Thursday, October 13, 2005

เด็กชายลำไส้สั้น


เป็นงานเขียนของอาจารย์ธรณ์(แฟนพันธุ์แท้ทะเลไทย) ที่ผมดองเค็มไว้ตั้งแต่งานสัปดาห์หนังสือ เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา พึ่งจะมีโอกาสได้อ่าน ก็สองสามวัน ที่ผมมีธุระต้องเดินทางตลอดวัน

แม้จะเป็นนักเขียนที่ผมชื่นชอบมากแต่ผมก็ไม่ได้ซื้องานเขียนของอาจารย์ทุกเล่ม ผมซื้อเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับทะเลเท่านั้น (เกี่ยวนิดนึงก็ซื้อครับ)

ผมติดตามงานเขียนของอาจารย์มาตลอด เช่น ATG เล่มมหากาพย์หมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเดินทางไปยังเกาะสวรรค์(จำได้ว่าตอนเปิดอ่าน เกิดอาการตัวสั่นแบบเด็กอยากได้ของเล่น) ใต้ทะเลมีความรัก เที่ยวอุตลุด ปลาทะเลไทย หรือแม้กระทั่งงานเก่าๆ อย่างสมุทรสัญจร เป็นต้น

ผมทราบเพียงเบื้องต้นว่า อาจารย์มีลูกชาย 1 คน ชื่อน้องธรา

เรื่องนี้ก็เช่นกัน ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อผมได้อ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หน้าวาไรตี้ มีเรื่องย่อเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมรู้ว่ามาจากชีวิตจริงของอาจารย์นี่เอง เป็นชีวิตจริงของน้องธรรธ ลูกชายคนที่สองของอาจารย์ที่ลำไส้สั้นมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งปกติลำไส้ของเด็กทั่วไปจะยาว 2-3 ซม แต่น้องธรรธยาวแค่ 45 ซม

แม้ผมจะเคยคุยกับอาจารย์ธรณ์ตัวจริงเพียงไม่กี่คำ ส่วนใหญ่จะติดต่อโดยการตอบคำถามผ่านในเว็บมากกว่า แต่ผมรู้สึกว่าอยากจะช่วยน้องเขา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

อย่างน้อยก็เป็นค่านมแบบพิเศษ กระป๋องละสองพันกว่าบาท ที่ต้องสั่งจากสิงค์โปรก็ยังดี

การที่ลำไส้สั้น น้องธรรธไม่สามารถกินอาหารได้เหมือนเด็กทั่วไป แม้แต่นมก็ยังกินไม่ได้เพราะกินแล้วจะถ่ายออกมาตลอด บางครั้งมีมูกเลือด บางครั้ง อาเจียนออกมา ต้องให้อาหารผ่านเส้นเลือดดำ ที่เรียกภาษาทางการแพทย์ว่า TPN(Total Parenteral Nutrition) ซึ่งไม่ใช่การให้ผ่านข้อมือ แต่ต้องเจาะทางหน้าอกแล้วนำสายซิลิโคนเข้าไปคาไว้ตรงเส้นเลือดดำใกล้หัวใจ

ฟังดูก็เป็นอาการของเด็กที่ป่วย ซึ่งสามารถเป็นกันได้ แต่โรคนี้ในเมืองไทยมีข้อมูลน้อยมาก ลองคิดดูซิครับว่า เด็กทารกแรกเกิด แทนที่จะได้กลับบ้านแต่ต้องทุกข์ทรมานกับการเจาะเส้นเลือด(ซึ่งบางทีก็หาเส้นเลือดไม่เจอ) ร้องอุแว้ๆ แล้วหัวอกคนเป็นพ่อแม่ล่ะจะทรมานแค่ไหน

แม้ผมยังห่างไกล กับการเป็นพ่อคนมาก แต่ผมรับรู้ได้ ผ่านหนังสือเล่มนี้ อาจารย์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมา จนคนที่ต่อมน้ำตาตื้นอย่างผม น้ำตาคลอเบ้า ในบางตอนมากแล้ว(ทายเอาเองนะครับ ว่าตอนไหน)

ตอนผมคลอดก่อนกำหนด(7 เดือน)

ถึงจะต้องเข้าตู้อบ

ถึงจะต้องให้นำเกลือเจาะผ่านทางศีรษะ

ถึงคุณหมอจะบอกคุณพ่อ คุณแม่ของผมว่า

“ ทำใจนะครับ ลูกคุณอาจไม่รอด”

แต่หากเทียบความทรมานและความเจ็บปวดที่แสนยาวนานของน้องธรรธ ของอาจารย์ธรณ์และพี่หนูดาว แทบไม่ได้ครึ่งหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

ผมรับรู้ถึงความเบื่อหน่ายของคนไข้ และคนเฝ้าไข้ดี ในการใช้ชีวิตที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการป่วยของคุณพ่อ หรือ อาการป่วยของพี่ชายคนโต

ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า อาจารย์ธรณ์ ผู้สนุกสนานเฮฮา แต่ในอีกด้านหนึ่งของชีวิต ต้องร้องไห้โฮแบบไม่อายใคร กับชะตากรรมของลูกชาย โดยขอให้เขาแค่มีชีวิตอยู่ได้เป็นพอ

ผมไม่เคยรู้พี่หนูดาว สาวที่ใช้ชีวิตไปวันๆ(เห็นอาจารย์ว่าอย่างงั้น มีจะกระโดดทับด้วย ถ้าไม่ตื่น) แต่เข้มแข็งและเป็นแม่ที่ดีของลูก สมกับที่อาจารย์ได้เลือกแล้วจริงๆ

หากใครได้อ่าน ชีวิตจริง(ที่ไม่ใช่ในนิยาย ) ในช่วงเวลาหนึ่งของครอบครัวนี้ อาจมีความรู้สึกเช่นผม บ้างก็ได้

ขอให้มีร่างกายแข็งแรงนะครับ ธรรธจัง

6 Comments:

At 12:42 AM, October 13, 2005, Anonymous Anonymous said...

This comment has been removed by a blog administrator.

 
At 7:50 AM, October 13, 2005, Anonymous Anonymous said...

เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องความจริงในชีวิตได้อย่างเห็นภาพชัดเจน
......ร้องไห้ตั้งแต่อ่านไปไม่กี่หน้า.......
แล้วก็ "รู้สึก" ถึง "พลังแห่งความรักของพ่อแม่" ได้อย่างชัดเจนค่ะ

เป็น "ความรัก" ที่ยิ่งใหญ่มากกว่าความรักทั้งปวงในโลกนี้

 
At 12:22 AM, October 14, 2005, Blogger kasab71 said...

ถูกต้องเลยครับ ความรักของพ่อ แม่

ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ

 
At 4:58 AM, October 15, 2005, Blogger sweetnefertari said...

เคยดูเรื่องนี้จากรายการ"ถึงลูกถึงคน" เห็นใจมาก

ดร.ธรณ์กับภรรยาเข้มแข็งมาก ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะสามารถยิ้มแย้มได้ขนาดนั้น ทั้งตอนที่มาออก "แฟนพันธุ์แท้" สนุกสนานมาก เก่งสุดๆ ตอนที่มาออก "ถึงลูกถึงคน"เรื่องกู้ทะเลไทย หลังสึนามิ ก็เป็นนักวิชาการที่อธิบายวิชาการได้อย่างไม่น่าเบื่อ

ไม่รู้จะช่วยยังไง นอกจาก ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ผ่านบล็อกนี้

 
At 10:47 PM, October 15, 2005, Blogger kasab71 said...

ขอบคุณมากครับ คุณ sweetnefertari

อาจารย์ธรณ์ คงดีใจมากครับ ว่ายังมีคงห่วงใยอีกมาก

 
At 8:41 PM, October 16, 2005, Blogger sweetnefertari said...

จ๊า...

 

Post a Comment

<< Home