Friday, January 13, 2006

สิมิลัน...ฉันรักเธอ(5)



ปลายูนิคอนส์และปลาวัวไตตัน
หมึกกระดอง

Dive 19 4 คูณ 100 เมตร กับกระแสน้ำที่เชี่ยว

แม้น้ำทะเลในเวลานี้จะใสน้อยลงเพราะเริ่มมีกระแสน้ำ แต่ในระยะ 7 เมตรก็สามารถมองเห็นได้อย่างสบายๆ ผมตีขาตามกลุ่ม ไม่รู้ว่าจะรีบกันไปถึงไหน(แข่ง 4 คูณ 100 แน่ๆ) อาจเป็นไปได้ว่าผมตีฟินรัวเกินไปเลยเหนื่อยมาก หายใจไม่เป็นปกติ และตามกลุ่มไม่ทันเสียแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งผมเหนื่อยมากจึงหยุดตีฟิน พี่พิชหันมาเห็นจึงช่วยลากผมไปต่อ(ภายหลังขึ้นมาแกบอกว่า ตอนนั้นแกก็เหนื่อยมากเหมือนกัน) ระหว่างทางผมได้เห็นหมึกกระดอง(Pharaoh Cuttlefish) 1 ตัวด้วย

กว่าจะถึงกองหิน อากาศของผมก็เหลือ 100 เรียบร้อยแล้ว(จาก190)(พี่ป้อมบอกภายหลังจากนั้นว่า ในจุดนี้เรือปล่อยให้นักดำน้ำลงไกลเกินไป ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ทุกคนเร่งความเร็วเพื่อไปถึงที่หมาย เพราะอยากเห็นแมนต้ากัน

ไดฟ์นี้ผมจึงเห็นอะไรๆ น้อยมาก อย่างเจ้าปลาปักเป้ากล่องเหลือง(Yellow Box Fish),ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish)และพวกกัลปังหา(Sea Fan)และปะการังอ่อน(Soft Coral) เพราะยังรู้สึกเหนื่อยๆอยู่


ขึ้นมาด้านบน น้ำแรงมาก จึงรีบขึ้นเรือ คุณนิคก็บอกกับผมเช่นกันว่า น้ำแรง พอลงไปซักพักก็บอกแฟนสาว(คุณพิงค์กี้) ให้ขึ้น เพราะดำน้ำไม่สนุกแล้ว ในเวลานี้

ผมรู้สึกปวดหัว อาการเช่นนี้จะเป็นเวลาลงไปลึกๆ หากได้นอนพักก็จะดีขึ้น ผมขอยาแก้ปวดหมอเดียร์ จะได้หายเร็วๆ

และแล้วคนที่เห็นแมนต้า ก็มีน้อยมาก หนึ่งในนั้น คือพี่แจ้ พี่แจ้บอกว่า แมนต้าว่ายผ่านข้างลำตัวไปและใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะกระพือปีกหายไปอีกครั้ง

แม้ผมจะเสียดาย ที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเขาเสียที แต่ของแบบนี้ต้องมีดวงด้วยครับ ไม่ได้เห็นกันง่ายๆนะ(ไม่งั้นคนอื่นก็เห็นกันหมดแล้วซิ)




เจ้าหญิงน้อยได้เตรียมอาหารกลางวันไว้พร้อมรับประทานแล้ว พี่แจ้ได้สอนเกร็ดเล็กๆให้กับผมว่า เวลาตีฟิน ให้ตียาวๆ อย่างอเข่า แล้วจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ง่าย เช่นเดียวกับเจี๊ยบที่เสริมว่า ผมขายาว หากตีฟินดีๆ น่าจะไปได้ไกลมาก

เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ผมเริ่มหาพื้นที่นอนสะดวกๆ

และแล้ว ผมได้ที่นอนใหม่ บริเวณทางเดินข้างๆเรือ ไม่มีแดด สบายกว่าบนดาดฟ้าอีก

ตื่นขึ้นมา มีอาหารว่างให้รับประทานเป็นหมูสะเต๊ะ ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในภูเก็ตแต่ผมทานไม่มากเพราะยังอิ่มๆอยู่เลย


Dive 20 ปลามีเขา ชื่อ ยูนิคอนส์

ไดฟ์นี้เราจะลงที่เกาะตาชัย อีกหนึ่งจุดดำน้ำที่มักมีคนเห็นแมนต้าบ่อยครั้ง

ด้านล่าง ปลาประหลาดมีเขา มีสีดำ 3 ตัว ว่ายน้ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาคือ ปลายูนิคอนส์(Longnose Unicornfish) เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสเห็นพวกเขา

จากนั้นก็เป็นปลาหูช้างครีบยาว(Teira Batfish) และปลาวัวไตตัน (Titan Triggerfish)

ไดฟ์นี้ ผมลองตีขาตามวิธีที่พี่แจ้แนะนำ ผลคือ ฉิวครับ ไปได้ไกลจริงๆ และผมก็ใช้อากาศดีที่สุด หลังจากการดำน้ำ 2 วันที่ผ่านมา(เหลือตั้ง 50 แน่ะ)

พี่แจ้เห้นแมนต้าอีกแล้ว(สงสัยแกมีญาณวิเศษ เจอบ่อยจัง) คราวนี้พี่รินทร์ได้ถ่ายวีดีโอมาเป็นสักขีพยานด้วย กำลังกระพือปีกว่ายน้ำ ที่ขอบปีกมีสีขาว สง่างามจริงๆครับ

เจ้าหญิงน้อยมุ่งหน้าสู่เกาะบอน จุดดำน้ำในไดฟ์ต่อไป ถึงตอนนี้หลายๆคน จะอาบน้ำแต่งตัว ไม่ลง Night Dive กันแล้ว แต่สำหรับผมอยากลงครับ เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะมีการลง Night Dive (เอาให้คุ้ม)

ในวันพรุ่งนี้ ก็จะมีแค่ 3 ไดฟ์เท่านั้น เพราะเจ้าหญิงน้อยจะมุ่งหน้าสู่ จ ภูเก็ต หากอยากลงจริงๆ ไปลงดำที่ท่าเรือรัษฎา จ ภูเก็ตแล้วกัน (ฮ่าๆๆ)

อาหารเย็นพร้อมเสริฟ ใครใคร่จะกินก็สามารถกินได้เลย แต่ผมยังไม่อยากเพราะจะลงในไดฟ์ต่อไปอีกไม่ช้า(จริงๆก็หิวแต่กลัวอ๊วกด้วยครับ) และผมก็ไม่กลัวอาหารหมดเพราะเมื่อหิว ก็ไปบอกพี่ๆลูกเรือให้ทำอาหารให้เราได้ เช่น ข้าวไข่เจียว มาม่า เป็นต้น

อากาศหนาวมาก ยิ่งลมเย็นๆ พัดมายิ่งหนาว วันนี้ลง Night Dive กันดึก( 3 ทุ่มกว่า) แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ยังพอจะมีคนลงอยู่นะ


Dive 21 ลูบปลานกแก้วยามหลับ/เห็นดาวขนนกเดิน!

เราจะลง Night Dive ที่เกาะบอน โดยต้องนั่งดิงกี้ออกไป แล้วใช้ท่า Back Row
ผมยืมไฟฉายพี่พิชเรียบร้อยเพราะมีหลายกระบอก กระบอกนี้มีหลอด 6-8 หลอดแน่ะ (ตอนแรกแกไม่สบาย จะไม่ลง สุดท้ายก็ทนความเย้ายวนไม่ไหว เช่นเดียวกับพี่แจ้ที่อาบน้ำแล้วแต่ก็ยังโดนลากให้มาดำในไดฟ์นี้ ส่วนน้องโอ๊ตขอบาย ไม่ลงครับ)

พี่ป้อมชี้ให้ผมดูปูชนิดหนึ่งอยู่ในซอกหิน จากนั้นผมเห็นดาวทะเล(Star Fish) อยู่บนพื้นทราย

เจ้าตัวยาวๆ ที่อยู่ด้านหน้าผม คือ ปลาปากขลุ่ย (Smooth flutemouth) หลังจากที่มองเห็นเขาจากบนเรือ ใต้ทะเลนี้ ลำตัวของเขาดูยาวจริงๆเลย

ปลาสิงโตครีบขาว(White-Lined Lionfish) อยู่บนพื้นทราย มาดำน้ำคราวนี้ ผมพบเขาบ่อยกว่าปลาสิงโตอีกชนิดเสียอีก ตัวนั้น ชื่อ (Common Lionfish)

พี่ป้อมและพี่นกชี้ให้ผมดู สัตว์ทะเลรูปร่างแปลก มีสีแดง คล้ายดาวทะเลแต่ตัวเล็กกว่ามาก ภายหลังเปิดหนังสือจึงทราบว่า พวกเขาคือ Lamellaridae /Lamellarids (Coriocella Hibyae) ส่วนชื่อไทยไม่ทราบจริงๆครับ

พี่ป้อมเรียกให้ผมลงมาเดี่ยว ให้ผมใช้มือลูบลำตัวปลานกแก้ว(Parrot Fish)ยามหลับเบาๆ ตอนแรกผมคิดว่าแกให้ผมดูมุ้งปลานกแก้ว(เวลานอนปลานกแก้วจะกางมุ้งเพื่อป้องกันภยันอันตราย) จริงๆที่ให้ลูบเบาๆเพื่อให้ผมได้รู้ว่า มันหลับอยู่นะ น่ารักซะไม่มีเหมือนเล่นกับเด็กเลยแฮะ(อย่าสัมผัสแรงครับ เดี๋ยวเขาจะตื่น บาปหนา แกล้งปลาเวลาหลับ)

จากนั้น ผมเห็นดาวขนนก(Feather Star) ซึ่งตอนกลางวันก็ดูไม่มีอะไร แต่ตอนกลางคืนผมเห็นชัดเจนว่า พวกเขาเดินได้ครับ(พวกเขาก็เป็นสัตว์ทะเลประเภทหนึ่ง ผมเคยอ่านในหนังสือว่า ดาวขนนกจะหากินเวลากลางคืน ผมเริ่มนึกภาพออกแล้วครับ)

นอกนั้นก็จะเป็นกลุ่มปลาผีเสื้อ(Buttleflyfish) ที่เวลานี้ยังไม่นอนหลับ อาจจะตกใจในการมาเยือนของผมและเพื่อนๆก็ได้

มองไปบนผิวน้ำ มีฝูงปลาจำนวนมาก มองดูแล้วสวยงามจริงๆครับ

ดิงกี้ค่อยๆลากกลุ่มของผม ไปหาเจ้าหญิงน้อยอย่างช้าๆ ผมคุยกับพี่ป้อมเกี่ยวกับสัตว์ทะเลอย่างมีความสุข เสียดายแน่ๆ หากไม่ได้ลงมาเห็น

บนเรือ พี่ตาลถามผมว่าไปเจออะไรมาบ้าง ผมเล่าเรื่องลูบปลานกแก้ว และดาวขนนกกำลังเดินอย่างภาคภูมิใจ

คืนนี้กว่าจะผมจะได้กินข้าวก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มแล้ว แต่ก็เป็นหนทางที่ผมเลือกเองครับ(ห้ามบ่น)

2 มกราคม 2549

ผมตื่นไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นอีก ซักพักก็จะต้องลงในไดฟ์แรกแล้ว คิดในใจว่า ผมดำน้ำมาอย่างมาราธอน จนถึงวันสุดท้ายของการดำน้ำแล้วหรือ? เวลาช่างผ่านไปเร็วมาก

Dive 22 เป็นหนึ่งเดียวกับท้องทะเล

เราลงกันที่เกาะบอนในไดฟ์นี้ น้ำใสมาก กระแสน้ำไม่แรง ผมรู้สึกว่าบังคับตัวเองได้ดีมาก ทั้งการตีฟิน การลอยตัว ไม่มีปัญหาเรื่องดิ่งไปชนปะการังด้านล่าง(พี่โก้บอก ก็เติมลงในBCD เล็กน้อยซิน้อง) นี่เป็นทักษะง่ายๆ ที่ผมมักจะลืมหลายครั้ง แต่ต่อไปนี้จะไม่ลืมแล้วครับ

ผมตีฟินแบบยาวๆ ตามที่พี่แจ้แนะนำ ผมแซงหน้าคนอื่นไปอย่างรวดเร็วกับการตีขาเพียงไม่กี่ครั้ง(ได้เปรียบที่เท้าใหญ่ ขายาว)

ผมเจอปลาแมงป่องเกล็ดเล็ก(Tassled scorpionfish) 2 ตัว กลมกลืนกับสภายแวดล้อมมาก และปลาสิงโตชนิดเบสิค(Common Lionfish) ที่พบเห็นได้บ่อยตามอควอเรี่ยม

ปลาไหลมอเรย์ยักษ์(Giant Moray eel) 2 ตัว ชูคอโผล่ขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่า ไม่มีใครสนใจกันแล้ว แต่ผมยังสนใจเขาอยู่แน่นอน

ด้านหน้ากลุ่มของผมชี้ให้ดู โกบี้สีม่วง(Firefish Goby-Purple) สวยไม่แพ้สีแดงที่ผมเคยเห็นเลยครับ ผมดูในระยะไกลแต่เห็นชัดเจน กลัวว่าถ้าเข้าไปใกล้ เขาจะหนีลงรู แล้วพี่โก้จะอดถ่ายรูป ไม่มีรูปมาโชว์กัน

ปลาสินสมุทรวงฟ้า(Blue-Ring Angelfish) ว่ายผ่านไป

ปิดท้ายด้วยปลาวัวลายส้ม(Orange-Striped Triggerfish)ที่มาแบบตุ้ยนุ้ยอีกครั้ง

หลังจากรับประทานอาหารเช้า ผมเดินมาถ่ายภาพบนเรือ ไล่ตั้งแต่ห้องกัปตัน มีลูกเรือคนหนึ่งกำลังขับเรือโดยมีกัปตันคอยบัญชาการอยู่

ลงมาด้านล่างผมมาถ่ายรูปพี่ๆลูกเรือ ผู้ปิดทองหลังพระ ผู้ที่อำนวยความสะดวกให้นักดำน้ำทุกๆไดฟ์ แม้หน้าตาจะดูโหดแต่ความโหดไม่ได้ดูที่หน้าตานะครับ(สมัยนี้หน้าหล่อ แล้วชั่วก็มีถมไป)

พี่ยู้กำลังสับมะละกออยู่ ยิ้มอย่างมีความสุข เที่ยงนี้เราจะมีส้มตำทานแน่นอน

กะละมังสีฟ้าด้านหน้าผม มีไฟฉายและกล้องถ่ายรูปของนักดำน้ำมากมาย เพื่อความสะดวกในการหยิบ ใช้สอยนั่นเอง

ตรงเข้าไปห้องครัว กลิ่นไก่หอมฉุย พี่ลูกเรือคนหนึ่งกำลังปอกกระเทียมโดยมีกะละมังอยู่ใกล้ๆ ภายในมีไก่สดอยู่ ขณะที่อีกคนหนึ่งกำลังทำอาหาร(กำลังนึ่งข้าวเหนียวด้วย แซบ แซบ)

ต่อไปเป็นห้องพักของนักดำน้ำ ผมใช้ห้องพี่พิชกับน้องโอ๊ตเป็นแบบในการถ่ายรูป

ที่ชั้นสอง ผมจะเล่าให้ฟังว่า ใครทำอะไรกันบ้าง เริ่มจากโต๊ะแรก พี่มน พี่น้อง หมอจินต์ พี่หลี พี่อุ พี่ตาล พี่โก้ พี่พิช นั่งคุยกัน(ใกล้ๆพี่แจ้ พี่นก คุยอยู่กับพี่หมอตุ๋ง)

โต๊ะที่สอง วงไพ่ครับ ครูโก้ คุณนิค พี่หิ้ว(ตอนนี้แกเล่นเป็นแล้ว) พี่วรรณ พี่ฝน พี่วิลลี่

โต๊ะที่สาม น้าแกรมกับเดียร์จด Log Book โดยมีพี่นกและพี่พิช เข้ามาที่กล้องอย่างรวดเร็ว

ที่ดาดฟ้าน้องโอ๊ตและพี่ฝ้ายนอนหลับโดยจองคนละมุม(ไม่มีใครรู้ว่าโดนแอบถ่าย)

ที่ห้อง Living Room เจี๊ยบกำลังดูหนัง ส่วนพี่ป้อม นอนอีกแล้วครับ

ผมจึงไปที่ห้องกัปตัน พี่โก้เข้ามาสอบถามเรื่องเรือเล็กน้อย ที่นี่มีพื้นที่ว่างให้ผมนอน มีเครื่องปรับอากาศที่ไม่เย็นจนเกินไป เนื่องจากในเวลานี้น้ำจืดเริ่มจะไม่พอใช้แล้ว จึงอาจจะต้องนำเรือเข้าเติมน้ำจืดที่เกาะ (เจ้าหญิงน้อยมีเครื่องทำน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดได้ แต่ต้องใช้เวลา)

คำถามว่า บนเรือ ใครที่หลุดลอดสายตาช่างกล้องอย่างผมไปได้……(ไม่มีรางวัลให้ครับ)

เมื่อเรือจอด เป็นสัญญาณให้ผมทราบว่า ใกล้ถึงเวลาลงไดฟ์ต่อไปแล้ว

1 Comments:

At 5:37 PM, January 20, 2006, Anonymous Anonymous said...

แวะมาเยี่ยมครับน้องชายยย

ตาป้อม

 

Post a Comment

<< Home