Sunday, February 21, 2010

“มะเร็ง” เพื่อนรัก


“เพื่อน” มีหลายประเภทครับ หลายคนมีเพื่อนมาก หลายคนมีเพื่อนน้อย บางคนมีเพื่อนกิน ที่มักจะมาเฉพาะเวลามีผลประโยชน์ ในขณะที่บางคนมีเพื่อนแท้ ที่จะมาช่วยเหลือ ให้กำลังใจด้วยความจริงใจ ในยามที่ลำบากเสมอๆ


แต่เพื่อนที่ผมจะกล่าวถึงนี้ เกิดขึ้นจากโรคร้ายที่แทบจะทุกครอบครัวต้องมีคนใกล้ชิดเป็น และเจ้าโรคร้ายนี้ ทำให้คุณแม่ได้พบกับเพื่อนแท้ ต่างวัย ที่เข้าอก เข้าใจ กันเป็นอย่างดีๆ


น้าหน่อย อายุห่างจากแม่ 20 กว่าปี แต่ในความต่างนี้ กลับทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เธอจะเป็นมะเร็งรังไข่ ซึ่งเป็นชนิดที่ต่างจากของแม่ แต่ระยะและการเริ่มตรวจพบนั้น ไล่เลี่ยกัน และสิ่งที่เหมือนกันอีก นั่นคือ ไม่สามารถผ่าตัดได้ รักษาได้แต่การให้เคมีบำบัดเท่านั้น


น้าหน่อย มักเดินมาที่บ้าน คุยกับแม่เสมอๆ บ่อยครั้งที่เดินรอบหมู่บ้านด้วยกัน ผมแอบเห็นสายตาของแม่ ที่มักจะสดชื่น เมื่อมีเพื่อนคุยถูกคอมาที่บ้าน


เธอคอยให้กำลังใจแม่ครับ บางครั้งทั้งสองคุยกันว่า ไปให้ยากลับมาเป็นอย่างไรบ้าง แม่บอกว่าค่อนข้างเพลีย น้าหน่อยบอกว่า ไม่ค่อยเท่าไร อาจเป็นเพราะเธอสาวกว่า การฟื้นตัวอาจจะดีกว่าก็เป็นได้


หลายครั้งที่ผมพาแม่ไปทานข้าวที่บ้านของน้าหน่อย หลายครั้งที่แม่ให้ผมเอาของไปฝากน้า และอีกหลายครั้ง ที่เธอฝากของมาให้แม่


สัปดาห์ก่อน ผมพูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย “Whatever will be will be ครับน้า” ก่อนที่วันพฤหัสที่ผ่านมา เธอจะจำผมและใครๆไม่ได้อีก


ก่อนจะหลับโดยสงบเมื่อเช้าที่ผ่านมา


3 ปีผ่านมานี้ ที่ผมดูแลแม่ ผมพบกับเพื่อนที่เกิดจากโรคมะเร็งของแม่ มากมาย หลายคนผมต้องยอมโกหกว่า คนเหล่านั้นสบายดี เพื่อไม่ให้แม่ต้องคิดมาก


สำหรับผมแม้ในอนาคตจะต้องเป็นโรคนี้ แต่คงไม่ขอญาติดีกับมัน แม้ในความเป็นจริง เราจะเป็นของกันและกัน อย่างแยกไม่ออก


และนี่เป็นเรื่องราวของ “มะเร็ง” เพื่อนรัก


เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็อาศัยอยู่ด้วยกัน


เมื่อจากไป ก็จากไปด้วยกัน


หลับให้สบายนะครับ น้าหน่อย ขอไปให้ไปสู่สรวงสรรค์ ไม่ทรมานอีก


ผมฝากความคิดถึง ถึงคุณแม่ด้วยนะครับ
รูปประกอบขอขอบคุณ http://www.aphonda.co.th/

Wednesday, February 17, 2010

คดีแรก… กับการว่าความ


หากไม่นับการเก็บคดีช่วงเดือนพ.ย-ธค 52 ที่ผ่านมาตามศาลต่างๆ ที่ผมตะลอนๆไปทุกวัน วันละ 1 คดี 2 คดี บางทีก็ไม่ได้เลยซักคดี ช่วงนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ผมเจอเพื่อนใหม่ๆ(ส่วนใหญ่เป็นเด็กกว่านะ) ได้มีโอกาสพบกับท่านผู้พิพากษาหลายๆท่าน ซึ่งหลายๆท่านก็ใจดีมาก


การเก็บคดีนี้เพื่อไว้เป็นคุณสมบัติในการสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาหรืออัยการผู้ช่วยในอนาคต หากสอบเนติบัณฑิตตัวสุดท้ายผ่าน


วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีคดีของตัวเอง เป็นคดีที่เริ่มทำตั้งแต่การร่างคำร้อง บัญชีระบุพยาน บัญชีเครือญาติ คำแถลงขอประกาศหนังสือพิมพ์ เป็นต้น(ทำไปถอนหายใจไป ทำไมต้องเป็นคดีนี้ด้วย) เป็นคดีเฉพาะกิจเพราะเกี่ยวข้องกับ “แม่” บุคคลที่ผมรักและเทิดทูนที่สุด


หากจ้างคนอื่นทำ นอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น ก็ดูจะดูถูกความสามารถตัวเองเกินไป และแม่ก็คงอยากให้ผมทำด้วยตัวเองเช่นกัน


ศาลนัดไต่สวนวันนี้ ที่ศาลแพ่ง ผมระบุคุณพ่อเป็นพยานหนึ่งปาก สำคัญที่สุดคือ เอกสารที่ส่งศาลเมื่อวันยื่นคำร้อง วันนี้ต้องเอาตัวจริงมาทั้งหมดครับ เพราะหลักในเรื่อง พยานหลักฐาน “ ศาลจะรับฟังต้นฉบับเอกสารเท่านั้น ไม่รับฟังสำเนา เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้น......”


ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หลังจากเข้าห้องพิจารณา ผมงงครับ เตรียมคำถามมาเต็มที่ ไม่มีอาการประหม่าแต่อย่างใด แต่ทำไมเสร็จเร็วจัง(ศาลท่านดูจากคำร้องที่ผมเขียน และต้นฉบับที่นำมาสืบแล้วก็ถามคุณพ่อครับ ผมช่วยแนะนำคุณพ่อบ้าง แค่นั้นเอง)


แต่งครุยทนายหล่อ อย่างเดียวเลย 555


ก็อยากจะบอกว่า ทุกบ้านจะต้องผ่านคดีนี้ครับ ถ้ามีใครซักคนจากไป หากเราต้องการรักษาสิทธิ ก็ต้องดำเนินกระบวนการทางศาลขอให้ศาลมีคำพิพากษา(แม้จะมีเงินในบัญชีเพียงแค่ 1000 บาท แต่ถ้าไม่มีคำสั่งศาลตั้งผู้จัดการมรดก ก็ไม่สามารถแตะต้องบัญชีนั้นได้เลยครับ)


เสร็จเร็วกว่าที่คาด แม่อาจจะช่วยเหลือผมและครอบครัวเราก็ได้


ขอบคุณครับแม่



รูปภาพ ขอขอบคุณ http://law.tu.ac.th/lct/law/lawgood.htm