ทดสอบ Dive computer….ที่พัทยา(3)
Dive 2 Dive computer ช่วยชีวิต!!!!!!!!!
“ภพ เสร็จหรือยัง” เสียงพี่โก้เรียกให้ผมรีบแต่งตัว
ไดฟ์ที่แล้วขึ้นทีหลัง ไดฟ์นี้ต้องลงก่อน ผมรีบแต่งตัวแล้วมาที่ plat form
“เดี๋ยวเกาะเชือก ตามลงไปนะครับ” พี่โก้บอก
ที่สายเชือกมีเพรียงค่อนข้างเยอะ ผมจึงต้องจับอย่างระมัดระวัง ไม่จับแบบรูดเพราะจะถูกเพรียงบาดมือได้ง่าย ว่าแต่น้ำวันนี้แรงจริงๆครับ แถมขุ่นมาก ผมค่อยๆสาวเชือก ตามพี่ๆลงไป
พี่เอ ทำสัญญาณให้ผมดูแก และตามลงมา ตอนแรก ผมยังไม่ปล่อยเชือกครับ จนแกต้องมาตามอีกที เอาวะ ปล่อยก็ปล่อย(แกคงอยากให้ตามติดเป็นคนๆ เพราะน้ำขุ่นมาก ต้องเกาะติดกันไว้ให้มากที่สุด)
ผมตัดสินใจปล่อยเชือก ว่ายตามพี่เอลงไป ในกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง ไม่นานนักผมมาถึงพื้น(ราวๆ 28 เมตร) ขณะที่กำลังว่ายตามพี่เอต่อ ร่างกายผมเกิดติดกับสิ่งๆหนึ่ง ไม่สามารถขยับตัวได้อีก แม้จะพยายามขยับอยู่หลายครั้ง จนขาไปเตะกับก้อนหินด้านล่าง
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ใครมาดึงเราไว้” ผมคิดในใจ ซวยแน่ๆแล้ว ผมเริ่มหายใจผิดปกติ มีความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
ผมตั้งสติ ก่อนจะหันไปช้าๆ แกะ Octopus ของผมที่เกี่ยวกับเชือกออก และรีบว่ายตามพี่เอต่อไป(โอย โล่งอก)
ผมเห็นตัวเรือกูด มีเพรียงและสัตว์เกาะติดอยู่เพียบ พี่เอชี้ให้ผมระวังจะกระแทกตัวเรือ
หลังจากว่ายตามพี่เอต่อ ผมเริ่มเห็นพี่เอหายไปกับน้ำที่ขุ่น พี่เอไม่ได้ตีขาเร็วครับ แต่น้ำมีกระแสมาก ทำให้ผมตีตามแกไม่ทัน หลุดออกจากกลุ่มทันที และผมก็ไม่เห็นใครอีกเลย
ความกลัวเริ่มกลับมาอีกครั้ง ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลุด และไม่ได้เตรียมใจไว้ด้วย สิ่งเดียวที่อยู่ในใจผม ตอนนี้ คือ “สติ” ผมต้องขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัยที่สุด ผมมี Dive computer อยู่ด้วย
ผมจ้องเขม็งที่ Dive computer(ไม่ต้องสนใจ รอบข้างเลยครับเพราะน้ำกลางทะเล ขุ่นแบบ 1 เมตรก็มองไม่เห็นแล้ว) (ไม่ได้ใสแบบ สิมิลัน ที่เคยหลงกลุ่มเสียด้วย แบบนั้นจะสบายใจกว่าเยอะ)
ค่อยๆตีขาขึ้นไป ช้าๆ ถ้าเร็วเกินไป เครื่องจะมีเสียงเตือน 25 เมตร, 24 เมตร ,23 เมตร, 22 เมตร, 21 เมตร, 20 เมตร
ผมใจเย็นลงเยอะ ไม่มีความกลัวอีกต่อไป ถึงตอนนี้ผมกังวลเล็กๆว่า ผมไม่มี Sausage(ไส้กรอกสัญญาณ) ถ้าเกิดมีเรือวิ่งผ่าน ในขณะที่ผมกำลังขึ้น ผมจะทำอย่างไร
ผมคิดในแง่ดี กลางทะเลแบบนี้ เรือวิ่งฉิวๆ แบบเกาะล้านไม่มีแน่นอน
15 เมตร 14 เมตร 13 เมตร 12 เมตร 11 เมตร 10 เมตร
9 เมตร 8 เมตร 7 เมตร 6 เมตร 5 เมตร
เครื่องส่งสัญญาณเตือนให้ผมหยุดเพื่อทำ safety stop ผมรอทำให้ครบ 3 นาที ก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างช้า โดยมีความคิดบ้องตื้น ว่ามีวิธีจะช่วยผมได้ หากมีเรือผ่าน
ใช้วิธี ชูมือขวาขึ้นพร้อม pointer สั้นๆ เผื่อจะมีใครเห็น(คงไม่มีใครมองเห็นล่ะครับ)
ผมขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัย โชคดีไม่มีเรือผ่านครับ ผมมองเห็นเรือ Ban ‘ s(แบน) อยู่ไกลๆ ระยะจากสายตา เกิน 15 เมตร แน่นอนครับ ลอยออกมาไกลมาก ผมดีใจ แม้จะค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็พยายามตีขากลับเรือครับ
ผมเห็น Sausage ขึ้นมาอันหนึ่ง มีเสียงเรียกตามมา
“ไอ้ภพ ไอ้ภพ มาทางนี้” เสียงพี่ต่อเรียกผม ไกลๆ
ผมค่อยๆตีขา ตามไปแม้จะถูกกระแสน้ำ พัดให้ไปผิดทางบ้างก็ตาม
พี่ต่อกับพี่ดิ้น ก็หลุดออกมาจากกลุ่มเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่า ผมจะหลุดออกมาไกลที่สุด
พอขึ้นมาด้านบน ทุกคนขึ้นมาครบหมดแล้ว สีหน้าแต่ละคนดูเหนื่อยและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่พบเจอ แต่ก็ยังขำได้ เช่นเดียวกับผม แม้จะพึ่งเจอเหตุการณ์ตื่นเต้นมา ผมก็ยังยิ้มแย้มพร้อมเล่าถึงเหตุการณ์
ผมคิดในใจว่า ในสถานการณ์ที่หน้าสิ่ว หน้าขวาน หากต้องมาอยู่คนเดียว สติมีความสำคัญมากที่สุด ที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ผมขอบคุณ Dive computer ที่ช่วยผมขึ้นมาอย่างปลอดภัย ถ้าให้ดีผมจะต้องซื้อ Sausage มาใช้แล้ว(อุปกรณ์ดำน้ำ ราคาถูกที่สุด ที่หลายคนมองข้ามครับ) ผมยังไม่ได้ซื้อเพราะว่ากะจะรอให้พี่ป้อมสอนก่อน คงรอไม่ได้แล้วครับ ถึงเวลาอยู่คนเดียวก็ใช้ได้เอง ไม่ให้พันขา ไม่ให้ดึงเราขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยเวลารวดเร็วก็คงไม่เป็นอะไร
หลายคน อาจจะเข็ด ขยาด กลัว แต่สำหรับผม นี่คือ อีก 1 เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น และไม่ทำให้ผมกลัวจนไม่กล้าลงน้ำอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะผมรักทะเลจนหัวโงไม่ขึ้นแล้วครับ
ผมขอโทษพี่เอ ที่หลุดออกไป เพราะไม่ได้อยากทำเท่หลุดออกไปครับ ซึ่งพี่เอก็เข้าใจ น้ำค่อนข้างแรง ทำให้หลุดออกจากกลุ่มกันหลายคน
จริงเป็นที่มาของคำว่า ทริปสนุกสนาน สะบักสะบอมครับ
Dive 3 เฮ้ หอยสังข์จุกพราหมณ์!!
เรือ Ban ‘ s(แบน) พาพวกเรามาบริเวณใต้สะพาน หาดตามแหวน ที่นี่น้ำลึกไม่เกิน 10 เมตร ดำอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวอะไร(ต้องระวังเรือ speed boat ครับ) ผมนั่งพักเหนื่อย ก่อนรีบลงไปเปลี่ยนแท๊งค์ใหม่
ผมลงกับพี่โก้และพี่เอ(หญิง)เหมือนเคย ที่นี่เหมือนอาณาจักรหนึ่ง หากให้ผมเปรียบเทียบ คงเหมือนสถานที่ดำน้ำที่ชื่อว่า Anacapa ในแคลิฟอร์เนีย ที่มีพืชน้ำใบใหญ่ๆ ประหลาดๆ เต็มไปหมด เรียกว่า ป่าเคลป์(Kelp) ผมเคยอ่านในหนังสือ คุณนัท สุมนเตมีย์ แกเคยไปมาแล้วครับ
ใครจะไปเชื่อว่า ทั้งเสา ยางรถยนต์ ที่นี่ กลับมีสิ่งมีชิวิตเต็มไปหมด ผมดูปูที่เกาะอยู่ตามเสา มีสัตว์เกาะติดอยู่ตามตัวด้วย เสียดายที่จำลักษณะไม่ได้จริงๆครับ ขอเรียกง่ายๆ ว่าปูแต่งตัวแล้วกัน
นอกจากนี้ตามเสาก็มีกัลปังหา(Sea fan) ขึ้นค่อนข้างเยอะ มีสีแดง สีชมพูก็มี(ใครจะไปเชื่อล่ะครับ)
พี่โก้ชี้ให้ผมดูหอยตัวหนึ่ง ผมสังเกตที่ลำตัวและรูปแบบลายที่เปลือก จำได้ทันทีว่า คือ หอยสังข์จุกพราหมณ์(NOBLE VOLUTE) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า CYMBIOLA NOBILIS ตัวที่พี่ดิ้นถ่ายรูปมาจากลอมฟาง เมื่อต้นเดือนที่แล้ว(ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นหอยเต้าปูนครับ) จนผมได้มาดูแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอยถึงร้องอ๋อว่า เขา คือ หอยสังข์จุกพราหมณ์ ครับ ลักษณะเปลือกและลำตัว สวยงามดีครับ
ปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) ของที่นี่ ตัวจะใหญ่กว่าที่เกาะสากครับ แถบสีจะตุ่นๆกว่าเยอะ แต่อยากเห็นเวลามันกางครีบหางครับ เขาว่าน่ารักดี
นอกจากกนั้นก็เป็นปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded butterflyfish)ปลาผีเสื้อปากยาว(Beak butterflyfish)และปลาอมไข่ห้าเส้น(Five-lined cardinalfish) ที่ยังคงตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ ผมมากี่ทีก็เจอพวกเขาครับ
ได้เวลาขึ้นแล้ว แต่ผมก็ยังทำ safety stop เพื่อความปลอดภัยครับ
คอแห้งมากครับ เป็นไปได้ว่าผมดื่มน้ำน้อยไปหน่อย(ดื่มเยอะอาจฉี่แต่คอไม่แห้งเป็นผง ดื่มน้อยไม่ฉี่ คอแห้งแต่ทรมาน เอาพอดีๆ ดีกว่าครับ)
เรือ Ban ‘ s(แบน) มุ่งหน้าสู่ท่าเรือพัทยา คุ้มค่ากับ 7 เดือนที่ผมรอคอยจริงๆครับ ผมและพี่ๆกลับไปอาบน้ำที่โรงแรม เก็บของ ไปรับประทานอาหารที่ร้าน “ป ปลา อยู่เย็น” ซึ่งลองสังเกตดูว่า ถ้าสั่งอาหารอะไรแล้ว พนักงานสาวจะสั่งอีกแบบ ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะของทางร้าน ฟังดูตลกดีครับ
อาจต้องย้อนถามพนักงานสาวทุกคนว่า
“เมื่อกี้ พูดว่าไงนะครับ”
พี่ต่อ ต้องไปโรงพยาบาล เย็บแผลที่เข่า เพราะถูกเพรียงบาดที่เรือกูด ผมไม่เห็นแผลที่เข่าแก แต่คาดว่าคงลึกพอสมควร ไม่งั้นคงไม่ถึงขนาดต้องไปเย็บหรอกครับ
ขากลับ ผมกลับกับพี่เอครับ พยายามชวนคุยแกจะได้ไม่หลับ ไม่งั้นผมจะขับแทน พี่เอเล่าให้ฟังว่า ไดฟ์สุดท้าย แกลืมเปิดอากาศ หรือเปิดแต่น้อยมาก เพราะลงไปด้านล่างมีเสียงประหลาดออกมาตลอด อาจเป็นไปได้ว่า Regulator เสีย หลังๆ เริ่มหายใจติดๆขัดๆ เลยขึ้นดีกว่า(เป็นสิ่งที่เราต้องระวังครับ Buddy check จึงสำคัญมาก ไม่อย่างงั้นก็ต้องดูให้แน่ใจด้วยตัวเองครับ)
หากไม่นับสวนสยาม ทะเลกรุงเทพ(อันนั้นทะเลคลอรีนครับ) พัทยาถือเป็นทะเลที่มาดำน้ำได้สะดวก ค่าใช้จ่ายน้อย เดินทางไม่ไกล แถมมีอะไรให้ดูมาก
หากมีโอกาสและทุกๆอย่างพร้อม ผมและเพื่อนๆ คงไม่พลาดที่จะกลับมาอีกครั้งครับ
ขอบพระคุณที่มาติดตามอ่านเรื่องอีกครั้งหนึ่งนะครับ
Phop Payapvipapong
“ภพ เสร็จหรือยัง” เสียงพี่โก้เรียกให้ผมรีบแต่งตัว
ไดฟ์ที่แล้วขึ้นทีหลัง ไดฟ์นี้ต้องลงก่อน ผมรีบแต่งตัวแล้วมาที่ plat form
“เดี๋ยวเกาะเชือก ตามลงไปนะครับ” พี่โก้บอก
ที่สายเชือกมีเพรียงค่อนข้างเยอะ ผมจึงต้องจับอย่างระมัดระวัง ไม่จับแบบรูดเพราะจะถูกเพรียงบาดมือได้ง่าย ว่าแต่น้ำวันนี้แรงจริงๆครับ แถมขุ่นมาก ผมค่อยๆสาวเชือก ตามพี่ๆลงไป
พี่เอ ทำสัญญาณให้ผมดูแก และตามลงมา ตอนแรก ผมยังไม่ปล่อยเชือกครับ จนแกต้องมาตามอีกที เอาวะ ปล่อยก็ปล่อย(แกคงอยากให้ตามติดเป็นคนๆ เพราะน้ำขุ่นมาก ต้องเกาะติดกันไว้ให้มากที่สุด)
ผมตัดสินใจปล่อยเชือก ว่ายตามพี่เอลงไป ในกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง ไม่นานนักผมมาถึงพื้น(ราวๆ 28 เมตร) ขณะที่กำลังว่ายตามพี่เอต่อ ร่างกายผมเกิดติดกับสิ่งๆหนึ่ง ไม่สามารถขยับตัวได้อีก แม้จะพยายามขยับอยู่หลายครั้ง จนขาไปเตะกับก้อนหินด้านล่าง
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ใครมาดึงเราไว้” ผมคิดในใจ ซวยแน่ๆแล้ว ผมเริ่มหายใจผิดปกติ มีความรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
ผมตั้งสติ ก่อนจะหันไปช้าๆ แกะ Octopus ของผมที่เกี่ยวกับเชือกออก และรีบว่ายตามพี่เอต่อไป(โอย โล่งอก)
ผมเห็นตัวเรือกูด มีเพรียงและสัตว์เกาะติดอยู่เพียบ พี่เอชี้ให้ผมระวังจะกระแทกตัวเรือ
หลังจากว่ายตามพี่เอต่อ ผมเริ่มเห็นพี่เอหายไปกับน้ำที่ขุ่น พี่เอไม่ได้ตีขาเร็วครับ แต่น้ำมีกระแสมาก ทำให้ผมตีตามแกไม่ทัน หลุดออกจากกลุ่มทันที และผมก็ไม่เห็นใครอีกเลย
ความกลัวเริ่มกลับมาอีกครั้ง ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลุด และไม่ได้เตรียมใจไว้ด้วย สิ่งเดียวที่อยู่ในใจผม ตอนนี้ คือ “สติ” ผมต้องขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัยที่สุด ผมมี Dive computer อยู่ด้วย
ผมจ้องเขม็งที่ Dive computer(ไม่ต้องสนใจ รอบข้างเลยครับเพราะน้ำกลางทะเล ขุ่นแบบ 1 เมตรก็มองไม่เห็นแล้ว) (ไม่ได้ใสแบบ สิมิลัน ที่เคยหลงกลุ่มเสียด้วย แบบนั้นจะสบายใจกว่าเยอะ)
ค่อยๆตีขาขึ้นไป ช้าๆ ถ้าเร็วเกินไป เครื่องจะมีเสียงเตือน 25 เมตร, 24 เมตร ,23 เมตร, 22 เมตร, 21 เมตร, 20 เมตร
ผมใจเย็นลงเยอะ ไม่มีความกลัวอีกต่อไป ถึงตอนนี้ผมกังวลเล็กๆว่า ผมไม่มี Sausage(ไส้กรอกสัญญาณ) ถ้าเกิดมีเรือวิ่งผ่าน ในขณะที่ผมกำลังขึ้น ผมจะทำอย่างไร
ผมคิดในแง่ดี กลางทะเลแบบนี้ เรือวิ่งฉิวๆ แบบเกาะล้านไม่มีแน่นอน
15 เมตร 14 เมตร 13 เมตร 12 เมตร 11 เมตร 10 เมตร
9 เมตร 8 เมตร 7 เมตร 6 เมตร 5 เมตร
เครื่องส่งสัญญาณเตือนให้ผมหยุดเพื่อทำ safety stop ผมรอทำให้ครบ 3 นาที ก่อนจะขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างช้า โดยมีความคิดบ้องตื้น ว่ามีวิธีจะช่วยผมได้ หากมีเรือผ่าน
ใช้วิธี ชูมือขวาขึ้นพร้อม pointer สั้นๆ เผื่อจะมีใครเห็น(คงไม่มีใครมองเห็นล่ะครับ)
ผมขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างปลอดภัย โชคดีไม่มีเรือผ่านครับ ผมมองเห็นเรือ Ban ‘ s(แบน) อยู่ไกลๆ ระยะจากสายตา เกิน 15 เมตร แน่นอนครับ ลอยออกมาไกลมาก ผมดีใจ แม้จะค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็พยายามตีขากลับเรือครับ
ผมเห็น Sausage ขึ้นมาอันหนึ่ง มีเสียงเรียกตามมา
“ไอ้ภพ ไอ้ภพ มาทางนี้” เสียงพี่ต่อเรียกผม ไกลๆ
ผมค่อยๆตีขา ตามไปแม้จะถูกกระแสน้ำ พัดให้ไปผิดทางบ้างก็ตาม
พี่ต่อกับพี่ดิ้น ก็หลุดออกมาจากกลุ่มเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่า ผมจะหลุดออกมาไกลที่สุด
พอขึ้นมาด้านบน ทุกคนขึ้นมาครบหมดแล้ว สีหน้าแต่ละคนดูเหนื่อยและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่พบเจอ แต่ก็ยังขำได้ เช่นเดียวกับผม แม้จะพึ่งเจอเหตุการณ์ตื่นเต้นมา ผมก็ยังยิ้มแย้มพร้อมเล่าถึงเหตุการณ์
ผมคิดในใจว่า ในสถานการณ์ที่หน้าสิ่ว หน้าขวาน หากต้องมาอยู่คนเดียว สติมีความสำคัญมากที่สุด ที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ผมขอบคุณ Dive computer ที่ช่วยผมขึ้นมาอย่างปลอดภัย ถ้าให้ดีผมจะต้องซื้อ Sausage มาใช้แล้ว(อุปกรณ์ดำน้ำ ราคาถูกที่สุด ที่หลายคนมองข้ามครับ) ผมยังไม่ได้ซื้อเพราะว่ากะจะรอให้พี่ป้อมสอนก่อน คงรอไม่ได้แล้วครับ ถึงเวลาอยู่คนเดียวก็ใช้ได้เอง ไม่ให้พันขา ไม่ให้ดึงเราขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยเวลารวดเร็วก็คงไม่เป็นอะไร
หลายคน อาจจะเข็ด ขยาด กลัว แต่สำหรับผม นี่คือ อีก 1 เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น และไม่ทำให้ผมกลัวจนไม่กล้าลงน้ำอีกต่อไป นั่นเป็นเพราะผมรักทะเลจนหัวโงไม่ขึ้นแล้วครับ
ผมขอโทษพี่เอ ที่หลุดออกไป เพราะไม่ได้อยากทำเท่หลุดออกไปครับ ซึ่งพี่เอก็เข้าใจ น้ำค่อนข้างแรง ทำให้หลุดออกจากกลุ่มกันหลายคน
จริงเป็นที่มาของคำว่า ทริปสนุกสนาน สะบักสะบอมครับ
Dive 3 เฮ้ หอยสังข์จุกพราหมณ์!!
เรือ Ban ‘ s(แบน) พาพวกเรามาบริเวณใต้สะพาน หาดตามแหวน ที่นี่น้ำลึกไม่เกิน 10 เมตร ดำอย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวอะไร(ต้องระวังเรือ speed boat ครับ) ผมนั่งพักเหนื่อย ก่อนรีบลงไปเปลี่ยนแท๊งค์ใหม่
ผมลงกับพี่โก้และพี่เอ(หญิง)เหมือนเคย ที่นี่เหมือนอาณาจักรหนึ่ง หากให้ผมเปรียบเทียบ คงเหมือนสถานที่ดำน้ำที่ชื่อว่า Anacapa ในแคลิฟอร์เนีย ที่มีพืชน้ำใบใหญ่ๆ ประหลาดๆ เต็มไปหมด เรียกว่า ป่าเคลป์(Kelp) ผมเคยอ่านในหนังสือ คุณนัท สุมนเตมีย์ แกเคยไปมาแล้วครับ
ใครจะไปเชื่อว่า ทั้งเสา ยางรถยนต์ ที่นี่ กลับมีสิ่งมีชิวิตเต็มไปหมด ผมดูปูที่เกาะอยู่ตามเสา มีสัตว์เกาะติดอยู่ตามตัวด้วย เสียดายที่จำลักษณะไม่ได้จริงๆครับ ขอเรียกง่ายๆ ว่าปูแต่งตัวแล้วกัน
นอกจากนี้ตามเสาก็มีกัลปังหา(Sea fan) ขึ้นค่อนข้างเยอะ มีสีแดง สีชมพูก็มี(ใครจะไปเชื่อล่ะครับ)
พี่โก้ชี้ให้ผมดูหอยตัวหนึ่ง ผมสังเกตที่ลำตัวและรูปแบบลายที่เปลือก จำได้ทันทีว่า คือ หอยสังข์จุกพราหมณ์(NOBLE VOLUTE) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า CYMBIOLA NOBILIS ตัวที่พี่ดิ้นถ่ายรูปมาจากลอมฟาง เมื่อต้นเดือนที่แล้ว(ตอนแรกเข้าใจผิดว่าเป็นหอยเต้าปูนครับ) จนผมได้มาดูแฟนพันธุ์แท้เปลือกหอยถึงร้องอ๋อว่า เขา คือ หอยสังข์จุกพราหมณ์ ครับ ลักษณะเปลือกและลำตัว สวยงามดีครับ
ปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) ของที่นี่ ตัวจะใหญ่กว่าที่เกาะสากครับ แถบสีจะตุ่นๆกว่าเยอะ แต่อยากเห็นเวลามันกางครีบหางครับ เขาว่าน่ารักดี
นอกจากกนั้นก็เป็นปลาผีเสื้อแปดขีด(Eight-banded butterflyfish)ปลาผีเสื้อปากยาว(Beak butterflyfish)และปลาอมไข่ห้าเส้น(Five-lined cardinalfish) ที่ยังคงตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ ผมมากี่ทีก็เจอพวกเขาครับ
ได้เวลาขึ้นแล้ว แต่ผมก็ยังทำ safety stop เพื่อความปลอดภัยครับ
คอแห้งมากครับ เป็นไปได้ว่าผมดื่มน้ำน้อยไปหน่อย(ดื่มเยอะอาจฉี่แต่คอไม่แห้งเป็นผง ดื่มน้อยไม่ฉี่ คอแห้งแต่ทรมาน เอาพอดีๆ ดีกว่าครับ)
เรือ Ban ‘ s(แบน) มุ่งหน้าสู่ท่าเรือพัทยา คุ้มค่ากับ 7 เดือนที่ผมรอคอยจริงๆครับ ผมและพี่ๆกลับไปอาบน้ำที่โรงแรม เก็บของ ไปรับประทานอาหารที่ร้าน “ป ปลา อยู่เย็น” ซึ่งลองสังเกตดูว่า ถ้าสั่งอาหารอะไรแล้ว พนักงานสาวจะสั่งอีกแบบ ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะของทางร้าน ฟังดูตลกดีครับ
อาจต้องย้อนถามพนักงานสาวทุกคนว่า
“เมื่อกี้ พูดว่าไงนะครับ”
พี่ต่อ ต้องไปโรงพยาบาล เย็บแผลที่เข่า เพราะถูกเพรียงบาดที่เรือกูด ผมไม่เห็นแผลที่เข่าแก แต่คาดว่าคงลึกพอสมควร ไม่งั้นคงไม่ถึงขนาดต้องไปเย็บหรอกครับ
ขากลับ ผมกลับกับพี่เอครับ พยายามชวนคุยแกจะได้ไม่หลับ ไม่งั้นผมจะขับแทน พี่เอเล่าให้ฟังว่า ไดฟ์สุดท้าย แกลืมเปิดอากาศ หรือเปิดแต่น้อยมาก เพราะลงไปด้านล่างมีเสียงประหลาดออกมาตลอด อาจเป็นไปได้ว่า Regulator เสีย หลังๆ เริ่มหายใจติดๆขัดๆ เลยขึ้นดีกว่า(เป็นสิ่งที่เราต้องระวังครับ Buddy check จึงสำคัญมาก ไม่อย่างงั้นก็ต้องดูให้แน่ใจด้วยตัวเองครับ)
หากไม่นับสวนสยาม ทะเลกรุงเทพ(อันนั้นทะเลคลอรีนครับ) พัทยาถือเป็นทะเลที่มาดำน้ำได้สะดวก ค่าใช้จ่ายน้อย เดินทางไม่ไกล แถมมีอะไรให้ดูมาก
หากมีโอกาสและทุกๆอย่างพร้อม ผมและเพื่อนๆ คงไม่พลาดที่จะกลับมาอีกครั้งครับ
ขอบพระคุณที่มาติดตามอ่านเรื่องอีกครั้งหนึ่งนะครับ
Phop Payapvipapong
3-07-07
11.38 am
11.38 am
0 Comments:
Post a Comment
<< Home