Saturday, October 22, 2005

แต้มฝันของเด็กหนุ่มที่....เกาะหมาก(1)


หากการเรียนดำน้ำ เพื่อแปลงกายเป็นมนุษย์กบ ไปสัมผัสโลกใต้ทะเล เป็นความใฝ่ฝันของผมแล้ว การได้เดินทางไปยังเกาะต่างๆทั่วประเทศไทย การได้รู้จักผู้คน การได้เห็นโลกใหม่ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันของผมเช่นกัน

หลายๆคน พอเรียนดำน้ำแล้ว ก็มักจะเลิกท่องเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ไป(ดำน้ำตื้น กางเตนส์นอน สำรวจป่า ดูนก ขึ้นจุดชมวิว พายคายัค เป็นต้น) แต่สำหรับผม คิดว่าทั้งสองอย่าง มีเสน่ห์พอๆกัน แม้ผมจะได้บัตร Open Water มาแล้ว แต่ก็มิอาจทิ้งการท่องเที่ยว ที่มีเสน่ห์เช่นนี้ลงได้

อาจเป็นเพราะว่า ทั้งสองอย่างได้ฝังลึกในจิตใจของผมไปแล้ว ทุกๆครั้ง ที่ผมเห็นรูปเกาะ รูปปลาทะเล รูปสัตว์ทะเล หรือแม้กระทั่งได้ยินเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับจังหวัดที่ติดทะเล ไม่ว่าผมจะทำอะไรอยู่ ก็มักจะหยุดเพื่อฟังเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เสมอ

ผมมักจะนึกถึงความฝันของผมได้ตลอด โดยไม่รู้สึกเบื่อแต่อย่างใด


ลุยเดี่ยว อีกครั้ง

“เกาะหมากนี่อยู่ไหนวะ”

เสียงของเกียงและโละ สองหนุ่มผู้ชื่นชอบการเที่ยวธรรมชาติ เช่นเดียวกับผม ต่างกันตรงที่ว่า ผมจะเน้นหนักไปในเรื่องของทะเล จึงไม่แปลกใจ ที่พวกเขาจะไม่รู้จักเกาะธรรมดาๆเกาะหนึ่ง เช่นเดียวกับคนไทย อีกหลายๆคน ที่ไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้

“ต้องกลับระยองว่ะ บอกแม่ไว้แล้ว”

เสียงของกอลฟ์ หนุ่มติดดิน(ไม่ใช่โดนเหยียบ) เพื่อนสนิทที่สุดในมหาลัย ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเช่นนี้เหมือนกัน

หากนึกถึงทะเลตราด ผู้คนก็มักจะนึกถึงเกาะช้าง เกาะกูด หรือเกาะส่วนตัว อย่างเกาะเหลายามากกว่า

ด้วยความเป็นธรรมชาติของเกาะหมาก สิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่เข้าถึงมากนัก เกาะหมากจึงเป็นเกาะที่ผมใฝ่ฝันมาเยือนให้ได้ แต่ผมก็พลาดที่จะไป ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเลือกไปเกาะอื่นๆ ก่อนทุกครั้งไป ด้วยเหตุผลหลายๆประการ เช่น มีเวลาหลายวันจึงเลือกไปจังหวัดไกลๆมากกว่า เป็นต้น

หลายปีก่อน ผมก็พลาดไปเกาะหมากอีกหลายๆครั้ง โดยเลือกที่จะไปเกาะเต่า จ สุราษฐ์ธานี หรือไปเที่ยวกระบี่ เป็นต้น มีเพียงชูฮวยเพื่อนสนิทของผม ที่ร่ำๆว่า อยากไปเกาะหมากอยู่

ตุลาคมปีก่อน ผมตะลุยไปเกาะช้างกับวุ้น หนุ่มร่างอ้วนที่มาช่วยให้การท่องเที่ยวของผม มีเสียงหัวเราะมากขึ้น

ระหว่างวางแผนการท่องเที่ยว ผมโทรไปสอบถามสภาพอากาศ ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง แต่สภาพอากาศไม่สู้ดีนัก จึงเบนเข็มมาเที่ยวเกาะช้างแทน

ตุลาคมปีนี้ เป็นเวลาใกล้เคียงกับปีที่แล้วเช่นเดียวกัน ยิ่งเหมือนกันอีก คือ ผมโทรศัพท์ไปสอบถามสภาพอากาศที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองด้วย แน่นอนที่ว่า ช่วงเดือนนี้ ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยเฉพาะหมู่เกาะห่างไกล สภาพอากาศก็ไม่ค่อยดีนัก

เมื่อสภาพอากาศที่เกาะหมากเป็นใจ ผมไม่ลังเลที่จะศึกษาหาข้อมูล ตามหาฝันของผม

และเป็นอีกครั้งที่ผมเดินทางเพียงคนเดียว เนื่องจากเพื่อนๆต่างว่างไม่ตรงกัน แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคของผมแต่อย่างใด เนื่องจากมีประสบการณ์การท่องเที่ยวเพียงคนเดียวหลายครั้งแล้ว(สนุกด้วยครับ จริงๆ)

การเดินทางที่น่าตื่นเต้นของผม กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง แล้วครับ

16 ตุลาคม 2548

หลังจากได้อ่านเรื่องราวของสามหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวแห่งนิตยสาร ATG ฉบับไปเที่ยวที่เกาะหมาก หรืออ่านข้อมูลมาจากนิตยสาร Trips ที่ผมไปซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือเมื่อวันศุกร์ ทำให้ผมอยากไปเกาะหมากจนตัวสั่น

ผมคิดในใจว่าจะออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อให้ทันเรือเมล์ราคาประหยัด(ที่สุด) เที่ยวเดียวเวลาบ่าย 3 โมง ซึ่งให้บริการจากแหลมงอบ-เกาะหมาก ทุกๆวัน

แต่เมื่อสอบถามกับบริษัทเกาะกูดซีทราน ว่ามีเรือเร็วซึ่งต้องจ่ายแพงกว่านิดหน่อย บริการแหลมงอบ-เกาะหมาก แต่ออกเวลา 9 โมงเช้า ทำให้ผมเปลี่ยนใจกระทันหันที่จะไปในกลางดึกของวันนี้แทนเพราะ หากได้ไปถึงเกาะในช่วงเที่ยงผมยังมีเวลาสำรวจเกาะอีกครึ่งวัน จะได้ไม่เสียเวลาไปฟรีๆ(ผมวางแผนจะพักที่เกาะแค่ 2 คืน ก่อนเดินทางกลับ)

จัดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ในเวลาไม่นาน แน่นอนว่าสิ่งสำคัญอย่างหนังสือดีๆ ยามเดินทางคนเดียว กับ Snockle ไว้สำรวจปลาทะเล ก็เป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้ในทริปเช่นนี้

เมื่อภราดร พ่าย เจมส์ เบคล์ นักหวดอเมริกัน ในรายการสต็อคโฮม โอเพ่น(อย่างไม่น่าแพ้) ผมจึงได้ฤกษ์ออกเดินทาง

ตกหลุม สาวมาดเท่

รถของคุณพ่อมาส่งผม ที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ผมแวะเข้าเซเว่นเพื่อซื้อ บัตรPin phone เผื่อไว้ว่า ที่เกาะหมากคลื่นออเรนท์ ไม่อาจใช้ได้ ผมจะใช้บัตรนี้ ติดต่อกลับบ้านหรือติดต่อเพื่อนๆ

ที่สถานีสยาม สาวมาดเท่ผิวขาว หน้าตาน่ารัก ผมยาวประบ่า สวมเสื้อสีเขียว กางเกงแฟชั่นหนีน้ำ(ไม่ยาวถึงข้อเท้าและไม่สั้นถึงหัวเข่า) รองเท้าเซอร์ๆสไตล์เด็กมีแนว ใช้ย่ามเก่าๆ ลักษณะคล้ายๆทอม นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม ดูจากสายตา เธออายุน้อยกว่าผมอย่างแน่นอน(แต่อายุสมองของเธออาจมากกว่าผมก็ได้นา ใครจะไปรู้ )

หลายครั้งที่ผมแอบมองเธอ ที่ขาของผมมักจะเป็นแผลเพราะตกหลุม(รัก) อยู่เสมอ กินอะไรหนอ ถึงเกิดมาหน้าตาดี ผมคิดในใจ (คงกินของสดๆมั้ง เอ้ย ไม่ใช่ปอบ!!)

ผมสังเกตว่า เธอก็มองผมอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มองอะไรหรอกครับ มองคนบ้าอย่างผม ที่บ้าหอบเป้ใหญ่ๆมากกว่า เธออาจคิดในใจว่า “ตาลุงนี่จะไปไหนหนอ”





แข่งกันขายตั๋ว

ที่สถานีเอกมัย ผมไม่กังวลเรื่องรถโดยสารมากนัก บริษัทไหนก็ได้ เพราะสำรวจราคามาแล้ว ส่วนใหญ่ หลายบริษัทราคาเท่ากัน เวลารถออกเที่ยวสุดท้าย อยู่ราวๆ 4 ทุ่ม- 5 ทุ่ม

ผมมาหยุดอยู่ที่ บริษัทขนส่ง จำกัด สอบถามพนักงานด้วยความแปลกใจ เพราะที่ป้ายเขียนว่า เอกมัย-แหลมงอบ นั่นก็หมายความว่า รถไปจอดที่ท่าเรือเลยซิ?

พนักงานอธิบายว่า รถเที่ยวนี้จะวิ่งขึ้นโทลย์เวย์ ซึ่งใช้เวลารวดเร็วกว่า ไปจอดที่แหลมงอบเลย โดยจะเริ่มให้บริการในเวลาเช้า ผมคิดในใจว่า เจ๋งน่าดู คราวหน้า ผมคงไม่พลาดที่จะใช้บริการแน่ๆ

“น้องๆ ” สาวใหญ่บริษัทธนกวี ขนส่ง กวักมือเรียกผม ตามประสาคนขายของที่ดี ที่มักจะแข่งขันกัน ผมมองเห็นรถออกเวลา 4 ทุ่มครึ่ง เหลือเวลาอีก 10 นาทีเอง ผมจึงเลือกเที่ยวรถเวลานี้ แทนที่จะเป็นเวลา 5 ทุ่ม แม้จะต้องใช้เวลานานที่นั่น กว่าเรือจะออกก็ตาม แต่ผมอยากไปถึงที่หมายให้รวดเร็วเท่านั้นเอง

เมื่อซื้อตั๋วเสร็จ ผมชำเลืองเห็นอีกบริษัท ที่อยู่ไกลกว่า สีหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังชัดเจน(อดได้ตังค์ผม)


อย่าเถียงกันเลยครับ เรื่องเล็กน้อย

“เลือกที่นั่งตามสบายเลยนะพ่อหนุ่ม” คุณป้า พนักงานบริการรถเที่ยวนี้บอกผม

ผมมองไปข้างในรถ ช่างมีคนน้อยจริงๆ แต่อย่างว่า ในวันธรรมดาแบบนี้ เที่ยวดึกด้วย ใครจะไปเดินทางท่องเที่ยวแบบผม นอกจากคนกลับบ้านต่างจังหวัด

ไม่นานคุณป้า เดินมาแจกน้ำและขนมให้ผม ผมนั่งแบบสบายใจ ยิ่งคนน้อย ผมก็มีเนื้อที่ในการวางของ ยืดขามากขึ้น (ผมนั่งอยู่ตรงกลางขวา ติดหน้าต่าง)

ผมโทรศัพท์หาที่บ้าน ว่าได้ขึ้นรถเรียบร้อย แต่กลายเป็นว่า ท่านทั้งสองเถียงกันว่า

“นั่งริมหน้าต่างน่ะ ตายก่อน แม่ไม่รู้เรื่อง พ่อนั่งรถทัวร์บ่อย”

“นั่งริมหน้าต่างแหละดี ไม่มีพวกมิจฉาชีพมาล้วงกระเป๋าได้(ที่นั่งอีกฝากหนึ่ง มีผู้ชายนั่งอยู่ 1 คน) คนจะตายนั่งตรงไหนก็ตาย

ผมคิดในใจ แล้วมาพูด ตายๆ ทำไมตอนนี้หนอ ผมกำลังเดินทางนะ ฮ่าๆๆ แต่ผมก็คิดวิธี ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สบายใจที่สุด คือ ผมจะไม่นั่งริมหน้าต่างตามใจพ่อ โดยเขยิบมาหน่อย แล้วจะย้ายของมีค่ามาไว้ที่กระเป๋ากางเกงข้างขวา(ที่ไม่มีใครนั่ง) ตามใจแม่ (อย่าเถียงกันเลย เรื่องเล็กน้อย)

ผมรีบนอนทันที เพื่อความสดชื่นในเช้ามืดวันรุ่งขึ้น








17 ตุลาคม 2548
แปลกใจ กับนักเดินทางวัยรุ่น

“พี่คะ รถไปตราดใช่ไหม หนูจะไปเกาะช้าง” ที่ชลบุรี ผมตื่นขึ้นมา หลังจากได้ยินเสียงผู้โดยสารคนใหม่ ที่เบาะหน้าผม พร้อมแปลกใจว่า ในเวลาแบบนี้ นอกจากผมก็ยังมีนักเดินทางคนอื่นอยู่อีกหรือ ผมสังเกตจากสายตาดุจเหยี่ยว เธอกัดสีผมด้วย ผมคิดในใจ ว่าแม้จะเดินทางคนละเกาะ คงมีโอกาสได้พบกัน

นอกจากนี้เบาะหลังเยื้องซ้าย ก็ยังมีสาววัยรุ่นอีก 2 คนด้วย

เวลา 2 นาฬิกา ที่ สถานีรถโดยสารจันทบุรี ผมตื่นมาอีกครั้ง เกือบจะแบกกระเป๋าลงจากรถเพราะเข้าใจว่าถึงที่หมายแล้ว พอดูดีๆ เลยตั้งสติอยู่ ผมจึงพยายามข่มตานอนอีกครั้งหนึ่ง


เช้ามืด ที่คึกคัก(มาก)

“รถทัวร์หมดระยะแล้วนะคะ” เสียงคุณป้า พนักงานประกาศ

ผมมองดูนาฬิกา ได้เวลา 3 นาฬิกา เท่านั้น รถก็วิ่งเร็วเหมือนกันนะเนี่ย(กรุงเทพ-ตราด ปกติใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง) ผมรีบแบกเป้ ลงจากรถ

“ไปไหนไอ้หนุ่ม”

“ไปเกาะหมากครับลุง แต่ผมจะไปเที่ยว 9 โมงของเกาะกูดซีทรานน่ะครับ” ผมมองดูหน้าตาแก ผมเคยเห็นเมื่อปีที่แล้ว ตอนมาลงรถที่นี่แน่นอน

“อืม ของเกาะกูดซีทรานเหรอ ลุงไม่แน่ใจ เดี๋ยวลุงไปถามให้ มาหาที่นั่งก่อนซิ ”

ซักพัก ผมได้คำตอบจากพี่ข้างๆ ว่า ต้องไปขึ้นที่แหลมงอบนั่นแหละ แต่ตอนนี้ รอรถคิวก่อน แล้วค่อยไป เพราะหากไม่นั่งรถคิวก็ต้องเหมาไป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

เวลาเช้าๆแบบนี้ อากาศช่างเย็นสบายดี ผมเดินเข้าไปหาอะไรทานในตลาดที่อยู่ใกล้ๆ แปลกใจมากที่เวลา ตี 3 แต่กลับคึกคักมาก ไม่ต่างอะไรกับตลาดในช่วง7-8 โมงใน กรุงเทพเลย

ภาพที่คนขับรถ หยอกล้อกันแบบเด็กๆ ทำท่าชกต่อยกัน ทำให้ผมแอบยิ้มไม่ได้

ภาพที่เวลารถทัวร์ผ่านมา คนขับเลิกเล่น มองไปที่รถทัวร์ “รอบนี้เยอะ นี่หว่า” แล้วเตรียมตัวไปสอบถามผู้โดยสารเพื่อหาลูกค้า ช่างเป็นภาพที่ผมคุ้นตาอย่างมาก

ผมข้ามฝั่งไปซื้อ ขนมปัง นม ที่เซเว่น มากินเพื่อประทังความหิว ก่อนไปหาอะไรทานอีกครั้งที่แหลมงอบ

3 Comments:

At 3:45 AM, October 22, 2005, Anonymous Anonymous said...

This comment has been removed by a blog administrator.

 
At 11:08 AM, October 22, 2005, Anonymous Anonymous said...

โหยยยยยยยยยย..........
มาอ่านแล้วอิจฉาอ่ะจ้ะ...
อยากไปเที่ยวจะตายชัก !!!
แต่ไม่สามารถลุยแหลกแบบนี้เน้อออออ...

จะตามมาอ่านเรื่อยๆค่ะ ...
ปลายเดือนนี้จะไปชะอำนะ...
มีโอกาสหนีงานแค่ 2 คืน 3 วันเท่านั้นเอง :(((
แล้วจะถ่ายรูปมาฝากเจ้าค่ะ ;)))

 
At 11:13 PM, October 22, 2005, Blogger kasab71 said...

เป็นข้อได้เปรียบของผู้ชายครับ ขืนสาวๆทำแบบผม บางโอกาส อาจมีอันตรายก็ได้ ไม่ดีครับ หาโอกาสไปกับเพื่อนๆดีกว่า

ยินดีกับการหนีงานนะครับ ได้เที่ยวแล้ว หวังว่า คงทำให้ผ่อนคลายจากงานได้บ้าง

 

Post a Comment

<< Home