Wednesday, July 13, 2005

โลกพิศวง...ที่พัทยา(1)


หลังจากการจบหลักสูตร Open Water Course เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาและพึ่งจะได้บัตรเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ผมก็ยังไม่ได้ไปดําน้ำที่ไหนอีกเลย

เมื่อได้ไป Review ที่สระกับพี่ป้อมเรียบร้อย วันเสาร์นี้ผมจะได้ไปดําน้ำที่พัทยาครับ บางคนอาจจะร้องยี้ เมื่อได้ยินชื่อสถานที่เพราะคิดว่าคงจะไม่มีอะไรสวยงามแต่สําหรับผม ผู้ติดตามเกี่ยวกับสัตว์ใต้ทะเลผมรู้ดีว่า ทะเลพัทยาซ่อนอะไรๆไว้มากมาย การเดินทางก็ใกล้ สะดวกสบาย หากเปรียบทะเลพัทยาเป็นหญิงสาวคงเป็นสาวที่หน้าตาแม้จะไม่สวยมากนักแต่ก็ไม่ขี้เหร่ ที่สําคัญภายในเธอมีจิตใจดีมากไม่แพ้สาวๆในทะเลอื่นครับ และนี่คือเสน่ห์ของทะเลพัทยาที่นักดําน้ำหลายๆคน แสวงหา



8 กรกฎาคม 2548


วางแผนไว้ว่าจะไปถึงพัทยาช่วงเย็นๆแต่ต้องเปลี่ยนแผนเพราะในวันนี้พี่ชายผมจะกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น ครั้นจะให้พี่ชายแบกกระเป๋าหลายใบขึ้น Taxi กลับบ้านเอง ส่วนตัวน้องชายหนีเที่ยว คงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีนัก จึงตัดสินใจขับรถไปรับพี่ชายมาส่งบ้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไปก็ไม่สายเพราะรถทัวร์จากสถานีเอกมัยไปพัทยา มีออกทุกครึ่งชั่วโมง (ตอนแรกคิดไว้ว่าจะออกจากรุงเทพพรุ่งนี้เช้ากับพี่พิช ศิษย์พี่ป้อมอีกคน แต่ผมกลัวจะตื่นไม่ทัน ไม่งั้นอาจพลาดทริปนี้ได้เลย)

เมื่อทําธุระเสร็จเรียบร้อย ผมแบกเป้สีเขียวขึ้นรถไฟฟ้าสถานีหมอชิตเพื่อไปลงที่สถานีเอกมัย ช่วงนี้คนส่วนใหญ่กําลังกลับบ้านคงมีน้อยคนที่จะไปเที่ยวกัน

ข้างๆผม มีชายคนหนึ่งกําลังคุยโทรศัพท์อยู่ น้ำเสียงดูเป็นห่วงเป็นใย คนที่อยู่ปลายทางซะเหลือเกิน เช่น “กินยาหรือยัง? เมื่อคืนนอนดึกหรือเปล่า”? ว่าแต่น้ำเสียงนี่ดูจะหวานๆเกินไปหน่อยหรือเปล่า ซึ่งผมก็ไม่ใส่ใจอะไรมากนัก

แต่ในประโยคสุดท้ายที่ว่า “ พรุ่งนี้เจอกันที่สะพานควาย อย่าลืมโกนหนวดโกนเครามาด้วยนะจ๊ะ” ทําเอาผมสะดุ้งเฮือก เพราะโกนหนวดเครา นี่มันผู้ชายนี่หว่า…….(คิดเอาเอง) (แต่คิดในแง่ดี ผู้หญิงมีหนวดก็มี ผมคงคิดมากไปเอง)

ที่สถานีขนส่งเอกมัยในวันนี้ มีคนมากพอสมควรอาจเป็นไปได้ว่า ในเย็นวันศุกร์ก็มีหลายๆคนที่อยากจะไปตากอากาศในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ชาตรแบตเพื่อเตรียมตัวกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงในวันทํางาน

ผมกําลังงงอยู่กับ 2 ช่องขายตั๋ว คือ ช่องชลบุรีกับช่องพัทยา จากการที่ใช้ปากให้เป็นประโยชน์ ได้ความว่า ชลบุรีไปไม่ถึง ส่วนพัทยาถึงแน่นอน ผมจึงเดินเข้าไปซื้อตั๋วรถปรับอากาศชั้น 1 ในราคา 110บาท รถออกเวลา 19.30 น

มีเวลาเหลือไม่ถึง 5 นาที ผมจึงรีบไปขึ้นรถที่ชานชาลา 1

มีหนุ่มสาววัยรุ่นอยู่หลายคน รวมทั้งชาวต่างชาติด้วย รถผ่านปากซอยอ่อนนุช ผ่านสถานีตํารวจพระโขนง ขึ้นทางยกระดับบูรพาวิถี ระหว่างนี้พนักงานรถส่งเสียงเตือนผู้โดยสารที่เปิบไส้กรอกอีสานให้รีบปิดปากถุงเพราะกลิ่นโชยออกมาทั่วรถไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นไฟก็ปิดลงซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเริ่มง่วงนอนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

ตื่นมาถึงแหลมฉบัง เมื่อรถผ่านมาถึงเมืองจําลอง นั่นก็หมายความว่าผมเขยิบใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว

รถทัวร์เลี้ยวเข้าพัทยาเหนือ จอดเข้าที่สถานีขนส่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ผมข้ามถนนมาต่อรถ 2 แถว เพื่อต่อไปโรงแรม Gulf Siam (พี่ป้อมบอกผมให้ต่อรถ 2 แถวมา ไม่นานก็ถึง)

“ไป กัฟ สยาม ครับพี่”

“อยู่ไหนเหรอ ไม่รู้จัก” คนขับว่าวด้วยหน้าตาซื่อๆ พร้อมคุยกับชาวต่างชาติอีกคนหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกัน ที่ผมเดินต่อไปเพื่อเรียกรถคันข้างหน้า(ก็พี่ยังไม่รู้แล้วผมจะไปยังไงเล่า)

รถโดยสารพาผมมาถึงโรงแรม กัฟ สยาม( ค่าโดยสาร 5 บาท) พี่ป้อมฝากกุญแจไว้ที่ Front เรียบร้อยแล้ว ผมเข้าห้องพัก ในทริปวันพรุ่งนี้ โบ๊ต หนุ่มน้อยที่เรียน Open Water จบมาพร้อมกับผมก็จะไปด้วยเช่นกัน (พี่ป้อมบอกว่าวันนี้พึ่งพาแขกไปดําน้ำมา ครูโก้ก็พึ่งกลับไปและในวันพรุ่งนี้ก็จะมีพี่นัทไปดํากับเราด้วย ผมนึกในใจว่าคนชื่อนัทคงเป็นผู้ชายแน่นอน )



10 กรกฏาคม 2548

ตื่นมากดนาฬิกาแล้วนอนต่อ(เจริญ) โชคดีพี่ป้อมมาช่วยปลุกอีกที ลงไปหาอาหารกินพบว่าโบ๊ตกับครอบครัว กําลังกิน Breakfast อยู่ พี่ป้อมเห็นว่าเริ่มสายแล้ว จึงพาพวกเราไปทานข้างนอกเสร็จแล้วก็จะเลยไปที่ท่าเรือเลย ผมได้รู้จักกับพี่นัท สาวสวยนักดําน้ำ เรียนดําน้ำมาพร้อมๆกับพี่ป้อม(เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่พิชและเพื่อนๆมาถึงพอดี เลยออกไปพร้อมๆกัน)


โจ๊กร้อนๆ ในตอนเช้า กับบรรยากาศดีๆ ผมได้รู้จักเพื่อนของพี่พิช คือพี่ต่อและพี่ออม สาวสวยอีก 1 คน ก่อนออกจากร้าน เราช่วยกันขนอาหารเพื่อไปรับประทานกันบนเรือ

เราถึงท่าเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา(Pattaya Port) ผมไม่ทราบมาก่อนเลยว่า ที่นี่จะมีท่าเรือที่ใหญ่ขนาดนี้ คิดในใจว่าหากไม่ได้ดําแบบ Scuba คงไม่ได้มีโอกาสได้เห็น

หาเรืออยู่พักใหญ่ ลงไป Check อุปกรณ์ในกระเป๋า เช่น Wet suit ,Fin เป็นต้น ไม่นานนัก เรือรุ่งวรวรรณ 10 พาเราออกจากท่าเรือในเวลา 9 โมง 10 นาที

เช้านี้ไม่มีแดดแต่มีคลื่นพอสมควร ผมภาวนาขอให้ฝนไม่ตก พี่ไก่(Divemaster) มา Brief ให้ฟังเกี่ยวกับสิ่งอํานวยความสะดวกบนเรือ นอกจากนี้บนเรือยังมี Instructor คือ ครูป๊อกและครูโอ๋ด้วย โดยจุดหมายปลายทางแรกของเราอยู่ที่เกาะสาก

ก่อนถึงเกาะสากเรือปล่อยให้นักดําน้ำ Deep Dive ลงก่อน ช่วงนี้ระหว่างรอให้พวกเขาขึ้นมา ผมนั่งคุยกับพี่ต่อทราบว่า จบ Open Water มาพร้อมพี่พิช ส่วนพี่ออมยังไม่ได้เรียนดําน้ำแต่ติดตามมาด้วย ผมนึกถึงตัวผมเมื่อหลายปีก่อนที่พัทยา ผมก็มากับเพื่อนที่มาสอบดําน้ำแต่ผมยังไม่ได้เรียนดําน้ำและที่เกาะล้านก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทําให้ผมรักทะเลแบบบ้าคลั่งมาตั้งแต่นั้น

ช่วงนี้เราประกอบแท็งค์ เตรียมเข็มขัดตะกั่วสวมWet Suitและ Clean Maskเตรียมไว้


Dive 5 การ์ตูนอานม้าหวงถิ่น!!!!


เรือรุ่งวรวรรณ 10 จอดใกล้ๆเกาะสาก เห็นชายหาดอยู่ไม่ไกล(พึ่งรู้ว่าเกาะสากก็มีชายหาดท่องเที่ยวด้วย) เห็นเรือมากมายรวมทั้งเครื่องเล่นกีฬาทางน้ำอย่าง สกูตเตอร์ด้วย จึงต้องใช้ความระมัดระวังให้ดี ขืนขึ้นมาไม่ระวัง คอหักไม่รู้ด้วย(ก่อนลง ผมดื่มน้ำมากเป็นพิเศษเพราะเมื่อการดําครั้งล่าสุด ดื่มน้ำน้อยทําให้ทรมานมาก)

อาการปวดหูผมมีน้อยลง อาจเป็นไปได้ว่า อยู่ในระดับความลึกที่ไม่มากนัก(10 เมตร)หรืออีกมุมนึง คือ หูผมเริ่มที่จะบานแล้ว
ใต้ทะเลที่เกาะสากแม้น้ำจะไม่ขุ่นแต่ก็ไม่ถึงกับใสมากนัก ผมพบประหลาดสีเหมือนใบไม้ 1 ตัว น่าเสียดายที่มันตัวเล็กมากและผมก็จําลักษณะของมันได้น้อยเสียด้วยแต่มันจะอยู่นิ่งๆที่พื้นทราย(ใครไปเกาะสากเจอเพื่อนผมตัวนี้ ช่วยมาเฉลยด้วยนะครับ อยากรู้มาก)
พบหอยสังข์ไม่ทราบชนิดอีก 1 ตัว(ลักษณะเป็นหอยฝาเดียว) เจ้าปลาบู่โผล่หน้ามาทักทายเหมือนเดิม หากยังไม่เข้าเขตอันตราย มันก็ยังจะไม่หนีเข้ารู ผมสังเกตเห็นว่ามียางรถยนต์มากมาย สําหรับให้สัตว์ทะเลอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังมีแส้ทะเล(Sea Whip) มากมาย
ผมเห็นเจ้าปลากระรอกลายแดง(Redcoat) ที่นี่(ไม่ได้คาดหวังมากนักว่าจะเจอ) เห็นได้ชัดว่าการ Review ของผมได้ประโยชน์มากเพราะตีขาดีขึ้น ผมเก็บกระป๋องเบียร์มาสําหรับมาทิ้งบนเรือ(ยังมีคนมักง่ายอยู่เยอะ) นอกจากนี้ผมหยิบตะกั่วสําหรับถ่วงเข็มขัดมาจากใต้ทะเล(คงมีคนทําตกไว้) แต่ถือไว้ไม่นานผมก็ให้พี่ป้อมเก็บไว้เพราะความที่หนักกว่ากระป๋องเบียร์เยอะและทําให้การตีขาของผมจะมีอุปสรรค



พบเจ้าปลาการ์ตูนอานม้า 2 ตัว (Saddleback Anemonefish) บนดอกไม้ทะเล(Sea Anemone)ชนิดหนึ่ง กอเล็กๆมีสีฟ้า เจ้าการ์ตูนอานม้า แสดงพฤติกรรมหวงถิ่น เหมือนจะบอกว่า “พวกตัวประหลาดอย่างนาย อย่าเข้ามายุ่งกับเรานะ นี่บ้านของเรา” ผมดูมันใกล้ๆอย่างเอ็นดูและไม่คิดจะรบกวนมัน หากใครได้ไปเห็นคงจะรู้สึกได้แบบเดียวกับผมว่าแม้ปลาจะพูดไม่ได้แต่เราสามารถรับรู้ความรู้สึกของพวกเขาได้ นอกจากนี้ยังมีกุ้งตัวใสๆ อยู่บริเวณนั้นด้วย(หากไม่สังเกตไม่เห็นแน่นอน)

ถึงตอนนี้ผมเริ่มหน้าเขียวเพราะแม้จะรู้สึกสบายเพราะดื่มน้ำมากแต่ต้องเผชิญกับอาการปวดฉี่ ครั้นจะฉี่แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ภายใต้ Wet Suit ผมพยายามอยู่นาน ปล่อยตัวสบายๆไม่เกร็ง(เหมือนเด็กทารก ฝึกฉี่) โอยๆๆๆ ในที่สุดก็ไปสู่สวรรค์ซะที

พอขึ้นมาน้ำลายผมก็ยังคงมีสีแดงเช่นเดิม คงเป็นเพราะเส้นเลือดฝอยในจมูกแตกเช่นเคย แต่คราวนี้ออกมาที่หน้ากากด้วย
ผมรีบถอดชุด เข้าห้องน้ำเพราะยังฉี่ไม่สุดพร้อมล้างให้สะอาด(บางทีอาจมองว่าสกปรกแต่ก็ดีกว่าการกลั้นไว้จนเป็นโรคแล้วกัน)
อาหารกลางวันในวันนี้ ผมไม่กล้าที่จะกินมากนักเพราะมีประสบการณ์ใน Dive 4 ที่เกาะง่ามน้อย จ ชุมพร กินมากไปเกือบให้อาหารปลาแน่ะ!!! (ว่าแต่ผมชอบหมูผัดพริกมาก อร่อยจัง)


และก็ถูกต้องจริงๆเพราะกินเสร็จไม่ถึง 20 นาที ก็ต้องเตรียมตัวลงสู่ Dive ต่อไป ที่หาดตาแหวน เกาะล้าน(บริเวณสะพานปลา)

1 Comments:

At 7:04 PM, July 13, 2005, Anonymous Anonymous said...

รออ่านตั้งนานแหนะ :P

 

Post a Comment

<< Home