัตว์ทะเลตัวแรก คือ ปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Monacanthus chinensis เพื่อนแสนรักของผมนั่นเอง ผมเคาะแท๊งค์เรียกนักดำน้ำเพื่อให้เขามาดูกัน ตัวนี้ไม่ใหญ่ครับประมาณ 4- 5 ซม เท่านั้นเอง

จากนั้นด้านหน้าของผม คือ ปลาจิ้มฟันจระเข้(Pipefish) ชนิดหนึ่ง ปลาที่อยู่ครอบครัวเดียวกับม้าน้า เป็นกลุ่มปลาปากท่อที่ตัวผู้เป็นผู้อุ้มไข่ เลี้ยงลูกเอง เป็นญาติห่างๆกับปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ (แต่จิ้มฟันจระเข้ปีศาจตัวเมียเป็นผู้อุ้มลูกนะครับ) น่าเสียดายผมไม่ได้สังเกตท้องของปลาจิ้มฟันจระเข้ว่ามีไข่หรือไม่

พี่เอโฉบผ่านมาพอดี กำลังเล็งถ่ายรูปทากเปลือย(Nudibranch)ขนาดจิ๋วอยู่(แค่ปลายเล็บเองครับ เล็กมากจริงๆ) พี่โก้กับพี่เอหญิงก็ถ่ายด้วย ผมเหลือบไปดูด้านขวามือ พบม้าน้ำ(Sea Horse) สีตุ่นๆเกาะอยู่กับสิ่งหนึ่งอยู่ จะแส้ทะเลก็ไม่ใช่ ปะการังก็ไม่ใช่ ฟองน้ำก็ไม่ใช่ เดาว่าเป็นสิ่งที่หล่นมาจากด้านบนแน่นอนครับ จึงรีบเคาะแท๊งค์เรียกให้พี่เอมาดู ปุ๊บเดียวแกก็เข้ามาถ่ายครับ ผมพยายามอยู่นิ่งๆ สังเกตพฤติกรรมม้าน้ำโดยที่ไม่ให้ทรายฟุ้งกระจาย เป็นอุปสรรคต่อช่างภาพใต้น้ำ

จากนั้นพี่โก้มาถ่ายม้าน้ำบ้าง(โดยมีพี่เอหญิงช่วยถือไฟฉาย) พี่เอก็กลับไปถ่ายรูปทากเปลือยตัวเดิม คราวนี้ผมขอไปดูทากเปลือยใกล้ๆบ้าง

พี่ปอ ท่าทางหลงกลุ่มมาครับ เลยเข้ามาสมทบด้วย เราจึงไปกันต่อ(พี่เอ ขอถ่ายภาพทากเปลือยต่อไปครับ) พี่โก้ชี้ให้ผมดูรูเล็กๆ มองเข้าไปนั่นคือ หนวดของปลาหมึกยักษ์(Octopus)ครับ ดูท่าทางมันกลัวเรามาก ไม่นานก็หายเข้าไปในรู

ผมกำลังคิดในใจว่า มาเกาะสาก ผมเจอซีมอส(Seamoth)หรือเจ้าปลาผีเสื้อกลางคืนสกุล Pegasus ทุกครั้งนี่นา (คนละตัวกับปลาผีเสื้อกลางคืนในอันดามันนะครับ ตัวนั้นจะชื่อ Short Dragonfish อยู่ในสกุล Pegasidae ซึ่งผมยังไม่เคยเจอเลย) Pegasus ปากมีลักษณะคล้ายปลาจิ้มฟันจระเข้(มีลักษณะยาวเป็นท่อ) ลำตัวไม่เกิน 7 ซม มีปีก 2 ข้าง กางออกเหมือนผีเสื้อ ส่วนหางตรง

มาวันนี้ยังไม่ได้เจอเลยแฮะ คิดถึงจัง หลังจากสังเกตตามพื้นทราย ก็เจอพวกเขาครับ มาทีเดียว 3 ตัว น่ารักเหมือนเคย

ผมมาคิดๆดู อากาศยังเหลืออยู่ ไดฟ์นี้ผมใช้อากาศดีพอสมควร นี่ก็ 1 ชั่วโมง เข้าไปแล้ว ถ้าพี่โก้ยังไม่ขึ้น ผมก็อยู่ต่อได้ ดูท่าทางแกวกไปวนมา เหมือนจะหาทางขึ้น ดูเข็มทิศแล้วไป ใช่ครับ แกหาทิศที่เรือจอดอยู่

ระหว่างนี้ผมได้อานิสสงฆ์ดูสัตว์แปลกๆต่อ เจอปลาลิ้นหมา(Flouder)ด้วยครับ แต่เคาะแท๊งค์แล้วไม่มีใครสนใจ แสดงว่าทุกคนกำลังหาทิศที่เรือจอดอยู่จริงๆครับ(ไม่งั้นมาถ่ายรูปแล้ว)

บอกตามตรงผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ ที่มีของดี มีประโยชน์ อยู่ในมือ แต่ก็ไม่ประมาทครับ ผมตามพี่โก้อย่างไม่ให้คลาดสายตา

ช่วงทำ safety stop ทุกคนขึ้นไปก่อนแล้ว ผมยังคงดู dive computer รอให้ทำครบ 3 นาที ทั้งๆ ที่เราดำกันไม่ลึกมากนัก ไม่ต้องทำก็ได้ แต่เพื่อความชัวร์ ผมจะทำเสมอทุกครั้งครับ

มาที่ผิวน้ำ เราออกมาจากเรือไกลพอสมควร ช่วยกันมองหาว่าลำไหนกันแน่ มีหลายลำเหลือเกิน ผมดู dive computer เราใช้เวลานานถึง 91 นาที ( 1 ชั่วโมง 31 นาที) เป็นการใช้เวลาอยู่ใต้น้ำยาวนานที่สุดของผมเลยครับ

ผมปวดท้อง(ฉี่)มาก จึงรอจังหวะให้พี่ๆ ลอยไปก่อน จึงปล่อยกระแสน้ำอุ่น(ไม่ต้องกลัวครับ นี่เป็น Wet Suit ของผม) แต่ถ้าใครไม่เคยฉี่ ผมว่ายากครับ(เหมือนเด็กหัดฉี่) ใครมีประสบการณ์แล้ว ทำสมาธิเล็กน้อยก็ออกมาได้ครับ(ไม่อยากเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบครับ)

“อายครู บ่รู้วิชา

อายภริยาบ่ได้บุตร

อายฉี่ใต้น้ำก็ได้กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นของแถม”

ด้านบน ผมเจอเรือ Venus Marina เรือใหม่แกะกล่องที่พึ่งต่อเสร็จไม่นาน ช่วงนี้กำลังซ้อมการเดินเรืออยู่ครับ(ทราบว่าเป็นเรือใหม่เพราะเคยเห็นในบลอคของเพื่อนและในเว็บ Allstardiving ครับ ดิงกี้ ก็มีตั้ง 2 ลำแน่ะ แบบนี้หลุดกลางทะเล ตามเก็บสบายๆ ผมเห็นพี่ๆบางคน ลงดิงกี้เพื่อไปสำรวจที่ Venus Marina ด้วย(วงการนี้ก็รู้จักกันทั้งนั้นล่ะครับ) เดี๋ยวคนนี้เคยทำเรือด้วยกัน เดี๋ยวคนนั้นเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน เดี๋ยวคนโน้นเคยออกทริปด้วยกัน อย่างที่เคยบอกไว้ ไม่ได้กว้างเท่าไรเลยครับ

อาหารกลางวัน ผมได้กินน่องไก่ทอด ลาบหมู ไข่เจียว ตบท้ายด้วยสัปปะรดและแตงโม เสียดายจริงๆแม้ข้าวกลางวันจะอร่อยมากแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถที่จะกินได้เต็มคราบเพราะมีไดฟ์ต่อไปรอคอยอยู่(เดี๋ยวให้อาหารปลาครับ พี่โอ๊บคงไม่อยากเห็นไข่เจียวจากปากผมอีกนะ คิดแล้วสยอง)

“พี่ตุ๋นครับ ไดฟ์หน้าเราไปเรือกูดนะ”

“ได้เลยพี่ป้อม”

เป็นอันว่า ผมจะได้ดำเรือจมเป็นลำที่ 3 แล้วครับ

สำหรับเรือกูด เป็นเรือที่ถูกจมอย่างตั้งใจของทางราชการเพื่อให้เป็นแหล่งดำน้ำโดยเฉพาะ พึ่งจมเมื่อไม่นานมานี้เองครับ มีข่าวออกด้วย(อีกลำ จมก่อนเรือกูด จมโดยวิธีเดียวกัน คือ เรือคราม ครับ) (คำถามแฟนพันธุ์แท้ทะเลไทย ข้อสุดท้ายไงครับ ถ้าใครจำได้)

0 Comments:

Post a Comment

<< Home