Saturday, January 14, 2006

สิมิลัน...ฉันรักเธอ(6)


ปลาขี้ตังเบ็ดส้มและกุ้งจักรพรรดิ

กุ้งมังกร

Dive 23 ชื่อของผม คือ กุ้งจักรพรรดิ

ไดฟ์นี้เราจะลงดำบริเวณทิศเหนือของเกาะเก้า ด่านล่างพี่ป้อมชี้ให้ผมดูกัลปังหา(Sea Fan) 2 ต้น ต้นแรกมีป้ายชื่อเล็กๆแขวนไว้ นั่นคือต้นที่ได้รับการช่วยเหลือโดยการตั้งใหม่ หลังจากเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ

ส่วนอีกต้น ล้มลงอีกครั้ง ต้นนี้ช้าเกินไปที่จะเยียวยาเสียแล้ว

ด้านหน้าผม มุงดูสิ่งๆหนึ่งในโพรง นั่นคือ กุ้งมังกร(Lobster) 4 ตัว หนวดของพวกเขายาวมากจนตอนแรกผมคิดว่า มีตัวเดียวเสียอีก เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังตื่น ตกใจกลัวพวกเรา

ก่อนผ่านไปเจ้าปลาข้าวเม่าน้ำลึกครีบดำ(Bronze Soldierfish)และปลากระรอกลายแดง(Redcoat) อยู่ข้างๆโพรงกุ้งมังกร เข้าแถวเรียงหน้ากระดานดูเป็นระเบียบเสียจริงๆ

จากนั้นระหว่างทาง ผมเห็น ปลาเหยี่ยวลายจุด(Pixy Hawkfish) ตัวนี้พบได้ง่ายกว่าปลาเหยี่ยวจมูกยาว(Longnose Hawkfish)มาก ซึ่งผมก็ยังคงต้องร้องเพลงรอต่อไป

โกบี้สีแดง(Red Fire Goby)หรือปลาลูกดอกไฟ(Fire Dartfish) ออกมาทักทาย ก่อนจะหลบเข้าไปในรูเหมือนเดิม

ผมเห็นปลากระเบนจุดฟ้า(Blue-spotted stingray) กำลังกระพือปีกออกไป เมื่อผมเห็นอีกครั้งจึงแน่ใจได้ว่า พวกเขากระพือปีกคล้ายกระเบนนกได้ด้วย

พี่ป้อมกำลังพลิกดูสิ่งๆหนึ่ง ในดาวหมอน แล้วเรียกผมเข้ามาดู เขาคือ กุ้งจักรพรรดิ(Emperor Partner Shrimp) ตัวเล็กมากประมาณ 2 ซม มีสีดำ(ในรูปภาพจะเป็นสีแดงซึ่งถ่ายโดยการใช้แฟลช เพราะในระดับความลึกสีแดงจะหายไป)

ปี้นๆๆๆ เสียงแตรดังขึ้น ทุกคนว่ายเข้าไปหาเจ้าของเสียง(พี่หิ้ว)ทันที เพราะคิดว่าต้องมีตัวอะไรเด็ดๆแน่นอน ซึ่งจริงๆแกต้องการเรียกแค่บางคน แต่เสียงดังจนทุกกลุ่มพุ่งเข้าใส่

เจ้าหญิงน้อยได้เตรียมอาหารกลางวันไว้พร้อมอยู่แล้ว มีส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ลาบ ต้มแซบ(พี่หิ้วบอก แซบ แซบ) หลังจากนั้นผมก็หาที่นอน เหมือนเคย

ฝนตก เก็บผ้าด้วย!!! ผมขึ้นมาเก็บผ้าบนดาดฟ้า ก่อนช่วยพี่ฝนและน้องโอ๊ตเก็บฝูก โดยใช้เท้ายันเข้าไป จึงจะสามารถเข้าไปได้ โชคดีที่กว่าฝนจะตกก็ใกล้ไดฟ์สุดท้ายของผมแล้ว

ที่ผิวน้ำ ฝูงปลายูนิคอนส์(Longnose Unicornfish)สีเขียวและ สีขาว ขึ้นมาบนผิวน้ำ เหมือนว่าอยากจะเล่นกับพวกเรา ซักพักใหญ่พวกเขาก็หายไป

และต่อไปนี้ คือไดฟ์สุดท้ายของทริปอันดามันเหนือครับ


Dive 24 วางยาพี่โก้(แบบไม่ตั้งใจ)

ไดฟ์นี้เราจะลงดำที่หินแพ พี่วิลลี่บอกว่า เนื่องจากเป็นไดฟ์สุดท้าย ความลึกจึงตามสบาย(แต่ต้องอยู่ในขอบเขตที่ว่า อยู่ได้กี่นาทีด้วยนะครับ)

ผมตีฟินไปเรื่อยๆ คิดไว้เสมอว่า จะไม่ดำต่ำกว่าพี่ป้อม ผมตกใจเล็กน้อยเพราะที่เกจความลึกของผม อยู่ในระดับ 40 เมตร(เข็มสีแดงอยู่ในระดับเดียวกับเข็มสีดำ)(แต่หากลงไปอีก น่าจะซัก 50 เมตรได้ ) อย่างไรก็ตามไม่ใช่ในระดับความลึกที่ควรลงไป

ผมเห็นพี่ป้อมกำลังสังเกตอะไรบางอย่างที่แส้ทะเล ผมจึงลงไปดู รูปร่างเหมือนกุ้งตัวยาว(หลังจากที่ดูจากรูปถ่ายจากกล้องของพี่โก้ มันคือหอยเบี้ยชนิดหนึ่งครับ อยู่ลึกจริงๆ) และแล้วพี่ป้อมยกฝ่ามือขึ้น เป็นสัญญาณบอกผมว่า อยู่ในระดับความลึกนี้ได้แค่ 5 นาทีนะน้อง ว่าแล้วแกก็เปลี่ยนระดับไปที่ตื้นกว่า ผมดูเจ้าหอยเบี้ยอีกนิด จึงรีบว่ายตามขึ้นไป

ปลาขี้ตังเบ็ดส้ม(Orange Surgeonfish) ว่ายผ่านไป ในตอนนี้เริ่มจะไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ผมเห็นปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled scorpionfish)1 ตัว พยายามมองหานักดำน้ำแล้วชี้ให้ดู ผมเจอพี่โก้จึงเรียกให้แก มาถ่ายภาพ(พี่โก้บอกว่าหลังจากนั้น พี่วิลลี่และคนอื่นๆมาดูกันเพียบเลย)

มองไปไกลๆ พี่ป้อมและกลุ่มของผม ว่ายไปเกือบมองไม่เห็นแล้ว ผมกลัวจะถูกตำหนิ ว่าออกนอกกลุ่มทั้งๆที่ยังไม่ค่อยเก่ง จึงรีบว่ายตามไป โดยไม่ได้เรียกพี่โก้ซึ่งกำลังถ่ายภาพอย่างเมามัน เพราะเห็นมีพี่วิลลี่และนักดำน้ำคนอื่นๆอยู่เพียบ(คงไม่เป็นไรมั้ง)

หลังจากทำ Safety stop แล้วขึ้นมา พี่โก้บอกผมว่า เรียกมาให้ถ่ายรูป พอเงยหน้ามาหายไปไหนกันหมด จึงเป็นเรื่องขำขันว่า ผมวางยาพี่โก้ในระดับความลึกซึ่งเป็นไดฟ์สุดท้าย แถมไม่ให้โอกาส แก้แค้นเสียด้วยซิ(คราวหน้าครับพี่ ผมเรียกแน่ๆ ผมไม่ได้ตั้งใจนา ฮ่าๆๆ)

เจ้าหญิงน้อยกำลังมุ่งหน้าสู่ท่าเรือรัษฎา จ ภูเก็ต ก่อนที่จะพัก 1 คืนที่นั่น และนักดำน้ำจะเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

พี่ๆบนเรือ เรียกนักดำน้ำทุกคนให้ขึ้นไปถ่ายรูปบนดาดฟ้า ถึงตอนนี้ช่างกล้องจำเป็น ก็กดชัตเตอร์อย่างรวดเร็ว เพราะนางแบบ นายแบบเยอะมาก

ทีเด็ดคงเป็นพี่หิ้วถ่ายรูปกับสาวๆ แกตื่นเต้นมากถึงขนาดจับหัวใจไว้เลยนะ สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกๆคนบนเรือ ต่อด้วยพี่ป้อมที่ถูกสาวๆแกล้งจับศีรษะ และน้าแกรมกับสาวๆ(ดีใจแบบเงียบๆ)

ส่วนน้องโอ๊ต เด็กที่สุดและอ้วนที่สุดบนเรือ ก็ต้องถูกคุณนิคและพี่วิลลี่แกล้ง ตามระเบียบ

หลังรับประทานอาหารเย็น ผมหยิบสมุด Log Book ด้านหลังจะมีรายชื่อนักดำน้ำที่ผมเคยไปดำด้วย เป็นธรรมเนียมของผมที่มักจะขอชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ เพื่อส่งรูปถ่ายให้และสำหรับโอกาสที่จะได้ติดต่อ พูดคุยกัน(แม้อาจใช้เวลาอีกนาน กว่าจะได้มีโอกาสมาดำน้ำด้วยกันอีกก็ตาม) ผมจึงไล่ขอแต่เฉพาะคนที่ยังไม่ได้เขียนให้ผม

เสียงเพลงคาราโอเกะของพี่หิ้วเริ่มขึ้น ผมเริ่มทำงานตัวเป็นเกลียวเริ่มจากพี่หมอตุ๋งกับพี่ตาล คู่รักหมอฟัน จากมหิดล หมอเดียร์ หมอสาวแห่งโรงพยาบาลภูมิพล พี่หลี สาวเอกโฆษณาจากรั๊วพ่อขุน กับพี่มนเพื่อนซี้ที่มีประสบการณ์ดำน้ำมากกว่า 300 ไดฟ์ ต่อไปเป็นพี่น้องและพี่อุ(พึ่งรู้ภายหลังว่า ยังไม่ได้ขอเบอร์หมอจินไว้เลย เพราะเธอลุกไปตอนนั้นพอดี)

น้าแกรม ชาวต่างชาติที่เข้าใจภาษาไทยมากกว่าที่คุณคิด พี่แจ้ Divemaster มือเอกของชุมพรคาบาน่า พี่หนึ่ง นักดนตรี ที่มีกิจการขายเครื่องดนตรีด้วย

พี่อ้อย ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแห่ง อุบลราชธานี พี่รินทร์และพี่วรรณคู่รักดำน้ำอีก 1 คู่ ที่มีกล้องวีดีโอมาโชว์รูปสวยๆใต้น้ำเสมอๆ พี่นิค หนุ่มซิกซ์ผู้มีอารมณ์ขัน พี่ฝน สาวทันสมัยกับการเปิดเพลงโดนใจวัยรุ่นและพี่วิลลี่หนุ่มร่างใหญ่ที่มีอารมณ์ขันไม่แพ้กัน

ด้านหน้าของเรา คือ เกาะภูเก็ต หลายวันมาแล้วที่เราขาดการติดต่อจากโลกภายนอกแต่ผมกลับไม่รู้สึกเหงาเลย แม้แต่น้อย คาราโอเกะของพี่หิ้วยังคงได้รับความนิยมอยู่ตลอด

ณ ท่าเรือรัษฎา เจ้าหญิงน้อยจอดใกล้เรือ ฐาปนา เรือLiveaboard อีก 1 ลำ ที่มีความหรูหรามาก ขอขอบคุณ พี่เอกแห่งเรือฐาปนา ที่นำปลาหมึกเนื้อนุ่มแสนอร่อย มาให้พวกเราทานกัน (ช่วงนี้ใครจะอาบน้ำก็ต้องอาบแบบเค็มๆไปก่อน เพราะกว่าน้ำจืดจะพร้อมก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว)

พี่ฝ้าย ไม่ยอมรับเงินค่าไฟฉาย ผมสุดแสนจะเกรงใจเพราะการที่ไฟฉายน้ำเข้า ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย เมื่อการยัดเยียดไม่เป็นผล ผมจึงต้องยอม(ขอบคุณมากครับพี่)

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา 4 นาฬิกาของเช้าวันใหม่ พวกเราจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน



3 มกราคม 2549

หนาวมาก เมื่อคืนนี้ ผมไม่มีทั้งหมอนและผ้าห่ม พึ่งมานึกออกตอนเช้าว่า หยิบผ้าห่มมาจากที่บ้าน(ก็อยู่ในกระเป๋านั่นแหละ)ก็สายไปเสียแล้ว ผมเลยออกมานอนด้านนอก

คุณหมอจินต์ พี่น้อง พี่อุ พี่หนึ่ง กลับกรุงเทพเป็นชุดแรก แม้ผมจะงัวเงียแต่ก็ยังพอมองเห็นหน้าทุกคน พร้อมยกมือไหว้สวัสดี ทุกคน

ผมอาบน้ำและจัดของไว้ หลังจากเมื่อวานนี้อาบน้ำทะเลแบบเค็มๆ ให้ความรู้สึกที่แปลกดีเหมือนกัน

ด้านหน้าของผม มีเรือ 1 ลำ เขียนว่า พีพี ครุยเซอร์ บริษัทท่องเที่ยวที่ผมคุ้นเคย เพราะใช้บริการไปเกาะพีพีอยู่หลายครั้ง

หลังจากรับประทานอาหารเช้า ผมกรอกแบบสอบถามที่พี่ๆบนเรือฐาปนา ยื่นมาให้ช่วยกรอกให้ จากนั้นเราทุกคนขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกครั้งเพื่อถ่ายรูปร่วมกัน(คำถาม ใครที่ยังไม่ตื่นบ้างครับ)

จากนั้นเป็นคุณนิคและพิงค์กี้ น้องโอ๊ต ตามด้วย พี่พิช เจี๊ยบ น้าแกรม หมอเดียร์

ผม พี่ป้อม ครูโก้ พี่อ้อย พี่แจ้และพี่หิ้ว(หรือเฮียฮู้) ก็เป็นชุดต่อไป แต่ทิ้งช่วงพอสมควรเพราะอยากให้ครูโก้พักผ่อนให้เต็มที่(ครูโก้ต้องขับรถอีกไกล)

ชุดของผม ขนเกียร์แบค กลับเหมือนเดิม จึงต้องใช้ดิงกี้ 2 เที่ยว โดยมีพี่วิลลี่มาส่งด้วย

เราช่วยกันเอากระเป๋าใส่ถุงดำ มัดเชือก มัดตาข่าย แต่ไม่มีที่ว่างให้พี่แจ้ติดไปลงสถานีขนส่ง พี่วิลลีจึงอาสาไปส่งพี่แจ้ให้แทน

แวะกินข้าวที่ร้าน ขวัญขนมจีน ผมกินขนมจีนน้ำพริก 2 จาน เป็นขนมจีนน้ำพริกที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา(หรอยจังฮู้) บังเอิญที่ว่า คุณหนุ่ยเจ้าของร้าน เป็นนักดำน้ำด้วย จึงคุยกับพี่ป้อมสนุกคอ ทริปหน้าหากเราไปตรงกับพี่หนุ่ย การันตีว่ามีขนมจีนอร่อยๆ กินบนเรือแน่นอน

รถครูโก้แวะที่ร้าน คุณแม่จู้ ผมจึงถือโอกาสซื้อเต้าส้อมาฝากที่บ้าน(เดี๋ยวหาว่าหายไปหลายวันไม่มีอะไรติดมือกลับมา) ที่นี่ผมเจอ พี่มน คุณหลี พี่รินทร์ พี่วรรณ พี่ฝ้าย พี่ฝน พี่วิลลี่ พี่ยู้และ พี่นกด้วย(บางส่วนแวะซื้อของก่อนจะไปสนามบิน)

เมื่อรถข้ามสะพานสารสิน เข้าสู่ อ โคกกลอย พี่ฝ้ายโทรมาหาผม ถามว่า กระเป๋าอาดิดาสของใคร ลืมอยู่ในรถพี่วิลลี ซึ่งเป็นของผมแน่นอนเพราะพี่นกบอกจำของในกระเป๋าของผมได้ ผมสุดแสนจะงง ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ผมจำได้ว่า ส่งให้พี่ลูกเรือลงดิงกี้แล้วแน่นอน

หากจะกลับไปเอากระเป๋าคงเสียเวลามาก วันนี้ช่วง 2 ทุ่ม พี่ยู้จะกลับกรุงเทพ พี่วิลลี่จึงให้เบอร์พี่ยู้กับผม เพื่อไปเอากระเป๋ากับเธอ เมื่อถึงกรุงเทพแล้ว

ระหว่างทาง เราคุยกันสนุกสนาน พี่หิ้วทำงานเป็นคนวางระบบคาราโอเกะ ในนาม “ ศักดิ์ คาราโอเกะ” จึงไม่ต้องแปลกใจว่า เหตุใดแกถึงรู้เรื่องเพลงมากมาย พี่หิ้วเป็นอีกตัวอย่าง นอกจากครูโก้และพี่ป้อม คือ เป็นคนที่มีความสุขในการใช้ชีวิตอย่างแท้จริงและไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาสูง ไม่ต้องมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ

สำหรับผม ผมยกย่องคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่า คนที่จบการศึกษาสูงๆ ในระดับดอกเตอร์เสียอีก(ซึ่งดูจะสวนทางกับสังคม ที่จะยกย่องคนเก่งที่การศึกษา มีหน้ามีตาในสังคม)

เราแวะกินข้าวที่ร้าน ขาหมูนกน้อย แถวชุมพร จากนั้นก็แวะปั้มอีกหลายปั้ม แน่นอนว่าผมต้องลงมายืดเส้นยืดสาย

ในขณะที่คนอื่นรวมทั้งผมหลับในการเดินทาง ครูโก้ขับรถอึดมาก ไม่หลับเลย(ขืนหลับ ทุกคนก็ซวยซิ) คงมีนิโคตินกับคาเฟอีกเท่านั้น ที่ช่วยเหลือครูโก้ตลอดการเดินทาง

ผมมาถึงกรุงเทพเกือบเที่ยงคืน โชคดีที่เครื่องบินที่พี่ยู้โดยสารมา เกิดดีเลย์ ทำให้มาถึงพร้อมๆกับผมพอดี ผมจึงต้องรีบนั่งแท๊กซี่ ต่อไปยังสนามบินดอนเมืองเพื่อไปรับกระเป๋า(เลยไม่ได้ช่วยพี่ๆขนของเลย)


บทส่งท้าย


เป็นอันจบการเดินทางที่สุดแสนจะประทับใจของผม

หากเปรียบสิมิลัน คือ อั้ม พัชราภา ผมคงตกหลุมรักตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เจอกันแล้ว

ครั้งแรกกับเรือ Liveaboard ที่ทุกคนดำน้ำกันแบบอุดตลุด ทุกคนใช้ชีวิตบนเรือเปรียบเสมือนมาอยู่บ้านอีกหนึ่งหลัง มิตรภาพดีๆ ได้เกิดขึ้นกับผม อีกครั้งหนึ่งแล้ว

ครั้งแรกกับการดำ Night Dive ที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ครั้งแรกกับการเห็นสัตว์ทะเล หลากชนิด ซึ่งคงไม่มีบทเรียนที่ไหน ที่จะให้คำตอบผมได้ดีเท่ากับการไปศึกษาด้วยตนเอง

ครั้งแรกของ……อีกมากมาย

ขอขอบคุณพี่ป้อม ที่มอบสิ่งดีๆให้ผมอีกครั้งหนึ่ง

ขอบคุณครูโก้(จอมอึด) ที่ขับรถพาผมไป-กลับที่หมายโดยสวัสดิภาพ

ขอบคุณพี่หิ้ว ถ้าไม่ได้คาราโอเกะของพี่ บนเรือคงไม่สนุกสนานเท่านี้

ขอบคุณพี่วิลลี่ พี่ยู้ ขอบคุณกัปตันเรือ ขอบคุณพี่ลูกเรือทุกคน ที่คอยอำนวยความสะดวก สร้างความสนุกสนานให้กับทริปนี้โดยตลอด

ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆนักดำน้ำทั้งหลายกับมิตรภาพดีๆที่มีให้ ทั้งที่ผมเอ่ยชื่อ(และไม่ได้เอ่ย)ในเรื่องนี้(จริงๆก็ไม่น่าจะลืมใครแล้วนา กันไว้ก่อนครับ)

โอกาสหน้า หวังว่าคงได้มีโอกาสไปดำน้ำด้วยกันอีก

และขอบคุณทุกท่าน ที่ทนอ่านเรื่องยาวๆของผม จนจบอีกครั้งครับ




Kasab
(Phop Payapvipapong)
9/01/2549
15.58 น

3 Comments:

At 6:08 AM, January 17, 2006, Anonymous Anonymous said...

และขอบคุณคุณกษาปน์ที่นำเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังค่ะ

 
At 10:10 AM, January 17, 2006, Anonymous Anonymous said...

แวะมาอ่าน และขอบคุณคุณ kasab ที่เขียนเรื่องสนุกๆมาให้อ่านครับ

 
At 10:32 PM, January 17, 2006, Blogger kasab71 said...

ขอบคุณป้านิดและคุณหนึ่ง เช่นกันครับ

 

Post a Comment

<< Home