Wednesday, July 13, 2005

โลกพิศวง...ที่พัทยา(2)


Dive 6 ผมเจอปลาจิ้มฟันจระเข้หางพัด!!!!

ก่อนลงผมลองสูดอากาศใน Regulator พอหายใจออก รู้สึกติดๆพี่ป้อมบอกให้เป่าแรงๆเพราะมันแห้ง พอลองทําดูทุกอย่างก็เป็นปกติ

ใต้ทะเลที่เกาะล้าน แม้จะมีน้ำขุ่นบ้าง น้ำไม่ใสเท่าที่ชุมพร แม้จะมีปะการังน้อย แต่กลับทําให้ผมประทับใจมากเพราะเจอสัตว์ทะเลแปลกๆหลายตัว

หมึกกระดอง(Pharaoh Cuttlefish)ขนาดกลาง 1 ตัว ว่ายผ่านไป เจ้าโบ๊ตสะกิดให้ผมดู ผมอยากจะเรียกให้คนอื่นดูแต่ไม่มี Pointer จึงได้แต่ค่อยมองมันว่ายผ่านไป

พบดาวทะเล(Star Fish)รูปร่างประหลาด(ดูขยะแขยงมาก) เกาะตามเสา และตามพื้น มองขึ้นไปบนผิวน้ำพบฝูงปลามากมายเป็นพันๆตัว ทําให้ผมไม่อยากจะละสายตาไปจากมันเพราะเพลินดีจริงๆ นอกจากนี้ยังพบปูทะเล 2-3 ตัว อยู่ พรางตัวบนพื้นทราย และยังมีแส้ทะเลอยู่หลายๆที่


พี่ป้อมชี้ให้ดูปลาจิ้มฟันจระเข้หางพัดหรือปลาจิ้มฟันจระเข้สีเพลิง(Gans ‘ s Pipefish) 1ตัว ผมดีใจมากคิดว่าตัวเองโชคดีแล้วเพราะสําหรับปลาในตระกูลจิ้มฟันจระเข้นอกจากพบเห็นได้ยากเพราะตัวเล็กแล้ว คนจํานวนไม่น้อย มักจะมองข้ามมันไปเพื่อจะไปดูสิ่งที่ใหญ่ๆกว่า เช่น แมนต้า เรย์ และฉลามวาฬ เป็นต้น

ที่เสาแต่ละต้น มีกัลปังหาเกาะ (มากกว่า ที่ผมเห็นกัลปังหาน้ำตื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์เสียอีก)และยังมีฟองน้ำครก(Neptune ‘ s cup sponge) อยู่ 4 อัน ดูๆแล้วใต้ทะเลที่เกาะล้าน มีอะไรมากกว่าที่ผมคิดไว้มาก

เจ้าปลาปักเป้าหนามทุเรียน(Porcupinefish) ลอยตัวนิ่งอยู่บนพื้นทรายอย่างสบายอารมณ์ ดูท่าไม่ตื่นตกใจกับสิ่งแปลกปลอมอย่างพวกผมแต่อย่างใด

จากนั้นพบหนอนตัวแบน(Flat Worm) ตัวสีส้ม มีขนาดเล็กมากๆ

พบปลาประหลาดอยู่บริเวณเสา ลักษณะมีเขา หางพัด 2 ตัว (จากการช่วยเหลือของคุณ Amun-ra ศิษย์ อ ธรณ์แห่งทะเลไทยดอดคอม ยืนยันว่าผมไม่ได้ฝันไป พวกเขาคือ ปลาวัวหนาม Fan-bellied leatherjacket(Filefish) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monacanthus chinensis ) เป็นปลาวัวคนละครอบครัวกับพวก Triggerfish พบได้ในทะเลพัทยา เวลาเข้าไปใกล้ พวกเขามักจะชอบกางหาง กางอกออก น่ารักมาก(ซึ่งผมก็เห็นด้วย) ส่วนพวก Cowfish ไม่ใช่ปลาวัวแต่อยู่ในครอบครัวปักเป้า ซึ่ง Longhorn cowfish ปลาวัวกล่อง(หน้าเหมือนวัวจริงๆ) คนจึงนิยมเรียกกัน

พอขึ้นมาเราลอยคอซักพัก ก่อนที่จะลงใน Dive ต่อไป สังเกตว่า พี่นัทขึ้นไปอยู่บนเรือเรียบร้อยเพราะว่าพลัดหลงกับคนอื่นๆซึ่งตามกฏของการดําน้ำคือ เมื่อหาใครไม่เจอต้องขึ้นจากน้ำ ถึงตอนนี้พี่นัทก็กําลังเปลี่ยนชุดเพื่อลงมาอีกครั้งหนึ่ง(ในช่วงนี้ต่างคนก็ต่างอวดในสิ่งที่แต่ละคนไม่เห็น เรียกว่าเกทับกันเลย ผมกับเจ้าโบ๊ตเกทับว่าเจอหมึกกระดองด้วย พี่ป้อมเกทับบ้างว่า เจอเจ้า Great Baracuda เป็นต้น )


Dive 7 คลื่นไส้กับน้ำทะเล!!

ระหว่างที่คนอื่นๆ เริ่มปล่อยลมออกจาก BCD แล้วค่อยๆลงไป ผมมีความรู้สึกว่าเริ่มคลื่นไส้เพราะกินน้ำทะเลเข้าไป พอลงไปไม่ถึงครึ่งเมตรคลื่นไส้มากๆ จึงขึ้นมาพักบนผิวน้ำเล็กน้อย พี่พิชเห็นผิดสังเกตเลยขึ้นมาถามผมว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วค่อยๆลงไปพร้อมกัน ในตอนนี้ผมเริ่มดีมากขึ้นแล้ว

ช่วงนี้เหลือผมกับพี่พิช 2 คน มองไปด้านหน้ายังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ต่อ น้องโบ๊ต พี่นัทและพี่ป้อม เพราะน้ำออกจะขุ่นๆ ว่ายไปเรื่อยๆจึงเริ่มเห็น(ไม่ไกลเท่าไรเลย)

พบผีเสื้อปากยาว(Beak Butterflyfish) 3 ตัว นับว่าโชคดีเพราะบริเวณนี้ก็พบพวกเขาไม่มากนัก ผมพบแค่ 3 ตัวเท่านั้น

พี่ป้อมหยิบกระดานขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า กระดานอะไรเอ่ย วิ่งได้ด้วย พวกเขา คือ ปูทะเลครับ(จําแนกชนิดไม่ได้)

เวลาว่ายผ่านเสาหรือว่ายตามพื้น ผมต้องระวังให้มากนอกจากจะมีสิ่งมีชีวิตมากมายแล้ว ที่นี่มีเม่นทะเลหรือหอยเม่น(Long-spine sea urchin) มากจริงๆโดนเข้าไปเจ็บปวดแน่ครับ

มีทากทะเล(Nudibranch)ตัวหนึ่งติดอยู่กับตาข่ายของชาวประมง เมื่อพี่ป้อมแกะออก โชคดีครับที่มันยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ยังมีดาวหมอนขนาดย่อม อยู่บนพื้นทรายด้วย

หลายๆครั้ง ที่พี่ๆดูสัตว์ในโพรง ผมมักอดดู อย่างเช่น ปลาไหลมอเรย์ เพราะหากไม่ใช้ตัวแนบกับพื้นทรายแล้ว โอกาสเห็นแทบจะไม่มีเลย แทบเม่นทะเลเยอะอีกต่างหาก ลงไปมีหวังไม่คุ้มกัน(ที่มันแคบครับ)

ตอนขึ้นมา เกือบกระแทกเสาแน่ะ โชคดีพี่พิชช่วยดึงเอาไว้ ไม่งั้นหัวอาจจะโขกก็ได้

เป็นอันสิ้นสุด ทริปดําน้ำง่ายๆ 3 ไดฟ์ สนุกมากครับ พอดําเสร็จแดดก็ออกทันที(ทํากับเราได้ แต่โชคดีที่ฝนไม่ตก)

สังเกตได้ว่าพี่ออมคอยถ่ายรูปทุกๆอิริยาบทของพวกเราทุกคน ผมทราบภายหลังจากการมาดูรูปที่บ้านว่า ถ่ายวีดีโอไว้เยอะเชียว แถมมีหลายๆอิริยาบท ทั้งการกระโดด,ระหว่างลงใต้น้ำ,ฟองอากาศจากใต้น้ำก่อนขึ้นและการขึ้นบนเรือ(กําลังอยากได้มากๆแต่ไม่มีโอกาสเหมาะเพราะส่วนใหญ่ก็จะลงไปดําน้ำกันหมด ต้องขอบคุณพี่ออมมา ณ ที่นี้ด้วย)

ระหว่างช่วยขนอุปกรณ์ดําน้ำกลับ ผมเห็นบนยอดเขาว่ามีอนุเสาวรีย์อยู่ จึงถามพี่ๆ ทราบว่า คือ อนุเสาวรีย์ของเสด็จเตื่ย(กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์) ซึ่งผมหวังว่าคงจะมีโอกาสมาสักการะท่านที่นี่บ้าง

ผมจะกลับกรุงเทพวันนี้ทันที โชคดีว่าพี่ป้อม พี่นัท พี่ต่อ พี่ออม พี่พิช กลับวันนี้กันหมด ผมจึงประหยัดตังค์ค่ารถทัวร์ได้ หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย ก็ลงมาเขียน Log Book มีเพียงเจ้าโบ๊ตเท่านั้นที่กลับกรุงเทพในวันพรุ่งนี้

ค่ำนี้ ผมได้ลิ้มรสอาหารไทยๆ อร่อยเหาะ ร้าน “ป้าหวาน” ริมอ่าวอุดม อ่าวที่ผมพึ่งจะรู้จักเป็นครั้งแรก บรรยากาศที่อ่าวเงียบสงบมาก จนผมอยากอยู่นานๆ ไม่อยากกลับกรุงเทพเลย

ทั้งพี่ต่อ พี่นัทและพี่ป้อม เตือนผมเกี่ยวกับการเคลียร์หู เพราะผมมักจะทําแรงเกินไปทําให้ทุกไดฟ์ มักจะมีเลือดออก ซึ่งในอนาคตหากไม่แก้ไข แก้วหูผมอาจจะอักเสบซึ่งจะเจ็บตัวเปล่าๆ(แม้จะใช้เวลารักษาไม่มากก็หาย แต่ก็ควรกันไว้ก่อน) ซึ่งผมหวังว่าจะทําให้ดีขึ้นใน ไดฟ์ต่อไป

หลายๆคนอาจบอกว่าดําน้ำเป็นกิจกรรมของคนมีกะตังค์ ซึ่งผมไม่เถียงว่าค่าอุปกรณ์ต่างๆอาจจะแพงบ้าง แต่คนที่มีกะตังค์น้อยไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาส หากคุณมีความพยายาม การเก็บหอมรอมริบ จะช่วยให้ฝันของคุณเป็นจริงได้ หลังจากที่ผมพยายามมาแล้ว(ผมก็ไม่ได้รวยนักหรอก)

หากปัจจัยต่างๆอํานวย ไม่ว่าจะเป็นเวลาและกระเป๋าตังค์ ผมคงปฎิเสธโลกใต้ทะเลอันน่าอัศจรรย์อย่างพัทยาไม่ลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผมจะกลับมาที่นี่อีกหลายครั้งแน่นอน



Kasab
13 กค 2548
16.58 น

8 Comments:

At 7:11 PM, July 13, 2005, Anonymous Anonymous said...

อ่านสนุกดีฮะ วันหลังไปด้วยกันใหม่นะครับ
ตาป้อม :)

 
At 7:24 PM, July 13, 2005, Blogger kasab71 said...

แน่นอน ครับ อาจารย์

 
At 3:34 AM, July 14, 2005, Anonymous Anonymous said...

อิจฉาที่สุด อิจฉาที่สุด
รออ่านทริปต่อไปด้วยใจจดจ่อ
อยากไปทัวร์ธรรมชาติแบบนี้บ้างจัง มาอยู่ที่นี่เจอแต่แสงสี..ขณะที่พิมพ์คอมเมนต์นี้อยู่ ก็ได้ยินเสียงพลุจุดเปรี้ยงปร้าง รับเทศกาลวันชาติวันพรุ่งนี้..
อยากไปดูปลาปักเป้า ลอยตุ๊บป่องๆ บ้าง
ยังไงก็ระวังเรื่องหูละกันนะคะ หวังว่าทริปต่อไปคงขึ้นว่า..
..เมือ่ผมหมดปัญหาเรื่องหูไปแล้ว..การดำน้ำในครั้งนี้ก็....
ไปต่อเอาเองนะ
หนุกจัง เขียนอีกนะ

 
At 11:44 AM, July 14, 2005, Anonymous Anonymous said...

จะบอกว่าแวะมาตามกลิ่นโลหิตจากนาสิก ;-b ก็จะดูสยองเกินไปเนอะ........

อ่านรอบ 2 ก็ยังหนุกหนานลอยคออ่านในทะเลมาอีกรอบแล้ว คงไม่ต้องบอกอะไรๆเรื่องการดำน้ำ เพราะว่าไปกับอาจารย์อยู่แล้ว.......ติ๊ต่างมีโอกาส เราคงได้สวนกันไปสวนกันมาแถวๆเกาะเต่า หรือว่าสิมิลัน หรือ ฯลฯ นะจ๊ะ (เฮ่อออ...ข้าพเจ้าก็ฟุ้งไปเรื่อยเปื่อย)

ไปล่ะค่ะ revisedงานแล้วปวดเฮด เลยหนีมาเที่ยว ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว

ลงชื่อ : เพื่อนผู้มีอาการนาสิกซับโลหิตเช่นกัน ;-b

 
At 10:01 PM, July 14, 2005, Blogger kasab71 said...

ขอบคุณมากๆครับ ยังไม่มีโอกาสเที่ยวไว้ผมจะเป็นสื่อกลางให้ คุณ carre de mim

ยินดีต้อนรับ เพื่อนซับโลหิตอีกคนครับ คุณ poulet(la mer)
คงมีโอกาสไปดําน้ำด้วยกัน เด้อ

 
At 10:02 AM, July 15, 2005, Anonymous Anonymous said...

ถึงน้องๆและก็ kasab71จ๊ะ
เราเคยอธิบายเรื่องของสาเหตุที่มีเลือด(คล้ายกำเดา)
ออกจมูก นักดำน้ำใหม่ๆส่วนนึงจะเป็นเนื่องจากการเคลียร์
หูแรงเกินไป อาจทำให้เส้นเลือดฝอยเส้นฝอยเล็กๆในโพลงจมูก
แตกออกและมีเลือดซึมออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ใน
หน้ากากที่เราดำน้ำกันอาจจะมีน้ำอยู่ในนั้นบ้าง
เวลาที่ผสมๆกันแล้วอาจจะดูเยอะและน่ากลัว
แต่ไม่ใช่อาการที่อันตรายครับ ยืนยันๆ :)

 
At 10:16 AM, July 15, 2005, Anonymous Anonymous said...

แล้วทำไมเราต้องเคลียร์หูล่ะ ???
เมื่อเราอยู่ในความลึกที่เพิ่มขึ้น
แรงกดดันของน้ำจะเพิ่มขึ้นด้วย
ตามความลึก ทำให้มีแรงกดที่บริเวณแก้วหู
ชั้นนอก เราจะรู้สึกอึดอัดถึงเจ็บขึ้นเรื่อยๆ
วิธีการเคลียร์หูหรือป๊อปหู
ปิดปาก(เม้ม)
นิ้วชี้-นิ้วโป้งปิดจมูก หายใจออกดันลมหายใจเบาๆ
ออกมาเหมือนสั่งน้ำมูก จะได้ยินเสียงเบาๆจากหูข้างละ
1 ครั้ง ก็จะหายอึดอัดเราจะทำบ่อยๆ เมื่อเราดำน้ำ
หรือดำน้ำในสระว่ายน้ำทำแล้วเราจะไม่อึดอัดหรือเจ็บที่
หูอีก



หากเราทำแรงเกินไปหรือรอจนเจ็บแก้วหูแล้วค่อย
เคลียร์ก็อาจเกิดบาดเจ็บได้ฮะ

กรณี Kasab 71 เส้นเลือดฝอยในโพลงจมูก
จะบางมากกว่าคนปรกติทั่งๆไป พอเคลียร์หูแรง
ก็จะเป็นบ้างครับ ดำน้ำบ่อยๆก็จะดีขึ้นหรือหายไปเอง
เมื่อก่อนตาป้อมก็เป็นครับ)

อ่ะเขียนมาซะยาว คราวหน้าจะมาเลาให้ฟังอีกนะครับ
ตาป้อม

 
At 3:38 PM, July 16, 2005, Blogger kasab71 said...

ขอบคุณมากครับ พี่ป้อม เยี่ยมมากเลย สมกับเป็น instructor แล้วมาเล่าให้ฟังอีกนะพี่

ไปเกาะเต่า ฝากดําน้ำเผื่อด้วยพี่

 

Post a Comment

<< Home