Monday, August 29, 2011

Singapore...This is my occasion(5)


อาหมวยสิงคโปร์ / นักกล้ามอียิปต์


ออกมาเจอคนสูงมากๆ(ด้านล่างน่าจะใช้ขาต่ออีกที) แต่งตัวแบบอียิปต์โบราณ สวมหมวกคล้ายๆฟาโรห์ และมีคนเข้าไปถ่ายรูปด้วย(พี่แกทรงตัวได้เก่งจริงๆ)

ไม่ต้องทำอะไรมาก ทำหน้าตา “ถมึงทึง” เข้าไว้ ประกอบกับการเกร็งกล้ามแขน เบ่งกล้ามออกมา เห็นเส้นเลือดที่แขนชัดเจน

สงสัยจะเป็นเหมือนนักมวยปล้ำครับ ก่อนออกหน้าจอ ก็ต้องไปยก Weight มาก่อน ส่วนการทำหน้าบูดบึ้ง อาจจะเพื่อให้ตรงกับ Concept ก็ได้(ให้ดูน่าเกรงขาม ลึกลับ ในดินแดนแห่งนี้) ว่าแล้วก็ไปถ่ายรูปกับพี่เขาหน่อย




เด็กชายทัฬห์นอนหลับอยู่บนรถเข็น จุดนี้มีเงาบัง เลยไม่ค่อยร้อนมาก ระหว่างยืนรอเลยสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวสาวคนหนึ่ง เข้าไปถ่ายรูปกับพี่นักกล้ามอียิปต์

“น่ารัก”

อาหมวยผมยาว ผิวขาว คนนี้ ดูโดดเด่นมาก อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง หรืออะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่คนไทยแน่ๆ เอาเป็นว่า เรียกเป็น “อาหมวยสิงคโปร์” ไปก่อน

ยืนอยู่ใกล้เลยถ่ายมาได้แชะนึง(ไม่มีใครว่าหรอก ใครๆก็คิดว่าถ่ายพี่นักกล้ามอียิปต์ทั้งนั้น 555)

ได้เวลาย้ายถิ่นแล้วครับ



Brendan Fraser???


จาก Revenge of the Mummy ด้านหน้าเป็น “Carter ’s Curiosities” ครับ(น่าจะเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อียิปต์ และมี Fossils โบราณด้วย)

ที่มุมตึกมีคนแต่งตัวเหมือนพระเอกหนังในเรื่อง “The Mummy” (น่าจะมาพักพอดี คงไม่คิดว่าจะมีคนเห็นนะ 555)

“นั่น Brendan Fraser นี่หว่า”


ดูคล้ายมากๆครับ เป็นฝรั่งตัวสูง ทรงผมก็เหมือน ขอถ่ายรูปกับ Brendan Fraser เสร็จ ก็

“Shake Hands” แกยิ้มแย้มและบอกทำนองว่า ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนอียิปต์ ขอให้สนุก อะไรทำนองนี้ (ฝ่ามือแกใหญ่มาก)

ใครอยากเจอตัวเป็นๆในดินแดนแห่งความฝัน แห่งนี้ ก็ลองมาดูนะครับ 555



The Lost World / ดินแดนแห่งไดโนเสาร์


จาก Ancient Egypt ด้านหน้าจะทำให้ทุกท่านนึกถึงภาพยนต์อีกเรื่อง นั่นก็คือ “Jurassic Park” รอบๆจะมีแต่รูปปั้นไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ เรากำลังเข้าสู่ดินแดน The Lost World แล้วครับ

เดินเข้าประตูขนาดใหญ่ด้านขวานี่เลย ทำได้เหมือนในภาพยนต์จริงๆ



ไปไหนต่อละทีนี้ เครื่องเล่นเยอะแยะไปหมด

“อ้าว เปียกด้วยเหรอ”

อีกแล้วครับ ไม่ได้เตรียมตัวมาอีกล่ะ 555 แต่ไม่เป็นไร ก็แค่เปียกน่ะนะ(จริงเหรอ) พี่ณัฐบอกว่า เครื่องเล่นนี้เป็นแบบหมุนๆ ล่องไปในแก่ง เหมือน Grand Canyon ที่ Dream World พ่อสามารถเล่นได้

ฝากของให้หมด(ถ้าไม่กลัวเปียก) ผ่านไปแล้ว 2 เครื่องเล่น คราวนี้เปลี่ยนเป็นพ่อ พี่เก่ง และผมบ้าง



Jurassic Park : Rapids Adventure!!!


ชื่อภาษาอังกฤษดูน่ากลัวครับ นอกจากนี้เขาเขียนในในบรัวชัวร์ ว่า “Wet and Possibly Soked” ด้วย ท่าทางงานนี้คงไม่รอด Soked แน่ๆ 555

เนื่องจากคนรอเยอะ เลยใช้บัตร “Fast Pass” เดินเข้าที่ช่องแบบไม่ต้องต่อคิว ไปหยุดอีกทีก็รอเล่นเลย(บัตร Fast Pass 1 ใบ จะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ต่อเครื่องเล่นนั้นๆ ก็ต้องดูดีๆครับ ว่าสมควรใช้หรือไม่ )

สำหรับใครไม่อยากเปียก เขามีตู้หยอดเหรียญ สำหรับชุดพลาสติกด้วยนะ(เหมือนเสื้อกันฝนบ้านเรา)

ยื่นบัตร Fast Pass ให้กับพนักงานสาว หน้าหมวย เธอยิ้มแย้มและบอกว่า คันนี้แหละ

ให้ลงไปนั่งได้เลย



ผจญภัยกับ Dinosaur!!!


อุปกรณ์นี้นั่งได้ประมาณ 9 คน นั่งหันหน้าชนกัน เป็นรูปวงกลม ดูเหมือนด้านล่างน่าจะมีราง เพื่อบังคับให้รถไปนู่นมานี่ได้

พอลงน้ำ อุปกรณ์นี้ก็ค่อยๆหมุนไปอย่างช้าๆ เปลี่ยนทิศไปเรื่อยๆ เปรียบดั่งว่า ถูกกระแสน้ำพัดพาไป

สังเกตดูรอบๆ ทาง จะมีไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ออกมา เริ่มจากไดโนเสาร์กินพืช ทำได้เหมือนมาก มีเสียงด้วยนะ

จากนั้นหากใครเผลอ ก็จะเปียกแน่ๆ(ขึ้นอยู่กับว่า ใครถูกหมุนไปอยู่ทิศนั้น) จะมีไดโนเสาร์พ่นน้ำออกมาด้วย(เปียกเล็กๆ)

ที่น่าสนใจกว่าไดโนเสาร์ คือ สาวที่อยู่ตรงข้ามผมนี่แหละครับ มากับครอบครัว เหมือน “เหม่เม้” มากๆ (เป็นน้องสาวที่เจอตอนไปดำน้ำในทริปสิมิลัน) ตัวน้องน่ะ ยังเด็กมาก แต่คนที่อยู่ด้านหน้านี่ เหมือนเป็นภาคโตแล้ว น่ารักด้วย ขาวด้วย ตายกันพอดี 555



เรากลับมาเรื่องไดโนเสาร์ต่อดีกว่า จากพวกกินพืช เราเริ่มเห็นสิ่งแปลกๆระหว่างทาง มีรถที่ไม่มีคนขับ แต่ประตูเปิดออก กลางสายน้ำที่ไหล(เป็นฉากในเรื่อง Jurassic Park ตอนที่เจ้าแว่นตัวอ้วน ถูกไดโนเสาร์ ที่มีแผงคอ ฉีดน้ำเข้าใส่ตา และสุดท้ายก็ถูกทำร้ายจนตาย)

เริ่มมีไดโนเสาร์กินเนื้อออกมาแล้ว เจ้านี้มัน “Raptor” นี่นา(ไม่ใช่นักร้องไทยนะ) หากใครยังจำได้ เจ้า Raptor จะค่อนข้างดุ เคลื่อนไหวรวดเร็ว มีบทบาทมากๆ ในเรื่อง

จาก Raptor มีเสียงสัญญานเตือนแบบ Emergency เห็นรั้วไฟฟ้า ขนาดใหญ่ แต่ได้ถูกสัตว์บางชนิดทำลายไปแล้ว! (เดาได้ไหม?)

ถูกต้องครับ ด้านหน้า คือ เจ้า T. Rex หรือ ไทแรนโนซอรัส ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ ดุร้าย และเป็นตัวละครเด่นเสมอในเรื่อง (ทำได้เหมือนจริงมากๆ ด้วย)

ต่อมา เสียงสัญญานเตือนดังขึ้นอีก เราเข้าสู่อุโมงค์ รอบด้านมืดไปหมด เมื่อสุดทาง รถก็ถูก ดึงสู่ด้านบน จากนั้นประตูก็เปิดออก

ชัดเลย พุ่งลงด้านล่างแน่ๆ คราวนี้!!!

ซ่าๆๆๆ

ความเสียวไม่เท่าไรครับ แต่ดันนั่งริมพอดี และเป็นทิศที่อยู่ด้านหน้าสุดพอดี ก็เปียกเต็มๆ และเปียกมากกว่าคนอื่นๆด้วยนะ 555(น้ำเข้าถึงในรองเท้าด้วย)

แต่ก็ดีครับ กำลังร้อนเลย

มีรูปให้เลือกเหมือนเดิม แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองกล้องหรอกครับ เพราะไม่รู้ว่ากล้องอยู่ที่ไหน(แต่ผมรู้ล่ะ เดี๋ยวแก้ตัว ถ้ามีโอกาสกลับมาใหม่นะ)

พ่อบอกก็สนุกดีครับ เปียกนิดหน่อย

“ทำไม เปียกมากที่สุดเลยล่ะ” พี่มุกถาม

“อยู่ริมสุดครับพี่ โดนเต็มๆ 555”



Lunch at Fossil Fuels


มาเติมพลังกันหน่อย ร้านนี้จะอยู่ถัดจากประตู Jurassis Park นั่นแหละ คนต่อคิวพอสมควร ไปหาที่นั่งก่อนดีกว่า

พี่มุกต่อคิว ผมรอมาช่วยถือของ แต่ก็ต้องคอยดัก สกัด เด็กชายทัฬห์ ไม่ให้เดินไปขวางทาง หรือไปเกาะแกะคนอื่นๆ ว่าแล้ว ไปอุ้มกลับมาดีกว่า



อาหารจะออกแนว Junk Food ครับ แฮมเบอร์เกอร์ ฮอทด็อก เฟรนฟราย เลือกไม่ถูกแฮะ ดูจากรูป คัดเบคอนออกก่อนเลย สรุปเอาเหมือนพี่แล้วกัน ง่ายดี

มีแก้วน้ำหัวไดโนเสาร์(พี่มุกอยากได้แต่หมด) ผมจำได้ว่า ถ้าแบบนี้ แม่ก็อยากได้เหมือนกัน เวลาไปสถานที่ไหนแล้วมีแบบนี้ ต้องซื้อมาทุกครั้งไป

กินดีกว่า ไส้กรอกอร่อยดีครับ นิ่มด้วย(เห็นพี่มุกบอกว่า เป็นไส้กรอกเยอรมัน) บวกเป๊บซี่แล้วก็เฟรนฟราย มีแรงไปต่อล่ะ



เดินออกมาเลี๊ยวขวา แดดแรงมากๆ ต่อคิวแถวยาว เหมือนด้านในจะเป็นอัฒจันทร์ นะ ปล่อยคนเข้าไปได้เยอะด้วย



Waterworld /โลกแห่งน้ำ


ชัดเลย พอเห็นฉากนี้ เหมือนในหนังเรื่อง “Waterworld” มากๆ จะมีที่นั่งอยู่หลายแถว แต่ขอให้เลือกให้เหมาะสมนะครับ เพราะในบางโซน เขาเขียนเลยว่า “โซนนี้เปียก” / “โซนนี้ไม่เปียก”

แต่หากใครอยากเปียก ก็ไม่ว่ากัน 555



เกมฆ่าเวลา


ระหว่างรอการแสดงโชว์ชุดนี้ จะมีฝรั่งคอย Entertain นักท่องเที่ยว(จากการแต่งตัว ดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่พระเอก)

และเป็นที่มาว่า ทำไมถึงต้องมีการแยกโซนที่นั่ง

ฝรั่งจะตักน้ำใส่ถังและสาดไปที่นักท่องเที่ยว(เฉพาะแถวที่เขียนไว้ว่า เปียก จะไม่สาดมาเกินไปกว่านั้น) เรียกเสียงเฮ ได้อย่างมาก

อีกฟากของอัฒจันทร์ก็ทำบ้าง เรียกเสียงเฮ เหมือนกัน คราวนี้ ผู้นำ(เชียร์) ทั้งสอง ต้องการแสดงให้เห็นว่าอัฒจันทร์ด้านไหน มี Power มากกว่ากัน จึงยกมือขึ้น เพื่อขอเสียงเฮจากผู้ชม



“เฮ!!! เฮ!!!”

ดูทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และสนุกไปกับเกมนี้ครับ

ลงท้ายด้วยการฉีดน้ำใส่เช่นเคย แต่คราวนี้จะเปลี่ยนจากถัง เป็นท่อฉีดน้ำบ้าง

จากนั้น จะเชิญผู้ชมด้านหน้า 1 คน ออกมาร่วมสนุก โดยให้แก้แค้นเจ้าฝรั่ง ที่วางอำนาจ ฉีดน้ำใส่

ให้ถือท่อฉีดน้ำ และให้ผู้ชมนับ

1 -2 – 3 (เจ้าฝรั่งที่กำลังจะโดนฉีดน้ำ ทำหน้าตาสลด)

เกมพลิก!

เมื่อนับถึง 3 กลายเป็นว่า ผู้ร่วมสนุกคนนั้น เปียกซะเอง เพราะโดนเจ้าฝรั่งหลายคนรุมฉีดน้ำ

โดนหักหลังกันเห็นๆ

คนดูชอบ และตบมือกันยกใหญ่


Sunday, August 21, 2011

Singapore...This is my occasion(4)


18 กรกฎาคม 2554


ตื่นแบบสบายๆ ลงมากิน Breakfast บอกพนักงานสาวว่า “5 Person” จากนั้นเธอก็จัดที่นั่งให้ครับ

เช้านี้ที่ร้านอาหาร คนมากจริงๆ ดูแล้วมีหลายเชื้อชาติ จะเน้นไปที่คนเอเชียซะมากกว่า แต่ก็ยังไม่เจอคนไทยนะ เป็นไปได้ว่า คงจะเริ่มกลับกันไปบ้างแล้ว วันนี้เป็นวันหยุด วันสุดท้ายแล้วด้วย




Breakfast ของที่นี่ มีเมนูอาหารเยอะเหมือนกัน ผมเลือกขนมปังแบบคละแบบกันไป ที่ดูแล้วน่าจะมีรสชาดหน่อย บวกกับเนยสด ไส้กรอก ซึ่งก็อร่อยดีครับ เรียกว่าหลายชนิดแปลกและอร่อยกว่าที่คิดไว้ ไส้กรอกก็อร่อย

นั่น! เด็กชายทัฬห์ ไปเล่นกับเด็กผู้หญิงจีน โต๊ะข้างๆแล้ว ดูเธอก็สนใจไม่น้อย พ่อของเธอก็ยิ้มใหญ่เลย

นักท่องเที่ยวมากแบบนี้ งานหนักก็คงตกอยู่กับพนักงาน ต้องคอยเก็บจานให้รวดเร็ว สิ่งหนึ่งที่เห็น คือ แม้งานจะหนักแต่พวกเธอก็ยิ้มแย้มดี ทุกคนนะ

กลับขึ้นห้องไปเตรียมของดีกว่าครับ 10 โมงเช้า เราจะไป Universal Studio กัน



ฟ้าใส แดดจ้า พร้อมต้อนรับทุกท่าน!!!


เดินตัดออกมาทาง Festive Hotel เหมือนเดิม เลี๊ยวซ้ายออกมา แดดแรงมาก ดีนะที่ใส่ขาสั้นมา ท่าทางจะเหงื่อชุ่มมากกว่าเมื่อวานครับ



มีเจ้า Merlion หลากสี เป็นจุดเด่นเหมือนเดิม พอตัดกับสีของท้องฟ้า ทำให้เข้ากับบรรยากาศแฟนตาซี โลกแห่งความสนุก โลกแห่งความฝัน ที่กำลังจะเจอในไม่ช้า



ลูกโลก Universal มีมหาชนเพียบเลยครับ คนละเรื่องกับเมื่อวาน ถึงแดดจะร้อนเพียงใด ก็ไม่เป็นอุปสรรค

ส่วนเรื่องตั๋วเข้า Universal Studio แนะนำให้ติดต่อก่อนมานะครับ จองใน Internet จะได้ไม่ต้องมาต่อคิวรอซื้อ



Welcome to Universal Studio!!!


ถือกระดาษที่ Print ออกมาจาก Internet เป็นหลักฐานการผ่านประตู โดยมีคุณลุงชาวสิงค์โปร์ ใช้เครื่องตรวจสแกนบาร์โค๊ดคอยตรวจ



มีป้ายบอกทางชัดเจนดีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน สำหรับโทรศัพท์สาธารณะ ,ห้องน้ำ ,เช่ารถเข็น หรือแม้แต่ห้องพยาบาล สำหรับคนที่ไม่สบาย



ด้านหน้าจะเป็นพวกร้านขายของที่ระลึก อย่างนี่ ก็เจ้าเพนกวิน เป็นตัวละครในเรื่อง Madagascar



จุดนี้ คือ ถนน Hollywood จะมีตัวละครในภาพยนต์ออกมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันด้วย คนรอต่อคิวถ่ายก็พอสมควร แต่ยังไม่ต้องรีบครับ เดี๋ยวค่อยกลับมาถ่ายก็ได้

เดิน ถ่ายรูป หยุด ถ่ายรูปและเดิน ตึกที่สร้างขึ้นก็สวยดีครับ เหมือนได้เข้ามาอยู่ใน Hollywood จริงๆ เรียกว่ามีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ใครชอบถ่ายรูป ไม่ผิดหวังแน่นอน



แดดกำลังร้อนจัด พี่ณัฐบอกว่า

“คนกำลังน้อยอยู่ โอกาสดีเลย ขึ้นไอ้นี่ก่อนนะ แล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ได้ ถ้าอยากเล่นอีก”



“เฮ้ย เอาเลยเหรอ” ผมมองขึ้นไปบนรางที่เหมือนกับรถไฟเหาะตีลังกา จริงๆก็ไม่ได้เตรียมตัวมาขึ้นเครื่องเล่นนี้เท่าไร ลืมไปเลยว่ามา Universal Studio มันก็เมืองสวนสนุก ก็ต้องมีเครื่องเล่นมากมาย หนึ่งในนั้นก็ต้องมีพวก “หวาดเสียว”

ยังจำภาพล่าสุด ที่ไปเล่นที่ Dream World ได้ครับ ไม่กี่ปีมานี่เอง ทั้งเฮอริเคน , ไวกิ้ง ,รถไฟเหาะตีลังกา นึกแล้วก็ มึนหัวขึ้นมาเลย

บัตรมี 3 ใบ พ่อเล่นไม่ได้แน่นอน พี่มุกกับเจ้าทัฬห์ ยิ่งเล่นไม่ได้ใหญ่

นั่นพี่ชาย 2 คน ของผม วิ่งเข้าไปเรียบร้อย ไม่รอกันเลย 555

ฝากของก่อนครับ โดนพนักงานสาวตรวจที่ทางเข้า ไม่ให้เอาโทรศัพท์เข้าไป เพราะอาจจะตกได้

เอาวะ!! ชีวิตเราก็เจอเรื่องเสี่ยงอันตรายมาตั้งหลายครั้ง แค่นี้เอง(นึกถึงเรื่อง Final Destination ขึ้นมา)(แล้วนึกทำไม 555)

อย่าไปกลัวมันซิ !!!



Battle Galactica : Cylon!!!


จุดนี้จะอยู่ที่ Sci-Fi City นะครับ ผมเดินต่อคิว ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ ไม่มีคนแบบนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้บัตร Fast Track(หรือใครจะเรียก Fast Pass) ก็ได้

มันเร็วจริงๆ ถึงคิวแล้วเหรอเนี่ย ช่วยต่อคิวให้นานๆ กว่านี้ได้ไหม 555

เห็นแล้วครับ ที่นั่งจะเป็นแถวละ 3- 4 คน มีราวนวมจากด้านบนลงมาปิดด้านหน้าไว้ เป็นที่ใช้มือจับด้วย ราวนี้จะช่วยล๊อค ป้องกันไม่ให้ร่างกายหล่นสู่เบื้องล่าง ที่สำคัญ “ขา” จะต้องห้อยแบบโตงเตงครับ(บ้างก็ว่าแบบนี้ จะเสียวกว่า แบบทั่วไปๆ ที่มีที่วางขา) ส่วนรองเท้า ต้องถอด มิเช่นนั้น ก็ต้องร่วงลงโดนหัวใครซักคนด้านล่าง อย่างไม่ต้องสงสัย

อันที่จริง มันก็คล้ายๆกับที่ Dreamworld นะครับ แต่จะเป็นยังไง เดี๋ยวไปดูกัน

ทำใจก่อน.....แล้วไปกันเลย



Upside Down โอย!!!


ซูม........

แวบแรกก็เอาเลยครับ ทำไมมันเสียวแบบนี้ คิดผิดหรือเปล่าเนี่ย ที่ขึ้นมา

โดยเฉพาะการลงครั้งแรกสุด เหมือนตกจากตึกหลายสิบชั้น



หลังจากนั้น คุณพี่ก็ไปขวาที ซ้ายที ตีลังกาซักที สองที แล้วไปต่ออย่างรวดเร็ว

ตอนตีลังกาก็อยากให้มันผ่านไปเร็วๆ ได้ไหมเนี่ย 555

ขาห้อยไปมา ให้ความรู้สึกเย็นๆ นอกจากว่าจะไม่มีที่วางแล้ว หัวก็เย็นเหลือเกินเพราะลมตีไป ตีมา

ระหว่างนั้น เขาว่า ถ้าร้องจะช่วยได้ แต่พึ่งเริ่ม ผมก็ไม่มีเสียงซะแล้ว เหมือนวันนี้ เสียงจะหายไปนะ แหกปาก แบบเงียบๆ เสียงต่ำๆ(คีย์สูง ไม่ค่อยมีครับ 555)

แวบเดียว ฟ้ามาโปรด Cylon เข้าสู่ที่เดิม เพื่อรอ รายต่อไป ขึ้นมา(รอดแล้วตรู)



มึนหัว!!!


เดินออกมาจะมีรูประหว่างที่เราอยู่บนCylon ที่หน้าจอครับ ใครสนใจก็เลือกซื้อกันได้ (ปิดตาไปข้างนึงด้วย 555)

มึนๆหัวเหมือนกัน ผมกับพี่ๆเห็นตรงกันว่า แวบแรกที่ดิ่งลงไปนั่นแหละ เสียวที่สุด จังหวะอื่นๆ เรียกว่าต่อเนื่อง เจ้าCylon นี้เร็วกว่าที่ Dreamworld อีกครับ

วินาทีแรกที่ดิ่งลงไป ผมนึกถึงแม่ ขอให้ท่านช่วยคุ้มครอง เหมือนครั้งตอนไปสิปาดันบนเครื่องบินและทุกๆครั้งหากคิดว่าอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้น

แน่นอนว่า ผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวใจ คนชรา สตรีมีครรถ์ เด็กเล็กๆ อย่าขึ้นจะดีกว่านะ



“ขึ้นอีกไหมล่ะ เดี๋ยวกลับมา”

“ไม่เลย ทีเดียวพอ” 555

พี่ณัฐบอกว่า เราจะเริ่มเล่นจาก Hi-Light ให้ครบ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่อย่าง ที่เหลือค่อยตามเก็บเอา และในเครื่องเล่นแรก เราโชคดี ที่ไม่ค่อยมีคนด้วย



เทพอานูบีส / เข้าสู่ดินแดนอียิปต์


แดดเริ่มร้อนขึ้นกว่าเดิม เห็นรูปปั้นเทพอานูบีส เป็นสัญลักษณ์ เรากำลังเข้าสู่ดินแดนอียิปต์ (ถ้าในบรัวชัวร์ ก็คือ Ancient Egypt) รูปปั้นใหญ่ ตระหง่าน บรรยากาศมันได้จริงๆ นึกว่าอยู่อียิปต์จริงๆนะเนี่ย 555



ตึกใหญ่ตรงนี้ก็ทำได้สวยครับ มีเทพอานูบีส ตัวใหญ่มากๆ 2 ตัว ยืนคุมประตูอยู่ จุดนี้เป็นที่ตั้งของเครื่องเล่น คือ “Revenge of the Mummy”

จากการเดา ท่าทางจะมึนอีกรอบ พี่ณัฐบอกว่า คนกำลังน้อยเลย รีบเข้าตอนนี้แหละ แต่ตัวเครื่องมันมีกระชากด้วย จึงไม่เหมาะที่จะให้พ่อเข้าไป

มาลุยกันต่อครับ



Revenge of the Mummy!!!


เดินเข้าไปเป็นทางเดินมืดๆ มีแสงไฟสลัวๆ แอร์เย็นช่ำ บรรยากาศดูน่าตื่นเต้นดี

ทางเดินไกลใช้ได้ มีทางขึ้นบันไดด้วย แต่ต่อคิวไม่นาน กว่าจะมีคนก็บริเวณบันไดแล้ว ได้ยินชัดเจนเลยว่า ด้านหลังเป็นคนไทย มาประมาณ 5-6 คน

เห็นเครื่องเล่นแล้วครับ ลักษณะเป็นรถนั่ง มีราวจับล๊อคที่นั่งไว้ ป้องกันร่างกายขยับเขยื้อน(เผื่อใครจะลุกขึ้นยืนด้วยล่ะ)แถวละ 3 คน คันนึงน่าจะมี 7-8 แถว

ผมนั่งอยู่แถวซ้ายสุด ริมเลยแฮะ

Let ‘ s go!



มัมมี่ ฮิมโฮเทป!!!


รถออกแล้วครับ ตอนแรกค่อยๆเคลื่อนตามรางอย่างช้าๆ

รอบๆด้านมืดไปหมด จะมองเห็นก็แต่ข้างๆทาง ที่จะมีมัมมี่ ออกมาขู่ (มัมมี่ก็พูดภาอังกฤษนะ)

มัมมี่ตัวนี้ ดูท่าทางจะเป็นตัวโกงของเรื่อง ทำให้นึกถึง “ฮิมโฮเทป” ในเรื่อง The Mummy ภาพยนต์ฟอร์มยักษ์

รถค่อยๆเข้าไปสู่ที่มืดอีกครั้ง เห็นภาพด้านหน้า คือทางตัน มี กำแพง และกำลังแตกออก โดยมีแมลงที่ลักษณะคล้ายตัวด้วง(ที่อยู่ในเรื่องโผล่ออกมา)

จากนั้น รถกระชากไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว(หัวติดเบาะดีๆนะครับ) ไปเจอเจ้า(ขอเรียกว่า ฮิมโฮเทป แล้วกัน) อีกครั้งหนึ่ง

ไฟลุกขึ้นมา รู้สึกถึงความร้อนที่ใบหน้า(นั่งริม โดนเต็มๆเลยครับ) แล้วเจ้า ฮิมโฮเทป ก็บอกว่า

“You cannot defeat me” (หรืออะไรทำนองนี้แหละครับ) ทำนองว่า พี่ฮิมโฮเทป แกโกรธมาก ยังกับว่าเราไปฆ่าลูกหลานแกมา

จากนั้นรถเคลื่อนไปด้านหน้า ไปอย่างเร็วเลยครับ ซ้ายที ขวาที ลงล่าง ค่อนข้างจะเสียวๆ นิดๆ(ตะโกนเหมือนเดิมครับ แต่ไม่มีเสียงแล้ว แอบปิดตาข้างนึงด้วย จะได้ดูทางว่าเป็นยังไง)

ถ้าปิดตาหมด 2 ข้าง ดูจะไม่ค่อยดีนัก(อาจจะแย่กว่าเดิม 555)

รถกลับสู่ที่เดิม อันนี้โอเค ไม่มึนหัวเท่าอันแรก



ออกมาก็มีรูปเหมือนเดิมครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเอาไหม พี่ณัฐซื้อไปแผ่นนึง เท่าที่ดูจากรูป ผมหน้าตาตลกที่สุดเลยเพราะปิดตาไป 1 ข้าง ส่วนพี่ๆหน้าปกติ(มีหน้าปกติกับหน้ายิ้ม)

ส่วนเด็กฝรั่งที่นั่งด้านหลังสุด ท่าทางว่าจะโดนของ “ฮิมโฮเทป” เพราะหน้าตาเหมือนไปโกรธใครมา ไม่ก็เห็นสิ่งเร้นลับที่มิอาจพิสูจน์ได้

หรือจะเป็นลักษณะตามภาพยนต์เรื่อง “The Sixth Sense” ที่ว่า

“I see dead people”

ก็อาจจะเป็นได้นะ


Sunday, August 14, 2011

Singapore...This is my occasion(3)



เดินทะลุ Festive Hotel


ออกจาก Hard Rock Hotel จะมีทางเดินมาที่ Festive Hotel ครับ เป็นอีกโรงแรมใน Resort World แห่งนี้ เราสามารถเดินผ่านเพื่อไปยังจุดอื่นๆได้ ซึ่งจะมีป้ายบอกทาง เช่นไป Casino , ไป Universal Studio เป็นต้น



โรงแรมนี้ เด็กๆน่าจะชอบ เพราะจะตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนต่างๆ ดูมีสีสัน ตรง Lobby เปิดหนังเรื่อง Shrek ด้วย

เดินต่อไปจะเป็นทางเดินที่มีร้านขายของ Brand Name เรียกว่า เงินทองไม่รั่วไหล หลังจากที่เล่น Casinoแล้ว(คาดว่าคงจะไหลหมดตัว 555)



ถึงตรงที่มีรูปปั้นช้างตัวใหญ่ ด้านขวามีทางลงไป Casino ถ้าตรงไปก็จะมีทางเดินไปต่ออีก

ถ่ายรูปตรงนี้ซักแป๊บ มีชาวต่างชาติใจดี ช่วยถ่ายรูปให้ เราก็ถ่ายให้เขาด้วย ก็ต้องตอบแทนน้ำใจ ซึ่งกันและกัน

สรุปลงบันไดเลื่อนตรงนี้ครับ อ่าว จะไป Casino หรืออย่างไร?



The Forum


ลงบันไดเลื่อนมา จะมีลานกว้างๆ มีร้านอาหารเยอะมาก เห็นป้ายติดว่า “The Forum” ครับ เอาเป็นว่า ผมเรียกแบบนี้ก่อนนะ

มองเห็นประตูเข้า Casino ทำเป็นเล่นไป คนเข้าเยอะเหมือนกัน 555



เห็นทางเข้า Festive Grand มี Voyage De La Vie ด้วย(เป็นพวกการแสดงโชว์น่ะครับ) ใครสนใจก็ลองมาดูได้



ไปไหนต่อละทีนี้ ใกล้ๆมีลานจอดรถครับ จะเป็นรถส่วนตัว รถ Taxi หรือ รถ Shuttle Bus ก็อยู่ตรงนี้แหละ เราจะต้องหาทางออก ไปในเมือง เพื่อไปห้าง Vivo City

หลังจากเดินถามพนักงานที่ดูแลตรงจุดนี้ เขามีบริการ Shuttle Bus ฟรีครับ ช่วยยกรถเข็นที่เจ้าหลานทัฬห์นอน ขึ้นรถแล้ว ไปกันดีกว่า



Harbourfront Station


นั่ง Shuttle Bus ข้ามสะพาน ออกจากเกาะ Sentosa ได้ไม่นาน ก็มาลงที่ป้ายรถเมล์ ป้ายหนึ่ง มีคนรอรถเมล์เต็มเลยครับ แต่ละคนดูจะมองเราแปลกๆ คงจะรู้ว่าเราเป็นนักท่องเที่ยว ไม่ใช่คนแถวนี้ละมั้ง

ห้าง Vivo City นอกจากชั้น 3 จะมี Sentosa Express ที่ข้ามไปเกาะ Sentosa ได้ แล้ว ตรงด้านล่างก็จะเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานี Harbourfront



ราจะไปเดินเล่นกันที่ Orchard Road ครับ ก่อนอื่นก็ต้องซื้อบัตร EZ Link ก่อน เป็นบัตรเติมเงิน สำหรับใช้โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังสถานีต่างๆ ใช้ขึ้นรถเมล์ หรือลงเรือ ก็ได้ ค่อนข้างสะดวกและครบวงจรมากๆ

คนต่อคิวซื้อเยอะเหมือนกัน ซื้อมา 5 ใบ ส่วนเจ้าหลานทัฬห์ ไม่เสียเงิน เพราะความสูงไม่ถึง

ก็ใช้บัตรแตะ เหมือนที่บ้านเรา(ของเขาน่ะ สร้างก่อนของเราครับ มีหลายสาย หลายสี)



ที่ Harbourfront Station เป็นสถานีสายสีม่วง เราจะต้องไปเปลี่ยนสถานีที่ Dhoby Ghaut เพื่อเปลี่ยนเป็นสายสีแดง จึงจะไปลงที่สถานี Orchard ได้



ภายในรถก็ค่อนข้างกว้างครับ แต่คนโดยสารเยอะ เราผ่านสถานี Outram Park , สถานี Chinatown , และสถานี Clarke Quay ก่อนจะมาลงที่สถานี Dhoby Ghaut



Dhoby Ghaut Station


จากที่นั่งมาเมื่อซักครู่ ทำให้เห็นว่า ที่สิงคโปร์ ระบบขนส่งมวลชนเขาดีและครอบคลุมทั่วทั้งเมือง คนจึงนิยมโดยสาร MRT ต่อรถเมล์ ต่อเรือ ต่อ Taxi หรือเดิน แทนที่จะซื้อรถยนต์ ตามท้องถนนรถจึงไม่ติด(หากเทียบกับบ้านเรา) แถมเดินเยอะๆก็ได้ออกกำลังกายด้วย

ค่าโดยสาร MRT ก็ไม่แพงนะครับ ถ้าเป็นรถเมล์ก็ยิ่งถูก เรียกว่า เลือกตามความสะดวก แถมรวดเร็วอีกต่างหาก

ที่สถานี Dhoby Ghaut คนเยอะมากกว่าเดิม ต้องรอประมาณขบวนที่สอง ถึงจะเข้าไปในรถไฟฟ้าได้(เดินหาดีๆนะครับ ว่าป้ายไปลงสายสีแดงอยู่ที่ไหน)



ส่วนในตัวรถไฟฟ้า ดูแล้วป้ายที่มีไฟกำกับตามสถานี ก็เหมือนกับรถไฟฟ้าตู้ใหม่ของบ้านเรา ตอนนี้เลย



Orchard Station


ถึงแล้วครับ สถานี Orchard เป็นทางเชื่อมเข้าห้างได้เลย คนลงสถานีนี้ ก็เยอะใช้ได้อยู่



บนเพดานมีปลาว่ายน้ำด้วยครับ น่าจะเกิดจากเครื่องอะไรซักอย่าง ฉายไปด้านบน ทำให้เกิดภาพขึ้นมา สวยดีนะ

ตรงนี้เขียนว่า ION ORCHARD ครับ เราไม่เข้าไป แต่ขึ้นไปด้านบน ออกสู่ด้านนอกเพื่อไป Orchard Road ดีกว่า



Orchard Road


ขึ้นบันไดเลื่อนมาโผล่บริเวณสี่แยก มาถ่ายรูปดีกว่า ตรงทางออกของรถไฟฟ้า และตึกด้านบนนี้ โครงสร้างสวยดี

มีฝรั่งมาหยุดตรงนี้อยู่หลายกลุ่ม คงจะปรึกษากันว่าจะไปไหนต่อดีนะ



เริ่มเห็นร้านขายของ Brand Name ไม่ว่าจะเป็น Chanel , Dior , Louis Vuitton, Prada คงถูกใจสาวๆ รวมทั้งแม่ ถ้าได้เห็น ท่านก็คงจะชอบมาก ตามสไตล์สาวนักช๊อปปิ้ง

สมกับเป็นถนนคนเดิน เพราะมีคนเดินเยอะไปหมด(เอ้า ก็แน่ซิ) ว่าแต่ ทำไม อาหมวยสิงคโปร์ น่ารักจังเลย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า คนนี้ก็น่ารัก คนนั้นก็น่ารัก



ป้ายนี้ เห็นแล้ว สะดุดตา “Singapore Sling” เป็นเครื่องดื่มครับ ทำให้นึกถึงครั้งที่มาช่วยเพื่อนขายที่งานเกษตร แฟร์ สนุกดีเหมือนกันนะ ในตอนนั้น



คนมาต่อคิวเต็มเลย นี่ คือ ไอติม “King ‘ s Ice Cream” เป็นไอติมรถเข็น คล้ายๆ ที่บ้านเรา ลักษณะเป็นขนมปังประกบแล้วมีไอติมอยู่ตรงกลาง หรือบางทีก็ใช้เวเฟอร์ประกบ ราคาแค่ 1 เหรียญเท่านั้น(เสียดายว่าไม่ได้ลองครับ มัวแต่ถ่ายรูปเลยจะเดินตามพ่อกับพี่ๆไม่ทัน เอาไว้คราวหน้าๆ)

แถวนี้ก็มีห้างตลอดเส้นทาง เรามาหยุดที่ห้าง Takashimaya S.C. ในห้างนี้มีร้านหนังสือที่เราคุ้นตากันดี คือ Kinokuniya ด้วย



Takashimaya S.C.


เดินผ่าน Chanel , Louis Vuitton ขึ้นไปที่ชั้น 4 พี่มุกบอกว่า ร้านดังๆ ด้านนอกคนอาจจะเยอะ เลยมากินด้านในดีกว่า แล้วค่อยเดินต่อ



มาที่ร้าน Tonkichi เป็นร้านหมูทอดสไตล์ญี่ปุ่น เห็นว่ามีสาขาที่เมืองไทยด้วย ผมไม่เคยกินหรอกครับ สั่งแล้วไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า พาพ่อไปด้วย



ตามป้าย ห้องน้ำไปทางแผนกกีฬา มีรูป David Villa ด้วย ระหว่างทาง มีร้านอาหารแปลกๆอยู่หลายร้าน หนึ่งในนั้น ชื่อว่า Crystal Jade “ La Mian Xiao Long Bao” เห็นมีคล้ายๆหม้อไฟด้วย แต่จากชื่อ น่าจะเป็นร้านอาหารจีน



กลับมาที่ร้าน Tonkichi ดีกว่า ซ้ายขวา ไม่มีคนไทยเลยครับ ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง “กวน มึน โฮ” ตอนที่พระเอก บอกว่า “ เชื่อดิ ที่นี่ไม่มีใครรู้จักเราหรอก แล้วเรียกลุงมาว่า อาหาร.... มาก แล้วยกนิ้ว ” ไม่แน่นะ อาจมีคนไทยแถวนี้ก็ได้ อย่าลองเลย 555

เจ้าหลานทัฬห์ ร้องไห้ซะแล้ว ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง 555



มีชามเล็กๆและมีงาอยู่ด้านใน เอามาทำอะไรหว่า พี่ณัฐบอกว่า ให้ใช้ไม้ที่วางอยู่ บดงาซะ ทำไปทำมา หอมดีนะ(ดูแล้ว คล้ายๆอาหารนกอยู่เหมือนกัน 555)



เอาน้ำจิ้มใส่เข้าไปในงา มันก็คือ น้ำจิ้มหมูทอดนั่นแหละ แต่อาหารที่มาวางบนโต๊ะของแต่ละคน มันดูคล้ายๆกัน แต่พอลองมาชิม มันต่างกันครับ หมูทอดแต่ละชิ้น ไม่เหมือนกันเลย อร่อยกันคนละแบบ

ไม่ลืมให้แม่ได้ทานด้วย เพราะแม่ คือ คนสำคัญเสมอ



ตะลุย Supermarket ใน Takashimaya S.C.


ออกจากร้าน Tonkichi ใกล้ๆมีร้านอาหารไทยด้วย ชื่อ “Sabai” มองไปในร้าน ชี้ผ่านกระจกเพราะเห็นเรือแบบไทยๆ(คล้ายๆเรือพระที่นั่ง) คนที่มองกลับมาหาและมองไปที่จุดที่ผมชี้ เดาว่าเป็นคนไทยแน่นอนครับ

ปล่อยหลานทัฬห์ เดินบ้าง เดินไม่หยุดเลย ต้องวิ่งไปจับและอุ้มมา ลงลิฟท์ก่อน



มีร้านขนมแปลกๆ ที่มาจากญี่ปุ่นด้วย(จำชื่อร้านไม่ได้ครับ) เดินเข้าไปใน Supermarket มีเครื่องปิ้งไก่ ไฮเทคมาก(น่าจะเป็นไก่สะเต๊ะ)ไม่ต้องใช้มือ ให้เครื่องทำหมดเลย ตั้งแต่ทาน้ำจิ้ม ไปจนถึงปิ้ง



ร้านมีชื่อ ที่เคยได้ยินก่อนมา ต้องนี่เลย “Bee Cheng Hiang” ดูแล้วออกแนวๆ หมูแผ่นบ้านเรา บ้างก็ว่ารสชาดเหมือนกุนเชียงนะ



ไหนมาดูผลไม้บ้าง สตอเบอรี่ลูกใหญ่และสวยดี สัปปะรดก็สวย(4.90 เหรียญ) กล้วยก็สวย ผลไม้คัดมาอย่างดี เหมือนกับตาม Crystal Park น่ะ

ลองศึกษาราคาอาหาร พี่เก่งเรียกให้ผมไปดู ข้าวกล่อง ราคาประมาณ60-70 บาท ถือว่าถูกมากๆ(วันหลังถ้าผมมาเอง คนเดียว อาจจะมาหาของถูกแถวนี้ก็ได้นะ ประหยัดดี ) เราออกไปด้านนอกกันดีกว่า



ตะวันลับขอบฟ้าที่ Orchard Road


แสงสีทองกำลังสวยและค่อยๆมืดลง เป็นสัญญานว่า ราตรีกำลังมาเยือนแล้ว เริ่มมีแสงไฟตามตึกให้เห็นโดยทั่วไป

ผมสังเกตเห็นว่า ไม่ค่อยมีบ้านคนเลย (บ้านเดี่ยวๆ เหมือนที่บ้านเรา) หรือว่าจะไปอยู่ชานเมืองกันหมด พี่เก่งก็บอกว่า “ดูดิ ไม่มีสายไฟฟ้าด้านบนเลย เขาเอาลงใต้ดินหมด” แต่คงต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงครับ ถ้าบ้านเราเอาสายฟ้าลงใต้ดินหมดได้ ก็คงจะดีเหมือนกัน



จะมีปุ่มให้กดสำหรับคนข้ามถนน เกือบทุกแยก ที่ Orchard Road จะมีห้างค่อนข้างหลากหลาย ทั้งหรูหราและธรรมดา จากParagon จนถึงร้านขนาดเล็กอย่าง Seven Eleven ก็มี

คนรอ Taxi เพียบเลยครับ ก็เป็นเวลาเลิกงานด้วยล่ะ



มาแวะที่ห้างๆหนึ่ง เพื่อหาแบตเตอรี่ใส่กล้อง ห้างนี้มี Food Court ด้วย แถมราคาอาหารและรูปร่าง(จากในรูป)ก็ดีมากๆ ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3 เหรียญ – 6 เหรียญ เท่านั้น คนแน่นเกือบทุกโต๊ะ(เจออีกแหล่งล่ะ)



ขากลับคนละเรื่องกับขามาเลยครับ คนน้อยและเรามีที่นั่ง ขึ้นที่สถานี Orchard เพื่อไปเปลี่ยนสายสีม่วงที่ สถานี Dhoby Ghaut และไปลงที่สถานี Harbourfront

ระหว่างทางในสถานี มีนักดนตรีแบบเปิดหมวกด้วย เขาตาบอด มีคำภาษาอังกฤษที่น่าสนใจติดไว้ คือ “I am Human , I do not Object” และมีป้ายว่า อย่าถ่ายรูป คงจะเข้าใจความหมายและความรู้สึกของเขานะครับ



Vivo City


มาถึงที่ Harbourfront เข้ามาที่ห้าง Vivo City มีร้าน National Geographic และร้าน Candy Empire โดยเฉพาะร้านหลัง ก่อนมา เห็นในเว็บ เขาบอกว่า มีจากทั่วโลกเลยครับ จะเอาของหวานจากประเทศไหนล่ะ




มาหาน้ำกินด้านล่าง ให้พ่อนั่งพักไปก่อน มี Food Court ที่ชื่อว่า “Banquet” ลองสำรวจราคาอาหารไม่แพงและดูน่าอร่อยทุกๆอย่าง อยู่ในช่วง 4- 5 เหรียญ เรียกว่า จานเดียวก็อิ่มแล้วละมั้ง ถ้าเป็นแบบในรูปจริงๆนะ

มีร้านก๋วยเตี๋ยว “ Jia Xiang Sarawak Kuching Kolo Mee” ก็น่ากินดี



กินน้ำเก๊กฮวย กับน้ำองุ่นขาว กระป๋องแปลกดี ดับกระหาย



Sentosa Express


ดูตามป้าย ขึ้นมาที่ชั้น 3 ของห้าง ได้เวลาใช้บัตรสีชมพูแล้วครับ เราจะกลับเกาะ Sentosa ด้วย Sentosa Express จะมีทั้งหมด 4 สถานี Sentosa Station @ Vivo City ก็คือ สถานีนี้ ต่อมา ก็ Waterfront Station(resort ต่างๆ) , Imbiah Station(Merlion ตัวใหญ่มาก) และ Beach Station สถานีสุดท้าย

มาแล้วครับ รถสีชมพู ด้านในทาด้วยสีเขียว ดูสะอาดดี เราลงกันที่สถานี Waterfront นะ



ลงบันไดเลื่อนมา พี่มุกแวะเซเว่น ผมเห็นน้ำดื่มหน้าร้าน ราคาถูกจัง 1.90 เหรียญ(ถ้าน้ำแร่ Evian 2.75 เหรียญ)ว่าแต่ไม่กลัวคนขโมยเหรอเนี่ย(อาจเป็นเพราะกฎหมายแรง ผมเดาว่า มีกล้องวงจรปิดด้วยนะ 555)



แสงสี น้ำพุ และลูกโลก Universal Studio!!


เป็นทางผ่านที่จะกลับ Hard Rock Hotel ครับ เรามาตั้งกล้องถ่ายรูปกันที่นี่ มีแสงสี มีน้ำพุ มี Merlion(ที่สิงค์โปร์มีหลายตัวนะ ถ้าตัวจริงๆ ต้องอยู่ริมแม่น้ำ)



หลานทัฬห์ ดูจะมีความสุขมาก เดินไปนู่น มานี่ ต้องคอยดู ไม่ให้ไปกวนคนอื่น อ้าว ไปติดใจกับเจ้าคนใส่ชุดหัวเป็นตัวการ์ตูนซะแล้ว จะว่าไปนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปก็เยอะนะเนี่ย ตอนนี้(ส่วนอาหมวยน่ะเหรอ คนที่ขอให้ผมช่วยถ่ายรูปให้ น่ารักดีๆ)



ในขณะที่คนอื่นๆ ที่พักในเมือง ต้องกลับไป จาก Sentosa ถ้าจะมาเที่ยว Universal Studio พรุ่งนี้ก็ต้องมาใหม่ ทำให้ผมเข้าใจว่า การมาพักที่นี่ก็มีข้อดี เพราะไม่ต้องเดินทางมาก ถ้าคิดจะมาเล่นเครื่องเล่นที่ Universal Studio นะ(เรามีพ่อที่อายุมากแล้ว มีเด็กเล็ก และพี่มุกก็ตั้งครรถ์อยู่ด้วย)

เมื่อยขาใช้ได้ครับ พ่อบอกว่าปวดหลัง เราเดินผ่านมาที่ Galleria Luxury and Fashion และผ่าน Festive Hotel ก่อนจะกลับเข้าโรงแรม



Music at Hard Rock Hotel!!!


กลับถึงห้อง ลองมาเปิดทีวีดูซิ ว่ามีอะไรบ้าง เมื่อเปิดดูจะมีข้อความต้อนรับที่หน้าจอ(จองชื่อใคร จะเป็นคนนั้นครับ) สิ่งที่ผมชอบก็คือ ช่องเพลง เพราะเปิดเพลงสากลเก่าๆแนวเดียวกับที่ชอบฟัง บางเพลงคุ้นๆหู แต่ไม่รู้จักชื่อ มีช่องกีฬา มีช่องเกี่ยวกับเครื่องเล่นใน Universal Studio สำหรับวันพรุ่งนี้ด้วย

นวดหลังให้พ่อ สมัยก่อนคงใช้เท้าเหยียบทั้งตัวได้ แต่สมัยนี้ ตัวโตขึ้นเยอะ ไปทำแบบนั้น พ่อไส้แตกแน่ ต้องใช้มือค่อยๆกดลงไป พี่ณัฐเอารูปมาโหลดลง Ipad ด้วย

ไปลองกดน้ำแข็งที่เครื่องทำน้ำแข็งฟรี ดีกว่า อยู่ไม่ไกลจากห้อง น้ำแข็งสะอาด ใส่น้ำเปล่า เย็นสดชื่นดี

อาบน้ำแบบฝักบัว 90 องศา สบายมาก นั่งจดอะไรอีกนิดหน่อย เอารูปแม่มาวางไว้ที่หัวนอน เอา Jacket ของแม่ขึ้นมาใส่ นอนหลับด้วยความเหนื่อยอ่อน

ยังคิดถึงแม่เสมอนะ