ทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยาก
หากคุณอยากดูโทรทัศน์ในห้องและในบ้านก็ไม่มีทีวีอีกแล้ว สิ่งที่ต้องทำ แน่นอนครับ ก็ต้องซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่ ใครๆก็ต้องทำเช่นนั้น
แต่ถ้าคุณมีจอคอมพิวเตอร์เปล่าๆ อยากจะใช้ดูทีวี จะทำอย่างไร? ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังครับ
วันหนึ่งผมเดินไปที่ศูนย์ไอที สแควร์ หลักสี่ มีพนักงานหน้าร้านกำลังโฆษณาสินค้าตัวหนึ่งอยู่ นั่นคือกล่องสำหรับแปลงสัญญาณให้ดูโทรทัศน์ได้โดยไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องเชื่อมต่อกับ CPU สนนราคาประมาณ 1,000 กว่าบาท (หลายคนอาจไม่ทราบว่า การดูทีวีจากคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ CPU ก็มีและเป็นเรื่องจริง!!!!!!)
ผมคิดทันทีว่า ถ้าผมมีจอคอมเปล่าๆ ผมจะไปหาซื้อเจ้านี้มาใช้ดูทีวีเพราะเคยได้ยินว่าจอคอมพิวเตอร์มีความละเอียดกว่าจอโทรทัศน์ธรรมดาๆ
จนไม่นานมานี้พี่ชายได้ขนจอทีวี LCD มาจากประเทศญี่ปุ่น ผมจึงจุดประกายเรื่องนี้อีกครั้ง
สิ่งที่ผมต้องทำคือ หาซื้อสายเสียบของจอรุ่นนี้(พี่ชายไม่ได้ขนกลับมาด้วยครับ) หาซื้อหม้อแปลงไฟเพราะไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นกับที่เมืองไทยไม่เหมือนกันครับ(ขืนเสียบก็ ตูม ไหม้ครับ) และหาซื้อกล่องสำหรับแปลงสัญญาณที่ว่า
เริ่มจากศูนย์การค้าฟอร์จูน ทาวน์(เยาฮัน)ซึ่งใกล้บ้านที่สุด ผมเดินหอบจอ LCD มาที่ร้านอมร ร้านที่เพียบพร้อมไปด้วยของใช้จิปาถะและช่างซ่อมฝีมือดี
“ไม่มีสายรุ่นนี้หรอกครับ ไปที่ศูนย์เถอะครับ แบบนี้หายาก” พนักงานขายพูด ขัดกับช่างซ่อมในร้านคนหนึ่งที่พูดกับผมว่าหาซื้อสายและตัวแปลงไฟไม่ยากเลย
ผมไม่ยอมแพ้เดินไปหาช่างซ่อมคนนั้น ซึ่งเขาบอกว่า ที่นี่น่าจะมีให้ลองเดินหาสายที่เป็นตัวแปลงไฟ(แบบของ Notebook เพราะสามารถใช้ด้วยกันได้แต่กำลังวัตต์ ต้องเท่ากัน)
เดินไปเดินมา ไปเจอกล่องสำหรับแปลงสัญญาณให้ดูโทรทัศน์ได้ในร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งปัญหาอยู่ที่ว่าตัวแปลงไฟของทางร้านไม่สามารถเสียบที่จอคอมได้เพราะเป็นคนละแบบ
ผมเดินหาอีกหลายร้านแม้จะเจอจำนวนวัตต์ที่เท่ากันแต่ก็ไม่สามารถเสียบเข้ากับจอคอมได้
ถ้าหาสายเสียบพร้อมตัวแปลงไฟไม่ได้ จอก็เปิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะซื้อกล่องสำหรับแปลงสัญญาณก็ไม่มีประโยชน์
ผมกำลังจะล้มเลิกโครงการทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากนี้แต่แล้วก็ฮึดสู้ ดื้อด้านลองเดินกลับไปที่ร้านอมรอีกครั้งเพราะเชื่อมั่นว่า ช่างซ่อมเก่งจะตาย น่าจะช่วยได้แหละ
เหมือนคุณไตรภพมอบรถเข็นให้ในรายการฝันที่เป็นจริง(เก่าสุดๆ) ช่างซ่อมคนหนึ่งบอกว่าถ้าหาตัวแปลงไฟในกำลังวัตต์ที่เท่ากันได้ เขาจะช่วยตัดสายและเปลี่ยนหัวใหม่ให้ ไม่ถึง 10 นาทีเสร็จ (อย่าดูถูก ภูมิปัญญาคนไทยครับ)
ในที่สุดจอก็เปิดติดครับ ภาพคมชัดดี คราวนี้ก็ได้ฤกษ์ยามดีที่จะไปซื้อกล่องสำหรับแปลงสัญญาณไปติดตั้งที่บ้าน จากการที่ฟังการอธิบายของพนักงานสาว การติดตั้งไม่ยาก ผมไปทำเองที่บ้านก็น่าจะได้
กลับมาบ้าน เสียบตาม Direction ทุกอย่าง ก็ไม่ติด จึงกลับไปที่ร้านอีกครั้ง พบว่าไม่ได้ซื้อสายmonitor มา 1 สาย แล้วภาพจะติดได้อย่างไรละเฮ้ย ไอ้เซ่อ!!!
และแล้วโทรทัศน์ใหม่ในห้องของผมก็ติดตั้งได้เสร็จสมบูรณ์แถมภาพคมชัดกว่าโทรทัศน์ทั่วๆไป
ใครอยากจะลองทำตามก็ได้ครับแต่ทุกท่านอาจคิดว่า ซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่น่าจะง่ายกว่ามั้งไอ้น้อง
ไม่เถียงครับพี่ ก็มันเรื่องจริงนี่นา
แต่ถ้าคุณมีจอคอมพิวเตอร์เปล่าๆ อยากจะใช้ดูทีวี จะทำอย่างไร? ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังครับ
วันหนึ่งผมเดินไปที่ศูนย์ไอที สแควร์ หลักสี่ มีพนักงานหน้าร้านกำลังโฆษณาสินค้าตัวหนึ่งอยู่ นั่นคือกล่องสำหรับแปลงสัญญาณให้ดูโทรทัศน์ได้โดยไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องเชื่อมต่อกับ CPU สนนราคาประมาณ 1,000 กว่าบาท (หลายคนอาจไม่ทราบว่า การดูทีวีจากคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ CPU ก็มีและเป็นเรื่องจริง!!!!!!)
ผมคิดทันทีว่า ถ้าผมมีจอคอมเปล่าๆ ผมจะไปหาซื้อเจ้านี้มาใช้ดูทีวีเพราะเคยได้ยินว่าจอคอมพิวเตอร์มีความละเอียดกว่าจอโทรทัศน์ธรรมดาๆ
จนไม่นานมานี้พี่ชายได้ขนจอทีวี LCD มาจากประเทศญี่ปุ่น ผมจึงจุดประกายเรื่องนี้อีกครั้ง
สิ่งที่ผมต้องทำคือ หาซื้อสายเสียบของจอรุ่นนี้(พี่ชายไม่ได้ขนกลับมาด้วยครับ) หาซื้อหม้อแปลงไฟเพราะไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นกับที่เมืองไทยไม่เหมือนกันครับ(ขืนเสียบก็ ตูม ไหม้ครับ) และหาซื้อกล่องสำหรับแปลงสัญญาณที่ว่า
เริ่มจากศูนย์การค้าฟอร์จูน ทาวน์(เยาฮัน)ซึ่งใกล้บ้านที่สุด ผมเดินหอบจอ LCD มาที่ร้านอมร ร้านที่เพียบพร้อมไปด้วยของใช้จิปาถะและช่างซ่อมฝีมือดี
“ไม่มีสายรุ่นนี้หรอกครับ ไปที่ศูนย์เถอะครับ แบบนี้หายาก” พนักงานขายพูด ขัดกับช่างซ่อมในร้านคนหนึ่งที่พูดกับผมว่าหาซื้อสายและตัวแปลงไฟไม่ยากเลย
ผมไม่ยอมแพ้เดินไปหาช่างซ่อมคนนั้น ซึ่งเขาบอกว่า ที่นี่น่าจะมีให้ลองเดินหาสายที่เป็นตัวแปลงไฟ(แบบของ Notebook เพราะสามารถใช้ด้วยกันได้แต่กำลังวัตต์ ต้องเท่ากัน)
เดินไปเดินมา ไปเจอกล่องสำหรับแปลงสัญญาณให้ดูโทรทัศน์ได้ในร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งปัญหาอยู่ที่ว่าตัวแปลงไฟของทางร้านไม่สามารถเสียบที่จอคอมได้เพราะเป็นคนละแบบ
ผมเดินหาอีกหลายร้านแม้จะเจอจำนวนวัตต์ที่เท่ากันแต่ก็ไม่สามารถเสียบเข้ากับจอคอมได้
ถ้าหาสายเสียบพร้อมตัวแปลงไฟไม่ได้ จอก็เปิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะซื้อกล่องสำหรับแปลงสัญญาณก็ไม่มีประโยชน์
ผมกำลังจะล้มเลิกโครงการทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากนี้แต่แล้วก็ฮึดสู้ ดื้อด้านลองเดินกลับไปที่ร้านอมรอีกครั้งเพราะเชื่อมั่นว่า ช่างซ่อมเก่งจะตาย น่าจะช่วยได้แหละ
เหมือนคุณไตรภพมอบรถเข็นให้ในรายการฝันที่เป็นจริง(เก่าสุดๆ) ช่างซ่อมคนหนึ่งบอกว่าถ้าหาตัวแปลงไฟในกำลังวัตต์ที่เท่ากันได้ เขาจะช่วยตัดสายและเปลี่ยนหัวใหม่ให้ ไม่ถึง 10 นาทีเสร็จ (อย่าดูถูก ภูมิปัญญาคนไทยครับ)
ในที่สุดจอก็เปิดติดครับ ภาพคมชัดดี คราวนี้ก็ได้ฤกษ์ยามดีที่จะไปซื้อกล่องสำหรับแปลงสัญญาณไปติดตั้งที่บ้าน จากการที่ฟังการอธิบายของพนักงานสาว การติดตั้งไม่ยาก ผมไปทำเองที่บ้านก็น่าจะได้
กลับมาบ้าน เสียบตาม Direction ทุกอย่าง ก็ไม่ติด จึงกลับไปที่ร้านอีกครั้ง พบว่าไม่ได้ซื้อสายmonitor มา 1 สาย แล้วภาพจะติดได้อย่างไรละเฮ้ย ไอ้เซ่อ!!!
และแล้วโทรทัศน์ใหม่ในห้องของผมก็ติดตั้งได้เสร็จสมบูรณ์แถมภาพคมชัดกว่าโทรทัศน์ทั่วๆไป
ใครอยากจะลองทำตามก็ได้ครับแต่ทุกท่านอาจคิดว่า ซื้อโทรทัศน์เครื่องใหม่น่าจะง่ายกว่ามั้งไอ้น้อง
ไม่เถียงครับพี่ ก็มันเรื่องจริงนี่นา
2 Comments:
ไฮเท็คสุดๆคุณกระสาบ...ไม่รู้แหละ บางคนอาจจะเป็นเรื่องธรรมดานะ แต่สำหรับเจี๊ยบแล้วไฮเท็คสุดๆ :))
เป็นเจี๊ยบเหรอ..ไม่มีปัญญาหรอค่ะ ทุกวันนี้เป็นแค่ทำblogแล้วก็หาของเล่นมาแปะเท่านั้นแหละ!
เมื่อวานฟ้าถล่มแถวนี้ตอนหัวค่ำค่ะ ฝนตกหนัก ลมแรงมากพัดย้อนไปย้อนมาทุกทาง น้องหมาทั้งหลายตกใจวิ่งพล่านสวนกับคนที่วิ่งพล่านปิดหน้าต่าง...โชคดีไม่มีอะไรพัง หวังว่าทางบ้านคุณกระสาบคงไม่มีอะไรเสียหายนะคะ
ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเจี๊ยบ
แถวนี้ตกเหมือนกันแต่ไม่มากครับ จะมีก็หลายวันแล้ว ป้ายที่บ้านตกมาเลยครับ
ลมแรงมาก
Post a Comment
<< Home