Monday, September 06, 2010

หวนคืนความหลัง…อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี







วันอาทิตย์พ่อมีประชุมทั้งวัน ตีสองวันเสาร์ กำลังคิดๆว่าจะไปไหนดีครับ ที่ไปเช้า-เย็นกลับได้ และไม่ต้องใช้รถ


เนื่องจากช่วงนี้เกิดอาการช๊อตอย่างหนัก เพราะจ่ายเงินค่าทริปสิปาดันไปก็เยอะ ต้องประหยัดหน่อย แต่ก็อยากเที่ยว อยากเดินทาง โอกาสดีมากๆ ก็สัปดาห์นี้


คิดแล้ว คิดไม่ตก นอนดีกว่า ยังไงก็คงหาที่ไปแน่ๆ


แต่ที่ไม่ต้องคิดเลย คือ ผมจะพาแม่ของผมไปเที่ยวด้วยกันครับ




5 กันยายน 2553


มีหลายแผนดีนัก(ตั้งนาฬิกาไว้ ตีห้า สี่สิบห้า) เลยตื่นซะ 8 โมง ใส่บาตรและกรวดน้ำให้คุณแม่เรียบร้อย เออ เราจะหาที่ไปได้หรือยัง


อาบน้ำ แต่งตัว เดินออกจากบ้าน ขับรถออกไปตามความรู้สึกนี่แหละ เอารถไปจอดก่อน จุดมุ่งหมายอยู่ที่สถานีรถไฟบางซื่อครับ


แต่ไปถึงก็ได้รับคำตอบว่า “รถลงใต้เที่ยว 9 โมง 20 ออกไปแล้วนะน้อง อีกรอบน่ะบ่ายโมงเลย”
กลับหลังหัน นั่งรถใต้ดิน ต่อรถไฟฟ้าไปอนุสาวรีย์ชัยดีกว่า จำได้ว่ามีแหล่งรถตู้เยอะ ดูซิว่าจะมีไปไหนบ้าง


คิวรถตู้จะอยู่ใกล้ๆโรงหนัง Victory มีหลายที่เชียวครับ ดูเวลาแล้ว ตอนนี้ 11 โมง หัวหินอาจจะไกลไป วันหลังแล้วกัน พระราชวังมฤคทายวันก็อยากไป แต่คงต้องเหมารถหลายต่อ เก็บไว้ก่อน
เพชรบุรี ไปเขาวังดีกว่า ใช้เวลาไม่นาน ซื้อตั๋วโลด


“ไปเขาวังครับ ผมต้องไปลงตรงไหน” ผมถามและจ่ายค่าตั๋ว 120 บาท


“บอกคนขับลงปั้ม ปิยะ...(ตัวหลังลืมครับ) แล้วเดินเลาะไปด้านหลังก็ถึงเขาวังแล้วครับ”


เอาเป็นว่า ผมได้ขึ้นรถตู้ ขาไม่ติดเพราะอยู่แถวหน้า ออกเดินทางโลด บรรยากาศในรถ ดูไม่มีใครจะไปเที่ยวเลยครับ เหมือนกลับบ้านกันน่ะ


ขึ้นทางด่วนด้วย ไปทางพระรามสอง แต่ง่วงครับ ขอหลับก่อน นี่คือข้อดีของการไม่ขับรถ ไม่งั้นคงเลี้ยวพวงมาลัยออกข้างทาง และก็คงได้รับอันตราย อาจถึงชีวิตด้วย


ตื่นมา ประมาณชั่วโมงนิดๆ ถึงสามแยกวังมะนาวแล้ว ตามด้วยเขาย้อย(โอ เร็วมากๆ) ทีหลังไม่ไปแล้วครับ สายใต้ใหม่ ไกลด้วย ถ้ามีรถตู้อนุสาวรีย์ ไปก่อนก็โอเค เพราะคนขึ้นเยอะและออกไว


“ถึงปั้มปิยะ... แล้วครับ” ผมลงไปด้านล่าง


ทราบข้อมูลจากลุงคนขับว่า ถ้าจะไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รถคันนี้จะไปส่งถึงที่หมาย(เพิ่มเงินอีกนิด) แต่ก็ไปหาที่พักเองนะ อืม ไม่เลวครับ น่าสนใจมาก


เอาวันนี้ก่อน แดดร้อนดีทีเดียว ผมเดินเลาะไปตามถนน หาซอยด้านซ้ายมือ เพื่อทะลุไปเขาวัง


“ลุงครับ ซอยไปเขาวัง อยู่ซอยไหนน่ะ” ถามลุงที่เดินผ่านมา


“ซอยด้านหน้าเลยหนุ่ม มาจากไหนน่ะ”


“มาจากกรุงเทพครับ มาเที่ยวน่ะ ขอบคุณลุงมากนะ”


เห็นแล้วครับ เขาวัง เดินข้ามถนนตรงนี้ก็ถึงแล้ว แต่ผมหิวข้าวมากๆ เจอร้านแรก แม่ละเมียด เป็นร้านขายของ แต่มีขายข้าว เอาร้านนี้แหละวะ


“เห็นข้าวแกงแล้ว เอ่อ ขออาหารตามสั่งดีกว่า มีใช่ไหม ขอข้าวหมูทอดไข่เจียวครับ เบสิค ฟู๊ด แบบนี้แหละ อร่อยนักแล”


ไม่ผิดหวัง อร่อยมาก(หรือจะเป็นเพราะผงชูรส) 555 ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมเอา Ocean Pack มาด้วย ใส่ของได้เยอะ กันเหงื่อกันฝนได้ดี คราวหลังใช้ไอ้นี่บ่อยๆดีกว่า


ฟ้าสวยมาก แดดดี ขนาดแค่ทางเข้าที่มีตึกขายของที่ระลึก ยังสวย ข้างในจะสวยแค่ไหนนี่


“พูดถึงเขาวังในความทรงจำของผมนั้น เคยมากับครอบครัว กับพ่อกับแม่และพี่ชายทั้งสอง วันนั้นเราเดินขึ้นบันได พี่ชายถือถุงพลาสติก ภายในมีกล้วยอยู่ ไม่นานนัก กล้วยก็ถูกดึงออกจากถุงจนขาด ลิงครับ ลิงมาขโมยกล้วยไปกิน ภาพนั้นยังติดตาผมอยู่ แม่ผมกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม และผมยังจดจำมันได้ดี”
อืม ดูแล้ว มีนักท่องเที่ยวมาเยอะเหมือนกันครับ มีตั๋วรถรางไฟฟ้าพระนครคีรี สนนราคา 40 บาท(รวมไป-กลับ แล้ว) ลองดูหน่อยก็ไม่เลวครับ คราวก่อนเมื่อนานมาแล้ว สมัยยังไม่มีตรงนี้ เราเดินขึ้นกัน ขอลองของใหม่หน่อย

ขึ้นรถรางไฟฟ้าพระนครคีรี


ออกตามเวลาครับ แต่พอรถค่อยๆเคลื่อน บอกตามตรงว่าเสียวมาก เพราะยิ่งสูง มองลงไปด้านล่าง ก็ยิ่งหนาว


อ้าว ถึงแล้วเหรอ แป๊บเดียวเอง เวรกรรม 555


แต่ช่วยได้เยอะครับ ใครพาผู้สูงอายุมา ถ้าเดินขึ้นอาจหอบได้ ใช้ไอ้นี่ ทุ่นแรงกว่า เพราะด้านบนยังมีอะไรที่ต้องใช้แรงอีกครับ



ด้านบน เขาวัง ถึงแล้ว!!


ลิงครับ ขอถ่ายลิงก่อน แต่พอผมยกกล้องขึ้นมาถ่าย ลิงทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าใส่และขู่ เออ น่ากลัวนะเนี่ย นึกถึงภาพยนตร์ เรื่อง ชักม่า ที่ลิงเป็นตัวร้าย ฆ่าแทบทุกคน พอก่อนดีกว่า กลัวลิงกัด
เสียค่าเข้าด้านบนนี้ครับ 20 บาท เจ้าหน้าที่ทำสัญลักษณ์ที่บัตรแล้วไปต่อได้


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี


บอกตามตรงว่า ก่อนที่ผมจะมา ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่เปลี่ยนบรรยากาศ อยากเดินทาง แต่เขาวังในวันนี้ ฟ้าสด ใส เหมาะสำหรับมาถ่ายรูปเช่นกัน มือสมัครเล่นอย่างผมก็ขอลองบ้าง แม้จะยังไม่ใช่ DSLR ก็ตาม


ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ซึ่งตรงนี้เป็นเขตพระราชวัง ให้หยิบรองเท้าเข้าไปได้นะครับเพราะต้องไปออกอีกฝั่ง ส่วนสุภาพสตรีถ้าใส่ขาสั้นไป จะมีผ้าให้ปิดไว้ แต่อากาศร้อนแบบนี้ เป็นผมก็ไม่อยากใส่ขาสั้นมาครับ ร้อนจริงๆ


ตรงนี้มีเจ้าสุนัขมาเฝ้ายามด้วย คงของเจ้าหน้าที่นั่นแหละ น่ารักดี


ด้านใน มีข้าวของเครื่องใช้และห้องของพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 4 ของเรา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในนี้ห้ามถ่ายรูปด้วยครับ


แต่สิ่งที่ผมตกใจ!!!! คือ .........


เจ้าหน้าที่ที่นั่งเก้าอี้อยู่ตามมุมห้องครับ สวมชุดไทยสมัยโบราณ นึกว่า....ซะอีก มาเจอแบบนี้ตอนกลางคืน ขนหัวลุกแน่ๆ


ออกมาด้านนอกเดินต่อครับ สถาปัตยกรรมบนนี้ สวยมากๆ เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนิโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน เมื่อตัดกับท้องฟ้าที่เป็นใจ ผมถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน และลืมความร้อนของแดดไปเลย กระเป๋าตังค์เริ่มแฉะครับ แม่ให้มาด้วย เอามาใส่ใน Ocean Pack ดีกว่า


กลิ่นแปลกๆ บนนี้ ไม่ต้องสงสัย คือ วัตถุสีดำตรงนี้แน่ๆ มูลของลิงหรือขี้ลิงนั่นเอง จะเป็นของหมาก็ไม่น่าจะใช่ เพราะขี้ตามขอบตึกและแคบมากๆ ที่ยืนจะไม่มีอยู่แล้ว


มีนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะมาเป็นกลุ่มครับ กลุ่มคนไทยจะเยอะ แบบเด็กๆสาวๆ และมีตากล้องทั้ง DSLR และ Compact มีคนต่างชาติมาด้วยเหมือนกัน


ตรงไหนมีทางขึ้น ผมขึ้นหมดครับ อยากลองดู หาที่ถ่ายรูปสวยๆ เพราะมุมถ่ายรูปมันมีเยอะจริงๆนะ
ร้อนครับ ขอนั่งพักหน่อย ดื่มน้ำด้วย ให้แม่ได้พักบ้าง


พึ่งมาเห็นป้ายคำเตือนครับ เลยทราบว่า อย่าไปเข้าใกล้มากนัก คงมีคนเคยโดนกัดนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่เตือนกัน


ด้านบนนี้ กว้างกว่าที่คิดครับ มีจุดหลักๆ ยอดเขาใหญ่ๆ 3 ยอดดังนี้


“ยอดเขาด้านทิศตะวันออก บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือขรัวอินโข่งบนผนังทั้งสี่ด้าน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ภายในวัดพระแก้วประกอบด้วยพระอุโบสถขนาดเล็ก ประดับด้วยหินอ่อน ด้านหลังเป็นพระพุทธเสลเจดีย์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นหอระฆังรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดเล็ก


เขายอดกลาง เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุจอมเพชร มีความสูง 40 เมตร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน จากจุดนี้สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่าง ๆ บนยอดเขาอีก 2 ยอด รวมทั้งทิวทัศน์ของตัวเมืองเพชรบุรีได้อีกด้วย


ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ประทับอันได้แก่ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท พระที่นั่งราชธรรมสภา หอชัชวาลเวียงชัย หอพิมานเพชรมเหศวร์ พระที่นั่งสันถาคารสถาน หอจตุเวทปริตพัจน์ ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์


นอกจากนี้แล้วยังมีโรงรถ โรงม้า ศาลามหาดเล็ก ศาลาลูกขุน ศาลาด่าน ศาลาเย็นใจ ทิมดาบองครักษ์ โรงครัว ตามแบบพระราชวังทั่วไป รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ คือ ป้อมธตรฐป้องปกทางทิศตะวันออก ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ทางทิศใต้ ป้อมวิรูปักษ์ป้องกันทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษาทางทิศเหนือ(ข้อมูล ขอขอบคุณhttp://www.teawmuangthai.com/phetchaburi/019/)”


สูงกว่าระดับน้ำทะเล 95 เมตร แน่ะ เวลามีอะไรแบบในหนัง หนีมาบนนี้ก็คงปลอดภัยบ้างล่ะ


ดอกไม้ประจำของที่นี่ ที่เห็นบ่อย คือดอกลั่นทมครับ แต่เขาเปลี่ยนชื่อแล้วนี่ เรียกว่า ดอกลีลาวดี ครับ


ก่อนกลับ มาถ่ายรูปลิงหน่อย ตัวเล็กตัวใหญ่ พักผ่อน ทำกิจกรรม น่ารักดี(ไม่เข็ดนะ) ตรงนี้มันไม่ขู่ครับ ผมรู้ว่า ลิงมันมีระยะปลอดภัย เหมือนสัตว์ทั่วไป ถ้าไม่ใกล้มาก มันก็ไม่หนี


เหงื่อออก อย่างเหม็นเลย ตอนนี้ ได้เวลากลับแล้ว กลับกรุงเทพไปจะได้ทันกินข้าวเย็นกับพ่อด้วย


ขากลับก็รถรางครับ มีแค่สามคนเอง เขาก็ออกเพราะออกตามเวลา ก็ประหยัดเวลาไปได้


ก่อนกลับขอไอศกรีมแก้ร้อนซักนิด ไว้พบกันใหม่


วันหยุดครั้งหน้า หากยังหาสถานที่ไปไม่ได้


เขาวังหรืออุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี


อาจเป็นคำตอบสุดท้ายของท่านก็ได้นะครับ






Phop Payapvipapong

5 Sep 2010

21.58 pm




การเดินทาง


-มีรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยครับ มีเกือบทุกชั่วโมง ค่ารถ 120 บาท ไปกลับก็ 240 บาท แต่ขากลับมากรุงเทพ รถรอบสุดท้าย 6 โมงเย็นนะ


-ค่าขึ้นรถรางไฟฟ้า 40 บาท ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท


-เตรียมหมวกหรือร่มหรือทากันแดดให้ดีครับ ระวังเป็นลมกัน เพราะแดดแรง


- ช่างกล้อง นางแบบ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง รีเฟคแมนอย่างผม คงตกงานแน่ครับ พี่หมู พี่โก้ พี่เอ (ทริปเขางูน่ะพี่ จัดอีกเถอะขอร้อง 555)