Wednesday, January 11, 2006

สิมิลัน...ฉันรักเธอ(3)

ปูชนิด Etisus Splendidus และ ปลาลูกดอกไฟ(โกบี้สีแดง)


ปลาวัวตัวตลก


Dive 12 ถ่ายรูปช่องนายแบบ-นางแบบ/ปลาวัวตัวตลกแสนน่ารัก

หลังจากฟังพี่วิลลี่พูดแล้ว ไดฟ์นี้เราจะลงดำกันที่หินหัวกะโหลก ผมเคยได้ยินว่าน้ำแรง ภาพหินดำๆโผล่พ้นน้ำ ด้านหน้าผมช่างดูน่ากลัวจัง

พี่ป้อมบอกว่าจะให้พี่นกพาผมมาดูโกบี้ ในไดฟ์นี้ด้วย

เมื่อผมลงมาด้านล่าง น้ำที่นี่ก็ยังใสอยู่ ปลาวัวไตตันหรือปลาวัวอำมหิต(Titan Triggerfish) ออกมาต้อนรับ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ช่วงฤดูวางไข่แน่ เพราะเขาไม่โหดเหมือนชื่อแม้แต่น้อย(ผมเคยดำ snorkeling ที่เกาะสุรินทร์เจอพวกเขามองตาขวาง ยังแหยงๆอยู่เลย) นักดำน้ำบางรายเจอเขาพุ่งเข้าชนเลยนะครับ(โหดมาก) นอกจากนี้ก็ยังพบปลาสิงโต(Lion fish) ด้วย

จากนั้นเป็นโกบี้สีแดง(Red Fire Goby)หรือปลาลูกดอกไฟ(Fire Dartfish) ผมดีใจที่เห็นเขาครั้งแรกในชีวิต ดูจากสถานที่ที่มีแต่เศษหิน ไม่น่าเชื่อว่าจะพบเขาอยู่ที่นี่ได้ (เมื่อพี่โก้ปาปารัซซี่ จะมาถ่ายรูปเขาก็หนีลงรูไป)

ผมเห็นปลาวัวตัวตลกหรือปลาวัวมงกุฎ(Crown Triggerfish) ครั้งแรก หลังจากที่เคยแต่เห็นในหนังสือ ในเว็บไซด์และในทีวี ที่เรียกว่าปลาวัวตัวตลกเพราะลายตามลำตัวของมัน ที่ดูเหมือนตัวตลกนั่นเอง

พี่ป้อมชี้ให้ดูกุ้งตัวใสชนิดหนึ่ง ในดอกไม้ทะเล ต้องสังเกตดีๆ มิฉะนั้นมองไม่เห็นเลยครับ

ต่อด้วยปลาปักเป้าหน้าหมา(Pufferfish) ที่ว่ายผ่านผมไป

เรามาถึงที่ช่องนายแบบ-นางแบบ ช่องนี้มีลักษณะเป็นรูขนาดกลาง สามารถนำศีรษะลอดผ่านได้ รอบๆรูมีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นตะไคร้น้ำเกาะ ทำให้มีสีสันสวยงาม พี่โก้บอกให้ผมอยู่นิ่งๆ ว่าแล้วแกก็ลอดไปอีกด้านเพื่อถ่ายรูปให้ผม

ช่วงทำ Safety stop พี่ป้อมชี้ให้ดูอะไรบางอย่างสีออกเหลืองๆ ค่อยๆหล่นลงไปด้านล่าง ผมก็งงๆ อะไรเหรอพี่ แต่ก็คิดว่า แกคงบอกให้ผมลงไปเก็บละมั้ง

ผมจึงพุ่งลงไป แต่เมื่อมองอีกทีก็ไม่เห็นเสียแล้วประกอบกับอากาศผมเหลือเพียง 20 ผมจึงไม่เสี่ยงที่จะลงไปเพราะไม่น่าจะมีเพียงพอที่จะให้ผมขึ้นมายังระดับเดิมได้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกอย่างดีว่า การดำน้ำต้องมีสติ

เมื่อโผล่มาที่ผิวน้ำ พี่ป้อมบอกที่หล่นไปน่ะ ท่อหายใจของผม ผมตกใจมาก(พร้อมคลำๆดู หายจริงเว้ย) ผมบอกพี่ป้อมว่า นึกว่าพี่ให้ผมลงไปเก็บ ซึ่งจริงๆแล้วแกต้องการชี้ให้ดูครับว่าเป็นของผม ลงไปด้านล่างเกิน 20 เมตร อากาศก็เหลือน้อย เสี่ยงอันตรายเกินไป

พี่ป้อมถามอีกว่า แล้วตะกั่วล่ะไปไหน(ใช้รัดเอวนักดำน้ำเวลาลงสู่ใต้ทะเล) ผมคลำดูอีก หายอีกแล้ว หลุดไปตั้งแต่เมื่อไรหนอ จึงเป็นเรื่องขำขัน ในวันนี้ และโชคดีมากที่มันไม่ตกใส่หัวใคร ไม่งั้นผมอาจจะเป็นฆาตกรได้เลย

พอขึ้นมาจากน้ำ ผมต้องทำทีเงียบๆไว้(ใครอ่านเรื่องนี้คงทราบ มาเก็บตังค์ที่ผมล่ะกัน ฮ่าๆๆ) พี่โก้บอกว่า เห็นตะกั่วของผมแวบๆ แต่คว้าไว้ไม่ทันจริงๆ(ดีนะ ที่ไม่ลงหัว)

ได้ยินพี่พิชบอกอีกว่า แกทำ Fin(ตีนกบ) หลุดไปข้าง โชคดีมีคนคว้าไว้ทัน

เจ้าหญิงน้อยแล่นมาถึงเกาะแปด เห็นหินเรือใบหรือหินใบ สัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่ใครหลายๆคนก็ต้องรู้จัก

ผมและเพื่อนๆขึ้นมาถ่ายรูปหินใบ และพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป เราถ่ายแบบเอาหัวชนกันรอบทิศเป็นสีสันในการถ่ายรูปอย่างแท้จริง

ได้ยินเสียงน้าแกรมพูดว่า Turtle เราจึงชะโงกหน้าออกไปดู ใกล้ๆเรือมีเต่าโผล่หน้าขึ้นมาหายใจ น้องโอ๊ตจึงใช้ความว่องไวในการถ่าย จับภาพไว้ได้(ขัดกับหุ่นอ้วนๆเสียจริง) นอกจากนี้เรายังพบปลาปากขลุ่ย(Smooth flutemouth) อยู่บนผิวน้ำด้วย

ส่วนด้านล่างพี่วิลลี่ คุณนิค ครูโก้ เริ่มเล่นไพ่กินตังค์กันแล้ว โดยมีพี่หิ้วคอยศึกษาการเล่นเหมือนเดิม

Dive 13 Night Dive ครั้งแรกของข้าพเจ้า

พี่วิลลี่บอกว่า เราจะลงในไดฟ์ต่อไปบริเวณนี้ ซึ่งเรียกว่าหินเต่า แต่น้ำค่อนข้างลึกอาจถึง 20 กว่าเมตร จึงขอให้ทุกคนระมัดระวัง และพี่วิลลี่ก็ถามอีกว่า ใครยังไม่เคยลง Night Dive บ้าง ซึ่งก็มีผมและคุณนิค(น่าจะใช่นะ) ตอนแรกนึกว่าจะอดลง แม้ผมจะรู้สึกกลัวๆ แต่ความท้าทายมันเย้ายวนให้ผมต้องลงไปด้านล่างให้ได้เพราะในตอนกลางคืนชีวิตใต้ทะเลจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ก่อนจบแกทิ้งท้ายว่า หากมีปัญหาให้ส่องไฟเข้าหาเกาะไว้(อย่าส่องไฟใส่หน้าคน อย่าส่องไฟเข้าหาเรือ)

ผมเตรียมไฟฉายที่ฝากพี่ฝ้ายซื้อมา ใส่ถ่านเรียบร้อย พร้อมที่จะลงไปสัมผัสความมืดด้านล่าง

ในตอนกลางคืน กระแสน้ำจะไม่ค่อยมี แม้เป็นครั้งแรกแต่ผมรู้สึกหลงรัก การดำน้ำกลางคืนเข้าอย่างจัง เพราะลอยตัวสบาย ไม่ต้องตีขามาก ส่วนความมืด มันก็ไม่เท่าไรครับ เพราะไฟฉายจากนักดำน้ำ ทำให้ไม่รู้สึกน่ากลัว แม้จะมองไม่เห็นชัดว่า ข้างๆเราเป็นใคร แต่ควรระมัดระวัง ไม่ดำเพียงคนเดียว นั่นแหละครับ(ชำเลืองมองดูตลอด)

ลำแสงจากมือขวาของผม ส่องออกมา(เท่มาก ขอบอก) พบปักเป้าหน้าหมา(Pufferfish) กำลังหลับอยู่

ส่องตามรู ผมพบปลาจิ้มฟันจระเข้ประเภทหนึ่ง(Pipefish) และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมว่ายผ่านมันไปพอดี

ไฟฉายหลายกระบอก ส่องไปที่ที่เดียว ผมจึงส่องบ้าง เขาคือกุ้งมังกร(Lobster) ตัวโต กำลังวิ่งออกจากโพรงหนึ่ง ไปยังอีกโพรงหนึ่ง บางครั้งก็หยุดเหมือนจะรอดูว่า พวกนี้มันจะมาทำอะไรเราหว่า แล้ววิ่งต่อไป(ว่าแต่หิวซะแล้วซิ อยากกินกุ้งมังกร) ผมเห็นเขา 2 ครั้ง ถ้าไม่ใช่ 2 ตัว ก็อาจจะเป็นตัวเดียวกัน ออกมา 2 ครั้งก็เป็นได้

จากนั้นเป็นปลาสิงโตครีบขาว(White-Lined Lionfish) ที่ผมสามารถจำแนกได้อย่างแม่นยำเพราะภายหลังบนเรือได้เอาหนังสือมาเทียบกับกับรูปที่พี่โก้ได้ถ่ายเอาไว้ด้วย

ปูลำตัวสีแดงชนิด Etisus Splendidus ก็อยู่ในโพรง ดวงตามันออกจะเหี้ยมๆเล็กน้อย และยังมีปูเสฉวน(Hermit Crab)ขนาดกลางอีกด้วย

นอกจากนั้นก็มีปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า(Powder-blue surgeonfish) ปลาโนรีหน้าหัก(Phantom Bannerfish)และดาวขนนก(Feather Star)

ผมรู้สึกว่าไฟฉายเริ่มอ่อน ถ่านคงใกล้หมดแล้วแน่ๆ

ปิดท้ายไดฟ์อย่างยิ่งใหญ่ แสงไฟส่องไปในจุดเดียวกัน เจ้าเต่ากระ(Hawksbill Turtle)ตัวเมื่อซักครู่ที่โผล่หน้ามาหายใจ ค่อนข้างแน่ ผมส่องไฟหามัน อยู่ในระยะประชิด มันช่างยิ่งใหญ่กว่าเห็นตอนกลางวันเสียอีก ก่อนที่มันจะว่ายหนีไป(ด้วยความรำคาญ นักดำน้ำ ฮ่าๆๆ)

เราทำ safety stop ก่อนขึ้นด้วย เพราะลงไปลึกถึง 20 เมตร

ขึ้นมาด้านบน พี่พิชบอกผมว่า อย่าไปบอกใครนะน้อง อายเขา ว่าลง Night Dive 20 เมตร ทั้งนี้เพราะการดำน้ำกลางคืน ไม่ควรเกิน 12 เมตรนั่นเอง(สำหรับผม ภูมิใจนะ ครั้งแรกด้วย) ผมว่าแม้จะแหกกฏบ้าง แต่ให้อยู่ในพื้นฐานความปลอดภัย มีสติ ไม่Panic อะไรๆก็คงไม่น่ากลัวครับ

แท้จริงแล้ว ไฟไม่ได้อ่อน แต่น้ำเข้าไฟฉายครับ(ในไดฟ์นี้นักดำน้ำส่วนใหญ่มองเห็นไฟฉายของผม รู้ด้วยว่าน้ำเข้า) เลยต้องรีบทำความสะอาด ในวันพรุ่งนี้ผมจะลองดูอีกครั้ง

อาหารเย็นผมจำได้ว่า กินปูผัดขึ้นช่าย และกล้วย ก่อนจะไปอาบน้ำและขึ้นมาดูวีซีดี อำพล อภินันทนาการจากครูโก้(เจ้าเก่า)

ผมพึ่งได้ยินชื่อ สาวแขกซิกข์อีกคน ที่พูดไทยชัดแจ๋ว ชื่อ คุณพิงค์กี้เป็นแฟนคุณนิคนั่นเอง(วงไพ่ก็ยังคงเปิดโต๊ะต่อไป )

คืนนี้ผมง่วงกว่าเดิม เพราะเมื่อวานนอนน้อยแถมดำน้ำมาทั้งวัน ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย จึงรีบไปนอน พรุ่งนี้จะได้สดชื่นในไดฟ์แรกของวัน

ก่อนนอน เรือแล่นมาหลบลมที่เกาะเก้า(ในอ่าว) ก่อนที่จะเดินทางอีกครั้งในเวลาตี4 จะได้ถึงเกาะบอนทันเวลาพอดี ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป

31 ธันวาคม 2548

เช้านี้ ผมได้ยินเสียงเจ้าหญิงน้อยกำลังวิ่ง เดาเวลาได้เลยว่าช่วงตี 4 แน่นอน ก่อนจะนอนต่อ และตื่นอีกครั้งในเวลา 7 โมงเช้า

ได้ยินเสียงพี่ป้อมคุยกับสาวๆ ผมจึงตื่นขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่า ผมยังสามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้อีก(แบบไม่ตั้งใจ)จึงไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้อีก 1 วัน

หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย ผมมาเขียน Log Book(สมุดจดของนักดำน้ำ) ของเมื่อวาน จากพี่นก โดยจดเฉพาะรายละเอียดสำคัญๆก่อน เช่นเริ่มกี่โมง ใช้เวลาไปเท่าไร ระดับความลึก เป็นต้น

เมื่อหาอะไรกินได้ซักพัก ก็ได้เวลาลงไดฟ์แรก




Dive 14 ความเหนื่อยกับการสู้กระแสน้ำ

ไดฟ์นี้เราจะลงดำที่เกาะบอน ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เจอกระเบนราหู( Manta Ray) ซึ่งนักดำน้ำทุกคนใฝ่ฝัน ซึ่งในวันนี้กลุ่มของผมจะเป็นกลุ่มที่ลงก่อนบ้าง ก่อนจบพี่วิลลี่ ทิ้งท้ายว่ากระแสน้ำจะแรงให้ว่ายต่ำๆเข้าไว้

น้ำใสแจ๋ว ผมพบปลาสินสมุทรลายบั้ง(Six-banded Angelfish) และฝูงปลาสร้อยนกเขาแตงโม(Oriental Sweetlips)

ด้านหน้าของผม คือผาขนาดใหญ่ สูงชัน เป็นผาที่มีปะการังอ่อน(Soft Coral)สีม่วงและสีเหลืองเต็มไปหมด ช่างสวยงามและยิ่งใหญ่เสียจริงๆ

ผมดันไม่จำ(แถมลืม) ที่พี่วิลลี่อุตส่าห์เตือนไว้ ว่ากระแสน้ำแรง ผมจึงตีขา ตีแล้ว ตีอีกก็ไม่ไป(ไม่ยอมก้มต่ำไม่ยอมใช้หน้าผาบังอีก แน่ะ) โปรดนึกภาพ ผาสูงใหญ่ หากเราอยู่ในอาณาเขตร่มเงาของผา เราจะไม่ถูกกระแสน้ำ แต่ผมดันว่ายปะทะกระแสแบบเต็มๆ โดยไม่ยอมใช้ผาหินเป็นเกราะกำบัง ผลคือ เหนื่อยครับ เมื่อยมาก จนพี่โก้ต้องมาช่วยดึงผมขึ้นไปให้มาพักโดยเกาะบริเวณผาไว้(ตอนแรกนึกว่าจะให้มาเก๊กถ่ายรูปซะอีก อุตส่าห์ชู 2 นิ้ว ฮ่าๆๆ)

คนอื่นๆเจออะไรกันเพียบ ส่วนผม ไดฟ์นี้เหนื่อยครับ อยากจะปล่อยตัวตามกระแสน้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย รับรองไปไกลแน่ๆ

ขึ้นมาพักรับประทานอาหารเช้า ก่อนที่แต่ละคนจะหาเวลาพักผ่อนตามมุมถนัด เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าหญิงน้อยมุ่งหน้าสู่เกาะตาชัย จุดดำน้ำในไดฟ์ต่อไป

2 Comments:

At 4:19 PM, January 11, 2006, Anonymous Anonymous said...

กว่าจะหาเวลาหนีงานมาอ่านได้ก็แทบแย่แน่ะคุณกระสาบ !! แถมต้องรีบอ่านอีกต่างหาก ไว้ต้องกลับมาอ่านอีกรอบค่ะ
....หูยยย...สะใจป่ะ ดำน้ำครั้งนี้??? สมใจเนอะ ไปสิมิลัน :)))
ทะเลใสสวยดี !! ดีจังค่ะ...ดีจังที่ไม่เจอทะเลพิกลแบบบางคนเจอ...ขนาดPouletไปแค่ชะอำยังเจอทะเลประหลาดเลย คุยกับชาวบ้านที่นั่นเค้าก็บอกว่าทะเลไม่เหมือนเดิมตั้งแต่Tsunamiที่ผ่านมาแหละ :S..แสดงว่าเราไม่ได้คิดไปเอง...
อยากไปดำน้ำบ้าง...อยากถ่ายรูปๆๆๆๆๆ ;b

เอ้อ..ทราบยังจ๊ะ? ว่าต้องลงชื่อสมัครสมาชิกที่ทะเลไทยใหม่นะ...แต่พอPouletหาทางเข้าไปได้ซัก 2 วัน serverก็พังไปอีกแล้วจนวันนี้ค่ะ :((

ไปก่อนจ้า...ไว้มาอ่านใหม่ :))

 
At 9:14 PM, January 11, 2006, Blogger kasab71 said...

โห หนีงานมาอ่านเลยเหรอ ไว้ว่างๆก็ได้ครับ

ชะอำประหลาดเหรอครับ อยากรู้แล้ว ไว้ขอรายละเอียดด้วยครับ ผมชอบข่าวสารทะเล

ผมไปสมัครทะเลไทยแล้วเหมือนกันครับ แต่เข้าไม่ได้หลายวันแล้ว server ล่มครับ

ขอบคุณมากครับ

 

Post a Comment

<< Home