ผู้ชายกับการทำอาหาร
“เสน่ห์ปลายจวัก ผัวรักจนตาย” เป็นคำกล่าวตั้งแต่สมัยโบราณว่าหากฝ่ายหญิงทำกับข้าวเก่ง ย่อมทำให้ฝ่ายชายหลงรัก
ผมลองมาคิดว่าแล้วถ้า “เสน่ห์ปลายจวัก เมียรักจนตาย” จะมีไหมเนี่ย เพราะในโลกปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เป็น working woman ทำให้ละความสำคัญในด้านการทำอาหารไป
หากใครมีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอก เมืองนา ยังไงก็ต้องทำอาหารกินเองครับเพราะประหยัดกว่า แถมถูกปากอีกต่างหาก
สำหรับผม การทำอาหาร ถ้าไม่ใช่ตอนเรียนลูกเสือสมัยมัธยมหรือตอนไปเรียนรักษาดินแดน ผมจะไม่ทำเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าชอบกิน มากกว่าทำครับ(ขอล้างจานหรือไปแบกของยังจะดีกว่าเลยครับ) ขนาดแค่การปอกผลไม้ผมยังไม่ทำเลยครับ ไม่มีก็ไม่กิน ถ้ามีถึงจะกิน อะไรทำนองนั้น
อีกอย่างที่บ้านผมแม้จะมีครัวแต่ก็สะดวกในการกินข้าวนอกบ้านมากกว่า วันนี้กินอาหารไทย พรุ่งนี้กินอาหารเวียดนาม มะรืนน้ำท่วมโทรสั่งพิซซ่ามากิน นานๆทีถึงจะทำกับข้าวกินที่บ้านกันครับ
วันนี้คุณน้ากับภรรยามาเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านแนะนำให้ผมลองทำอาหารให้คุณแม่ทานเพราะการทำที่บ้านย่อมมีความสะอาด ปลอดภัยกว่าการไปซื้อทานข้างนอกตั้งเยอะ(ระหว่างฟัง ผมนั่งจดเมนูและวิธีทำไว้แม้ในใจจะคิดว่า “กูจะทำได้เหรอวะ ทำอาหารเนี่ยนะ เคยแต่กินกับล้าง มันไม่ถนัดจริงๆว่ะ”)
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นครับ ที่ทำให้คนที่ทำงานแบบใช้แรงงานตลอดแบบผม ต้องมาเข้าครัว เริ่มจากการปอกแอ๊ปเปิ้ลให้คุณแม่ทานก่อน เฉือนเนื้อแอ๊ปเปิ้ลไปก็ตั้งมาก แต่ก็พยายามทำครับ
ต่อด้วยการนำปลาทูที่ซื้อมา ทอดน้ำมันให้เหลือง(มีไหม้เล็กน้อย ฮ่าๆ) แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ จากนั้น แกะปลาทูเอาก้างออก ปอกเปลือกหอมแดง(คุณพ่อหั่นตะไคร้ บีบมะนาว ใส่ใบสะระแหน่ คลุกปลาทู) รสชาติดีมากครับ(คาดว่าพรุ่งนี้คงต้องทำเองทั้งหมดครับ) เมนูนี้ คือ “เมี่ยงปลาทู” ที่คุณน้าบอกว่า ทำง่ายมาก
จากนั้น คือ “ผัดเปรี้ยวหวานเต้าหู้ปลา” ที่คุณพ่อลงมือทำ เริ่มจาก ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระเทียม ใส่เต้าหู้ปลา ใส่ซอสแม๊กกี้ ตามด้วยแตงกวา หอมหัวใหญ่ สัปปะรด มะเขือเทศ ใส่น้ำตาล น้ำปลา น้ำสัม และซอสมะเขือเทศ คลุกให้เข้ากัน พอผมดูๆ “มันก็ไม่ค่อยยากนี่หว่า สอบเนยังยากกว่าตั้งเยอะ”
เรื่องคุณค่าทางอาหารไม่ต้องพูดถึงครับ มีสมุนไพรที่สร้างสารที่มีประโยชน์กับร่างกาย ผงชูรสก็ไม่มีเหมาะกับคุณแม่แน่นอน
ที่สำคัญการทำอาหารร่วมกัน สามารถสร้างสายใยแห่งครอบครัวได้ดี คุณพ่อทำ คุณแม่ก็ทำ คุณลูกก็ช่วยแถมเก็บข้อมูลไว้ทำด้วยตนเอง เสร็จแล้วก็ล้าง โอ้ดีครับ
ท้ายสุดนี้ผมว่าการทำอาหารกินเองไม่ยากครับ เพราะอร่อยไม่อร่อยก็ฝีมือเรา แต่การทำให้คนอื่นทานซิ นั่นคือสิ่งที่ท้าทายกว่า(ยากกว่า)เพราะหมายความว่า หากเราทำแบบไม่ประณีต รสชาดก็จะออกมาแบบห่วยแตกแล้วก็จะไม่มีคนทานครับ
ว่าแต่ ทุกท่านทำอาหารอะไร ทานกันเองบ้างหรือเปล่าครับ(ขอหลอกถามเคล็ดไม่ลับหน่อยนะ)
ผมลองมาคิดว่าแล้วถ้า “เสน่ห์ปลายจวัก เมียรักจนตาย” จะมีไหมเนี่ย เพราะในโลกปัจจุบันมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เป็น working woman ทำให้ละความสำคัญในด้านการทำอาหารไป
หากใครมีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอก เมืองนา ยังไงก็ต้องทำอาหารกินเองครับเพราะประหยัดกว่า แถมถูกปากอีกต่างหาก
สำหรับผม การทำอาหาร ถ้าไม่ใช่ตอนเรียนลูกเสือสมัยมัธยมหรือตอนไปเรียนรักษาดินแดน ผมจะไม่ทำเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าชอบกิน มากกว่าทำครับ(ขอล้างจานหรือไปแบกของยังจะดีกว่าเลยครับ) ขนาดแค่การปอกผลไม้ผมยังไม่ทำเลยครับ ไม่มีก็ไม่กิน ถ้ามีถึงจะกิน อะไรทำนองนั้น
อีกอย่างที่บ้านผมแม้จะมีครัวแต่ก็สะดวกในการกินข้าวนอกบ้านมากกว่า วันนี้กินอาหารไทย พรุ่งนี้กินอาหารเวียดนาม มะรืนน้ำท่วมโทรสั่งพิซซ่ามากิน นานๆทีถึงจะทำกับข้าวกินที่บ้านกันครับ
วันนี้คุณน้ากับภรรยามาเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านแนะนำให้ผมลองทำอาหารให้คุณแม่ทานเพราะการทำที่บ้านย่อมมีความสะอาด ปลอดภัยกว่าการไปซื้อทานข้างนอกตั้งเยอะ(ระหว่างฟัง ผมนั่งจดเมนูและวิธีทำไว้แม้ในใจจะคิดว่า “กูจะทำได้เหรอวะ ทำอาหารเนี่ยนะ เคยแต่กินกับล้าง มันไม่ถนัดจริงๆว่ะ”)
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นครับ ที่ทำให้คนที่ทำงานแบบใช้แรงงานตลอดแบบผม ต้องมาเข้าครัว เริ่มจากการปอกแอ๊ปเปิ้ลให้คุณแม่ทานก่อน เฉือนเนื้อแอ๊ปเปิ้ลไปก็ตั้งมาก แต่ก็พยายามทำครับ
ต่อด้วยการนำปลาทูที่ซื้อมา ทอดน้ำมันให้เหลือง(มีไหม้เล็กน้อย ฮ่าๆ) แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับ จากนั้น แกะปลาทูเอาก้างออก ปอกเปลือกหอมแดง(คุณพ่อหั่นตะไคร้ บีบมะนาว ใส่ใบสะระแหน่ คลุกปลาทู) รสชาติดีมากครับ(คาดว่าพรุ่งนี้คงต้องทำเองทั้งหมดครับ) เมนูนี้ คือ “เมี่ยงปลาทู” ที่คุณน้าบอกว่า ทำง่ายมาก
จากนั้น คือ “ผัดเปรี้ยวหวานเต้าหู้ปลา” ที่คุณพ่อลงมือทำ เริ่มจาก ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระเทียม ใส่เต้าหู้ปลา ใส่ซอสแม๊กกี้ ตามด้วยแตงกวา หอมหัวใหญ่ สัปปะรด มะเขือเทศ ใส่น้ำตาล น้ำปลา น้ำสัม และซอสมะเขือเทศ คลุกให้เข้ากัน พอผมดูๆ “มันก็ไม่ค่อยยากนี่หว่า สอบเนยังยากกว่าตั้งเยอะ”
เรื่องคุณค่าทางอาหารไม่ต้องพูดถึงครับ มีสมุนไพรที่สร้างสารที่มีประโยชน์กับร่างกาย ผงชูรสก็ไม่มีเหมาะกับคุณแม่แน่นอน
ที่สำคัญการทำอาหารร่วมกัน สามารถสร้างสายใยแห่งครอบครัวได้ดี คุณพ่อทำ คุณแม่ก็ทำ คุณลูกก็ช่วยแถมเก็บข้อมูลไว้ทำด้วยตนเอง เสร็จแล้วก็ล้าง โอ้ดีครับ
ท้ายสุดนี้ผมว่าการทำอาหารกินเองไม่ยากครับ เพราะอร่อยไม่อร่อยก็ฝีมือเรา แต่การทำให้คนอื่นทานซิ นั่นคือสิ่งที่ท้าทายกว่า(ยากกว่า)เพราะหมายความว่า หากเราทำแบบไม่ประณีต รสชาดก็จะออกมาแบบห่วยแตกแล้วก็จะไม่มีคนทานครับ
ว่าแต่ ทุกท่านทำอาหารอะไร ทานกันเองบ้างหรือเปล่าครับ(ขอหลอกถามเคล็ดไม่ลับหน่อยนะ)
4 Comments:
เป็นลูกที่ดีมาก ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดนะ กูเป็นกำลังใจให้
ผู้ชายที่ลงมือทำอาหารเองบ้างนี่น่ารักนะคุณกระสาบ ไม่ต้องเก่งเริ่ดหรอก
ยิ่งคุณกระสาบลงมือทำให้คุณแม่เอง...ยิ่งดีใหญ่ค่ะ คุณแม่ต้องชื่นใจแน่ๆเลย แล้วทั้งครอบครัวก็มีโอกาสได้พุดคุย ได้คลุกคลีกันเรื่อยๆเนอะ
เจี๊ยบชอบทำอาหารนะ ทำตั้งแต่เด็กๆเลย สมัยโบราณที่บ้านทำร้านอาหารด้วย เราก็โดนหัดให้ทำโน่นนี่มาเรื่อยๆ ทุกวันนี้ไม่มีเวลาลงมือเองแล้ว นอกจากจะวันหยุดหรือรวมญาติค่ะ วันธรรมดาก็ทานข้าวบ้านเป็นหลักนะคะ แต่คนที่บ้านทำ แล้วคุณแม่คอยดูๆ คนทำเค้าก็ไม่ค่อยชอบให้เราไปในครัวหรอก 555 แบ่งอาณาเขตกัน เวลาเจี๊ยบลงมือทำ ก็ใช้มุมกระจิ๊ดริ๊ดของตัวเองทำ !! ก็ได้หัดให้ลูกหยิบๆจับๆตั้งแต่ตอนนี้ด้วยแหละ ไม่อยากให้เค้าเป็นผู้ชายที่มีแนวคิดโบๆว่างานในบ้านเป็นงานของผู้หญิงเท่านั้นค่ะ :))
ถ้าคุณกระสาบนึกสนุกในการทำอาหาร แวะไปที่blogเจี๊ยบซิ ทีนี่แหละค่ะไม่ใช่yahoo(ตรงนั้นเกือบจะทิ้งร้างแล้)เจี๊ยบใส่ตำราอาหารไว้บ้างแล้วก็จะเพิ่มมาเรื่อยๆตามแต่จะมีเวลาเขียน...ภาษาปะกิตตามเคยนะ เพื่อนต่างชาติเค้าชอบลองทำอาหารไทยค่ะ ตะกี๊ก็เพิ่งโปะรูปอาหารลงไปก่อนแวะมาเยี่ยมบ้านนี้
ขอให้คุณแม่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆนะคะ คุณกระสาบก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อท่านนะ
ดีเลยครับเจี๊ยบ ขอบคุณมากเลย
ผมว่าลูกๆ คงจะมีความสุขไม่แพ้คุณแพ้นะครับ
ขอบคุณสำหรับเมนูอาหารครับ
ขอชื่อบลอคเจี๊ยบอีกทีครับ ผมมีแต่ yahoo น่ะ
ขอบคุณครับ
พึ่งผัดเปรี้ยวหวานเสร็จครับ
Post a Comment
<< Home