Saturday, February 11, 2006

เปิดโลกทะเล…สัตหีบ(2)



ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง(Pink Anemonefish)

ปู Zeno Crab

ปลาสินสมุทรลายบั้ง(Six-banded Angelfish)

Dive 25 ดงปะการังอ่อนแสนสวย

ประมาณ 11 โมง เรือเนาวรัตน์ พานักดำน้ำมาถึงที่เกาะจวง จุดดำน้ำแรกในวันนี้ โดยมีผาหินด้านข้างเด่นเป็นสง่าอยู่

ผมแต่งตัว ซึ่งจะลงเป็นชุดสุดท้ายเช่นเคย มีพี่ป้อม พี่ดิ้น พี่ปุ้ย พี่ประพนธ์และน้องโอ๊ต

Wet Suit ของผมในคราวนี้ได้ไซด์ XXL เลยสวมสบายขึ้น ไม่แน่นเหมือนเบอร์ L ที่เคยสวมอยู่(อันนั้นจะหายใจไม่ค่อยสะดวก ชุดแน่นมาก)

ผมกำลังยุ่งอยู่กับเลือกตะกั่วกับเข็มขัด เพราะมีตะกั่วหลายขนาด จึงไม่แน่ใจว่า 4 ก้อนที่เคยใช้นั้น เป็นขนาดไหนกันแน่ เมื่อพร้อมแล้ว เปิดอากาศ เช็คอากาศ(เกจวัดอากาศคราวนี้ไม่ได้เป็น Bar แต่เป็น Psi เลยงงเล็กน้อย) เดินลงไปที่ Plat Form สวมฟิน กระโดดลงด้วยท่า Giant Stride

เมื่อรอพี่ปุ๊ย ที่ตีขามาแบบหน้าคว่ำ(ปกตินักดำน้ำส่วนใหญ่จะตีขา แบบแหงนหน้ามองฟ้า) เราจึงลงพร้อมๆกัน

ช่วงแรกเป็นการสอบของพี่ดิ้น ระหว่างนี้ผมว่ายดูทิวทัศน์รอบๆ แต่ตายังเหลือบดูพี่ป้อมตลอดเพราะห่างเกิน 3-4 เมตรก็จะมองไม่เห็นใครแล้ว(ดูเพลินมาก อาจเกิดเรื่อง Where are you team? ภาค 2 ได้)

ไดฟ์นี้ ถือว่าน้ำใสกว่ามาก หากเปรียบเทียบกับเกาะสาก เกาะล้าน พัทยา ที่ผมเคยไป แถมไม่ต้องกังวลเรื่อง Speed Boat แต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีเรือให้เห็นเลย

แก๊งค์ๆ เสียงพี่ป้อมเคาะ Pointer เป็นสัญญาณว่าให้ตามมาได้แล้ว คราวนี้ผมสังเกตเห็นดงปะการังอ่อน(Soft Coral)สีเหลืองอมส้ม ในวงกว้างมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นพวกปะการังแข็ง แต่พอเห็นการเคลื่อนไหวตามกระแสน้ำจึงมั่นใจได้เลยว่าไม่ใช่ปะการังแข็งอย่างแน่นอน เมื่อมองขึ้นไปบนผิวน้ำ สีน้ำเงินครามของน้ำทะเล มีแสงแดดส่องลงมา เป็น Background ช่างสวยงามมากครับ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า นี่คือจุดดำน้ำที่หลายๆคนไม่สนใจ แต่กลับสร้างความสุขให้ผมมาก การกลับมาจากทริปอันดามันเหนือ ไม่ได้ทำให้ผมเบื่อหน่ายที่นี่แม้แต่น้อย

ที่พื้นทรายปลาแพะ(Goat Fish) กำลังใช้หนวดชอนไชไปตามพื้น หนวดที่คล้ายปลาดุกทำให้สามารถสังเกตุพวกเขาได้ง่ายขึ้น จากนั้นผมเห็นปลานิรนามขนาดเล็ก ประมาณ 3-4 ซม ลำตัวสีน้ำเงิน มีลายสีดำตัดจากส่วนหัวไปถึงหาง ส่วนหางมีสีเหลือง ( ไว้ผมทราบว่าเขาชื่ออะไร จะมาแก้ไขอีกครั้งครับ)

ต่อด้วยปลาข้าวเม่าน้ำลึก(Soldierfish) ที่ออกมาแสดงตัวไม่นาน ซักพักพวกเขาก็หลบเข้าไปในซอกปะการัง ผิดจากปลากระรอกลายแดง(Redcoat) ที่ออกมาให้ยลโยมแบบไม่อายใคร(ก็มันบ้านของผม พวกคุณล่ะเป็นใคร?)

เหลือบมองหาปลาตัวต่อไป เจ้าปลาสินสมุทรลายบั้ง(Six-banded Angelfish) ว่ายผ่านไป ผมสังเกตุลักษณะของเขาอย่างแม่นยำเพราะเคยเห็นที่สิมิลันเมื่อช่วงปีใหม่ มีข้อมูลว่าสามารถพบเห็นพวกเขาได้ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพวกเขาในอ่าวไทยและยิ่งเป็นทะเลภาคตะวันออกด้วย(สะใจ)

ปลาผีเสื้อแปดขีดหรือปลาผีเสื้อลายแปดเส้น(Eight-banded Butterflyfish) ลายตามลำตัวคล้ายลายเสือ ถือว่าเป็นชนิดที่พบได้บ่อยมาก ผมเห็นพวกเขากำลังตอดกินปะการัง ช่างมีความสุขเสียจริง

แส้ทะเล(Sea Whip)ด้านหน้าผม พี่ป้อมเรียกให้ผมลงมาดู ซึ่งเดาว่าน่าจะมีสัตว์ทะเลขนาดเล็กแน่นอน เขาคือปู Zeno Crab เกาะอยู่บนแส้ทะเล หลังจากที่ผมค้นหารูปจากในเว็บไซด์เมืองนอก จึงได้รูปเขามา

สัตว์ทะเลอีกชนิดที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักดำน้ำ หากเปรียบเทียบเป็นละคร พวกเขารับบทคนใช้ครับ ทั้งๆที่พวกเขามีความสำคัญกับระบบนิเวศทางทะเลมาก พวกเขาคือ ปลิงทะเลครับ(Sea Cucumber) แต่ที่ผมเห็นนั้น คือ ปลิงขูด(Bohadschia graeffei) มีรายงานว่าพบพวกเขาได้ทั่วไป ตามเกาะห่างไกลชายฝั่ง

นังแจ๋วอีกคน ชื่อว่าฟองน้ำครก(Neptune ‘ s cup sponge) รูปร่างที่คุ้นตานักดำน้ำ คล้ายหม้อขนาดใหญ่ ที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลายชนิดด้วย ลองสังเกตภายในดีๆเถอะครับ อาจโชคดีก็ได้

พี่ป้อมยังเรียกให้ผมลงมาดูที่แส้ทะเล(Sea Whip)อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เป็นปลาบู่ขนาดจิ๋ว หากไม่สังเกตดีๆ จะมองไม่เห็นเลยเพราะขนาดเล็กมาก ประมาณ1-2 ซม เท่านั้น พี่ป้อมบอกว่าจะเห็นเขาได้ตามแส้ทะเลหรือไม่ก็ตามกัลปังหา(Sea Fan) ผมไม่แน่ใจว่าหากเขาอยู่ที่อื่น อาจเป็นอาหารของนักล่าได้ง่ายๆ

กวาดมือออกไปทดสอบตามปะการังโขด มีการเคลื่อนไหวของสิ่งเล็กๆ ที่ฝังตัวอยู่ในปะการังแล้วหดเข้าไป พวกเขาคือหนอนดอกไม้พู่ฉัตร(Christmas ‘ s tree worm) ผมพึ่งรู้ไม่นานมานี้เองว่า พวกเขาชื่อนี้ หลังจากเห็นมานานมาก จากการไปดำน้ำตามสถานที่ต่างๆ(มีทุกที่ที่มีแนวปะการัง)

นอกจากนี้ยังมีทากทะเล(Nudibranch) สีออกเหลืองๆ สดใส น่าเสียดายว่าผมไม่สามารถจดจำรายละเอียดได้มากนัก ตามหนังสือก็ไม่มีรูปเสียด้วยซิ

ก่อนขึ้นสู่ผิวน้ำผมเห็นดอกไม้ทะเล(Sea Anemone) ชนิดที่คุ้นเคย เดาว่าต้องมีปลาการ์ตูนอาศัยอยู่อย่างแน่นอน มองเข้าไปด้านในก็พบ พวกเขาคือปลาการ์ตูนอินเดียนแดง(Pink Anemonefish) นี่เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นที่ผมเห็นพวกเขาในทะเลภาคตะวันออกหลังจากผมไปดำน้ำตื้นที่เกาะยักษ์ อยู่ภายในเขตหมู่เกาะรัง แม้เวลาจะผ่านมา 2 ปีแล้ว พวกเขาก็คงความน่ารักไม่เคยเปลี่ยนเลย

ก่อนขึ้นจากน้ำ เราทำ Safety Stop น้องโอ๊ตยังคงใช้ท่าลอยตัว ท่าถนัด (แบบกลับหัว)จับพี่ป้อมไว้ ดูๆไปก็เหมือนพ่อ ลูกเหมือนกันนะเนี่ย

ผมประเมินตัวเองได้เลยว่า ผมตีขาได้ถูกวิธี ว่ายน้ำสบายขึ้น แถมใช้อากาศดีขึ้นมาก การหายใจเป็นไปอย่างธรรมชาติ ตัวไม่ติดปะการังเพราะใช้วิธีเติมลม ใน BCD(แต่ตอนเปลี่ยนระดับห้ามลืมปล่อยลมออกนะครับ) นั่นก็คือประสบการณ์การดำน้ำของผม ที่เกิดจากการได้ฝึกปฎิบัติบ่อยๆ ได้เรียนรู้ ทำให้จากไม่เป็นก็เป็น จากไม่เก่งก็เก่งขึ้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังต้องปรับปรุง คือ เลือดกำเดา(ชั่วๆ) ที่ออกมาทุกครั้งเวลาขึ้นจากผิวน้ำ(ไม่มีทางจมูกก็มาทางน้ำลาย) ถึงแม้ว่าจะขึ้นช้ามากก็ตาม(ไดฟ์ไหน ขึ้นมาไม่มีเลือดจะแจ้งให้ทุกท่านทราบครับ คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู)

“ถ่ายอะไร ได้บ้างครับพี่เอ” ผมถาม

“ไม่ค่อยได้หรอกน้อง น้ำมันขุ่นน่ะ” พี่เอพูด

ในทริปครั้งนี้ พี่เอจะเป็นมนุษย์กล้องอย่างแท้จริง เพราะมีทั้งบนบก(กล้องแบบโปร) ส่วนใต้น้ำ(แบบโปรเช่นกัน) สังเกตได้จาก Housing ที่ใหญ่มาก

หลังจากเดินไป เดินมา รอให้ตัวแห้ง ผมรับประทานอาหารกลางวันของทางเรือที่จัดเตรียมไว้แล้ว พร้อมคุยเรื่องไดฟ์แรกที่ลงไปกับเพื่อนๆพี่ๆ(ไม่ต่างกันนักกฎหมายที่เวลาสอบเสร็จ มักจะต้องออกมาถกเถียงปัญหาว่าข้อสอบที่ทำไปว่า ได้ตอบอะไรไปบ้างแล้วเฉลยว่าอย่างไร)

ขึ้นมาพักผ่อนด้านบนพี่ต่อยังคงเป็นเพื่อนซี้กับD-tac เช่นเดิม ในขณะที่คนอื่นๆ บ้างก็หามุมถ่ายรูป บ้างก็หามุมพักผ่อน เห็นพี่ๆบอกกันว่า ออกทริปทะเลตะวันออก มักไม่ค่อยเห็นดิงกี้ แต่เรือลำนี้มี นับเป็นความสะดวกของนักดำน้ำโดยแท้

ด้านหน้าของผม ที่มีทุ่นสีขาวนั้น คือ จุดที่เรือจมสุทธาทิพย์(Hardeep)จมลง อันเป็นจุดดำน้ำไดฟ์ต่อไป เนื่องจากเรือจมสุทธาทิพย์อยู่บริเวณร่องน้ำ จึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดจึงได้ยินว่า น้ำที่นี่แรง แต่การเช็คตารางน้ำมาก่อน ไม่สุ่มสี่ สุ่มห้าลงไป ถือเป็นเรื่องสำคัญมากครับ

จากนั้นพี่ Staff บนเรือ มาอธิบายให้ฟังสำหรับจุดดำน้ำนี้ว่า เรือลำนี้มีอายุ 61 ปีแล้ว(อายุเท่าคุณพ่อผมเลย) หากจะเข้าไปด้านในให้ระมัดระวังเพราะเรือเก่ามาก แต่ผมคิดว่า ผมคงไม่ได้เข้าไปอย่างแน่นอน(ยังไม่อยากเข้าด้วย) สำนึกตัวเองดีครับว่า นี่คือ การดำเรือจมครั้งแรกของผม(เพื่อความปลอดภัย พี่ป้อมไม่พาเข้าไปอยู่แล้ว) แค่ผมได้มีโอกาสลงไป ก็รู้สึกดีมากแล้วครับ

ก่อนทิ้งท้ายว่า เวลาลงให้ตามเชือกลงไปด้านล่าง เวลาจับเชือกให้ระวังเพรียง อย่าจับแบบรูด อาจบาดมือเป็นแผลได้



Dive 26 ความยิ่งใหญ่ของเรือจมสุทธาทิพย์

ผมลงไปตามเชือก แม้จะไม่ได้จับเชือกแต่ก็ดำตามพี่ป้อมลงไป โดยดูระยะห่างให้ดีๆ เพราะน้ำที่นี่ขุ่นกว่าที่เกาะจวงมาก ห่างกันเกิน 3 เมตรก็จะมองไม่เห็นเอา

เมื่อลงมาถึงด้านล่าง ว่ายไปเรื่อยๆ ขณะที่ผมคิดในใจว่า “ไหนวะเรือ ไม่เห็นมีเลย” ก็ต้องตกใจ(เหมือนเจอผี) เพราะเรือสุทธาทิพย์อยู่ด้านข้างผมนี่เอง เห็นได้ชัดว่า ลักษณะเรือเก่ามาก จนมีสิ่งมีชีวิตต่างๆเกาะตามเรือเต็มไปหมด หากไม่สังเกตดีๆ อาจคิดว่า เป็นผาหิน ผาหนึ่ง ผมมองขึ้นไปด้านบน “ไม่ใช่เล็กๆนะเนี่ย ใหญ่โตเหมือนกัน”

มองไปเรื่อยๆ ผมเริ่มเห็นภาพเรือสุทธาทิพย์ที่เหมือนใน Dive Site มาก มีลักษณะตะแคงข้าง มีช่องให้นักดำน้ำมุดเข้าไปด้านในได้ ผมเห็นพี่นัท(จำผ้าโพกหัวได้)และนักดำน้ำจากกลุ่มอื่นๆ มุดเข้าไปด้านใน หากไม่มีไฟฉายแล้ว ยิ่งอันตรายครับเพราะภายในมืดมาก อันตรายในที่นี้ไม่ใช่กับนักดำน้ำอย่างเดียวแต่จะเป็นอันตรายกับสัตว์ทะเลภายในด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเตะไปโดนพวกเขา หรือฟองอากาศของนักดำน้ำที่จะทำให้สัตว์ทะเลที่เกาะตามเพดานเป็นอันตราย ผมมองจากด้านนอกเห็นภายในมืดๆ บอกตามตรงว่ารู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน(ไม่เข้าล่ะดีแล้ว)

ฟองน้ำครก(Neptune ‘ s cup sponge) เกาะอยู่ตามเรือ ซึ่งจะมีสีน้ำตาลอมม่วงด้วย(ไม่ค่อยพบสีนี้บ่อยนัก ปกติเราจะคุ้นกับสีน้ำตาลมากกว่า)

2 ผีเสื้อแสนสวย ที่พบได้บ่อยในทะเลตะวันออกก็ออกมาให้ยลโฉม พวกเขาคือ ปลาผีเสื้อปากยาว(Beak Butterflyfish)และปลาผีเสื้อแปดขีด (Eight-banded Butterflyfish)

ปลาแพะ(Goat Fish) ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ ใช้หนวดคุ้ยเขี่ยตามพื้นทรายตามปกติ

ลำตัวอ้วนๆป้อมๆ สีน้ำเงินอมเทา พวกเขาคือ ปลาปักเป้ายักษ์(Puffer) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Arothron stellatus อยู่ในวงศ์ Tetraodontidae เป็นปลาปักเป้ากลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เมื่อผมเปิดดูหนังสือ ATG ตอน “ปักเป้า เร้าใจ” ทำให้ไขข้อสงสัยในเรื่องชนิดของปลาปักเป้าที่ค้างอยู่ในใจมานาน

ปลาอีกหนึ่งตัวที่ผมเคยเห็นมานานหลายปี ในไดฟ์นี้ก็เห็น พวกเขามักจะชอบว่ายไปมาอย่างซุกซน พฤติกรรมคล้ายปลาขี้ตังเบ็ด(Surgeonfish) พึ่งจะมารู้ชื่อ พวกเขา คือ ปลาสลิดทะเลแถบ(Java Rabbitfish)นั่นเอง

ผมตีขาออกไปจากเรือ ตามพี่ป้อม พี่ประพนธ์ น้องโอ๊ต เป็นสัญญาณว่าเตรียมตัวขึ้นได้แล้ว ด้วยน้ำที่ขุ่นเผลอแปบเดียวทำให้ผมไม่เห็นใครอีกเลยนอกจากพี่ดิ้นและพี่เอ(แกมีกล้องขนาดใหญ่ สังเกตง่ายครับ)

แม้ผมจะได้ยินเสียงพี่ป้อมเคาะ Pointer แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่เห็นใครอีกเลยครับ จึงต้องใจจดใจจ่อกับสมาชิกให้มากที่สุด(ดีกว่าอยู่คนเดียวละนะ) อีกอย่างผมก็จะต้องช่วยดูพี่ดิ้นด้วย เผื่อพี่เอหายไปอีกคน ผมก็จะต้องช่วยเหลือเพื่อนนักดำน้ำด้วยกัน

เมื่อทำ Safety Stop ผมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นึกขึ้นได้ว่าเติมลมใน BCDไว้พอเปลี่ยนระดับ ไม่ได้ปล่อยลมออก จึงต้องรีบปล่อยลมออก แต่ผมรู้สึกได้ในทันทีว่า การขึ้นเร็วนั้นไม่ดี มีความรู้สึกมึนๆหัวด้วยครับ(พี่ดิ้นแกก็ตามมาด้วย ) ตอนนั้นประมาณ 3 เมตรครับ ขึ้นไปอีกนิดก็ผิวน้ำแล้ว

แต่ผมกับพี่ดิ้นก็ยังอุตส่าห์ลงมา ทำ Safety Stop กับพี่เออีกครั้ง(ความพยายามสูงมาก) อย่างน้อยก็อุ่นใจว่า พี่เอมี Dive Com อยู่ด้วยยังไงก็ปลอดภัย อีกอย่างแกมีประสบการณ์ดำน้ำมากกว่าผมด้วย

ที่ผิวน้ำ ผมคลื้นไส้จนได้ น่าจะเกิดจากการขึ้นเร็วๆ เมื่อซักครู่ จนผมต้องบอกพี่ๆว่าให้ไปห่างๆ ผมอาจต้องให้อาหารปลาได้(สุดท้ายก็ไม่ออกครับ มีแค่กลิ่นขมๆ แล้วจะอธิบายทำไมเนี่ย)

เป็นอันสิ้นสุด 2 ไดฟ์ สำหรับการดำน้ำในวันแรก ผมเก็บ หน้ากาก(Mask) อุปกรณ์ส่วนตัวชิ้นเดียวที่มี ล้างน้ำจืด ก่อนผึ่งให้แห้ง เก็บเข้ากระเป๋า โดยมีผลไม้อย่างสัปปะรดที่ถูกปากผมมากๆ หวานฉ่ำอร่อยจริงๆ

ผมและพี่แห้วคุยกับ พี่ประพนธ์ ผมจึงพึ่งรู้ว่า พี่ประพนธ์พึ่งดำเป็นไดฟ์ที่ 2 เท่านั้น ในวันนี้(หลังจากฝึกดำเล่นๆมาแล้ว) สร้างความแปลกใจให้ผมกับพี่แห้วมาก เพราะคิดว่าพี่ประพนธ์เป็นทหารเรือและอาจเป็น Staff ของเรือลำนี้ด้วย(แกใส่เสื้อแขนยาวสีดำ เขียนว่า นาวิกโยธิน จะไม่ให้คิดได้อย่างไร)

ขึ้นมาด้านบน มองเห็นเรืออยู่ไกลๆ นั่นคือเรือรบหลวงจักรีนฤเบศน์(เขียนข้างๆว่า 911) ที่คราวก่อนผมมาเที่ยวกับครอบครัวแต่ไม่ได้ขึ้นไปด้านบนเพราะมาช้าเกินไปนั่นเอง

เรือมาจอดเทียบท่าเรือห้องเย็นอีกครั้ง เราถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกก่อนจะเดินทางกลับโรงแรม ระหว่างทางชาวประมงขนปลาขึ้นมาบนรถเข็น 2 ตัว ขนาด 1-2 เมตร พวกเขา คือ ปลากระโทงเทงหรือที่เรียกติดปากในกลุ่มนักตกปลาว่า Marine Fish แววตาของทั้งคู่ แน่นอนว่าเสียชีวิตแบบไม่มีความสุข เชื่อหรือไม่ว่า ชาวประมงตกขึ้นมาโดยใช้สายเบ็ดและมือเท่านั้น(เขาเล่าแบบนั้นครับ ) เดินต่อไปเล็กน้อยมีปลาหมึกที่ชาวประมงจับขึ้นมาตากแห้งไว้ด้วย

นั่งกระบะพี่ดิ้นกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง แต่ละคนแยกย้ายกันอาบน้ำ แต่ผมเลือกที่จะนั่งดูเคเบิ้ลทีวีของที่นี่ ผมชอบมากเพราะฉายหนังใหม่ๆดีๆ ไม่แพ้ยูบีซี เช่น The Mummy Return, Batman Begin เป็นต้น ก่อนที่จะมาเล่นสลาฟ กับพี่โก้ เจี๊ยบ เดียร์และน้องโอ๊ต ซึ่งบุญมีแต่กรรมบัง เพราะเป็นสลาฟมา 3 ตา พอตา ที่4 กำลังจะได้เป็น คิง กลับถึงเวลาไปทานข้าวเย็นเสียได้ (ดวงผมดี จังเลย เฮ้อ)

เดินไปทานร้านอาหารทะเล ที่คุ้นเคย “ร้านเจ๊จุก” วันนี้คนน้อย อาหารเลยไม่ช้ามากนัก โดยมีพี่แห้วตามมาทีหลัง เพราะไปดูงานมาเล็กน้อย ส่วนพี่ประพนธ์ก็มาร่วมรับประทานอาหารกับเราด้วย

จากนั้น เราเดินต่อไปกินไอศครีมที่ร้าน SWENSEN นานมาแล้วที่ผมไม่ได้ทาน ล่าสุดก็คือการมาดำน้ำ scuba ที่พัทยาครั้งแรกนั่นเอง

เราทุกคนร่ำลา พี่เอ(เจ้าของกล้องมหึมา) เพราะต้องกลับกรุงเทพในวันนี้แล้ว(มีธุระในวันรุ่งขึ้น) ตามธรรมเนียม ผมก็ไม่ลืมที่จะยื่น Log Book ให้เพื่อนใหม่ในการดำน้ำเขียนเช่นเคย

กลับมาที่ห้องของผม(ห้องนั่งเล่นนั่นแหละ) สมาชิกเล่นไพ่กันอีกครั้ง วันนี้เล่นป๊อกเด้งแบบกินตังค์ด้วย แต่ผมมีลิมิตของตนเอง ไม่หน้ามืดตามัวเล่นตลอด (ตำรวจครับ เชิญจับได้เลย ท้า)

ซักพักใหญ่น้องออมก็มาถึง เมื่อวงป๊อกเด้งเลิก ก็ต่อด้วยสลาฟแบบสนุกๆ(แพ้กินน้ำ) ผมได้เรียนรู้ไพ่ใหม่ๆ เช่น อีแก่กินน้ำ(อันนี้เจี๊ยบแนะนำ) และที่เรียกเสียงได้ฮามาก คือไพ่ Killer ที่น้องออมมาอธิบายให้พี่ๆทุกคน ที่เล่นไม่เป็นได้ฟัง

ตอนแรกคิดว่า คงไม่มีอะไรที่สนุกแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงสนุกมากครับ ต้องขอขอบคุณน้องออมมานะที่นี้ ที่เอาเกมสนุกๆมาให้พี่ๆได้เล่นกัน

เมื่อได้เวลา เราแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะยังมีโปรแกรมดำน้ำอีกหนึ่งวัน รออยู่



5 กุมภาพันธ์ 2549

เช้าตรู่ เวลาเดิม ผมลงมารับประทานอาหารเช้า โต๊ะแรกมีน้องออมและคุณแม่ โต๊ะที่สอง มีเจี๊ยบ เดียร์ น้องโอ๊ต พี่ต่อ พี่พิช พี่ดิ้น พี่ป้อม พี่โก้ พี่แห้ว พี่นัท เมื่อไม่มีที่ว่าง(ของพอส) ผมเลยไปนั่งคุยกับพี่หนึ่งและพี่ปุ๊ย

ผมกินไม่มากนักเพราะคุยกับพี่ๆเสียส่วนใหญ่ พี่หนึ่งสาว Creative ถือเป็นสาวนักดำน้ำตัวยงคนหนึ่งเหมือนกัน เพราะไปดำถึงสิปาดันมาแล้ว แถมไปคนเดียวก็บ่อย จึงตรงกับความคิดของผมที่ว่า การท่องเที่ยวหากจะรอเพื่อนไปด้วยทุกๆครั้งอาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญๆไป เพราะเราว่างไม่ตรงกันอยู่แล้ว

ส่วนพี่ปุ๊ยแห่งเนชั่น ทำงานเกี่ยวกับเว็บไซด์ แม้จะดำน้ำยังไม่ค่อยบ่อยนัก หลังจากพึ่งจบ Open Water มา(หนียอดรักมาดำน้ำด้วย) แต่การมาครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาทักษะการดำน้ำให้แกร่งขึ้น

วันนี้สองสาวอย่างเจี๊ยบ เดียร์ สมใจนึก ได้นั่งกระบะหลังจนได้(แต่ไม่รู้ว่า สภาพการเมื่อยก้น หัวฟู จะยังอยากนั่งอีกไหม) ส่วนคนขับอย่างพี่ดิ้นหันมานั่งรถตัวเองบ้างโดยมีพี่พิชเป็นคนขับ

เมื่อถึงท่าเทียบเรือห้องเย็น ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบขนมมาจากห้อง เลยถูกสมาชิกทั้งหลายสวดเอา เท่ากับว่าขนมบนเรือ(ฟรี) จะได้รับการอุดหนุนอย่างล้นหลามแน่นอน

พี่ Staff ของเรืออีกคนหนึ่ง(คนละคนกับเมื่อวานนี้) Brief ให้ฟังถึงจุดดำน้ำไดฟ์แรกวันนี้ ชื่อว่าเกาะอีเลา โดยบอกว่า อาจจะเจอปักเป้ากล่อง กระเบนจุดฟ้า ทากทะเล กระเบนนก ฝูงปลากระมง เป็นต้น ซึ่งมีสิ่งที่ต้องจำคือ หากอากาศเหลือ 50 Bar หรือ 500 Psi ให้เตรียมตัวขึ้นสู่ผิวน้ำได้

พี่ป้อมแจก Pointer(ลักษณะเป็นแท่งเหล็กสีเงิน) ให้พี่ๆน้องๆ สำหรับรางวัลการโพสเกิน 300 กระทู้ขึ้นไป นี่ถือเป็นอุปกรณ์ใหม่ถอดด้ามของผม ต่อไปนี้หากผมมีปัญหาใต้น้ำหรือพบสัตว์แปลกๆ ผมก็สามารถใช้อุปกรณ์ที่ว่านี้เคาะแท็งค์ของตัวเองให้เกิดเสียงเพื่อเรียกทุกคนได้ นอกจากนี้ Pointer ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย

0 Comments:

Post a Comment

<< Home