Monday, November 29, 2010

สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(7)




25 ตุลาคม 2553

ลืมตามา อากาศเย็นสบายดีมาก รู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างนอกชาน ที่เปิดไว้เมื่อคืนนี้ ไหนดูซิ ว่ากี่โมงแล้ว อ้าวเพิ่ง ตีห้า สิบห้า เอง ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เสียอีก น่าแปลกว่า มีแต่ความสดชื่น ไม่มีความงัวเงียหลงเหลืออยู่เลย

แต่มันยังมืดอยู่ นอนเล่นไปก่อนก็แล้วกัน ได้ยินเสียงกุกกัก เสียงคนเดิน ลองมองออกไปดู เป็นกลุ่มพี่วิจิตรนั่นแหละครับ เดินทางกลับประเทศไทยเช้านี้

เห็นพระอาทิตย์กำลังส่องแสง นึกขึ้นได้ว่า กิจกรรมที่ทำเป็นประจำ เวลามาทะเล ก็คือ การถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งมักจะตื่นได้เองโดยอัตโนมัติ พระอาทิตย์ขึ้นที่ Sipadan Water Village คงหาดูไม่ได้ง่ายๆล่ะ(กว่าจะได้มาอีกรอบ ไม่รู้อีกกี่ปี)

10 นาที ที่ตั้งกล้อง ก่อนที่แสงจะสว่างจะมากเกินไปกว่านี้(ใช้ที่นอนไม้ นอกชานเป็นขาตั้ง) บรรยากาศดีจริง ตาแทบจะถลนในขณะที่ผมมองไปที่ผิวน้ำ เจอปลาวัวไตตัน กับ ปลากระมง ด้วยนะ(แต่ถ่ายไม่ทัน)

แปรงฟันอย่างเดียว น้ำไม่ต้องอาบ(เดี๋ยวก็ลงน้ำอยู่แล้ว) จัดของดีกว่าครับ หยิบกระเป๋า OCEAN PACK ใส่ของลงไป ทาซิลิโคนที่โอริง เบิ่งตาดูว่าไม่มีเส้นผมหรือเม็ดทราย ก่อนที่จะประกอบกล้องเข้ากับ Housing

“สวัสดีครับพี่ โชคดีนะครับ” ผมกล่าวคำร่ำลา พี่ๆในกลุ่มพี่วิจิตร ก่อนจะเดินไปห้องอาหารและไป Dive Center


ยังเหลือคนไทยอีก 2 คน!!!


หากไม่นับพี่วิทย์ที่เป็น Divemaster ของที่นี่แล้ว ยังเหลือคนไทยอีกสองคน ที่อยู่ต่ออีก 1 คืน ว่าแล้วแกก็ชี้ให้ดูบนกระดาน มีชื่อคนไทยอีก 2 คน ไปสิปาดันเช้านี้เหมือนกัน แต่ก็ไปคนละลำกับผมอยู่ดีแหละ

คนไทยสองคนก็อยู่ตรงนี้นี่เอง ทักทายพี่ๆหน่อย ชื่อว่า พี่หนึ่งกับพี่ปุ๋มครับ ดูสนิทสนมกับพี่วิทย์พอสมควรเลยล่ะ(พี่หนึ่งบอกไปดำน้ำแต่พี่ปุ๋มขอพัก คงไม่ดำในวันนี้)

ดูรายชื่อต่อ ลำของผมเหรอครับ ฝรั่ง 1 คน ที่เหลือญี่ปุ่นหมด(จะ Inter ไปถึงไหนล่ะนาย 555) วันนี้ดำสามไดฟ์ที่สิปาดัน ดำ 2 ไดฟ์ แล้วกลับมากินข้าวเที่ยง แล้วกลับไปช่วงบ่ายอีก 1 ไดฟ์

มองดูตรงสะพาน ที่ผิวน้ำ นอกจากน้ำจะใสแล้ว ผมเห็นฝูงปลาชนิดหนึ่ง รวมตัวกัน ไม่ต่ำกว่า 200 ตัว โอ้ สุดยอดจริงๆ
เรือของผมชื่อ Lady Ai Yuen ส่วน Divemaster คือ Jimmy ลงเรือแล้วไปกันเลยครับ

มุ่งหน้าสู่เกาะสิปาดัน!!!


จำได้ว่า ชายคนนี้มาพร้อมกับผมนะ จำบนเรือที่ฝั่ง Semporna ได้ ลองคุยๆดู เป็นคนอิตาลีครับ ชื่อ Edu ว่าแต่ฟังยากชะมัด หรือเรือจะเสียงดัง แต่ที่แน่ๆ กล้อง สโตป พร้อมแบบนี้ ดูเป็น Professional มากๆ

มีเรือวิ่งขนาบข้าง หันไปดูเป็น 3 สาว มาเลเซีย (Lai , Lee, Lee) โบกมือให้ซะหน่อย พวกเธอไปสิปาดันเหมือนกัน แต่ไป Snorkeling

สำหรับเกาะสิปาดัน ผมพอทราบในเบื้องต้นว่า เป็นเกาะที่สมัยก่อนมีรีสอร์ทเอกชนตั้งอยู่ แต่พอรัฐบาลมาเลเซีย เอาจริง และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นหลัก ก็มีคำสั่งให้รื้อรีสอร์ทแห่งนั้นออก พร้อมทั้งให้ทหารเข้ามาดูแล ทั้งยังจำกัดจำนวนนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวที่ขึ้นเกาะในแต่ละวัน ทำให้ทรัพยากรที่เกาะแห่งนี้ ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก

วันนี้ทะเลเรียบ เรือวิ่งสบาย ถือว่าอากาศดีครับ อ้าว ถึงแล้วเหรอ เร็วจริงๆ


Sipadan Island / Signature


สะพานไม้ ปลายทางมีป้ายเขียนว่า “Welcome Sipadan Island Park - Sabah , Malaysia” เปรียบดังประตูสู่เกาะสิปาดัน เมื่อมาถึงก็ต้องมาลงชื่อ นามสกุล สัญชาติ ว่าเป็นใครกันบ้าง(เรื่องค่าธรรมเนียมในการเข้าก็ว่ากันไป ส่วนใหญ่ทางรีสอร์ทก็จะจัดการให้เรา เพราะรวมอยู่ในแพคเกจที่จ่ายมา) มองเห็น 3 สาว มาเลเซีย กับ Junior อยู่ตรงสะพาน ด้วย

แดดยังไม่ค่อยมีแต่พอมองเห็นในเบื้องต้นว่า ทรายขาว ละเอียดมาก อาจต้องรอให้มีแดดจึงจะเห็นความสวยงามที่แท้จริง ที่แน่ๆ ป้ายคำว่า “ Please Do Not Feed The Fish - fish feeding upset the biological balance on the reef” คงเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี ในความจริงจังของรัฐบาลมาเลเซีย ว่าการให้อาหารปลาทะเล ทำให้ความสมดุลของระบบนิเวศเปลี่ยนไป(ขออธิบายอีกครั้งก็แล้วกันครับ เปลี่ยนไปยังไง ยกตัวอย่างบ้านเราก็ได้ เช่น หมู่เกาะพีพี กรุ๊ปทัวร์มักจะโฆษณาว่า ให้ขนมปังกับปลาซิ ปลาเชื่องมาก มากินขนมปังกับมือเลย แต่สังเกตให้ดีว่า ปลาที่มากินขนมปังมากที่สุด คือ ปลาสลิดหินบั้ง ตัวลายๆอมเหลือง มีอุปนิสัยก้าวร้าว แพร่พันธุ์เร็ว เมื่อปลารู้ว่ามีขนมปังก็จะมากิน ไม่หาอาหารเอง และเมื่อปลาสลิดหินลายบั้ง มีมากขึ้นก็จะขับไล่ ปลาในแนวปะการังอื่นๆ เช่น ปลาสิงโต ออกนอกเขตปะการัง และปลาสิงโตก็จะตายในที่สุด ลองเปรียบเทียบดูเวลาไปสน๊อคเกิ้ลในหลายๆพื้นที่ แล้วเปรียบเทียบกันนะครับ)

ต้องกลับขึ้นเรือก่อน เดี๋ยวคงได้กลับมาอีกในช่วงพักระหว่างไดฟ์ เรือ Lady Ai Yuen พาผมมาจุดดำน้ำแรก ที่ชื่อว่า Barracuda Point Jimmy อธิบายว่า ให้ดำน้ำไปทางไหน ดำเวลาเท่าไร สัตว์ทะเลที่คาดว่าจะได้เจอ Jack fish , Shark , Turtle , Barracuda เป็นต้น

“Maybe Hammerhead Shark?” ผมพูดขึ้นมา ขำๆ เพราะรู้ดีว่าคงไม่เจอหรอก

“Maybe” Jimmy ยิ้ม และคนอื่นๆในเรือก็หัวเราะเหมือนๆกัน

Back Row ลุยกันเลยครับ

Dive 4 My God นี่เหรอใต้ทะเลที่สิปาดัน!!!!

น้ำใสมากๆครับ ลงมาก็เจอกำแพงสีเงินทันที เป็น Jack Fish(หรือ ปลากระมง) ฝูงใหญ่ แยกชนิด คือBigeye Trevally อยู่ห่างจากผิวน้ำ 1- 3 เมตรเท่านั้น ถ้า Snorkeling ไม่ต้องพูดถึง เห็นชัดๆ แบบเต็มตา

ปลากลางน้ำที่เป็นปลาเศรษฐกิจแบบนี้ แถมฝูงใหญ่หลายร้อยตัว คงไม่ได้เห็นกันง่ายๆ ในระดับความลึกไม่ถึง 3 เมตร อาจเป็นเพราะที่นี่มีความเข้มงวดมากก็ได้ ปลาก็เลยอยู่ได้ อย่างมีความสุข

ฉลามตัวแรกมาแล้วครับ เร็วจริงๆ Jimmy เขียนกระดานบอกแล้วชี้ให้ดู ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย เป็น Whitetips Shark(ฉลามครีบขาว) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า triaenodon obesus เป็นนักล่าที่สง่างามจริงๆ

ไม่นานนัก Jimmy เรียกอีก นั่น มาอีกตัวแล้ว ลำตัวเพรียว ยาว ทำไมเจอง่ายจัง เอ้า! ถ่ายรูปซะ

ว่ายน้ำแล้ว ต่อไป ฉลามนอนบ้าง Whitetips Shark ตัวนี้ นอนอย่างสบายอารมณ์ โดยมีเหาฉลาม(Shark Sucker) เกาะอยู่บนหัว เป็นเหาฉลามนี่สบายครับ ว่ายน้ำก็ไม่ต้องว่าย เกาะอย่างเดียว อาหารก็มีให้กิน ผมค่อยๆขยับเข้าไปอย่างช้าๆ เพราะถ้าพรวดพราดเข้าไป เจ้าครีบขาวหนีแน่ๆ คนที่ตามมาก็อาจจะไม่ได้ถ่ายรูป

ดูฉลามว่ายน้ำของจริง ในธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่ดีมาก อยากให้เมืองไทย เจอฉลามง่ายๆแบบนี้ รับรองว่าการท่องเที่ยวยิ่งบูม แต่ต้องแก้ปัญหาการจับปลาให้ได้ก่อน ฉลามในเมืองไทยถูกคุกคามจนเหลือน้อยมากแทบจะหาไม่เจอเวลาดำน้ำ

มาดูพี่เต่ากันบ้าง เดี๋ยวจะน้อยใจ Green Turtle หรือเต่าตนุ ว่ายน้ำอย่างสวยงาม ผมตีขาตามเจ้าเต่าตนุ ก่อนจะถ่ายรูปในระยะใกล้ ได้เห็นผู้เฒ่าเต่าชัดๆ แววตาของสัตว์ที่รักสงบ ดูแล้วก็มีความสุขตามมันนะ

มาดูเจ้าปลาลูกดอกเพลิง(Fire Dartfish) โผล่ออกมาง่ายๆ แถมยังไม่หนี แบบนี้ก็เสร็จซิ 555

ปะการังแข็งและปะการังอ่อนของที่นี่ ดูแล้วขัดแย้งกับสัตว์ทะเลที่เจอซะเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เคยคิดว่า ที่ไหน ปะการังแข็งและปะการังอ่อนเยอะ สัตว์ทะเลหายากน่าจะพบได้ง่าย ตอนนี้คงไม่ใช่แล้วล่ะครับ

ปลาวัวไตตัน(Titan Triggerfish) สำหรับที่นี่ดูจะยังไม่ดุเท่าไร ว่ายผ่านไปแบบไม่สนใจใคร ต่อด้วยปลาวัวตัวตลก(Crown Triggerfish) ที่ไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่ ลวดลายที่เหมือนตัวตลก มีสไตล์ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เป็นปลาวัวชนิดหนึ่งที่น่ารักมาก

ปลาโนรี(Longfin Bannerfish) ที่ดูจะธรรมดาในเมืองไทย แต่ที่นี่ไม่ธรรมดา เพราะมาเป็นฝูง ผมไม่เคยเห็นปลาโนรีเป็นฝูงแบบนี้มาก่อน ส่วนใหญ่พบครั้งนึงก็ 1- 2 ตัว

ปิดท้ายไดฟ์ ด้วย Whitetips Shark กำลังนอน(ท่าทางคงพึ่งกินอาหารไปเร็วๆนี้) เขาว่าสิปาดันเต่าเยอะใช่ไหมครับ แต่เฉพาะไดฟ์นี้นะ ฉลามเยอะกว่า มาจากทุกทิศจนไม่ต้องกลัวเลยว่า จะถ่ายรูปไม่ได้ เพราะมีมาให้ยลโฉมโดยตลอด

ขึ้นมาหายใจด้วยจมูกบ้าง ก็ดีไม่แพ้กัน ผมรอให้คนอื่นๆขึ้นเรือไปก่อน พอขึ้นมา แสบๆบริเวณขา เนื้อพองขึ้นมา สีแดงๆ อาจโดนไฮดรอยก็ได้ คงจะไปถูกโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างถ่ายรูป ไม่เป็นไรครับ อยากใส่ขาสั้นลง ก็ต้องมีโดนแบบนี้บ้าง แต่ว่ายน้ำและเคลื่อนไหวสบายจริงๆนะ (อุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียส สบายๆ ความลึกน่ะเหรอ เฉลี่ยแค่ 10 เมตร ลงลึกสุด 20 เมตร ถือว่าตื้นมากๆ)

เรือ Lady Ai Yuen พาผมกลับไปที่เกาะสิปาดัน พร้อมกับคำถามในใจที่ว่า เหตุใดบ้านเราถึงไม่มีฉลามให้ดูมากแบบนี้ ทั้งๆ ที่ใต้น้ำของเรา สวยกว่าของเขาซะอีก

ความสวยงามของเกาะสิปาดัน – เมื่อเจ้าเงาะถอดรูป!!!!


บอกได้คำเดียวว่าสวยมากๆ มีแดดกับไม่มีแดด แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้แดดจัด น้ำทะเลใสราวกับกระจก สีฟ้าอ่อนทำให้สบายใจ(หยิบแว่นเรแบนของพ่อขึ้นมาใส่ จะได้ช่วยถนอมสายตา แม้จะเป็นแว่นยุคเก่าแล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่มีใส่นะ)

Jimmy ก็ใส่ Rayban เหมือนกันครับ ผมบอกว่า เหมือนกันๆ เหมือนของพ่อเป๊ะเลย

3 สาวมาเลเซีย(Lai , Lee, Lee) กำลังถ่ายรูป เข้าไปทักทายซะหน่อย ไปถ่ายรูปให้ด้วย(ทำงานหน่อยๆ) หลายๆช๊อต กระโดดด้วย แดดแรงมาก เห็นข้อดีของแว่นกันแดดแล้ว ปกติมาทะเลก็ไม่ค่อยได้ใส่เหมือนกันนะ

เจอพี่หนึ่ง เลยเข้าไปคุยซะหน่อย พี่หนึ่งมาเกาะสิปาดัน วันนี้ เป็นวันที่สองครับ แกยังแนะนำผมเลยว่า ถ้ามีโอกาสให้มาที่นี่ 2 วัน นะ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม

ไปทานข้าวครับ แต่ละรีสอร์ทก็จะจัดอาหารมาให้นักดำน้ำทานระหว่างพักไดฟ์ที่นี่ มีสัตว์ครึงบกครึ่งน้ำ ที่อยู่ในความสนใจของทุกคน ต้องเข้าไปถ่ายรูป

บ้านเราเรียกอย่างสุภาพว่าตัวเงินตัวทอง(หรือตัว......) นั่นเอง

ที่นี่ก็เหมือนอุทยานแห่งชาติบ้านเรา มีห้องน้ำ มีบ้านพัก(แต่สำหรับทหาร มิใช่นักท่องเที่ยว) บรรยากาศมีต้นไม้ใหญ่ ค่อนข้างร่มรื่น ผมเดินมาถ่ายรูปความสวยงามของน้ำทะเล จัดมุมถ่ายบ้าง เอารองเท้าแตะไปวางบ้าง เอาแว่นตาไปวางบ้าง ถ่ายวีดีโอบ้าง

พักประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที Jimmy ก็เรียกไปขึ้นเรือ Lady Ai Yuen เพื่อดำในไดฟ์ต่อไป ผมถาม Jimmy ว่า ก่อนมาที่นี่ นึกว่าจะมีภาพทหารยืนถือปืนอย่างเข้มงวด ใครขึ้นเกาะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดนยิงทันที Jimmy ยิ้มๆ บอกว่า มันไม่ใช่หรอก ไม่ถึงขนาดนั้น

ส่วนเรื่องเต่า Jimmy บอกว่า ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น Green Turtle (เต่าตนุ) ไม่ใช่ Hawksbill Turtle (เต่ากระ) ซึ่งตรงกันข้ามกับบ้านเราที่พบ ชนิดหลังมากกว่าชนิดแรกนะ

จุดต่อไปเรียกว่า South Point ครับ


Sunday, November 21, 2010

สิปาดัน....มหัศจรรย์ทะเลเซเลเบส(6)




กลับมาที่ Sipadan Water Village เจอ 3 สาว มาเลเซีย (Lai , Lee, Lee)กำลังเตรียมตัว Snorkeling ที่ Paradise 1 โดยมี Junior รับหน้าที่เป็นผู้ดูแล


Junior ถือห่วงยางโดยมีเชือกผูกอยู่ เข้าใจว่า เพื่อให้ 3 สาว ไว้ใช้เกาะเวลา Snorkeling นั่นเอง แดดยังดีอยู่และน้ำก็ใสมาก


ระหว่างล้างตัวก็เป็นจังหวะเดียวกับกลุ่มพี่วิจิตร ที่ขึ้นมาพอดี พี่สาวคนหนึ่งในกลุ่มพี่วิจิตรถามผมว่าเจออะไรมาบ้าง


“Leaf Fish ครับพี่ เจอตั้งหลายสี และก็มี Ribbon Eel 2 ตัว ดำกับฟ้า อ่อ ปลากบด้วย”


“ใช่ๆ ที่นี่ Leaf Fish เจอง่ายมากๆ ปลากบก็เยอะ โห เจอ Ribbon Eel สีฟ้าด้วยเหรอ”


“ครั้งแรกเลย พึ่งเจอสีดำ(วัยเด็ก) เมื่อไม่นาน นี้ที่สิมิลัน แต่ค่อนข้างลึกกว่านี้มาก พี่เจออะไรบ้างครับ”


“ก็พวกนูดี้ ปลากบ Leaf Fish และตัวเล็กๆ อีกเยอะเลยล่ะ”


อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง สี่สิบนาที กว่าจะถึงเวลาลง Sunset Dive เลยมีโอกาสได้คุยกับพี่วิทย์ Divemaster คนไทย ที่ทำงานที่นี่ และเป็น Divemaster คนไทยเพียงคนเดียวที่ทำงานในรีสอร์ทแถบนี้ด้วย


Divemaster ไทย ในต่างแดน!!!


“ก็มาอยู่ได้ 6 เดือนแล้วครับ ก็โอเคนะ พี่อยู่ง่าย กินง่าย ” พี่วิทย์ พูด


ตามความคิดผม คนมาอยู่แบบนี้ได้ ต้องมีความอดทนสูง และใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เพราะคืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล สิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่เหมือนอยู่ในเมือง ก็เหมือนกับการติดเกาะนั่นแหละ(ไม่เหมือนกรณีไปอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศอื่นๆนะครับ แบบนั้นแม้จะไกล แต่สิ่งอำนวยความสะดวกมี จะไปไหนก็ง่ายกว่า)


ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ดีของพี่วิทย์เหมือนกันนะ เพราะเมื่อเงินไม่ค่อยได้ใช้มากนัก ก็เป็นโอกาสดีในการสะสม เพิ่มพูน แกบอกว่า หากกลับเมืองไทยนานๆ กลัวจะไม่อยากมาอีก ซึ่งผมก็เข้าใจดี


ก่อนหน้านี้พี่วิทย์ เป็น Instructor อยู่ ดำน้ำดอดคอม ถ้าพูดถึงร้านนี้ ก็ต้องครูพู่ แห่งดำน้ำดอดคอมเลย แม้ไม่เคยเจอมาก่อนแต่คุ้นชื่อมาก(พี่โหน่งหรือพี่เหนียวน้อย โอวี รุ่น 56 ที่ผมเคยเจอตอนไป Fun Dive ที่ชุมพรคาบาน่า ก็ลูกศิษย์ครูพู่ นี่แหละ)


พี่วิทย์แนะนำหลายๆอย่างกับสิ่งที่ผมยังไม่รู้ แกเล่าถึงเมื่อวันก่อน พา Diver ไปเจอเจ้า Orang-utan(อุรังอุตัง) Crab ตัวใหญ่มาก ยังไงมันก็ไม่หนี ต่อคิวถ่ายกันหลายคนจนครบเลย(ตามปกติ ปูคงไม่อยู่นิ่งให้ถ่ายนานๆครับ ซักพักมันก็คงจะหนีแล้วล่ะ)


“แล้วเราล่ะ ทำไมมาคนเดียว” พี่วิทย์ถาม


ผมเล่าให้ฟังถึงเหตุผลและจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ ที่สูญเสียแม่


“ก็ตั้งแต่ลาออกจากงานมาดูแลแม่ ก็ฝากในบัญชีครับพี่ เดือนละ 1,000 บาท จะได้ไม่เจ็บตัวมาก พอ 3 ปี มันก็เพียงพอที่จะมาที่นี่ได้ ผมตอบ


“เก่งว่ะ” พี่วิทย์อุทาน และคงเป็นคำชม ในการอดออมของผมละมั้ง


จบบทสนทนากันตรงนี้ ก่อนที่พี่วิทย์จะขอตัวไป และบอกว่าเจอกันตอนค่ำๆ


นั่น Divemaster Rika นี่นา ผมดูนาฬิกา ใกล้เวลา 17.20 น. เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกัน ที่บอร์ดยังมีชื่อผม คนเดียวอยู่เลย ดีเหมือนกันนะ คนน้อยๆแบบนี้


Rika ถามผมว่าเตรียมไฟฉายมาหรือไม่ ผมนึกขึ้นได้ว่า อยู่ในห้อง จึงรีบไปหยิบไฟฉาย แล้วมาอย่างรวดเร็ว


ใส่ถ่านเรียบร้อย ผมถาม Rika ว่าใช้ได้หรือไม่ เพราะไฟฉายค่อนข้างเล็ก เป็น LED แค่ 5 หลอด Rika ยิ้ม บอกว่า ใช้ได้


เอาล่ะครับ แต่งตัว เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แม้ Sunset Dive นี้ จะไม่มีอะไรต่างจาก Night Dive เท่าไร(ก็มืดและต้องใช้ไฟฉายเหมือนกัน) แม้ผมจะลง Night Dive มาทุกๆครั้ง(ไม่เคย Skip ด้วยความชอบส่วนตัว) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลงแล้วมีเพียง Diver คนเดียว จะสนุก ตื่นเต้น เหมือนเดิมหรือเปล่านะ


Rika จะพาผมไปที่จุดดำน้ำที่เรียกว่า “ Paradise 2 ” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Paradise 1 นัก กระโดดจากสะพานที่ Dive Center ได้เลย

ไปดู ปลาแมนดาริน ปลาน่ารัก ที่หาดูได้ยากมาก(ในธรรมชาติและไม่ใช่ในตู้ปลา) อาจจะได้เจอขณะมัน Mating(ออกแนวๆจีบ เกี้ยวพาราสีและ.....) กันก็ได้นะ


แม้ผมยังไม่เชื่อเท่าไรว่า ปลาก็ไม่ได้ตัวใหญ่ อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ บอกว่าอยากดู จะพาไปดูได้ตามที่บอกเลยหรือ?



Dive 3 เยี่ยมปลาแมนดาริน กับ โอกาสที่หายาก!!!



ว่ายน้ำตาม Rika ไปเรื่อยๆ ดูเธอก็ตีขาเร็วครับ แต่สบายมาก Fin ใหม่ของผม Mares Avanti Superchannel ใช้งานได้ดีสุดๆ


แสงค่อยๆ ลดลงจนเหลือแต่เพียงแสงจากไฟฉายเท่านั้น ระหว่างทางเจอปลาทะเลตัวยาว สีขาว คาดว่าคงอยู่ในตระกูลปลาไหล(Eel) ปกติตัวยาวๆแบบนี้ ชอบอยู่ในโพรงเวลากลางวัน ถ้าออกมาแสดงตัว คงจะเป็นเวลาหาอาหารเป็นแน่แท้(แม้หน้าตาจะดูไม่ค่อยน่ากลัว เหมือนปลาไหลงู หรือปลาไหลมอเรย์บางพันธุ์ก็ตาม)


Rika พาผมมาหยุดอยู่ที่ปะการังกอหนึ่ง(คล้ายๆ Finger Coral) ใกล้ๆ มีนักดำน้ำคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปอะไรซักอย่างตรงกอนี้


Rika ชี้ให้ผมดู ผมสั่นหน้าบอกว่าไม่เห็น ส่องๆดูก็ไม่เห็นมีอะไร เธอใช้กระดาน เขียนอธิบายบอกว่า Mandarin Fish!!! ซึ่งผมพยายามเข้าไปใกล้ และสังเกตให้ดีกว่าเดิม


ปลาแมนดาริน(Mandarin Fish) ครับ ของแท้แน่นอน ลวดลายแบบนี้ เป็นอื่นไปไม่ได้ ปลาแมนดาริน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Synchiropus splendidus อยู่ใน ตระกูล Callionymidae หรือที่เรียกกันว่า "Dragonets" บ้านเราไม่มีครับ อยากดูในธรรมชาติก็ต้องมาที่นี่ ผมให้สัญญานกับ Rika ว่าเห็นแล้ว


คราวนี้ก็ได้เวลาถ่ายรูป แต่ค่อนข้างมืด ล๊อค โฟกัสยากอยู่ ใช้ไฟฉายช่วยด้วยแล้วกัน ผมใช้หลักเดียวกับปลาการ์ตูน คือ กดชัตเตอร์ค้างไว้ พอนักแสดงออกมาก็กดชัตเตอร์ได้ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นครับ รูปเบลอซะ


Rika เขียนกระดานอีกครั้ง บอกผมว่า ให้ปิดไฟฉาย แล้วค่อยๆ จับตาดูแมนดารินให้ดี เพราะมันกำลังจะ Mating!!! นอกจากนี้ Rika ยังดึงมือนักดำน้ำคนที่มาถ่ายรูปก่อน และอธิบายอะไรซักอย่าง(เหมือนรู้จักกันหรือเปล่า แล้วจะทะเลาะกันไหมเนี่ย 555)


นักดำน้ำคนนั้นปฎิบัติตามครับ หยุดถ่าย แล้วรอจังหวะ พอแมนดารินโผล่ออกมา ไม่ธรรมดาครับ มาเป็นแพคคู่ ว่ายออกมานอก Finger Coral เหมือนอยากจะบอกว่า


“ฉันจะจีบกัน ใครจะทำไม ออกมาโชว์ตัวกันหน่อยเร็ว”


และนี่ เป็นจังหวะ ที่นักดำน้ำคนนั้นถ่ายครับ


ถึงตาผมบ้าง ผมทำตัวให้นิ่ง หายใจช้าๆ ยาวๆ จ้องมองไปในกอ Finger Coral เห็นความเคลื่อนไหวของแมนดารินตลอดครับ ไม่ได้มีแค่ 2 ตัว มีมากกว่านั้น โผล่ตรงนั้น มาตรงนี้ และถึงจังหวะที่เขาและเธอออกมาทั้งคู่ นอก Finger Coral !!!


จังหวะนั้น ผมไม่รอช้า เพราะค้างชัตเตอร์รอไว้แล้ว ผมกดชัตเตอร์ทันที แม้จะไม่ใช่รูปที่ชัดนัก แม้ไม่ใช่รูปที่ดี แต่เป็นจังหวะที่แมนดารินออกมาทั้งคู่ ไม่ใช่โอกาสที่จะเห็นกันง่ายๆด้วย


เฝ้าดูต่อไปครับ แต่เหมือนว่านักแสดงเริ่มเขินอาย ผมยังเห็นความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เพียงแต่เขาและเธอไม่ออกมาอีก Rika เขียนกระดานอธิบายว่า วันนี้พอแค่นี้ เพราะแมนดารินไม่ออกมาแล้ว ผมให้สัญญานโอเค Rika จึงพาผมไปต่อ


ตอนแรกนึกว่าคงหมดรอบแล้วมั้ง(เหมือนสวนสนุก) ยังครับ ยังมีสัตว์ทะเล ที่น่าดูและค้นหาต่อไปอีก


เริ่มจากปลาปากแตร(Trumpetfish) ที่ว่ายน้ำกลับหัว คิดว่าเป็นปลามีดโกน(Razor Fish) หรืออย่างไร


ต่อไปปลาสิงโตครับ เป็น Spotfin Lionfish(ปลาสิงโตครีบจุด) สังเกตจุดกลมๆที่ก้านครีบ ที่แผ่ออกมาเป็นเส้น สีขาว ยาวๆ


Rika ชี้ให้ดูปู เป็นปูแมงมุม(Spider Crab) กระดองรูปหยดน้ำและลักษณะของขาแต่ละขา ค่อนข้างยาว


มาดูกุ้งบ้าง ในดอกไม้ทะเลนี้ กุ้งครับ เรียกว่ากุ้งดอกไม้ทะเลไปก่อนนะ ง่ายที่สุด


Pinnate Batfish ปลาค้างคาว สีส้มบริเวณขอบหางและครีบ ทำให้แยกชนิดจาก Teira Batfish ได้ง่าย ตัวแม่อยู่ตรงนี้ ตัวลูกล่ะ อยากเจอเหมือนกัน ยังไม่เคยเจอเลย


ทากเปลือย ดูแล้วเป็น ทากเปลือยขอบเรียบ(Chromodoris annae) ลำตัวมีสีฟ้า มีสีเหลืองอยู่ขอบนอก สวยดีครับ


ปูเสฉวน(Hermitt Crab) ตัวนี้ หน้าตาประหลาด ดูแล้วงงๆ สับสนอะไรหรือเปล่าเฮีย 555 ส่วนอีกตัวชัดเลยว่า คือ White-Spotted Hermit Crab หรือปูเสฉวนยักษ์ ดูลักษณะ ขนและสีของก้ามก็ค่อนข้างเด่นชัด


ปลิงทะเล(Sea Cucumber) Rika พยายามพลิกให้ผมดู คงจะหากุ้งครับ แล้วก็ทำสัญญานบอกผมว่า ไม่มี ท่าทางเจ้าปลิงทะเล ลำตัวอ่อนนุ่มน่าดูเลย


โพรงนี้ มีปลาไหลมอเรย์หน้าปาน(Darkspotted Moray - gymnothorax fimbriatus) ทำหน้าตาดุ เหมือนจะกัดผม ถ้าเข้าไปมากกว่านี้ ว่ากันว่า เสือ 2 ตัว อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้นี่ แต่ในโพรงมีปลาไหลมอเรย์ตาขาว(Greyface Moray) อยู่ด้วย สงสัยคงเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน แม้จะเป็นคนละชนิดก็ตาม


กุ้งอีกแล้วครับ แต่คราวนี้ตัวใสมากกว่าตัวก่อนอีก เกือบไม่เห็นเลยนะ


Squaretail CoralGrouper ปลากุดสลาดจุดฟ้า อีกหนึ่งนักล่าในแนวปะการัง หันมาเหมือนจะบอกว่า “ทำอะไร เจ้ามนุษย์”


ปลาปักเป้าเล็กหลังบั้ง หรือ Black-Saddled Toby ที่เจอตอน Check Dive ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็น่ารักมากขึ้น


สัตว์ทะเลอื่นๆก็จะมีปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Black Blotched Porcupinefish) ปลาสลิดหิน(Damsel Fish) ดอกไม้ทะเลที่เหมือนกับต้นสัปปะรด และปลาอมไข่(Cardinalfish) บริเวณสะพานก่อนขึ้นพอดีเลย


ขึ้นมา ผมบอก Rika ว่า ดีมากๆ ตอนแรกเกือบมองไม่เห็นปลาแมนดาริน ต้องเอาหน้าเข้าไปจ่อใกล้ๆ ผมคิดในใจว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก หากมีหลายๆคน ก็คงต้องผลัดกัน และผมคงไม่ได้ดูนานขนาดนี้


Rika เปิดหนังสือให้ผมดูความแตกต่างของปลาแมนดารินตัวผู้กับตัวเมีย โดยตัวผู้บริเวณครีบหลังจะมีกระโดงยื่นยาว ส่วนตัวเมียไม่มี(ผมคิดในใจ ตะกี้ก็ไม่ทันสังเกตแฮะ สงสัยคงต้องกลับไปดูในรูปที่ถ่ายน่ะ)


ระหว่างคุย ชายผมยาวคนหนึ่ง ถือกล้องขึ้นมาจากน้ำ หน้าคล้ายๆคนญี่ปุ่น เอารูปมาโชว์ให้ Rika ดู ผมไปดูบ้าง ถ่ายได้เยี่ยมเลยครับ ปลาแมนดารินหน้าตรง แถมมาแบบแพคคู่ซะด้วย


ทราบภายหลังว่า ชายคนนี้ คือ Adrian ก็หนึ่งใน Divemaster ของรีสอร์ทนี่แหละ


Adrian แซวผมว่า ในรูปปลาแมนดาริน แต่ด้านหลังติดมือของผมด้วย 555


ฮาซิครับ ผมเลยบอกว่า สงสัยคงต้องใช้ Photoshop ช่วยลบมือผมออกไปแล้วล่ะ สร้างเสียงหัวเราะทั้ง Rika และ Adrian


กลับไปที่ห้อง ผมไม่ลืมที่จะหยิบกล้องไปด้วย ดังเช่นเหมือนไดฟ์สุดท้ายของวัน ที่จะต้องถอดกล้องออกมาและเอาแบตเตอรี่ไปชาร์จ

อาบน้ำเสร็จแล้ว สบายตัว มาที่ห้องอาหาร ที่นี่จะเป็นเวลาครับ ช่วงเย็น ห้องอาหารเปิด 1 ทุ่ม ถึง 3 ทุ่ม



Show Time!!!


มานั่งคุยกับกลุ่มพี่วิจิตร นอกจากอาหารบุฟเฟ่ ผมได้กินอาหารพิเศษด้วย เป็นปูตัวใหญ่ ที่พี่ๆสั่งมา และกินได้เยอะเนื่องจากเป็นมื้อเย็น ไม่มีดำน้ำอีก ไม่ต้องกลัวอาเจียน พี่สาวเมื่อกลางวันก็ถามอีกว่า


“ไปดูแมนดาริน เป็นไงบ้างจ๊ะ”


“เยี่ยมเลยครับ ดูสบาย คนน้อย เจอจังหวะที่มันออกมาเป็นคู่พอดีด้วย”


ดีจัง ของพี่เมื่อวาน ออกไป 5 – 6 คน ก็ต้องผลัดๆกันดู


คืนนี้ พิเศษครับ อาจเป็นเพราะเป็นคืนสุดท้ายที่คนไทย หลายสิบชีวิต (3 กลุ่มใหญ่ๆ) จะกลับกันวันพรุ่งนี้เช้ามืด จึงมีการแสดงโชว์ จาก Sipadan Water Village


อาจจะเป็นสาวชาวพื้นบ้านหรือพนักงานที่นี่ก็ได้ ออกมาเต้นในเพลง Waka Waka(This Time For Africa) ของนักร้องสาว Shakira , เพลงโอเคนะคะ ของ แคทลียา อิงลิซ เรียกเสียงกรี๊ด กร๊าด จากสาวๆได้ เห็นหลายๆคนยังหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย สาวๆพื้นเมืองด้านหน้านี่ พอแต่งตัว ก็สวยเหมือนกันนะ


คราวนี้แหละพื้นเมืองของจริง คุณป้าคนนี้ ออกมารำกับเพลงจังหวะแปลกๆ ไม่เคยฟังมาก่อน เดาได้ว่าเป็นเพลงพื้นเมืองแน่ๆ


ปิดท้าย การเล่นกีตาร์เพลง I ‘ m Your ของ Jason Mraz เพลงชิวๆ มีความสุข เมื่อได้เห็นสิ่งใหม่ๆ การเดินทางสู่โลกกว้าง บางทีมันก็เหมือนชีวิตเราเหมือนกันนะ


ร่ำลาพี่ๆทุกคน ขอบคุณสำหรับปู และคงมีโอกาสได้พบกันอีกนะครับ


Moon – Sea – Light - Romantic!!!!


ยังไม่อยากเข้าห้อง เดินออกมาที่ด้านหน้ารีสอร์ท นั่งเล่นตรงสะพานไม้ ลมเย็นดีมาก เจอ 3 สาวมาเลเซีย(Lai , Lee, Lee) เลยนั่งคุย Lee กำลังถ่ายพระจันทร์ วันนี้พระจันทร์ก็สวยมากด้วย


ผมเอารูปสัตว์ทะเลในกล้อง โชว์ให้ 3 สาว ดู(ตามสัญญา) แต่ก็แอบสอนภาษาไทยไปด้วย และผมก็ได้ภาษาจีนเกี่ยวกับสัตว์ทะเลมาเยอะมาก เสียดายว่าไม่ได้จดไว้ เลยจำไม่ได้ 3 สาว จะกลับวันพรุ่งนี้ 11 โมง พวกเธอจะไป Mataking กันต่อ(เป็นเกาะที่สวยงามอีกเกาะหนึ่งในทะเลเซเลเบส)


จากนั้นจะแยกย้ายกันกลับ Tawau และ Kuala lumpur ว่าแล้ว พวกเธอขอตัวไปพักผ่อน พรุ่งนี้อาจได้เจอกันอีก เพราะพวกเธอจะไปSnorkeling ที่สิปาดันด้วย)


นึกว่าผีหลอก จำได้ว่าเมื่อซักครู่ มีพนักงานประมาณ 10 คน สวมชุดสีน้ำเงิน นั่งอยู่ตรงปลายสะพานนี่ ตอนนี้หายไปไหนแล้ว!!!!

555 มันท่าเรือนี่ครับ(ปัญญาอ่อนล่ะ ไอ้นี่) อาจมาจาก Sea Venture ก็ได้ ผมคงคุยกับสาวๆ จน เพลิน เลยไม่ได้ยินเสียงเรือ(แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ตัวใครตัวมันล่ะ)


กลับมาห้อง เปิดหน้าต่าง เปิดพัดลม และเปิดประตู มาแบบนี้ ต้องรับลมทะเลซิ หาโอกาสง่ายซะที่ไหนล่ะ เมื่อตื่นนอน ภายในห้อง ชำเลืองทางซ้าย เดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็ คือ ระเบียง ที่มีวิวทะเลและน้ำใสมากๆ แบบนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนอนห้องแอร์หรอกครับ ถ้าจะนอน นอนที่บ้านก็ได้ (ผมว่านะ)


ล้มตัวนอน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้มาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า พรุ่งนี้ไปดำน้ำที่สิปาดัน เรือออก 7 โมง 15


แต่ เมื่ออยู่กับตัวเองเงียบๆ สิ่งที่อยู่ในใจ ก็คือ คิดถึงแม่มากๆ..................