Friday, February 10, 2006

เปิดโลกทะเล…สัตหีบ(1)


วันหยุดสุดสัปดาห์ทีไร หลายๆคนมักเลือกไปพักผ่อนที่ทะเล หนึ่งในคำตอบของพวกเขาเหล่านั้น คือ จังหวัดชลบุรี ซึ่งก็คงนึกถึงพัทยาเป็นอันดับแรก เพราะเป็นจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก ด้วยเหตุนี้เองทะเลที่นี่จึงไม่เคยเงียบเหงา ถึงแม้จะไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ตาม

คนส่วนใหญ่อาจจะคุ้นเคยกับ ผลิตภัณฑ์ครกที่อ่างศิลา เมืองจำลอง สถานเริงรมย์ต่างๆ หาดจอมเทียน ที่พัทยาใต้ หาดตาแหวน ที่เกาะล้าน เป็นต้น

แต่จริงๆแล้วทะเลเมืองชล มิได้มีแค่นั้น ห่างออกไปจากพัทยาหลายสิบกิโลเมตร ทะเลสัตหีบ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกว่าที่พัทยามาก หาดเตยงาม หาดทรายขาวละเอียดภายในศูนย์บัญชาการนาวิกโยธิน ถัดออกไปไม่กี่กิโลเมตร จะเห็นความยิ่งใหญ่ของเรือรบหลวงจักรีนฤเบศน์ อีกทั้งการนมัสการหลวงพ่ออี๋ เกจิกาจารย์ชื่อดังที่เซียนพระหลายคนต้องรู้จัก เป็นต้น

2 ปีที่แล้ว ช่วงปีใหม่ ผมหลีกหนีความจำเจที่พัทยา มุ่งหน้าสู่ทะเลสัตหีบกับครอบครัว ที่หาดเตยงาม ภายในศูนย์บัญชาการนาวิกโยธินนี้เอง สร้างความประทับใจกับผมและครอบครัวมาก เพราะอยู่ในเขตทหาร แม้จะเข้มงวดบ้างแต่เป็นเรื่องที่ดีกับทัศนียภาพที่นี่ น้ำทะเลที่ใสสะอาด น่าลงเล่น หาดทรายขาวละเอียด

หากตัดเกาะที่อยู่ไกลจากฝั่ง เช่น เกาะล้าน(กรณีนั้น หาดทรายขาว น้ำทะเลใสกว่า ที่ฝั่งอยู่แล้วครับ)

หากมีคนถามผมว่า ท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี หากไม่อยากนั่งเรือไปที่เกาะ ทะเลแห่งใดน่าลงเล่นน้ำมากที่สุด

ผมตอบได้อย่างไม่ลังเลว่า ทะเลสัตหีบครับ

…………..


“ ต้นเดือนกุมภา ไปดำน้ำสัตหีบกันไหม” เสียงเพื่อนๆในกลุ่มดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นพี่ต่อ พี่พิช พี่โก้ เจี๊ยบ เดียร์ น้องโอ๊ต น้องออม เป็นต้น ทั้งการโต้ตอบกันทางเว็บบอร์ดและทางโทรศัพท์ และแน่นอนว่าจะต้องมีพี่ป้อม ครูสอนดำน้ำ รวมอยู่ในนั้นด้วย

หลังจากกลับมาจากทริปอันดามันเหนือช่วงปีใหม่ ทำเอาสภาวะเงินบาทในกระเป๋าตังค์ของผม ไม่สู้จะดีนัก บางวันต้องกินข้าวคลุกน้ำตา(ไม่ใช่น้ำปลา) ถ้าอยากให้กิเลสครอบงำอีกครั้ง ผมก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด

หากเป็นแค่ทะเลพัทยา ผมก็อยากไปแบบไม่ลังเลอยู่แล้ว(แม้จะเป็นจุดดำน้ำจุดเดิม ที่เคยไปแล้วก็เถอะ ทั้งนี้เพราะการได้ลงไปหาเพื่อนใหม่และเก่าใต้ทะเล ไม่มีคำว่าเบื่อสำหรับผม)

ยิ่งเป็นทะเลสัตหีบ มันทำให้ผมอยากไปมากขึ้น แม้ที่นี่จะมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักสำหรับนักดำน้ำหลายๆคน กับกระแสน้ำที่แรง(ผมเคยอ่านเรื่องจากนิตยสาร อสท ที่นักดำน้ำหลุดไปจากกลุ่มเพราะกระแสน้ำที่แรงของที่นี่)

แต่ผมก็ไม่กลัวเท่าไรนัก เพราะพี่ป้อมได้เช็คตารางน้ำเรียบร้อยแล้ว ในวันที่เราจะไปนั้น กระแสน้ำจะอยู่ในช่วงเบาหากเปรียบเทียบกับทุกๆวัน

นักดำน้ำหลายคนอาจคิดว่า จุดดำน้ำที่จังหวัดชลบุรี จะไปสู้สุดยอด ทะเลอ่าวไทยแถบชุมพร ,กองหินโลซิน จังหวัดนราธิวาส หรือจะไปสู้สุดยอดทะเลอันดามันเหนือ อย่าง หมู่เกาะสุรินทร์ กองหินริเชริว, หมู่เกาะสิมิลัน เกาะบอน เกาะตาชัย หรือจะไปสู้สุดยอดทะเลอันดามันใต้ อย่าง หมู่เกาะพีพี หินแดง-หินม่วง, หมู่เกาะตะรุเตาได้อย่างไร

พูดอีกก็ถูกอีกครับ ว่าสู้ไม่ได้ แต่การเปรียบเทียบสถานที่เวลาไปดำน้ำ จะทำให้ความสนุกลดน้อยลง

หากไม่ใช่คนร่ำรวยมาก การไปทริป Liveaboard ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เต็มที่ก็ได้แค่ปี 1-2 ครั้งเท่านั้น(และยังมีปัญหาการเพ่งเล็งจากเจ้านายอีก หากไม่ใช่งานที่อิสระมากนัก)

ที่สำคัญ จุดดำน้ำที่จังหวัดชลบุรี ยังมีจุดดำน้ำที่น่าสนใจ อีกทั้งสัตว์ทะเลแปลกๆ อีกมากมาย และยิ่งสามารถเดินทางไปได้สะดวกทุกสุดสัปดาห์ด้วยแล้ว

การปิดโอกาสของตนเองเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ สำหรับผม ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากครับ

…………



3 กุมภาพันธ์ 2549

เปลี่ยนแผนการเดินทางเล็กน้อย จากที่ผมจะต้องเดินทางโดยรถตู้เหมา ก็มาเดินทางโดยรถส่วนตัวแทน มีเพื่อนใหม่หลายคนยกเลิกการเดินทางไปเพราะมีหนึ่งในสมาชิกต้องประสบเหตุ ไฟไหม้บ้านแถบพลับพลาไชย จากที่ต้องไปพักที่สัตหีบ ก็กลับมาพักที่พัทยาแทน เพราะน้องโอ๊ตจองที่พักไม่ได้ (ในเขตทหาร เข้มงวดครับ และเป็นการจองมากกว่า 1 วันด้วย แถมจะมีการขอชื่อทุกคนอีก ยุ่งยากจริง)

และจากที่ต้องเดินทางไป รอเพื่อนๆที่เซ็นทรัล บางนา ก็เปลี่ยนมารอเจี๊ยบที่เซ็นทรัลรามอินทราแทน ซึ่งใกล้บ้านผมกว่ามาก โดยผม เจี๊ยบ พี่โก้(ปาปารัซซี่)และน้องโอ๊ต จะเดินทางไปด้วยกัน

ส่วนอีกคันจะเป็นพี่ต่อ พี่พิช เดียร์และ พี่ดิ้น(ถูกชักชวนให้มาดำน้ำ โดยพี่ต่อและพี่พิช และจะมาสอบ Open waterด้วย)

พี่ป้อมจะเดินทางไปกับพี่ปุ๊ย(ชายหนุ่ม ร่างอ้วน แห่งเนชั่น)และพี่เอ( ผมเคยเห็นภาพถ่ายของเขา เดาได้ว่าเป็นคนที่ชอบการเดินทาง การท่องเที่ยว)

พี่นัท(หรือพี่แห้ง)กับพี่แห้ว(พี่ศักดิ์ชัย) สองพ่อลูกนักดำน้ำจะมาถึง ในเช้าวันเสาร์

น้องออม(น้องสาวพี่อ๊าตหรือพี่หัวหมึก พี่เวรของผมสมัยเรียนนั่นเอง)และคุณแม่ ซึ่งเป็นสองแม่ลูกนักดำน้ำเช่นกัน จะมาถึงใน คืนวันเสาร์

และยังมีอีกหลายคน ที่ผมยังไม่ทราบว่า จะเป็นใครบ้าง

หลังจากนัดเจอเจี๊ยบที่เซ็นทรัลแล้ว ผมและเธอไปรอพี่โก้ที่ปั้มบางจาก แถวรามอินทราเช่นกัน จากนั้นก็ไปรับน้องโอ๊ตแถวรามคำแหง และมุ่งหน้าสู่ จุดพักรถ(Rest Area) ที่มอเตอร์เวย์ ซึ่งเราตกลงกันว่า จะไม่หิ้วท้องรอ เพราะกว่าจะถึงพัทยา ก็ดึกแล้ว เราต้องพักผ่อนสำหรับการดำน้ำในวันรุ่งขึ้นด้วย

ที่นี่เรานัดเจอพี่ต่อ พี่พิช พี่ดิ้นและเดียร์ โดยมีข้าวแกง ที่ร้านแห่งหนึ่ง เป็นอาหารเย็นของผมในวันนี้(แม้ยังไม่ถึงทะเลแต่คลื่น Dtac ก็ดูจะมีความหมายกับพี่ต่อมากที่สุด)

เราถึงโรงแรม กัลฟ์ สยาม(Gulf Siam Hotel) เกือบๆ 5 ทุ่ม โดยมีคุณลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมคนเดิม มาให้การต้อนรับ

ที่ห้อง 215 ซึ่งเป็นห้องของผม พี่โก้ น้องโอ๊ต และถือเป็นห้องนั่งเล่นของทุกๆคนด้วยในทริปนี้ เมื่อมารวมตัวกันอีกครั้ง กิจกรรมยอดฮิตของนักดำน้ำ คือ การเล่นไพ่ เรียกเสียงเฮฮาได้ พอสมควร

เมื่อพี่ป้อมมาถึง ก็เข้ามานั่งคุยด้วย ก่อนที่ประมาณตี 1 ทุกๆคนจะแยกย้ายกันกลับห้องเพื่อพักผ่อน พี่ป้อมนัดทานเข้าเวลา 7 โมง ก่อนที่จะออกเดินทางเวลา 8 โมง


4 กุมภาพันธ์ 2549

เป็นเรื่องที่ดี เมื่อพี่โก้ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกของผมแต่ไม่กดให้ ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมากดเอง ก็เลยต้องตื่นโดยปริยาย แล้วก็ไม่ใช่เวลาที่ผมจะนอนต่อด้วย

หลังจากทำกิจวัตรยามเช้าเสร็จเรียบร้อย เราลงมาด้านล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้าของโรงแรม เช่น ไส้กรอก แฮม ไข่ดาว เป็นต้น ซึ่งทุกๆคนลงมาพร้อมกันเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงพี่ป้อมเท่านั้น

เช้านี้ผมเจอพี่ปุ๊ย พี่หนึ่ง อีกทั้งยังได้รู้จักพี่เอ พี่เก๋ 2 คู่รักนักดำน้ำ

ก่อนออกเดินทาง เรารอพี่แห้วและพี่นัท ที่โรงแรม เมื่อมาถึงแล้วจึงออกเดินทางไปสัตหีบพร้อมๆกัน โดยผม พี่พิช พี่ต่อ พี่ปุ๊ย น้องโอ๊ต นั่งกะบะหลัง รถของพี่ดิ้น(พร้อมเกียร์แบค) ปล่อยให้ 2 สาวอย่างเจี๊ยบและเดียร์ผิดหวังเล็กๆเพราะอยากนั่งกะบะหลังมาก (จริงๆนั่งข้างหลังก็ไม่สบายนักหรอก เมื่อยก้นด้วย ให้ผู้ชายลำบากเถอะ)

ที่กะบะหลัง พี่ต่อจุดประกายเรื่องคุณสนธิและคุณทักษิณขึ้นมา ประกอบกับในวันนี้จะมีการชุมนุมกันด้วย ก็เลยคุยกันยาว ผมและน้องโอ๊ตทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี เพราะพี่ปุ๊ย พี่พิช พี่ต่อ ก็ได้ติดตามข่าวสารโดยตลอดเหมือนกัน ผมคงไม่บอกว่าใครเห็นด้วยกับใครบ้างเพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ขอให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบไม่เสียเลือดเสียเนื้อเป็นพอ(ก่อนมาวันนี้ ผมคุยเอ็ม เอส เอ็น กับเพื่อนคนไทยที่ไปทำงานในสิงค์โปร ยังเกือบทะเลาะกันด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน พอมาเมื่อคืนนี้ มีข่าวว่าเด็กใต้แทงกันจนเสียชีวิต เพราะมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ เห็นไหมครับ ว่า เรื่องการเมือง บางครั้งก็อันตรายในวงสนทนา)

รถมาถึงท่าเทียบเรือห้องเย็น ซึ่งเรือของครูมาร์ลิน(หรือพี่เบิ้ม)จอดที่นี่ ก่อนหน้านี้ผมเคยได้อ่านบทความของครูมาร์ลินเกี่ยวกับเรื่องดำน้ำ มีประโยชน์มากครับ ไม่คิดว่าวันหนึ่งอาจจะได้มีโอกาสเจอเจ้าของบทความด้วย

นอกจากนี้ พี่ป้อมยังแนะนำให้รู้จักกับพี่เอ เจ้าของกระทู้ว่าไปเที่ยวทะเล แต่ภายในมีแต่รูปบนดอยซะมาก พึ่งมีรูปทะเลตอนกระทู้หลังๆนี่เอง(แซวนีส นึง)

เดินตามสะพานมาเรื่อยๆ สุดทางเราพบเรือประมงดัดแปลงขนาด 3 ชั้น ชื่อ เนาวรัตน์ ทาสีแดงสลับสีครีมทั้งลำ(ข้างๆมีเขียนว่า Marlin Divers ด้วย) ก่อนขึ้น ลูกเรือให้ถอดรองเท้าเก็บไว้ในถัง เพื่อความสะดวก

ขณะนี้ทุกคนกำลังหยิบอุปกรณ์จากเกียร์แบคที่เขียนชื่อของตนเอง เช่น BCD , Regulator มาประกอบกับถังอากาศเพื่อความสะดวก ก่อนลงไดฟ์แรก จะได้ไม่เสียเวลามากนัก ผมถ่ายรูปเรือไปพลางๆ รอให้คนเริ่มน้อยจึงไปประกอบอุปกรณ์บ้าง

น้ำทะเลนิ่งมาก นิ่งจนผมแปลกใจ มองออกไปไกลๆจึงได้คำตอบว่า ขณะนี้เรืออยู่ภายในกำแพงหินที่สามารถป้องกันคลื่นได้นั่นเอง

ไม่นานนักทุกคนก็ลงมาชั้นล่างของเรือ เพื่อฟังพี่คนหนึ่งแนะนำเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกในเรือลำนี้ เช่น Dry Zone คือ บริเวณนี้ หากตัวเปียกกรุณาอย่าเข้ามา น้ำดื่ม ขนม ห้องน้ำอยู่ทางไหนบ้าง เป็นต้น

ต่อด้วยการบอกคร่าวๆว่า วันนี้จะมี 2 ไดฟ์ คือ เรือจมสุทธาทิพย์ และเกาะจวง แต่ต้องดูกระแสน้ำก่อน หากที่สุทธาทิพย์กระแสน้ำแรงในช่วงเช้า(จะเบาในช่วงบ่าย) เราก็จะลงไดฟ์แรกที่เกาะจวงก่อน

ตอนนี้พี่ป้อมแนะนำสมาชิกบนเรือให้ทุกๆคนรู้จัก เริ่มจาก พี่แห้ว พี่นก พี่ปุ๊ย พี่หนึ่ง พี่เอ พี่พิช พี่ต่อ พี่ดิ้น เจี๊ยบ เดียร์ พี่เอ พี่เก๋ พี่ประพนธ์ พี่โอ๋และพี่อ้วน ต่อด้วยการแบ่งกลุ่มว่า ในชุดไหนจะมีใครลงบ้าง เพื่อความสะดวกในการดูแล ดีกว่าการลงชุดเดียวหลายๆคน

น่าเสียดายว่า ครูมาร์ลิน ติดธุระมาวันนี้ไม่ได้ ผมเลยอดพบตัวจริงของเจ้าของบทความเกี่ยวกับการดำน้ำ

ไม่นานนัก พี่ลูกเรือได้เข้ามาบอกว่า หลังจากได้เช็คกระแสน้ำแล้ว ในไดฟ์แรกเราจะลงกันที่เกาะจวง ซึ่งจุดเด่นคือ ปะการังอ่อน(Soft Coral)หลากชนิดนั่นเอง

0 Comments:

Post a Comment

<< Home