Monday, September 05, 2005

คําสั่งสอนของหลวงเพื่อน


วันนี้ ผมได้มีโอกาสได้พบกับหลวงเพื่อนทองไหลอีกครั้งหนึ่ง หลังจากทราบว่า หลวงเพื่อน ได้ขึ้นมางานญาปนกิจของอากง

ล่าสุดบรรยากาศในรถ ตอนไปส่งหลวงเพื่อนที่ดอนเมือง ยังจัาได้ว่า หลวงเพื่อนยังคุยกับโยมพ่อ โยมแม่เลยว่า “เจอกันปีหน้านะครับ” ทําให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ช่างนานเสียจริงๆ แต่เอาเถอะ นี่เป็นสิ่งที่เป็นปกติของหลวงเพื่อนอยู่แล้ว

ที่งานสวด ณ วัดจักรวรรดิ ตกแต่งแบบจีนๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะได้มางานสวดที่เป็นของคนจีนโดยแท้

หลวงเพื่อนทองไหล สีหน้ายังยิ้มแย้มเช่นเดิมโดยนั่งอยู่กับพระอาจารย์ ที่เป็นชาวต่างชาติ ภายหลังหลวงเพื่อนเล่าให้ฟังว่า พระอาจารย์คนนี้ มีดีกรีเป็นถึง ดร จากเยอรมันเชียวล่ะ และอยู่ในผ้าเหลืองนี้มานานแล้วด้วย(ท่าน พูดไทยชัดมาก)

หลวงเพื่อนพูดถึงคอมพิวเตอร์ปัจจัยข้อที่ 5 ของมนุษย์ โดนเตือนผมว่า อย่าติดมันมาก เพราะการเสียเวลานานๆอยู่หน้าคอม คงเป็นเรื่องไม่ดีนัก เอาเวลาไปออกกําลังกายจะดีกว่า(คราวก่อน หลวงเพื่อนได้สั่งสอนกระท่อกในเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือด้วย ในคราวนี้ก็ยังพูดถึงกระท่อกในเรื่องคอมพิวเตอร์อีก ผมออกความเห็นว่า การอยู่เมืองนอกหากไม่มีคอมพิวเตอร์คงลําบากมากทีเดียว ไหนจะการทำงานที่จะต้องต่อคิวในการใช้คอมในมหาลัย ไหนจะเป็นเทคโนโลยีที่ไฮเทค อย่างโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น ที่เพียงต่ออินเตอร์เน็ท ก็สามารถคุยกับคนมากมาย ได้ทั่วโลก จึงเป็นเรื่องที่พูดยากอยู่เหมือนกัน สําหรับชีวิตปัจจุบัน หากขาดเทคโนโลยีเหล่านี้ไป)

หลวงเพื่อนได้สั่งสอนน้องชายไม่แท้ ที่สนิทสนมอีกคน ให้เปลี่ยนแปลงชีวิตซะใหม่ เพราะเจ้านี้เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน(ที่เหลือผู้หญิง 3 คน) แต่เที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่นบ่อยๆ จนทัาให้การเรียนไม่สู้จะดีนัก ที่สัาคัญที่บ้านก็เริ่มที่จะผิดหวัง คนจีน ยิ่งมีลูกชายคนเดียวก็อยากให้ลูกได้ดี

หลวงเพื่อนพูดอีกว่า “ดูซิ อากงตายเพราะกินเหล้าจนกระเพาะทะลุ(กิน เอ็กซ์ โอ ด้วย) อาม่าห้ามก็ไม่ฟัง” เจ้าน้องชายก็ได้รับฟังแต่โดยดี (วันนี้โดนมาเยอะ)

ไม่มีคําว่าสาย หากจะกลับตัว หลวงเพื่อนได้สั่งสอนน้องอีกว่า จะนอนดึกกี่โมงก็ได้ แต่ขอให้ตื่นไปเรียนให้ทัน ที่สําคัญห้ามนอนกลางวันด้วย (ผมแทรกถามหลวงเพื่อนเล็กน้อย ว่า สัปหงกล่ะได้ไหม ? หลวงเพื่อนยิ้มๆ ทํานองว่าได้ซิ)

นอกจากการสวดตามปกติ ผมยังได้เห็นการประกาศให้แขกผู้มีเกียรติมาร่วมกันยืนเคารพหน้าศพ มีการคำนับด้วย และยังมีการพูดภาษาจีนออกไมค์(แน่อนว่า ผมไม่รู้เรื่อง) แต่เดาและจับใจความได้ว่า คนที่ยืนอยู่หน้าสุดเป็นคนในครอบครัว การที่เดินออกไปทีละคน คงเป็นการเรียกชื่อของคนๆนั้น ในภาษาจีนด้วย

หลวงเพื่อนได้คุยกับอาม่า อย่างเป็นห่วงเป็นใย พยายามให้อาม่าอย่านอนตื่นสาย และพยายามออกกําลังกายบ้าง

ผมมองหลวงเพื่อนและ น้องชายอีก 2 คน กับการมองโลกในแง่ดีและ ความรับผิดชอบ สิ่งนี้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลครับ มาจากพ่อแม่ที่คอยพร่ำสอนอยู่ตลอดนั่นเอง(ก่อนกลับผมได้รับซีดีและหนังสือธรรมมะจากหลวงเพื่อนด้วย)

4 Comments:

At 2:27 AM, September 05, 2005, Anonymous Anonymous said...

This comment has been removed by a blog administrator.

 
At 1:32 PM, September 05, 2005, Anonymous Anonymous said...

คบบัณฑิต...บัณฑิตพาไปหาผลเนอะ
...............................
ย่อหน้าสุดท้าย...จริงที่สุดจ้ะ

 
At 1:46 AM, September 06, 2005, Blogger อัศว์ณุต แสงทองดี said...

ขออนุโมทนาสาธุด้วยกับหลวงพี่ทองไหล
ซึ่งไม่ได้พบเจอกันซะนาน

บุรุษในผ้าเหลืองอีก องค์หนึ่ง ที่ผมยังให้ความศรัทธา
ในตัวแทนของพระพุทธองค์

 
At 2:37 AM, September 06, 2005, Blogger kasab71 said...

ครับ การคบคนนั้น มีส่วนเปลี่ยนแปลงตัวเราได้เหมือนกัน

ถ้าพรุ่งนี้ ไปหาหลวงพี่อีก จะบอกให้นะเที่ยง

 

Post a Comment

<< Home