สิมิลัน...ฉันรักเธอ(4)
รูปแรก ปลาปักเป้ากล่อง รูปที่สอง ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ
(ขอขอบคุณช่างภาพจาก Dive Master ครับ)
ปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก
Dive 15 พลัดหลงกับเพื่อนๆ / Where are you team?
เจ้าหญิงน้อยมาถึงเกาะตาชัย(แล้วยายล่ะ หายไปไหน) แดดแรงๆแบบนี้ผมชอบจริงๆ น้ำทะเลสีสวยสดใส (เจี๊ยบเคยเล่าให้ผมฟังว่า ครั้งก่อนเธอมาสิมิลันเธอชอบเกาะตาชัยมาก) โดยจุดดำน้ำไดฟ์นี้ เรียกว่า กองใหญ่
โลกใต้ทะเลที่นี่ ผมเจอปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) ต้อนรับ ตัวนี้มองเห็นเปลือกตาขาวๆอย่างชัดเจน(ลักษณะเหมือนคนแลบลิ้นปลิ้นตา)
ขณะที่ผมกำลังดูความสวยงามเพลินๆหันไปอีกทีปรากฏว่า กลุ่มของผมหายไปหมดแล้ว ไม่เหลือซักคน ไม่ว่าจะเป็นพี่ป้อม พี่นก พี่พิช พี่โก้ เจี๊ยบ เดียร์ และน้องโอ๊ต
ผมตกใจ แต่ยังมีสติ รอบๆผมมีแต่นักดำน้ำแปลกหน้าหมดทุกคน มีอยู่คนหนึ่งได้เข้ามาหาผมพร้อมสเลดบอรด์(ที่ใช้สำหรับเขียนใต้น้ำ)(มุมล่างมีภาษาญี่ปุ่น,จีนหรือเกาหลีนี่ล่ะ) เขียนว่า Where are you team? พร้อมให้ผมเขียนแต่ผมก็ทำท่าทางแล้วสั่นหน้าไปว่า ไม่รู้
เขาคนนี้ใจดีมาก ชี้ไปด้านหนึ่งอธิบายว่าทีมของคุณอยู่ที่นั่นแล้วทำสัญญาณว่าโอเคนะ ผมก็ทำท่าทางโอเค(แต่จริงๆไม่รู้เรื่องเลย) และแล้วเขาก็จากไป
ส่วนผมยังมองหากลุ่มอยู่ การหายใจเริ่มไม่เป็นปกติเพราะตื่นเต้น(วางใจได้ว่าอากาศยังเหลือเยอะ) แต่ในใจคิดว่า ถ้าไม่เจอผมจะทำตามกฏคือขึ้นด้านบนผิวน้ำ(จะโผล่ไหนก็ไม่รู้ล่ะ)
และแล้วพระเจ้ามาโปรดผมซะที พี่โก้ ปาปารัซซี่ มาสะกิดผม แล้วพาผมไปหากลุ่มพี่ป้อม ผมรู้สึกดีใจมาก(เหมือนยกภูเขาออกจากอก)
ต่อไปผมเจอปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled scorpionfish) ร่างกายมันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมมาก แต่อย่าไปจับเชียวเพราะเขามีพิษนะครับ
โกบี้สีแดง(Red Fire Goby)หรือปลาลูกดอกไฟ(Fire Dartfish) 2 ตัว อยู่ด้านล่างระหว่างทางที่ผมว่ายไป ต่อด้วยฝูงปลาหูช้างครีบยาว(Teira Batfish) ที่ลอยตัวอยู่ด้านบน ประมาณว่าไม่ต่ำกว่า 20 ตัว
ปลาการ์ตูนลายปล้อง(Clark’ s Anemonefish) ยังคงทำตัวน่ารักอยู่กับดอกไม้ทะล(Sea Anemone)เหมือนเดิม แต่เหมือนยังระแวงว่าผมจะไปทำร้ายมันหรือเปล่า
ผมเห็นปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Porcupinefish)และปลาปักเป้าหน้าหมา(Pufferfish) เรามักจะเห็นในสภาพไม่พองตัว หากเห็นพองตัว มีหนาม แสดงว่ากำลังตกใจกลัวซึ่งก็มีแต่นักดำน้ำแหละครับที่ชอบแกล้งเขา
ระหว่างว่ายไป ผมเห็นกัลปังหา(Sea Fan) อยู่หลายต้น บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของท้องทะเลเป็นอย่างดี
เราขึ้นมารับประทานอาหารกลางวัน คุยกันเรื่องสัตว์ทะเลเช่นเดิม ก่อนที่ผมจะขึ้นไปดาดฟ้า หาที่นอน
ตูม!!! เสียงน้ำดังสนั่น ผมตื่นขึ้น มองลงไปด้านล่าง น้องโอ๊ตกำลังว่ายน้ำอยู่ โดดมาจากชั้น 2 ของเรือ จากนั้นไม่นานพี่พิชก็กระโดดบ้างคราวนี้มาจากชั้นดาดฟ้าของเรือ พี่ป้อมก็เอากับเขาด้วย คุณนิคก็ทนความเย้ายวนไม่ไหว จึงขอกระโดดบ้าง คราวนี้ช่างภาพก็กดชัตเตอร์กันสนุก(กล้องผมจับความเร็วไม่ได้ จึงใช้ถ่ายวีดีโอคลิปแทน)
แต่ละคนก็พยายามเปลี่ยนท่ากระโดด เพื่อความมันส์ น้องโอ๊ตกับคุณนิคบ่นว่าเจ็บก้น(ก็กระโดดแบบเอาขาลงไม่ให้เจ็บได้ไงหนอ ฮ่าๆๆๆ ) ส่วนผม เป็ดครับ ขอไม่โดดแล้วกัน
Dive 16 สินสมุทรสุดที่รัก นาม จักรพรรดิ
ก่อนจะลงและขึ้นจากน้ำทุกไดฟ์จะมีพี่ๆลูกเรือ คอยอำนวยความสะดวกยกถังเปิดอากาศ ยกถังเก็บเข้าที่ให้เสมอ แต่เพื่อความไม่ประมาทเราควรเช็คดูอีกรอบ หรือถ้าไม่เช็คต้องดูให้แน่ใจว่าเขาเปิดอากาศเรียบร้อยแล้ว(อย่าลืมหมุนกลับครึ่งรอบด้วย)
ไดฟ์นี้เราลงกันที่เกาะตาชัยบริเวณกองใหญ่เหมือนเดิม แต่ลงอีกด้านหนึ่ง ผมชอบมากเพราะขณะนี้กระแสน้ำไม่แรงอีกต่อไปแล้ว แถมน้ำใสมากด้วย
ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) ออกมายลโฉมอีกแล้ว โดยสามารถเห็นเขาได้เกือบทุกไดฟ์ที่ลงเลย
แถบนี้รายล้อมไปด้วยกัลปังหา(Sea Fan)และปะการังอ่อน(Soft Coral)มากมาย แม้จะไม่ตื่นเต้นเร้าใจ เหมือนการดูสัตว์ทะเลอื่นๆ แต่นี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเห็นสัตว์ทะเลจำนวนมากได้ง่ายๆ ผมเจอเจ้าปักเป้าหน้าหมา(Pufferfish), ฝูงปลาหูช้างครีบยาว(Teira Batfish), ปลาสร้อยนกเขาแตงโม(Oriental Sweetlips) และทากเปลือย(์Nudibranch) อีกด้วย
ส่วนในกลุ่มปลาสินสมุทรที่พบเห็น พระเอกของผม คือ ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ(Emperor Angelfish) แม้จะสามารถพบเห็นได้บ่อยและเป็นปลาที่นักดำน้ำส่วนใหญ่เลิกสนใจไปแล้วแต่ลวดลายของมัน ดูลึกลับ น่าเกรงขาม สง่างามเหมือนจักรพรรดิจริงๆ (ชอบมากถึงขนาด ซื้อหมอนเพนส์รูปสินสมุทรจักรพรรดิมาแล้ว)
บนเรือพี่ฝ้ายคลังเสบียง ยื่นขนมถุงมาให้เราทุกคนทานกัน ต่อด้วยพี่ฝนที่ทำทาโร่อบไมโครเวฟมาให้กิน รสชาดอร่อยครับ สำหรับดีเจบนเรือ ผมก็ยกตำแหน่งให้พี่ฝนแน่นอน เพราะเพลงฝรั่งสนุกๆ ก็มาจากแผ่นของเธอทั้งนั้น
ระหว่างผมถ่ายภาพเก็บบรรยากาศภายเรือไปเรื่อยๆ หนึ่งในนั้น คือหมอตุ๋งและพี่ตาล เป็นคู่รัก(ทราบภายหลังว่าเป็นหมอฟัน) หมอตุ๋งบอกว่า ไม่ค่อยจะลงน้ำแล้วเพราะมีความรู้สึกว่าอาจจะเป็นเบน(เกิดจากเมื่อลงไปลึกมากๆ จะมีไนโตรเจนซึมเข้าสู่เส้นเลือดและจะมีฟองอากาศค้างสะสมอยู่ตามข้อกระดูก ควรหยุดดำทันที)(หากอธิบายผิดขออภัยครับ)
ส่วนสาวรูปร่างจิ๋ว ผมสั้น ที่อำนวยความสะดวกให้กับทุกคนบนเรือเป็นอย่างดี เช่น การเตรียมอาหาร การช่วยตรวจดูอุปกรณ์ดำน้ำ คือ พี่ยู้(หวานใจพี่วิลลี่นั่นเอง)
บรรยากาศบนเรือเริ่มคึกคัก เสียงดัง เสียงหัวเราะสนุกสนานเป็นกันเอง เพราะพี่วิลลี่นำเกมฉีกกระดาษ รูปบิล ลาเดน กับจอจส์ บุช มาให้เล่น(แผ่นละ 5 บาท) เมื่อฉีกแล้วให้นำมาเทียบกัน หากเปิดเจอตัวที่เหมือนกันก็จะได้จับต่อ เป็นเกมสมัยนานมาก แม้แต่ผมก็ยังไม่เคยเห็น(สงสัยจะเกิดไม่ทันละมั้ง ฮ่าๆ)
เมื่อจบเกม(เจ้ามือรวยแล้ว) เราจึงเตรียมตัวสำหรับ Night Dive
Dive 17 ความน่ารักของสัตว์ทะเล ยามราตรี
เจ้าหญิงน้อยจอดใกล้อ่าวผักกาด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ต่อให้ผมไม่สบาย ผมก็จะลงไดฟ์นี้ให้ได้ เพราะผมรู้ดีว่า อ่าวผักกาดสวยงามอย่างไร หลังจากที่เคยมาSnorkeling มาแล้ว 2 ครั้ง
ผมยังใช้ไฟฉายกระบอกเดิม เพื่อพิสูจน์ว่า น้ำยังจะเข้าอีกครั้งหรือไม่
ในสภาวะที่เหมือนไร้น้ำหนักกับการดำ Night Dive ผมสามารถบังคับร่างกายได้ง่ายและไม่เหนื่อยด้วย (วันนี้ความลึก ไม่เกิน 12 เมตรแล้ว ฮ่าๆๆ)
ผมเห็นปูลำตัวสีแดงชนิด Etisus Splendidus เหมือนเดิม จากนั้นเป็นปลาปักเป้าหน้าหมา(Pufferfish) หลายตัวนอนหลับอยู่ ดูยังไงก็ไม่ต่างกับเด็กทารกที่นอนหลับเลย ผมมีความรู้สึกแบบนั้น มันช่างน่ารักมาก(แต่อย่าไปแตะเขาล่ะ)
ปลาสิงโตครีบขาว(White-Lined Lionfish) ลอยตัวนิ่งอยู่ ท่าทางกำลังหลับเหมือนกัน ผมช่วยพี่โก้ส่องไฟด้วย จะได้ถ่ายรูปง่ายๆ
ปลาโนรีหน้าหัก(Phantom Bannerfish) ปลาผีเสื้อ(Buttelflyfish)และปลานกแก้ว(Parrotfish) บางตัวที่ว่ายอยู่ในคืนนี้ ดูท่าจะไม่หลับกันง่ายๆเพราะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างพวกผมมากวนซะแล้ว
เจ้าปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Giant Moray eel) ลำตัวยาวมาก อยู่ในโพรง ผมช่วยพี่โก้ส่องไฟฉายจนเห็นใบหน้าที่อ้าปากจนเห็นฟันที่แหลมคม(เริ่มจากลำตัว) โดยสามารถ เข้าไปส่องใกล้ๆ โพรงได้ โดยลำตัวของผมไม่ติดพื้น(บ่งบอกได้ว่า ในเวลานี้ ผมลอยตัวได้อย่างอิสระจริงๆ)
แม้ไฟฉาย จะยังคงน้ำเข้าแต่ผมก็ใช้วิธีแก้โดยการส่องในระยะใกล้ ประสิทธิภาพไม่ได้ลดลงไปเลยครับ
ขากลับดิงกี้(เรือยาง) ลากผมและเพื่อนๆ(จับที่เกาะกันคนละมุม)กลับมายังชายคาเจ้าหญิงน้อย ส่วนพี่โก้ พี่พิช พี่ป้อม ดำน้ำตามมา จนเราทุกคนบนเรือคอยชำเลืองหาด้วยความเป็นห่วง(เนื่องจากดิงกี้ ลากไม่ไหว พวกเขาจึงเสียสละ ดำมาถึงที่เรือเอง)
ปีเก่าผ่านไป-ปีใหม่เข้ามา
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พี่หิ้วให้ผมช่วยยกลำโพงที่อยู่ในห้อง Living Room เมื่อหลายๆอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผมจึงเริ่มมองเห็นคาราโอเกะ ที่พี่หิ้วขนมาจากกรุงเทพเพื่อมาฉลองปีใหม่บนเรือโดยเฉพาะ การเลือกเพลงเป็นแบบระบบสัมผัสที่จอเสียด้วย(ธรรมดาที่ไหน )
เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมและมีโอกาสแสดงออก จึงต้องร้องเพลง คนละ 1 เพลง หากย้อนเวลากลับไปนานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้ร้องคาราโอเกะ คนบนเรือจึงแสนจะโชคร้ายที่ได้ยินเสียงผม ฮ่าๆๆๆ(ผมเลือกเพลง How deep is your love ครับ) ส่วนชาวต่างชาติคนเดียวบนเรืออย่างคุณน้าแกรม ก็ไม่รอดพ้นที่จะต้องร้องเพลงเช่นเดียวกัน(คนที่อ้ำอึ้งว่าจะไม่ร้อง อย่างพี่แจ้และน้องโอ๊ต ทนเสียงเพลงที่เย้ายวนไม่ไหว ก็ต้องร้องจนได้ )
เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืน เราทุกคนขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ เพื่อเตรียมนับเวลาย้อนหลัง Count Down (เราจึงทราบว่าพี่ป้อมของเราแอบมานอนบนนี้ แล้วก็ไม่ยอมตื่นซะด้วยนะ)
สาม สอง หนึ่ง เฮๆๆๆ เสียงเพลงสวัสดีปีใหม่ดังขึ้นจากด้านล่าง ปี2548 ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว ปี 2549 เข้ามาแทนที่ ท่ามกลางความสนุกสนานของเหล่านักดำน้ำทุกคนที่มาฉลองปีใหม่กลางท้องทะเลอันดามัน
มีเพียง ท้องทะเล แสงดาวบนท้องฟ้า และรูปถ่าย เป็นสักขีพยานให้พวกเราทุกคน
ที่ชั้นล่าง บางคนได้แยกย้ายกันไปนอน ส่วนผมและเพื่อนๆพี่ๆยังคง ร้องคาราโอเกะกันต่อ แม้จะยิ่งดึกแต่ดีกรีความมันส์ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย
เราเลยเอาโต๊ะ เก้าอี้ ออก เพื่อเปิดพื้นที่ มาแดนส์กัน ผมกับคุณนิคแสนจะลำบากเพราะหัวติดเพดานเรืออย่างจัง ก็ต้องเต้นแบบย่อตัว ดูตลกไปอีกแบบ(นานอีกเช่นกัน ที่ผมไม่เคยเต้นแบบนี้ แต่สนุกมากครับ)
พรุ่งนี้เช้าไดฟ์แรก คงจะสายมากกว่าทุกวัน แต่ทุกคนยินดีครับเพราะไม่บ่อยครั้งนัก ที่นักดำน้ำจะได้มีโอกาสแสวงหาความสุขอย่างอื่น(โดยเฉพาะการเปิดเธคย่อมๆบนเรือ) นอกจากการลงไปสำรวจใต้ท้องทะเล
Happy New Year ปี 2006(2549) ครับ
1 มกราคม 2549
ผมตื่นเพราะเสียงพี่ป้อมและเสียงสาวๆเหมือนเคย แต่วันนี้ผมตื่นสายจึงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นอีกแล้ว และต้องรีบทำธุระยามเช้า เปลี่ยนชุด เพราะใกล้เวลาลงไดฟ์แรกแล้ว
Dive 18 แววตาไร้เดียงสาของ ปักเป้ากล่อง
ไดฟ์นี้เราจะลงกันที่กองหินริเชลิว จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงมากและพึ่งได้ผนวกเข้ากับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการสอดส่องดูแลทรัพยากรที่ล้ำค่า ใต้ท้องทะเล
พี่วิลลี่บอกว่า เราจะลงดิงกี้ไปทีละชุด โดยผม น้องโอ๊ต พี่พิชและพี่ป้อมเป็นชุดสุดท้าย
ดิงกี้มาส่งใกล้กองหิน ผมใช้มือจับหน้ากาก ลงน้ำด้วยท่า Back Row
โลกใต้ทะเลที่ริเชลิว ใสไม่แพ้สิมิลันเลยครับ ผมรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
พี่ป้อมชี้ให้ผมดูปลาปักเป้ากล่องเหลือง(ํYellow Box Fish) ตัวนี้ผมพึ่งเคยเห็น หลังจากที่สมาชิกในชุดของผมเห็นไปแล้วที่เกาะตาชัยเมื่อวานนี้(ก็ตอนที่ผมพลัดหลงไปนั่นแหละครับ) แม้ผมจะไม่ทราบว่าตัวที่เห็นเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่แล้วแต่แววตาของเขา ทำให้ผมนึกถึงแววตาของเด็กที่ไร้เดียงสา น่าเอ็นดูจริงๆครับ(แววตาเหมือนปักเป้าหน้าหมาครับแต่แตกต่างจากแววตาของปลานกแก้ว แววตาของปลาไหลมอเรย์)
จากนั้นเป็นลูกปลาสินสมุทรจักรพรรดิ (Emperor Angelfish)2ตัว ที่พี่นกเจอตั้งแต่ไดฟ์แรกๆแต่ผมพึ่งมาเจอที่นี่ หากเทียบปริมาณความบ่อยในการพบเห็น เราเห็นพวกเขาในวัยเด็กยากกว่าในวัยโตเต็มวัยมากครับ
และแล้วผมก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอีกครั้งว่าทำอย่างไรไม่ให้เมื่อยขาเวลาตีฟิน (แต่ต่างคนต่างสไตล์ครับ ) วิธีของผมคือ เวลาหายใจเข้าผมจะลอยตัวนิ่งๆ ไม่ตีฟิน จะเป็นการพักไปในตัวด้วย ส่วนเวลาหายใจออก ผมจะค่อยๆพ่นอากาศออกเป็นจังหวะๆโดยตีฟินไปด้วย เท่านี้ ผมรู้สึกสบายมากขึ้นแล้วครับ ผ่อนคลายมากด้วย
ผมเจอปลาการ์ตูน 4 ชนิดที่นี่ คือ ปลาการ์ตูนส้มขาว(Clown Anemonefish),ปลาการ์ตูนบั้งขาว(Clark Anemonefish),ปลาการ์ตูนปานดำ(Red Saddleback Anemonefish)และปลาการ์ตูนอินเดียน(Shunk Anemonefish) น่ารักไม่แพ้กันเลย
นอกนั้นเป็นปลาสินสมุทรลิปสติก(Three-Spot Angelfish),ปลาสินสมุทรบั้งเหลือง(Regal Angelfish),ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish),ปลาปักเป้าหน้าหมา(Pufferfish),ปลากระรอกลายแดง(Redcoat),ปลาสิงโตครีบขาว(White-Lined Lionfish),ปลากะรังลายนกยูง(Peacock Grouper)
ปิดท้ายด้วยปูชนิดหนึ่งในซอกหินและปะการังอ่อน(Soft Coral)มากมายตลอดทั้งไดฟ์
หลังจากรับประทานอาหารเช้า(น่าจะเป็นไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปัง) ผมจึงขึ้นไปพักผ่อนบนดาดฟ้า
“แมนต้าครับพี่ บนผิวน้ำ” เสียงเจ้าโอ๊ต ปลุกผม พร้อมบอกให้เตรียมตัวลงในไดฟ์ต่อไป ผมมองดูออกไปที่ผิวน้ำแต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว
แม้ผมจะงัวเงีย แต่ดวงตาเบิกโพลงทันที Manta Ray หรือกระเบนราหู เป็นสิ่งนักดำน้ำอยากเห็นมาก ด้านล่างนักดำน้ำรีบแต่งตัวกันทุกคน ผมจะรอช้าอยู่ไม่ได้เช่นกัน
0 Comments:
Post a Comment
<< Home