Tuesday, October 25, 2005

แต้มฝันของเด็กหนุ่มที่....เกาะหมาก(3)


ถึงท่าเรือ อ่าวนิด

เรือเนปจูนเทียบท่าเรืออ่าวนิด มีรถจากที่พักบนเกาะมารอรับนักท่องเที่ยวมากมาย รวมทั้งที่พักของผม ณ อ่าวสวนใหญ่ (เกาะหมาก รีสอร์ท) ที่ได้โทรศัพท์มาจองเรียบร้อยแล้ว

บนรถโดยสารไปยังที่พัก ผมได้รู้จักกับพี่ขวัญและคุณ Hogan ชาวสวีเดน พาน้อง Edvin และ Kevin ลูกชายสองคน ที่วัยกำลังซนทั้งคู่มาเที่ยวด้วย เจ้าสองคนนี้หน้าฝรั่งจ๋าแต่พูดไทยชัดแจ๋วเลย

ใกล้ๆผม คือ พี่เกณฑ์ หนุ่มวัยกลางคน ไม่ได้มาที่นี่ในฐานะนักท่องเที่ยว แต่มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมพัดลมรางน้ำ ดูทำเลติดตั้งกังหันลม อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ แกบอกว่าการได้ทำงานแบบนี้ทำให้ได้ท่องเที่ยวไปหลายๆที่ ซึ่งแกก็มีความสุข(ล่าสุดก็พึ่งขึ้นมาจากภูเก็ต)

ผมเห็นถนนที่นี่ บางแห่งยังมีดินแดงๆอยู่เลย ทำให้นึกถึงเกาะลันตาสมัยที่ผมไปใหม่ๆ ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติมาก นอกจากนี้ยังมีสวนมะพร้าว สวนยางพารามากมาย ทำให้ผมอยากให้ที่นี่คงความเป็นธรรมชาติไว้นานๆ

เนื่องจากห้องพักของผมอยู่ไกล พี่แว่นคนขับหน้าเซอร์ พาผมมาที่ห้อง ผมมองเห็นอ่าวสวนใหญ่ ด้านหน้า แม้ยังไม่เห็นอะไรมาก แต่หาดยาวๆ เสียงคลื่นเอื่อยๆ ทำให้ผมแอบยิ้มๆเหมือนกัน



ว้าว!! สะพานไม้สุดคลาสสิค

หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ปรากฏว่าไฟห้องน้ำเสีย ผมคิดว่า ไปทานข้าวก่อนดีกว่า จะได้ไปบอกเขาเรื่องไฟห้องน้ำด้วย

ผมบอกที่ Front เกี่ยวกับไฟห้องน้ำ ก่อนเดินไปหาโต๊ะ(ที่ส่วนใหญ่จะว่าง) หาอะไรมาทาน ผมมองเห็นสะพานที่ทอดยาวออกไปหน้ารีสอร์ท มีโต๊ะ เก้าอี้ และไฟ สำหรับอ่านหนังสือหรือนั่งคุยกัน คลาสสิคจนผมอดใจไม่อยู่ที่จนต้องเดินออกไปดื่มด่ำกับบรรยากาศในทันที ก่อนไปก็สั่งอาหารกับพี่แพ หนุ่มวัยพึ่งจะสามสิบ ซึ่งทำหน้าที่เป็นกัปตันของที่นี่ แต่ช่วงนี้ไม่มีเด็กเสริฟเพราะเป็นช่วงโลว์ ซีซั่นอยู่(ต้นเดือน พ ย จะเริ่มไฮ ซีซั่นแล้ว) แกเลยทำหน้าที่แทนไปก่อน

ซักพัก พี่คนหนึ่งทำหน้าที่เป็น RM(Residence Manager) ของที่นี่ ได้มาแจ้งให้ผมทราบว่า จะดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟให้ใหม่

จากนั้นไม่นาน พี่นพ(อรรณนพ) พนักงานที่ Front ได้มาบอกผมว่า เจ้าของรีสอร์ท(ชื่อ คุณจักรพรรดิ)เปลี่ยนห้องให้ใหม่ ใหญ่กว่าเดิม แถมราคาเดิม ใกล้ห้องอาหารกว่าเดิมอีกด้วย(ช่วงนี้แขกน้อย ผมเลยได้อานิสสงฆ์ไปด้วย) ผมจึงกลับไปที่ห้อง เพื่อย้ายของโดยด่วน หากมีเชือกมาขวางผมคงหัวทิ่ม เพราะมืดจริงๆ (โชคดีที่เปิดไฟทิ้งไว้ เลยหาห้องเจอ ไม่งั้นคลำกันตาย)

แม้ห้องราคาถูก(ก็ที่ผมนอนก่อนจะย้ายแหละครับ) จะเดินไกล แต่สิ่งที่แตกต่างจากหาดไก่แบ้ เกาะช้างก็คือ อ่าวสวนใหญ่จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ บริเวณชายหาด บังกะโล สร้างในระนาบเดียวกันตลอด

อาหารเติมพลังของผม คือ เนื้อทอดกระเทียมราดข้าวกับปลาหมึกพริกเผาราดข้าว ที่อร่อยไปเสียทุกอย่างจริงๆ

พี่แพ ไม่พลาดที่จะแซวผมว่า “ทำไมน้องกินหนักจังเลย”

“ก็คนมันหิวน่ะ พี่” ผมตอบ

ใกล้ๆ มีครอบครัวของพี่ขวัญและคุณ Hogan กำลังรับประทานอาหารอยู่ด้วย

นอกจากนี้เจ้าดัมเมเชี่ยน 2 ตัว และสุนัขพันธุ์ไทยอีก 2 ตัว ก็น่ารักและเชื่อง จนผมอดจะเล่นกับมันไม่ได้


นั่น!!! ปักเป้าหนามทุเรียน

ผมย่อยอาหารโดยการเดินไปอ่านหนังสือ ที่สะพานไม้สุดคลาสสิค แล้วนั่งลงอย่างสบายอารมณ์ ผมคิดในใจว่า คิดไม่ผิดที่เลือกที่นี่ ทำให้ผมไม่อยากไปไหนอีกเลย (ชอบมากจริงๆ)

ซักพักฝนตก ผมเลยกลับมาอ่านในห้องอาหารอีกครั้งหนึ่ง ผมแปลกใจว่า ที่นี่มีคลื่นOrange ด้วย พี่แพบอกผมว่า ที่นี่คลื่นOrange ดีที่สุด รองลงมาคือ Dtac และ Gsm

เจ้าดัมเมเชี่ยนสั่นหาง มองมาที่ผม ดูท่ามันจะอยากเข้ามาเล่นมากเลย (ถ้าเปิดที่กั้นไม้เองได้ คงเข้ามาแล้ว)

พอฝนหยุด ผมเดินออกมาอ่านหนังสืออีกครั้ง ระหว่างผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อน และกำลังอ่าน “ใต้ทะเลมีความรักภาค 3 ตอนหลังคลื่นอันดามัน” ของ อ ธรณ์ มาอ่าน ขณะอ่านถึงช่วง “ปักเป้า เร้าใจ”อยู่ มองลงไปที่พื้นน้ำ ผมเห็นปักเป้าหนามทุเรียน(Porcupinefish)และจำลักษณะมันได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ แต่ผมรู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เห็นพวกเขาในเวลาแบบนี้

จากนั้นฝนตกอีกครั้งหนึ่ง ผมจึงเข้ามาหลบฝนเหมือนเดิม ไม่นานจึงกลับเข้าห้องพักเพื่ออาบน้ำ พักผ่อน และหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน



18 ตุลาคม 2548
อากาศสดชื่นๆ แต่ซุ่มซ่าม

ตื่นแบบสบายๆ 8 โมงเช้า หากเป็นแบบนี้ในวันรุ่งขึ้น ผมจะต้องพลาดเรือเที่ยวกลับแน่นอน ฉะนั้นจึงต้องบอกใครซักคนให้ช่วยปลุกผมหน่อย(ตั้งโทรศัพท์มือถือปลุก ก็ไม่ได้ยินเพราะเพลียมาก)

ผมเปิดประตูออกไปดูวิวของอ่าวสวนใหญ่ เป็นอันดับแรก เพื่อสูดอากาศ ช่างสดชื่นจริงๆครับ

จากนั้นเตรียมของใส่เป้ ผมคิดไว้ว่า จะไปสำรวจเกาะเล็กน้อย ขึ้นจุดชมวิว(บ้านช่อฟ้า) บ่ายๆอาจจะไปเกาะขาม ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แล้วกลับมาเล่นน้ำที่นี่ เป็นอันเสร็จโปรแกรมของผมในวันนี้

“โป๊ก” โชคดีแต่เช้า หัวโขกหลอดไฟ ขณะกำลังขึ้นไปหยิบของบนเตียง โชคดีหลอดไฟ เอ้ย หัวผมซิ ไม่เป็นอะไรมาก(ฟาดเคราะห์ไป)

Edvin กับ Kevin มาเล่นน้ำแต่เช้าเลย ดูเหมือนเด็กๆจะมีความสุขมากด้วย

ผมขอร้องให้พี่นพ ช่วยปลุกผมด้วย มิฉะนั้น ผมจะพลาดเรือแน่นอน

ระหว่างรออาหารมา ผมออกมาถ่ายรูป บริเวณใกล้เคียง รวมทั้งสะพานสุดที่รักของผมด้วย

อาหารเช้าวันนี้ ผมสั่งขนมปังปิ๊ง มีเนยและแยม ต่อด้วย ไข่ดาวและแฮม

เดินเท้าสำรวจเกาะ

“ จุดชมวิว ไม่ไกลหรอกค่ะพี่ เดินเลาะชายหาดขึ้นไปทางแฟนตาเซีย รีสอร์ท ที่เห็นหลังคาแดงๆอยู่นั่นแหละค่ะ” น้องพิม เด็กสาวอายุไล่ๆกับผม พนักงานของที่นี่ อธิบายให้ผมฟัง

“ เดินเท้าไปไม่ไกลใช่ไหมครับ น้อง ”

“ ไม่ไกลค่ะพี่ อีกอย่างจักรยานจะปั่นขึ้นลำบากด้วย”

เมื่อผมสอบถามเธอว่า เส้นทางไม่ชันมากนัก ผมจึงเลือกรองเท้าแตะ เพราะขี้เกียจใส่ผ้าใบ อ่อ อย่าลืมหยิบหมวกไปด้วยล่ะ (ร้อนมากเลยครับ)

ผมเดินเลาะไปทางชายหาดเรื่อยๆ ก่อนขึ้นเส้นทางดินแดง ที่รายล้อมไปด้วยสวนมะพร้าว เจ้าหมาพันธุ์ไทยจอมเชื่องสีน้ำตาล(ซึ่งขอเรียกมันว่า น้ำตาลแล้วกัน) ขอติดตามผมมาด้วย เหมือนมันพยายามจะบอกว่า “ตามผมมาครับ”

ที่แฟนตาเซีย รีสอร์ท ขณะนี้ยังไม่เปิดให้บริการ พื้นที่จึงออกจะรกซักเล็กน้อย(ลืมบอกไปว่า ที่อ่าวสวนใหญ่ จะมีที่พักเพียง 3 แห่งเท่านั้น ตลอดชายหาด 2 กิโลเมตร คือ เกาะหมาก รีสอร์ท แฟนตาเซียรีสอร์ท และเกาะหมากโคโคเคป รีสอร์ท)

ผมเดินแบบลองผิดลองถูก ก็มาถึงหลังคาแดง แต่ว่า มันเป็นที่พักของ “เกาะหมาก วิลล่า” ซึ่งดูหรูหราพอสมควร ผมไม่แน่ใจว่าใช่จุดชมวิวที่ผมตามหาหรือไม่ แต่ก็ลองเดินเข้าไปดู(ถ้ามีคนไล่ค่อยหนีออกมาก็ได้)

ที่นี่ มีพลพรรคหมาเอย เพียบ เจ้าน้ำตาลเจอเพื่อนๆก็เห่าใหญ่ ผมก็เลยถือโอกาสนี้ เดินเข้าไป(จะกัดกูไหมหนอ)

เมื่อผมเห็นแล้วนำมาเทียบกับหนังสือท่องเที่ยวที่ติดมาด้วย วิวคล้ายกันมากครับ ผมมั่นใจว่ามาถูกที่แล้วแน่ๆ มองไปด้านหน้า คือเกาะขาม เป็นเกาะส่วนตัว มีจุดเด่นที่ หินภูเขาไฟ ขวามือ คืออ่าวสวนใหญ่ ที่ผมเดินมานั่นเอง

แต่ที่นี่ ไม่ยักมีคนแฮะ ไม่เห็นแม้แต่พนักงาน แต่ถึงอย่างไรก็ขอผมถ่ายรูปก่อนเถอะ(โอกาสมาแล้ว)

อีกหนึ่งสะพานที่คลาสสิค ใกล้อ่าวพระ

ออกจากที่นี่ ผมเจอชาวบ้าน จึงสอบถาม เลยมั่นใจได้ว่าจุดที่ผมเข้าไป คือ จุดชมวิวบ้านช่อฟ้า ภายในเกาะหมากวิลล่า โดยนักท่องเที่ยวทั่วๆไป ก็สามารถเข้าไปชมได้

เมื่อถึงทางแยก ผมตัดสินใจยังไม่กลับที่พัก โดยอยากเดินไปดูสะพาน ที่อยู่บริเวณเกาะหมากโคโคเคป ถนนเริ่มแฉะ น้ำขัง ต้องเดินอย่างระมัดระวัง

บริเวณเกาะหมากโคโคเคป ออกแบบที่พักได้อย่างสวยงาม บังกะโลบางหลังใช้เรือ มาเป็นบ้าน บรรยากาศสุดคลาสสิค เสียแต่ว่าราคาแพงไปนิด(ได้ยินว่า ระดับสองพันบาทก็ยังไม่มีแอร์เลย) ผมเห็นคนงานจำนวนมาก กำลังสร้างบังกะโลอยู่ด้วย อีกอย่าง ศาลาริมทะเล ก็น่าจะเข้าไปนอนเล่นเสียจริงๆ

ผมถึงสะพานเทียบเรือ สะพานที่นี่ยาวกว่าที่เกาะหมากรีสอร์ท น้ำลึกกว่า มีเก้าอี้นอนอยู่ปลายสะพาน จากตรงนี้ซ้ายมือของผม คือ เกาะผี หากกลับหลังหัน จะเห็นอ่าวพระอยู่ทางด้านขวามือ ที่นี่ก็มีความสงบ ส่วนตัว ไม่แพ้กันครับ


สองฝรั่งจิตใจงาม

ผมเดินกลับออกมา เข้าไปที่อ่าวพระ เจ้าน้ำตาล มารอผมอยู่แล้ว เลยเข้าไปเล่นกับมันซะหน่อย แปลกใจว่า มันตามผมมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ (นึกว่ายังสนุกกับเพื่อนๆอยู่ ที่จุดชมวิว)

ที่อ่าวพระ มีหินรูปร่างประหลาดตา น้ำทะเลใสมากๆครับ ผมสังเกตเห็น สามี ภริยาคู่หนึ่งกำลังเก็บขยะที่ชายหาดอยู่ รู้สึกดีมากๆ ที่พวกเขาดูแล เอาใจใส่ ชายหาด มากกว่าเจ้าของประเทศบางคนเสียอีก

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปคุย ทำความรู้จัก เพราะชื่นชมพวกเขามาก ทราบว่า พวกเขาเป็นคนฟินแลนด์ ผู้ชาย ชื่อ Timo ผู้หญิง ชื่อ Ritva พักอยู่ที่เกาะหมากวิลล่า(หรูซะด้วยนา) เราคุยกันซักพัก ก่อนจะลาจากกัน(ผมจำพวกเขาได้ เพราะโดยสารมาในเรือลำเดียวกัน เมื่อวานนี้)

ขากลับ รองเท้าแตะของผมหนักอึ้งเพราะเต็มไปด้วยดินเหนียว เดินลำบากมาก ต้องคอยเช็ดดินไปเรื่อย แต่สนุกดีครับ


พบหนุ่มสาวชาวเยอรมันอีกครั้ง

กลับมาที่อ่าวสวนใหญ่ ผมพบกับพี่เกณฑ์อีกครั้ง ซึ่งกำลังรอเรือกลับไปที่ฝั่ง แกบอกว่าเสียดายว่าไม่ได้พาลูกมาเพราะบรรยากาศที่นี่ดีจริงๆ แต่คราวหน้าตอนมาติดตั้งกังหันลม จะต้องพามาแน่

ผมเจอพี่ขวัญ กับคุณ Hogan และ เจ้าสองพี่น้องจอมซน อย่าง Edvin และ Kevin กำลังเอาท่อนไม้ตีกันอย่างสนุกสนาน(เล่นหนักนะเนี่ย) เดือดร้อนพี่ขวัญ กับคุณ Hogan ต้องคอยห้ามปราม

เจ้า Edvin ชี้ให้ผม ดูลิงที่พึ่งขึ้นต้นไม้ ไป ผมมองตามแต่ไม่ยักเจอแฮะ ผมยังคุยให้น้องฟังด้วยว่า ที่สะพานเมื่อคืน ผมเจอเจ้าปักเป้าหนามทุเรียนด้วย

คุยกับคุณ Hogan เรื่องสึนามิซะยาว แกกับผมเห็นด้วยว่า อันดามันปลอดภัยแล้ว แต่ดูพี่ขวัญยังกลัวๆอยู่

อาหารเติมพลังของผม คือ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ทันใดนั้น ผมก็ได้เจอ Ingo กับ Claudia มาสำรวจที่อ่าวนี้พอดิบพอดี พวกเขาพักอยู่ที่ TK บังกะโล และยังชมด้วยว่า อ่าวสวนใหญ่บรรยากาศดีจริงๆ

บ่ายนี้ผมตัดสินใจ ที่จะเช่าเรือคายัค พายไปยังเกาะขาม ซึ่งห่างจากอ่าวสวนใหญ่ 1 กิโลเมตร เสียค่าเหยียบเกาะคนละ 60 บาท ผมคิดว่า คงไม่คุ้มสำหรับผม อยู่ไม่นานแน่นอน เลยเลือกจะพายเรือคายัคไปดีกว่า ได้อีกอารมณ์

หลังจากติดต่อ กับพี่นพเรียบร้อย แกช่วยผมลากเรือมายังหาด แถมยังคิดราคาพิเศษให้ด้วย

นี่จะเป็นการพายเรือคายัคที่ไกลที่สุด ของผมเลยครับ

4 Comments:

At 7:15 PM, October 25, 2005, Anonymous Anonymous said...

ตามมาอ่านเรื่องเที่ยวที่สนุกจริงๆค่ะ :))
ดีจังที่คุณกระสาบไม่เจอฝนฟ้าวิปริตเกินเหตุในการเดินทางครั้งนี้

อ่านไปก็แอบอิจฉาไปนะ....อดไปทะเล ทั้งๆที่จองและฯลฯ ไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ยิ่งหาเวลาเที่ยวยากๆอยู่ด้วย :((

แต่ถ้าไปแล้วต้องเจอคลื่นลมผิดฤดูกาลสาหัสแบบนี้...เลือกที่จะไม่ไปดีกว่าค่ะ....ย้ายไปช่วงอื่นแทน...ธรรมชาติของโลกเราเปลี่ยนไปเยอะอย่างเห็นได้ชัดเจนนะคะ

แล้วที่เป็นอยู่..จะใครซะอีกที่ทำให้เปลี่ยนได้มากมายขนาดนี้...ถ้าไม่ใช่คน??!!!!

เนอะ!

 
At 12:18 AM, October 27, 2005, Blogger kasab71 said...

ครับ เห็นด้วย มนุษย์นี่แหละตัวดีเลย

ผมโชคดี ที่เจอฝนเพียงเล็กน้อย คลื่นแรงๆก็แค่ขากลับ แต่มิตรภาพที่ดีนี่ซิ โชคดีกว่า

ขยันทำงานเถอะครับ ดีแล้ว จะได้ไปเที่ยวในไม่ช้าครับ โอกาสหน้ายังมี

อืม แสดงว่าชะอำปลายเดือนยกเลิกซิครับ? สู้ใหม่ๆ

 
At 7:19 PM, October 27, 2005, Anonymous Anonymous said...

จ้า....จ้ะ
ยกเลิกชะอำค่ะ...(แอบระทมนะ)... :(
แต่ต้องยกเลิกเพราะแถวนั้นน้ำท่วมเยอะ แล้วก็ไม่มีอะไรแน่นอน.....จะเชื่อพยากรณ์อากาศ ..ก็ไม่เค้ยยยย ไม่เคย.... ;b

คนบ้านเดียวกันนี่เป็นคนเมืองเพชรฯค่ะ..ญาติพี่น้องทางนั้นก็บอกว่า ถ้าไปก็บ้ามากแหละ..!!!.

แต่ลาพักร้อนไว้แล้วก็ไม่ยกเลิกนะคะ....หาเรื่องไปไหนใกล้ๆแทนค่ะ...แล้วแต่สถานการณ์...ถ้าฝนไม่เป็นใจก็อยู่บ้าน ทำอาหารทานกันหนุกๆ แล้วก็ถ่ายรูปเป็นบ้าเป็นหลังตามปกติ ;)))

 
At 5:34 PM, October 28, 2005, Blogger kasab71 said...

อืม ไม่เลวครับ เห็นภาพเลย ถ่ายรูปเป็นบ้า เป็นหลัง

กินอาหารอร่อยๆ ทำอาหารทานกันหนุกๆ

 

Post a Comment

<< Home