Friday, July 17, 2009

หลับให้สบายนะครับ คุณราตรี


นับจากวันที่คุณแม่ของผมป่วยเป็นมะเร็ง ก็ 2 ปีกว่า เข้าไปแล้ว ซึ่งคุณแม่ก็มีเพื่อนใหม่เกิดขึ้นมากมาย หลายคน เพื่อนใหม่ที่ว่านี้ เป็นบุคคลที่เข้าใจ รับรู้ และรู้สึกกับอาการป่วยของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี


แน่นอนครับ ว่า พวกเขาและพวกเธอ เป็น “มะเร็ง” เหมือนกัน


ผมทราบดีว่า คุณแม่ผมเป็นคนคิดมาก หลายๆครั้ง ผมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องโกหกเกี่ยวกับอาการป่วยมะเร็ง ของพ่อเพื่อนบ้าง แม่เพื่อนบ้าง และหลังจากนั้น พวกเขาและพวกเธอก็ล้มหายตายจากไปทีละคน โดยที่ผมมักจะแอบไปงานศพ โดยไม่ได้บอกคุณแม่


เริ่มจากคุณแม่ของฟาง คุณพ่อของเอ คุณพ่อของจอย แม้กระทั่งล่าสุด คุณแม่ของติงลี่ แม้ผมไม่สามารถไปในงานได้ แต่ก็ได้โทรศัพท์แสดงความเสียใจกับเพื่อนและเข้าอกเข้าใจเพื่อนเป็นอย่างดี


หลายๆคนก็ทราบดีครับ ว่าโรคนี้ร้ายแรงแค่ไหน บางครั้งก็แสนจะฉับพลัน คุณลุงทหารหน้าบ้านผม ไม่ได้มีสัญญานการป่วยมาก่อน ดูแข็งแรงมาก อยู่ๆก็เป็นมะเร็ง และจากไปในเวลาอันสั้น(ไม่ถึงเดือน)


หลายๆคน คุณแม่ก็ทราบดี ทั้งสามีของคุณบัวซอน คุณพ่อของคุณวรวี คุณพ่อของพี่ไชตูด เป็นต้น


หลายคนอายุยังน้อย อย่างแอร์โฮสเตสเพื่อนร่วมงานพี่สะใภ้ อายุ 27 ปีเท่านั้น ก็ต้องจากไปก่อนวัยอันควรเพราะโรคนี้


นี่ยังไม่รวมถึงเด็กที่ มูลนิธิ วิชชิ่ง เวลนะครับ นั่นอายุน้อยสุดๆ แต่ก็ต้องมาป่วยเป็นโรคบ้าๆ นี้


คุณราตรีเป็นมะเร็งที่เต้านมครับ เป็นระยะแรกๆและสามารถผ่าตัดได้(เป็นระยะที่น้อยกว่าคุณแม่ของผมเสียอีก) คุณแม่ก็โทรคุยกับคุณราตรีตลอด คุณราตรียังชวนคุณแม่ไปนั่งสมาธิเลย แต่หลังจากผ่าตัด คุณราตรีไปอยู่ที่อเมริกา 1 ปี โดยที่ไม่ได้ติดตามอาการแต่อย่างใด


หลังจากนั้น มะเร็ง เม็ดแทส ไปที่กระดูก คุณราตรีจึงกลับมารักษา อาการที่กระดูกก็ดีขึ้น


ต่อมา มะเร็ง เม็ดแทส ไปที่ปอดและตับ จนสัปดาห์ก่อน คุณราตรีมีอาการเหนื่อยมาก จนเข้าห้องไอซียู และจากไปอย่างสงบเมื่อเที่ยงวันนี้


ไม่น่าเชื่อเลยครับ เพราะสัปดาห์ก่อน คุณแม่ก็ยังโทรคุยกับคุณราตรีอยู่เลย และผมก็เป็นคนกดโทรศัพท์และรับโทรศัพท์เวลาคุณราตรีโทรมาเสมอๆ


ผมจึงทราบเลยว่า การเป็นมะเร็งนั้น ไม่สำคัญว่าจะเป็นระยะไหน สิ่งสำคัญ คือ กำลังใจของผู้ป่วย การรักษาที่ต่อเนื่อง กำลังทรัพย์ การตอบสนองของยาว่าได้ผลหรือไม่ การเม็ดแทสของมะเร็ง และที่ลืมไม่ได้ก็คือ ปาฎิหาริย์ ทุกอย่างต่างมีความสัมพันธ์กันทั้งนั้น


ขอบคุณนะครับ คุณราตรี ที่เป็นเพื่อนคุยและปรับทุกข์อาการป่วยของโรคนี้ กับคุณแม่โดยตลอด


แม้ผมจะรับรู้ถึงอาการป่วยของโรคนี้และเข้าใจผู้ป่วยเพราะดูแลคุณแม่อยู่แต่ก็คงไม่เท่ากับคนที่ป่วยด้วยโรคนี้จริงๆ


หลับให้สบายและไปสู่สุขคตินะครับ


รูปประกอบขอขอบคุณ http://www.aphonda.co.th/

Wednesday, July 15, 2009

อภิรักต์ แซ่ฮ้อ คนจนผู้ยิ่งใหญ่ ขยันออมและยอดกตัญญู


ได้ดูรายการตีสิบ คืนวันอังคาร ที่ 14 กรกฎาคม 2552 แล้ว รู้สึกปลื้มใจและชื่นชมชายคนนี้เป็นพิเศษครับ เขามีชื่อว่า “อภิรักต์ แซ่ฮ้อ”


อภิรักต์ มีอาชีพเก็บขยะขาย ทุกวันเขาจะเข็นรถเข็น หาขวดพลาสติค หากระดาษ เงินที่ได้จากการขาย เขาแบ่งวันละ 20 บาท เพื่อฝากธนาคาร ฝากทุกวัน เป็นเวลา 16 ปี ปัจจุบัน เขามีเงิน 40000 บาท (เห็นว่าฝากตั้งแต่เป็นเด็กชายนะ)


แม้สมองของเขาจะคิดช้า ทำช้า พูดช้า คุณครูที่โรงเรียนจึงมักจะย้ำบ่อยๆ แต่เขาก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย ซื่อๆ แม้จะดูแต่งตัวสกปรกมอมแมมก็เถอะ


ที่สำคัญ เขาไม่เคยแบมือขอเงินใคร(มีไอ้ขี้เหล้าหน้าบ้านผม เดินขอเงินทุกวัน มาขอทีกลิ่นเหล้าหึ่ง ร่างกายก็ปกติ แต่ไม่คิดจะทำงาน อยากจะให้มันมาดูอภิรักต์ เป็นตัวอย่างจริงๆ)


มาว่าต่อครับ เขาสามารถแยกแยะผิดถูกได้อย่างดี ขวดน้ำตามพื้น เขารู้ว่า ขวดไหนควรเก็บ ขวดไหนไม่ควรเก็บ(ในรายการ อภิรักต์เดินผ่านขวดน้ำตรงศาลพระภูมิครับ อภิรักต์ บอกด้วยสำเนียงซื่อๆและตรงไปตรงมาว่า เก็บไม่ได้ )


เงินที่เก็บได้ อภิรักต์ ให้แม่หมดครับ และที่ออมทั้งหมด ก็เพื่อใช้สำหรับให้แม่ผ่าตัดเพราะแม่เป็นโรคหัวใจ และยังมีโรคอื่นๆ อีกมาก


ผมว่าเธอ(แม่ของอภิรักต์ ) เธอโชคดีสุดๆครับ ที่มีลูกชายที่ดี กตัญญูแบบนี้


ปิดท้าย ทางรายการ ก็ปรับปรุงห้องใหม่ให้อภิรักต์และแม่ เพราะห้องเก่าค่อนข้างไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น มีขยะในห้อง ประตูพัง เป็นต้น


และเงินจากเสี่ยวีที มอบให้อีกหนึ่งหมื่นบาท ไปฝากเดี๋ยวนั้น


อยากให้ทุกคนขยันออมแบบอภิรักต์ ครับ ผมเห็นด้วยเลย เพราะผมก็ทำอยู่ เช่น การหยอดกระปุกออมสิน การเปิดบัญชี สำหรับเก็บเงิน เป็นต้น


และตัวอย่างความกตัญญูแบบอภิรักต์ เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง


คนแบบอภิรักต์ นี่ล่ะ


เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดีเลยล่ะครับ ^^

Thursday, July 09, 2009

ย้อนอดีตที่...ตลาดน้ำดำเนินสะดวก





โอย อยากไปดำน้ำจริงๆครับ เห็นพวกพี่ๆไปดำน้ำที่เกาะเต่ากันก็อยากจะไปบ้าง แต่คงต้องอดทนเพราะ หยุดยาวคราวนี้ สำหรับผมแล้วเป็นวันหยุดที่ “ฟันหลอ” (หมายถึง ไม่ติดต่อกันน่ะครับ ก็เลยลำบากนิดนึง)

เพื่อนโทรมาชวนไปตลาดน้ำอัมพวา จ. สมุทรสงครามครับ สำหรบผมไม่มีปัญหานะ แม้จะพึ่งไปมา แต่คราวก่อนยังไม่ค่อยได้เดินเท่าไรนัก ไปอีกก็ได้ อารมณ์นี้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา ได้ไปเที่ยวก็ยังดีกว่าไม่ได้ไปครับ แค่นี้ก็ทำให้ชีวิตคนเดินทางสุขใจแล้ว 555

หาข้อมูลที่เที่ยวอื่นๆใน จ.สมุทรสงครามไว้แล้ว แต่ทราบต่อมาว่า ชูฮวย ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด คนชวน คือ สายรก ไม่ได้อยากไปอัมพวาครับ มันอยากมาตลาดน้ำดำเนินสะดวก จ. ราชบุรี น่ะ(ฟังผิดไปเยอะเลยนะ 555)

ปรินซ์ข้อมูลมา 10 หน้า รวมรวมสถานที่ในอำเภอต่างๆ ใน จ. ราชบุรี คราวก่อนผมไปถึงแค่ เขางู อ. บ้านบึง ครับ คราวนี้ต้องเลยไปอีกจนถึง อ.ดำเนินสะดวก(ห่างจาก อ.เมือง 50 กิโลเมตร)

พูดถึงที่นี่ ผมเคยมาครั้งเดียวครับ เป็นการทัศนศึกษาสมัยอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 สวมชุดราชปะแตนมาเลย แต่ไม่ได้มีโอกาสล่องเรือ ชมวิถีชีวิตที่นี่ครับ

ภาพชาวบ้านสวมหมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายสินค้ากัน ครั้งสมัยที่ไทยเรา ใช้เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ทำให้ผมเริ่มอยากจะเห็นแล้วล่ะ

เอ้า ออกเดินทางกันดีกว่าครับ


5 กรกฎาคม 2552

“โทษทีว่ะ กูตื่นสาย” 555 ผมเองครับ ว่าจะไปรับเพื่อน กลายเป็นว่า มันต้องมารับผมแทนแล้ว

ขับรถไปรับปูโกก เอารถไปจอดที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต นั่ง Taxi ไปหาสายรกที่อนุเสาวรีย์ชัย ซึ่งพาหนะการเดินทาง เป็น Honda City ของสายรกครับ

อยากจะชวนคนอื่น อีกเหมือนกันครับ แต่รถนั่งไม่พอน่ะ คงต้องรอในโอกาสต่อๆไป

ยังมีเจ้าน๊อต รุ่นน้องที่โรงเรียนไปด้วยอีกคนครับ(เขียนฉายาให้เห็นไม่ได้ครับ เลยเอาชื่อเล่นไปแทน แบบว่ามันค่อนข้างตรงเกินไปน่ะ 555)

แวะปั้มเติมน้ำมันและหาซื้อของกินเล็กน้อย อากาศวันนี้ไม่ค่อยเป็นใจนัก ฝนตก แต่หวังว่า เมื่อไปถึงอากาศคงจะดีกว่านี้ และสามารถถ่ายรูปได้ครับ
ผ่านนครปฐม ผ่านบ้านโป่ง จะมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าไปที่ อ. ดำเนินสะดวก ก็เลี้ยวเข้าไปตามทางเลยครับ จะมีป้ายบอกทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ผ่าน โรงพยาบาลดำเนินสะดวก ด้วย(ถ้าจำไม่ผิด พี่หมอหมู ทำงานอยู่ที่นี่นะ) เสียดายครับ พี่หมูไปดำน้ำที่ Lembeh มาเยือนถิ่นในขณะที่เจ้าถิ่นไม่อยู่ซะด้วย

ส่วนพี่เต้หรือเสือเต้แห่งบ้านโป่ง ไปดำน้ำเกาะเต่าครับ ไม่อยู่อีกคน เส้นทางและข้อมูลการเดินทาง คงต้องเป็นหน้าที่ของ Navigator อย่างผมนี่ล่ะ สบายมาก

ด้านหน้าครับ ทางเข้า ตลาดน้ำดำเนินสะดวก อยู่ทางขวามือนี่เอง


ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ระหว่างทางมีท่าเรืออยู่หลายที่ครับ แต่เรายังไม่แวะเข้าไป ตรงเข้าไปที่จอดรถก่อนเลย

เดินข้ามถนน ลงมาบริเวณใต้สะพาน เดินไปตามแนวคอนกรีตข้างลำคลอง คนเยอะเลย ในเวลาเช้าๆสายๆแบบนี้ มองเห็นเรือหางยาว หลายลำ ภายในมีทั้งผัก ผลไม้ อาหาร เป็นต้น โดยมีเรือนักท่องเที่ยวนั่งชมวิถีชีวิตริมคลอง

ภาพแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายครับ

ตรงไปเรื่อยๆ ไปติดต่อเรือ มีทั้งเรือยนต์และเรือพาย เลือกเรือพายเพราะดูเข้าถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมดี(มีคนพายให้ครับ ไม่ได้พายเองนะ555) อีกอย่างผมและเพื่อนไม่เห็นความจำเป็นที่จะนั่งเรือยนต์ครับ ไม่ต้องรีบ ไม่อยากเสียบรรยากาศ ไม่สร้างมลพิษให้กับคนอื่นๆด้วย

จุดนี้เรียกว่า “คลองต้นเข็ม” มีคลองที่เป็นซอยเล็กๆ มากมาย แยกเป็นหลายทาง ระหว่างทางจะผ่านเรือพายของชาวบ้าน ที่บรรทุกสินค้ามามากมาย หากสนใจจะซื้อก็บอกให้คนพายหยุดเรือ ตืดต่อซื้อของได้ทันที

สำหรับเรือยนต์ เท่าที่เห็น ผมไม่ค่อยชอบเท่าไรครับ ชีวิตที่นี่ดูเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ ไม่ใช่ชีวิตอย่างคนในเมืองหลวงที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาน่ะ

นอกจากเรือขายของแล้ว ระหว่างทางก็ยังมีบ้านริมฝั่งคลอง มีของขายเช่นกัน ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า หมวก เครื่องดนตรี สมุนไพร ของจุกจิก เยอะเลยครับ สาวๆคงจะถูกใจแน่ๆ

พูดถึงสาวๆ มีคนน่ารักอยู่หลายคน(ขาวด้วย ไม่รู้ใช้โอโม่หรือเปล่า) ใช้วิธีฟอร์มว่าถ่ายวิว พอเรือวิ่งผ่านก็กดชัตเตอร์(555555) อย่ายลืมยิ้มให้ด้วยครับ ยิ้มสยาม ยิ้มสยาม

แวะซื้อน้ำมะพร้าว แต่ไม่ดีตรงที่ไม่เย็น และไม่มีช้อนไว้ตักเนื้อมะพร้าวกิน ซักพักก็จะถึงเส้นทางที่ให้พัก 10 นาที ขึ้นไปด้านบนจะมีของขายเยอะครับ รวมทั้งน้ำตาลสดให้ชิมฟรี แต่ผมชอบกลิ่นของน้ำตาลสด มากกว่ารสชาดอีกนะ

ตรงนี้มีวิวสวยๆกับต้นมะพร้าวและสองฝั่งคลอง พูดถึงคลองดำเนินสะดวกนั้นเชื่อมแม่น้ำแม่กลองที่บางนกแขวกกับแม่น้ำท่าจีนที่ประตูน้ำบางยาง ชาวบ้านที่จังหวัด ราชบุรี สมุทรสงครามและสมุทรสาคร สามารถติดต่อกันทางน้ำได้อย่างสะดวก(สมชื่อดำเนินสะดวก)

ขากลับแวะกินก๋วยเตี๋ยวในเรือครับ(แบบพี่อู๊ดใน “เป็นต่อ” บอกว่า “ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ” 5555) เส้นเล็กแห้งใส่ลูกชิ้นปลา มีกุ้งแห้ง ก็พอกินได้ครับ เรียกว่า กินหมดชามแต่ความคลาสสิคที่กินบนเรือกับบรรยากาศนี่ซิ ที่ดีกว่า(ไม่ใช่กินบนเรือนนะครับ อันนั้นจะขี้บนหลังคา 555)

ส่วนใหญ่คนพายเรือก็อายุมากกันแล้วครับแต่แรงยังดีอยู่ ด้านข้างสาวคนหนึ่งสวมหมวกงอบใบลาน สวนมาพอดี เมื่อเห็นใบหน้าแล้ว

“โอย น่ารัก” ยังดูเด็กๆอยู่เลยนะ

ต้องคนประสาทไวครับ ผม สายรก ปูโกก เห็นกันหมด มีชูฮวยคนเดียวที่ไม่เห็น

“เอ้า สนใจก็ไม่บอกป้า ยังเรียนอยู่เลยนะ นี่แม่เขาก็พึ่งพายเรือผ่านไปเอง”

ป้าที่พายเรือผม ช่างรู้ใจจริงๆครับ เสียดายว่า ช้าไปหลายก้าวเลยล่ะ 5555

ขากลับว่าจะแวะหลายที่ครับ แต่ขับรถเลย พลาดไปหมด ตั้งแต่อุทยาน ร 2 วัดเพชรสมุทรวรวิหาร(วัดหลวงพ่อบ้านแหลม) วัดศรัทธาธรรม ดอนหอยหลอด จนสุดท้ายแวะมากินอาหารทะเลที่มหาชัยครับ จ.สมุทรสาคร

ชื่อร้าน “บ้านริมน้ำ” อาหารทะเลสดดี ชอบปลากระพงทอดน้ำปลา กับกุ้งกรอบสามรสครับ

ฝนจะตกแล้วครับ รีบกลับดีกว่า

เป็นทริปสั้นๆครับ แต่ได้เห็นอะไรเยอะดี อยากให้ลองมาเที่ยวกันนะครับ เที่ยวเมืองไทย ช่วยเศรษฐกิจด้วย ในสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังคงมีภาพเก่าๆให้เห็นว่า สมัยโบราณนั้น บรรพบุรุษของเราสัญจรไปมาอย่างไร ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างไร โดยเราสามารถสัมผัสได้บนเรือจริงๆ

คราวหน้า ผมอาจจะดูของมากกว่านี้ครับ คราวนี้ห่วงแต่ถ่ายรูปไปหน่อยน่ะ

แล้วพบกันครับ ขอบพระคุณที่ติดตาม



Phop Payapvipapong

6 July 2009

12.46 PM




How To Get There?

-รถยนต์ขับไปตามถนนเพชรเกษม(ทางหลวงหมายเลข 4) ไปทางบางแค หรือ ไปทางศาลายา ผ่านนครปฐม ผ่านบ้านโป่ง เลี้ยวซ้ายเข้า อ. ดำเนินสะดวก หรือ จะใช้ทางพิเศษ เฉลิมมหานครก็ได้

-รถโดยสาร ติดต่อที่สถานีขนส่งสายใต้ เที่ยวแรกออกเวลา ตี 5 ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ลงตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ และต่อรถสองแถวเข้าไป

-ติดต่อเรือ เรือพาย 300 บาท(1 ชั่วโมง) ส่วนทิปคนพายก็แล้วแต่จะให้ครับ