Thursday, December 17, 2009

งานแสดงพลุ เมืองทองธานี 13 ธันวาคม 2552


ตอนแรกว่าจะไม่ไปครับ ไปๆมา ไปก็ได้ อยากเห็นบรรยากาศจริงๆ และไม่ลืมที่จะเอากล้องไปถ่ายด้วย


ขาไปโชคดีมาก เพราะโดนตำรวจเรียก ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ก็ยอมรับว่าผิดแหละครับ


พอเลี้ยวขวาเข้าแจ้งวัฒนะ รถติดมาก ผมเข้าข้างทางทันที และหาที่จอดรถ โบกมอเตอร์ไซด์รับจ้างในทันที


และเป็นการตัดสินใจที่ถูกครับ เพราะรถติดมาก ขยับได้ช้า ขับมาก็คงอีกนานกว่าจะถึง


พี่มอเตอร์ไซด์ซิกแซกจนผมกลัวว่าเข่าจะไปโดนรถคันข้างๆ แต่ถือว่าทำเวลาได้ดีมาก


กว่าจะเจอพี่หมอหมู(คนนี้ก็ถ่ายรูปสวยมากๆ) พี่ต่อ พี่เอ พี่โหน่ง เจี๊ยบ ก็พอสมควรครับ เพราะหาซอย c 12 ไม่เจอ ไม่ใช่คนแถวนี้ซะด้วย คนก็เยอะมาก


ได้ที่ริมน้ำครับ เป็นกอหญ้าค่อนข้างรก มีแต่กล้อง DSLR ทั้งนั้น พร้อมขาตั้ง แม้ผมจะเป็นแค่คอมแพค แต่ไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว ขาตั้งไม่มี ก็ใช้เข่าตัวเองนี่แหละ ทำให้นิ่งๆไว้ อาจจะถ่ายได้


สวยมากครับ พลุ ค่อยๆมาทีละชุด เรียกว่า วินาทีที่มา ให้ความรู้สึกที่กว้างใหญ่มาก มีทั้งดอกไม้ หัวใจ แมลง เป็นต้น แต่ละคนมีสมาธิ เพื่อที่จะทำให้ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด


แม้จะไม่มีเสียงพากย์แบบในทีวี ไม่รู้ว่าชุดไหนจากประเทศไหน(บางชุดก็พอเดาได้) แต่การได้เห็นพลุแบบใกล้ๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก


แม้ขากลับจะลำบาก บางคนได้กลับบ้านตีสอง ตีสาม แต่เชื่อเถอะครับ ว่า ทุกคนรับได้ กับเวลาที่เสียไป แม่ก็คงได้เห็นว่าพลุนั้นงามแค่ไหน


ท้ายสุด ก็ขอให้พ่อหลวงของเรา ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนานครับ

Wednesday, December 16, 2009

ถนนราชดำเนิน 12 ธันวาคม 2552


“ภพ ไปถ่ายรูปถนนราชดำเนินกันไหม” เสียงพี่เอ หนึ่งในตากล้องที่ถ่ายรูปได้สวยมาก ในความคิดของผม


“ก็ว่างๆนะครับ ตอนเย็นไม่ไปไหน” ไปครับพี่


ช่วงนี้ตั้งแต่ท้องสนามหลวงจนถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม มีงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่สำหรับพ่อหลวงของเรา จริงๆงานหมดไปแล้วครับ แต่นี่ขยายมาถึงวันที่ 13 ธันวาคม 2552 ผมเลยมีโอกาส


ตอนแรกชวนพ่อมาด้วยครับ เห็นว่าพ่ออยากดู แต่พ่อเปลี่ยนใจว่าดูทีวีดีกว่า


พอมาถึง ผมว่าพ่อไม่มาน่ะดีแล้วครับ เพราะต้องเดินเยอะพอสมควร ช่วงนี้ พ่อเข่าเสื่อมอยู่ด้วย ดูที่บ้านก็น่าจะเห็นชัดและดีสำหรับพ่อ


ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ได้พาแม่ไปด้วย


เดินทางมากับพี่โหน่ง ทะลุมาที่ถนนดินสอ เห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตรงนี้คนเยอะเชียว ปิดถนนด้วยครับตรงนี้


ซักพักเจอพี่เอ และได้รู้จักเพื่อนใหม่อย่างฝ้ายและน้องหญิง เราค่อยๆเดินเข้าไปในงานครับ


คนเยอะมาก มองไกลๆยังไม่เห็นพระที่นั่งอนันตสมาคมเลย พี่เอกับพี่โหน่งอยู่ตรงนี้ ผม ฝ้าย น้องหญิง เดินตรงเข้าไป เหมือนจะเดินยาก ถ้าเดินข้างๆ ติดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็เดินได้ตลอดนะ


เหลือเชื่อว่าด้านหน้ามีที่นั่งครับ เยอะด้วย หลายคนอาจไม่รู้ จะรอช้าอยู่ใย


ได้ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และมีการแสดงแสงสี ฉายไปที่พระที่นั่งอนันตสมาคม สวยงามและประทับใจมาก


ไม่แปลกใจที่ได้ยินเสียงสูดหายใจเข้าแบบมีน้ำมูก มีการปาดน้ำตา คงไม่ต้องบรรยายว่า พวกเขาและพวกเธอเหล่านั้นมีความรู้สึกตื้นตันใจมากน้อยแค่ไหน


ปิดท้ายด้วยการแสดงพลุครับ สวยงามมาก แต่ชุดใหญ่กว่านี้จัดที่เมืองทองธานี ซึ่งจะมีในวันรุ่งขึ้นครับ

Tuesday, December 08, 2009

Safari world








หลายๆท่านคงรู้จักครับ กับสถานที่แห่งนี้ ผมจำได้ว่าเคยไปกับครอบครัวตั้งแต่เด็กๆ

วันนั้นพ่อกับแม่พาลูกชายทั้งสามคนไปเที่ยว แม้จะล่วงเลยมาหลายปีแล้ว แต่ความทรงจำดีๆ ไม่เคยจางหายไปครับ

พี่ชายคนกลางกับพี่สะใภ้จะไปที่นี่ เลยชวนผม ซึ่งก็ใช้เวลาคิดไม่นานนัก หยุดเก็บคดีซักหนึ่งวันคงจะไม่เป็นไร

อีกอย่างโอกาสแบบนี้หาไม่ค่อยได้ครับ มีรถมารับถึงที่ ถ้าให้ตั้งใจไปที่นี่ คงจะไม่ได้ไปอยู่แล้ว(ก็คงเลือกไปที่อื่นก่อนมั้ง) แถมมีคนออกค่าเข้าให้ด้วย ไปผ่อนคลายซะหน่อยก็ดี ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้วนี่นา

ได้ไปถ่ายรูปสัตว์ อาจจะเป็นสัตว์บกหรือสัตว์ทะเล ก็น่าจะทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น

ที่สำคัญ หากดวงตาผมได้เห็นสิ่งต่างๆ ฉันใด

แม่ผมก็จะเห็นสิ่งนั้นด้วย ฉันนั้น





4 ธันวาคม 2552

พี่ณัฐมารับที่บ้านครับ จากนั้นกลับไปรับพี่มุกที่ซอยนวลจันทร์ 32 พยายามจำเส้นทางไว้ เพราะเผื่อบางทีจะต้องมาช่วยเปิดกุญแจบ้านให้คนมาฉีดปลวก




ล่าสุดที่มาที่นี่ มากับแม่ครับ แม่เดินขึ้นไปถึงชั้นบนเลยนะเพราะแม่อยากดูว่าพี่ณัฐกับพี่มุกอยู่กันยังไง แต่แม่ก็บ่นว่าเหนื่อยครับ แต่ก็ยังมีแรง แม้ผมพยายามเตือนแล้วก็เถอะ

มีสระว่ายน้ำด้วยครับ ตอนเช้าๆแสงค่อนข้างสวย เลยลองถ่ายรูปดู คราวหน้าตอนมาเปิดกุญแจฉีดปลวก มาทำเนียนว่ายน้ำจะมีใครว่าไหมเนี่ย อย่าเลยครับ ผมหน้าบางน่ะ งั้นก็อดไป

แวะกินข้าวมันไก่ จำชื่อร้านไม่ได้ แต่อร่อยดีครับ เช้าๆแบบนี้ไม่ได้กินข้าวก็ตาลายแน่ๆ

มุ่งหน้าตรงไป Safari World กันเลย





เข้าสู่ Safari World

มาถึงแล้ว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เราไปส่วนแรกเลยดีกว่า หลังจากจ่ายค่าเข้าแล้ว ก็เป็นส่วนของสวนสัตว์เปิด ค่อยๆขับรถเข้าไป ชมชีวิตสัตว์กัน

ต้องขออภัย สัตว์บกผมไม่ค่อยถนัดนัก เอาที่จำได้แล้วกัน เจอม้าลายกำลังกินหญ้าก่อนเลยครับ ลายมันสวยดี จากนั้นเป็นอูฐ และกวางหลายชนิด และนกที่รูปร่างคล้ายนกกระเรียน

เนื่องจากพี่มุกเป็นคนดูทาง ดูแผนที่ พี่ณัฐขับรถก็ถ่ายรูปบ้าง กล้อง Nikon D80 พร้อมเลนส์ซูม(ซูมเท่าไรก็ไม่ทราบ) จึงเป็นหน้าที่ของผม ที่จะถ่าย พยายามปรับโฟกัสไปเรื่อยๆครับ ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ตอนนี้เองทำให้ผมเลิกใช้กล้องคอมแพคคู่ใจ ชั่วคราว(มีแค่สองมือครับ มือนึงกด มือนึงหมุนเลนส์ก็หมดมือแล้ว)

คำตอบง่ายๆ ว่า ถ่ายไม่ถึงครับ สัตว์บางตัวค่อนข้างอยู่ไกล เช่น แรด ยีราฟ ถ้าไม่มีเลนส์ซูม การถ่ายภาพก็จะซูมไม่ถึง แน่นอนว่าความชัด การเน้นรายละเอียดของภาพ ความสวยงามก็แตกต่างกัน

ตอนนี้ สนุกกับการถ่าย DSLR ชั่วคราวก่อนล่ะ





เขตสัตว์อันตราย

เหมือนดูหนังเรื่อง จูราคสิค ปาร์ค เลยครับ มีคำเตือนว่าห้ามเปิดกระจก มีรั้วสูงใหญ่ ห้ามลงจากรถโดยเด็ดขาด ไม่นานนักเราก็เจอเจ้าป่า คือ สิงโต

จากนั้นเป็นเสือลายพาดกลอน ดูดุดันไม่แพ้กัน ถัดไปก็เป็นหมี ได้เห็นภาพหมีสามตัวกำลังกัดกัน ดูดุกว่าหมาเยอะเลยครับ เพราะใช้เล็บตะปบ โหดดีแท้

ออกมาดูกวางกันต่อ จำได้ว่ามีออริค ด้วย เขาสวยดี ดูแล้วแม้จะอยู่ในกรอบแต่สัตว์ที่นี่ก็ค่อนข้างอิสระพอสมควร





Marine Park

ส่วนนี้จะต้องเดินลงจากรถแล้ว แนะนำว่า มาทั้งที ควรจะมาทั้งสองส่วนครับ คุ้มกว่ากันเยอะ

จะมีตารางแสดงโชว์ครับ มีเวลาบอกไว้ อยากดูตรงไหนก็ไปตรงนั้น บริหารเวลากันดีๆ

มีนกแก้วมาคอร์ มีหลากสี สวยดี เดินตรงเข้าไปเจอหมีขาว ดูมันจะร้อนมาก สำหรับอากาศเมืองไทย

ดูโชว์แรกก่อนเลยครับ สิงโตทะเล





โชว์สิงโตทะเล

แม้ไม่ใช่วันหยุด แต่คนเยอะครับ กวาดสายตามอง แป๊บเดียวเต็ม

สัตว์ค่อนข้างจะแสนรู้ จะปรบมือ หมุนห่วง เลี้ยงร่ม เลี้ยงลูกบอล กระโดดลอดห่วง ผายปอด กระโดดตีระฆัง ทำได้หมด แน่นอนว่า ถ้าทำสิ่งไหนก็จะได้รับปลาเป็นรางวัลแน่นอน

ออกมาด้านนอก มาดูสมเสร็จครับ ใกล้ๆมีลูกมันด้วย ดูสวยกว่าตัวแม่เยอะ บางตัวนอนแบบว่า ชาตินี้ไม่ต้องรับภาระอะไรอีกแล้ว

เดินข้ามสะพานที่มีหงส์(น่าจะใช่นะ) มีทั้งสีดำและสีขาว ต่อไปนี้ คือ ไฮไลท์ที่ทุกคนต้องชอบ นอกจากการแสดงโชว์





สนุกกับนกแก้วซันคอนนัวร์

มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกาใต้ครับ ดูแล้วคล้ายนกเลิฟ เบิร์ด สีสวยไม่แพ้กัน
นกที่นี่เชื่องมาก ทุกคนสามารถให้อาหารได้ใกล้ๆ แค่เทที่มือ มันก็จะมากินจากมือ เทที่ไหล่มันจะมาเกาะที่ไหล่ หมวกผมพังเพราะว่าเจ้าซันคอนนัวร์ คิดว่าเป็นอาหารนก กัดซะกระจุยเลย

ใครอยากถ่ายรูปแบบใกล้ชิด ไม่น่าจะมีปัญหา แถมเยอะซะด้วย





บ่อปลาคลาฟ

ตอนแรกนึกว่าไม่มีอะไรครับ ไม่เห็นปลาซักตัว ที่ไหนได้ เยอะมากๆ เอาไปขายก็คงได้หลายตังค์เลยล่ะ


คุณปู่วอลรัส

ก่อนหน้านี้ผ่านบ่อไอ้เข้และปลาช่อนอเมซอน ความแสนรู้ของปู่วอลรัสไม่แพ้สิงโตทะเลครับ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่มีโครงการแสดงโชว์ แต่จากการยกมือไหว้ การเข้ามากินอาหาร เสียงร้อง เสียงหายใจ อาจทำให้คุณหลงรักตัววอลรัสได้ไม่ยาก และที่สำคัญไม่ต้องไปดูไกลครับ





Egg World

ศูนย์รวมของไข่ครับ ที่นี่เพาะไข่เองด้วย เราจะได้เห็นนกจากตัวเล็ก โตขึ้นมาเป็นตัวใหญ่ ตามพัฒนาการจริงๆ นับว่าทำดีครับ





โชว์โลมา

ความแสนรู้ไม่แพ้สิงโตทะเลครับ แต่ผมให้คะแนนสิงโตทะเลนำนิดๆ โดยรวมนับว่ายอดเยี่ยม

ความทรงจำลางๆของผม จำได้ว่า เข้าไปดูโชว์ชุด สงครามจารกรรม เสียดายว่าวันนี้เวลาหมดแล้ว ต้องมีธุระไปต่อ

หากวันหยุดยาว ไม่ทราบว่าจะไปไหนดี ลองมา Safari world ซิครับ ผมว่าตากล้องทั้งหลาย มีอะไรๆให้ถ่ายเยอะเลยล่ะ เด็กๆก็คงชอบแน่ๆ

สำหรับผม ผมได้พาแม่มาเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง ฟื้นความทรงจำดีๆ และผมจะเก็บรักษามันไว้อย่างแน่นอนครับ











Phop Payapvipapong

8 Dec 2009

8.39 pm

ทำบุญแม่ครบ 50 วัน


พึ่งเสร็จจากการทำบุญแม่ครบ 50 วัน ครับ เผลอแป๊บเดียวก็เกือบจะสองเดือนแล้ว


เรานิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป และนำอัฐิของแม่ไปที่วัด เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากวันนี้แล้ว ในทุกๆวัน ก่อนไปเก็บคดีที่ศาล ผมจะทำบุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แม่ทุกวัน


หากไม่ติดธุระไปต่างจังหวัด ทุกๆเช้า ผมจะทำเช่นนี้เสมอและตั้งใจว่าจะทำตลอดไปครับ


ไม่ว่าผลบุญนี้จะถึงแม่หรือไม่ แม่จะได้รับหรือเปล่า แต่ในทางด้านจิตใจ ผมสบายใจ ที่ผมได้ทำดีกับเธอเสมอๆ ถึงแม้ในวันนี้เธอจะจากไปในสถานที่ที่ไกลแสนไกลก็ตาม


กลับมาที่งาน เป็นช่วงวันหยุดยาวครับ แม้เพื่อนๆแม่ ผู้ใหญ่ที่แม่รักและเคารพจะมาไม่ได้ แต่ก็ได้ทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ด้วย บางคนมีงานหล่อพระพอดี ก็ไม่ลืมที่จะอุทิศผลบุญตรงนี้ไปให้แม่ ก็ขอขอบคุณด้วยนะครับ


ส่วนซ่าน ระดู ไข่นุ้ย ชูฮวยและไอ้ดุ่ย อีแอก เพื่อนขอบใจมาอีกทีแล้วกัน


ถึงตอนนี้ แม่ก็ยังไม่มาหาอีกเลย เคยฝันแต่เป็นเรื่องราวสมัยเด็ก ไม่ได้ฝันว่าเธอมาหา บางคนก็ว่า ที่ไม่มาน่ะดีแล้ว แสดงว่าท่านไม่มีห่วงอะไรอีก หรือผมอาจไม่มี six sense ก็ได้ หรืออาจนั่งสมาธิไม่เป็น(สองอันหลังนี่คิดเอง)


แต่หากถามประสบการณ์ของพ่อแม่เพื่อน ที่ต่างก็เสียด้วยมะเร็ง ได้รับคำตอบ เช่น


Boss บอกว่า “กูฝันถึงแม่นะ หลายที ใจเย็นๆกระสาบ ยังมีเวลา”


ระดู บอกว่า “กูฝันถึงพ่อเจ็ดสิบกว่าทีว่ะ เวลาคิดถึงจะไม่ฝันนะ ถ้าไม่คิดน่ะจะฝัน”


เด่าเด๊า บอกว่า “กูฝันถึงพ่อบ่อยเหมือนกัน คืนนี้มึงลองกลับหมอนแล้วนอนดูดิ อาจได้ผล”


อ้อม บอกว่า “ไม่ก็ลองกลับเสื้อนอน จริงๆนะเว้ย”


ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมยังมีความหวังครับ ความหวังที่จะได้ติดต่อ ได้พูดคุยกับแม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะต้องรอคอยยาวนานซักแค่ไหน อาจจะทั้งชีวิตของผม


หากวันนั้นมาถึง


คงจะเป็นวันที่ล้ำค่า มีคุณค่าทางจิตใจ เหนือสิ่งอื่นใด